ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Two moons the first บัลลังก์รัก บัลลังก์เลือด [Fic EXO]

    ลำดับตอนที่ #11 : ตอนที่ ๙ (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 5 พ.ย. 55




    ตอนที่๙
     

    “เราต้องหาคนช่วย” เสียงหวานเอ่ยขึ้นทั้งๆที่ใบหน้านั่นยังคงแสดงสีหน้าเคร่งเครียด “ลำพังแค่เราสามคน ตายเปล่าแน่ๆ”
     

    “ใช่ พี่ลู่ฮานไม่ใช่แค่ฉลาด แต่มีเค้ากำลังคนด้วย ต่อให้เราวางแผนดีแค่ไหน ก็จำเป็นต้องมีกองทัพเหมือนกัน”ชานยอลช่วยเสริมอีกแรง
     

    “อืม”เซฮุนเราคำแสดงความเข้าใจ เค้ารู้ดี คนอย่างลู่ฮานไม่ได้มีดีแค่เลว แต่เค้ามีพร้อมทั้งสมองทั้งกำลัง
     

    “แต่ปัญหาคือเราจะหาคนมาช่วยได้จากที่ไหน”ร่างสูงท่สุดถามพลางขมวดคิ้วอย่างกังวล
     

    “ฉันจะลองติดต่อกับคุณยอซู ไม่รู้ว่ายังพอมีผู้พิทักษ์คนไหนที่อยากจะช่วยเราบ้าง แล้วก็ที่สำคัญ คุกศักดิ์สิทธิ์ เราต้องช่วยออกมาให้หมด แวมไพร์ที่ถูกจับไปนั่น จะเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและฮึกเหิม พวกเราจะสร้างกองทัพที่แข็งแกร่งที่สุด”แบคฮยอนดูจริงจังจนชานยอลและเซฮุนอดแปลกใจไม่ได้ ดูเหมือนว่าเหตุการณ์ที่เลวร้ายต่างๆกำลังค่อยๆปลุกพลังบางอย่างในตัวแบคฮยอนออกมา ปลุกเอาความเป็นบลูโรสที่แข็งแกร่งขึ้นมา

     

    “ฉันจะไปที่คุกศักดิ์สิทธิ์เอง”เซฮุนเสนอตัวเองขึ้นมา ก่อนจะเตรียมตัวลุกออกไป
     

    “ฉันจะไปด้วย”เมื่อเห็นว่าซฮุนจะออกไปทำงานสำคัญลำพัง ชานยอลก็รีบลุกตามทันที
     

    “ไม่ต้อง ฉันไปคนเดียวจะสะดวกกว่า”
     

    “ให้ชานยอลไปช่วยเถอะนะเซฮุน”แบคฮยอนก้าวช้าๆเข้ามาหา
     

    “ฉันแค่จะแอบไปปลดล็อคประตู อย่าห่วงเลย พวกนั้นเป็นแวมไพร์เก็บกดกันทั้งนั้น ขอให้พ้นลูกกรงนั่น ทุกคนก็เอาตัวรอดได้สบาย”เซฮุนอธิบายพลางลูบหัวคนตัวเล็กไปด้วย
     

    “งั้นเอานี่ไป บางอย่งของผู้พิทักษ์ที่แวมไพร์แตะต้องทำลายไม่ได้ นี่มันช่วยได้เยอะเลย”แบคฮยอนส่งมีดสั้นของตัวเองให้อีกคน
     

    “อืม”มือซีดรับมีดมากำไว้ แล้วรีบออกไปทำหน้าที่ของตัวเอง ถ้าเดาไม่ผิด นี่มันคือมีดสั้นที่แบคฮยอนใช้ตัดเชือกของผู้พิทักษ์ที่มัดเค้าไว้ตอนอยู่คฤหาสน์  เค้ามันใจในฤทธิ์เดชของมันไม่เบาเลยล่ะ
     

    ……………

    …………………………….
     

    “ว่าไงบ้าง”ชานยอลถามร่างเล็กที่เดินออกมาจากตู้โทรศัพท์สาธารณะ
     

    “คุณยอซูบอกว่าให้ไปที่ตึกเอ็มตรงมุมนั่น เค้าจะพาคนอื่นๆไปหาเรา”
     

    “อืม งั้นเราก็ไปรอกันก่อนเถอะ”ชานยอลส่งยิ้มที่แสนอ่อนโยนมาให้แล้วคว้าเอามือเล็กมาจูงไว้ให้เดินไปพร้อมๆกัน ต้องยอมรับว่ามือของชานยอลไม่อบอุ่นเหมือนเดิม นั่นเพราะเค้าเป็นแวมไพร์ ผิวกายที่เย็นเฉียบนั่นเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ แต่เวลานี้มันไม่ได้สำคัญอะไร เพราะสิ่งที่สำคัญกว่าคือรอยยิ้มของร่างสูง รอยยิ้มที่เค้าเคยเห็นมันบ่อยๆเมื่อก่อนนี้ ก่อนที่เหตุการณ์เลวร้ายจะพรากมันไป แต่ตอนนี้ชานยอลกลับมายิ้มอย่างอ่อนโยนแบบนี้อีกครั้ง และเค้าก็หวังว่าจะไม่มีอะไรที่ทำให้รอยยิ้มของคนที่เค้ารักต้องเลือนหายไปอีก รอยยิ้มที่แบคฮยอนเห็นแล้วรู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก เค้าอยากให้มันคงอยู่ตลอดไป
     

    ……………

    …………………………………..
     

    ในขณะเดียวกันนั้น เซฮุนที่กำลังมองดูความพินาศของคุกศักดิ์สิทธิ์ด้วยแววตาไร้อารมณ์สีหน้าราบเรียบ แวมไพร์ทั้งหลายที่แค่พ้นประตูลูกกรงนั้นก็กลายเป็นพวกกระหายเลือด บ้าคลั่ง ไร้การควบคุม
     

    “นายน้อยครับ พอเถอะครับ ไปกันดีกว่าอย่ามัวเสียเวลาเลย”เหล่าพ่อบ้านและแม่บ้านตละกูลโอที่ถูกจับมาขังเช่นกัน พอ ออกมาจากคุกได้ก็รีบปรี่มาหาเจ้านายทันที
     

    “ยังก่อน ปล่อยให้พวกนั้นอาละวาดให้หนำใจก่อน ฉันอยากมั่นใจว่าจะเอากองทัพที่ดีที่สุดกลับไปให้แบคฮยอน”
     

    ………….

    …………………………

     

    “แบคฮยอน”เสียงจากประตูทางเข้าเรียกให้ทั้งแบคฮยอนและชานยอลต้องหันมาสนใจ ยอซูเข้ามาพร้อมกับชายท่าทางมีอายุราวๆห้าสิบคน
     

    “สวัสดีครับ ผมบยอนแบคฮยอน”ร่างเล็กโค้งให้อย่างสุภาพ
     

    “นี่น่ะหรอ ลูกชายของหัวหน้า”
     

    “ดูเหมือนแม่มากกว่านะ”
     

    “ที่ว่าเป็นบลูโรสด้วยนี่นะ”
     

    หลายคนเริ่มพูดคุยกัน ตั้งประเด็น ตั้งคำถามต่างๆ กันเสียงเซ็งแซ่ ในห้องโถงตัวอาคารขนาดกลาง มันไม่ได้กว้างมากนัก การที่คนยี่สิบกว่าคนเริ่มประสานเสียงกัน มันค่อนข้างชัดเจนและน่ารำคาญ
     

    “ทุกคนครับ!!!!”เสียงเล็กๆที่แทบจะถูกกลบหายไปในเสียงถกเถียงนั้นกลับมีพลังบางอย่างที่เรียกให้ทุกคนหันมาด้วยพร้อมเพรียง
     

    “ผมขอเวลาไม่นาน ช่วยฟังผมอย่างตั้งใจและรับพิจารณาด้วยนะครับ”

    “ว่ามาเลยแบคฮยอน”ยอซูพยักเพยิดให้ร่างเล็กเริ่มอธิบายสิ่งที่ต้องการทันที
     

    “พ่อของผม……เคยเป็นผู้นำของเหล่าผู้พิทักษ์ ในยุคสมัยนั้น ทั้งผู้พิทักษ์และแวมไพร์ เราอยู่กันสุขสงบกว่านี้ แต่คือ….  โอเคครับ อันที่จริง ผมไม่รู้อะไร ผมก็แค่ฟังที่คุณยอซูบอก ดังนั้นผมจะไม่พูดเหมือนว่ารู้ทุกอย่าง แต่สิ่งที่ผมรู้คือ ตอนนี้ทุกอย่างกำลังเข้าสู่ยุคมืด นั่นเพราะ……ลู่ฮาน ผู้นำคนปัจจุบันของผู้พิทักษ์ เค้ากำลังทำให้กุหลาบขาวบริสุทธิ์กลายเป็นกุหลาบพิษ ลู่ฮานใช้อำนาจในทางมิชอบ เค้าเอาเรื่องส่วนตัวมาทำให้หน้าที่ที่แท้จริงของตัวเองต้องสั่นคลอน เค้าพยายามจะฆ่าผม ทั้งๆที่เค้าควรจะปกป้องบลูโรส เค้าวางยามนุษย์ผู้บริสุทธิ์ และสั่งโจมตีตระกูลโอ เพราะพวกเค้าช่วยมนุษย์ผู้บริสุทธิ์คนนั้นให้พ้นความทุกข์ทรมานและความตายจากพิษร้าย”

     

    “ลู่ฮานน่ะหรอ ไม่มีทางหรอก เด็กนั่นดูไม่มีพิษมีภัยอะไรสักนิด จะทำอะไรแบบนั้นได้ยังไง”
     

    “นั่นสิ”
     

    “ใช่ มีหลักฐานรึเปล่า”

     

    ปาร์คชานยอล”ร่างเล็กดึงมือของอีกคนให้มายืนข้างๆกัน “นี่คือเหยื่อความโหดร้ายของลู่ฮาน เค้าเคยเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาคนนึง ผู้ชายที่อบอุ่นทั้งจิตใจ รอยยิ้ม และร่างกาย แต่ตอนนี้ มือของเค้าเย็นเฉียบ” มือเล็กกระชับมือของชานยอลแน่น มือที่เย็นเฉียบนั้น กลับเป็นกำลังใจที่ดีที่สุดในเวลานี้ “แต่มันไม่ได้สำคัญอะไรหรอกครับ พวกคุณถามหาหลักฐาน ผมก็แค่ให้ดูหลักฐาน เพราะไม่ว่ายังไง ตอนนี้ชานยอลก็ยืนอยู่ตรงนี้ข้างๆผม เฮ้อออออ….. มีศักดิ์ศรีกันมั้ยครับ”
     

    “อะไรนะ!
     

    “พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง”
     

    “คิดว่าเป็นลูกของหัวหย้าแล้วจะก้าวร้าวกับพวกรได้งั้นหรอ”
     

    “ไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่”

     

    “จำเป็นหรือครับ ในเมื่อตอนนี้พวกคุณเองก็ก้มหัวรับใช้เด็กคราวหลานอย่างลู่ฮานอยู่เหมือนกัน ถูกชักจูงให้ทำเรื่องเลวๆโดยไม่รู้ตัว …… หรือว่าจริงๆรู้ตัว แต่ก็กลัวเกินกว่าจะลุกขึ้นยืนเพื่อพิทักษ์ความถูกต้อง ศักดิ์ศรีของผู้พิทักษ์มันไม่เหลือแล้วสินะครับ นิ่งดูดายต่อสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ตรงหน้า ทั้งๆที่แค่กล้า ก็ทำได้ แต่พวกคุณก็เลือกจะมองผ่านมันไป แค่ผู้พิทักษ์ยังอยู่รอด ก็ไม่ต้องสนใจอะไรแล้วหรือครับ??? หน้าที่ของผู้พิทักษ์ ไม่ใช่ปกป้องตัวเอง ปกป้องเผ่าพันธุ์ หรือกวาดล้างแวมไพร์ แต่หน้าที่ของผู้พิทักษ์คือปกป้องมนุษย์ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร ที่ต้องคอยควบคุมพฤติกรรมของแวมไพร์ก็เพราะไม่ต้องการให้เหล่ามนุษย์ต้องเดือดร้อน แต่….แต่ตอนนี้ ลู่ฮานกำลังล้ำเส้น เค้าลากเอาคนบริสุทธิ์เค้ามาในเกมส์ของเค้า  อย่าบอกว่าพวกคุณไม่รู้ พวกคุณรู้ดี!!! แต่….ขี้ขลาด!!!” ร่างเล็กหอบถี่หลังจากที่ตะเบงเสียงทั้งหมดที่มีเพื่อร่ายยาวถึงความอัดอั้นของตัวเอง

     

    ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ เหล่าผู้พิทักษ์เริ่มหันซ้ายหันขวาเพื่อดูปฏิกิริยาของคนอื่นๆ มีเพียงยอซูที่ก้มหน้าและคลี่ยิ้มน้อยๆให้กับความใจเด็ดของแบคฮยอน วาทะศิลป์ของร่างบางอาจจะไม่เรียกว่าเป็นเลิศเพราะไม่ได้ชักจูงใครต่อใครได้ง่ายดายเหมือนกับลู่ฮาน แต่ก็ต้องยอมรับว่า ทำเอาคนฟังอึ้งไปเพราะความโผงผางและตรงประเด็น สำหรับเค้า มันทำให้เค้านึกถึงพ่อของเจ้าตัวเล็กนี่ขึ้นมาจริงๆ และเค้าก็เชื่อว่าทุกคนที่นี่ก็คงคิดเช่นเดียวกัน
     

    “เท่านี้ล่ะครับที่ผมอยากพูด ยังไงก็ช่วยพิจารณา……ตัวเองกันด้วย ผมลาล่ะครับ”
     

    ทั้งแบคฮยอนและชานยอลโค้งเล็กน้อยก่อนจะออกไป
     

    “เดี๋ยว!!!!” เสียงเรียกที่รั้งทั้งสองคนเอาไว้ดังขึ้นจากเหล่าผู้พิทักษ์ “พวกเราจะให้ยอซูเป็นคนคุยกับพวกนาย มีอะไรก็ส่งข่าวผ่านทางเค้า เราพร้อมจะลงมือตลอด”
     

    “ขอบคุณมากครับ”ร่างเล็กรีบโค้งขอบคุณ พลางยิ้มกว้างเสียจนทุกคนที่เห็นอดจะยิ้มตามด้วยความเอ็นดูไม่ได้ เวลาดีใจแบบนี้ เด็กก็คือเด็ก ต่างจากท่าทางแข็งกร้าวก่อนหน้านี้ราวกับคนละคน
     

    “มันเป็นการตอบแทน สำหรับความกล้าหาญของเธอ บยอนแบคฮยอน”
     

    “แล้วผมจะติดต่อผ่านทางคุณยอซูมาอีกที  ตอนนี้แยกกันก่อนนะครับ ระวังลู่ฮานสงสัยด้วย ลาละครับ”
     

    “อืม”
     

    สิ้นเสียงแบคฮยอนก็ลากชานยอลออกมาอย่างรีบร้อน
     

    “เฮ้ ช้าๆสิ อะไรของนะอุ๊บ”ไม่ทันที่ชานยอลจะบ่นอะไรต่อ ร่างเล็กก็กระโดดโถมตัวเข้าใส่และประทับริฝีปากเล็กๆเข้าหา
     

    รสจูบแสนหวานถูกส่งผ่านให้แก่กันโดยไม่สนใจผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา มันไม่ใช่จูบที่วาบหวามอะไร แต่เป็นจูบที่ส่งผ่านความรู้สึก ดีใจ ขอบคุณ และรักที่แสนบริสุทธิ์
     

    เมื่อพบว่าทั้งสองคนแบ่งลมหายใจกันนานเกินไปจนเริ่มหมดอากาศ ทั้งคู่ก็ผละออกจากกันอย่างอ้อยอิ่ง ดวงตาสบประสานกันนิ่งราวกับจะอ่านความคิดให้ทะลุปรุโปร่ง
     

    “ฉันรักนาย แบคฮยอน”ชานยอลเอ่ยพลางลูบไล้มือเรียวสวยที่กำลังสัมผัสใบหน้าของตนอย่างหลงไหล
     

    แบคฮยอนส่งยิ้มตอบให้ร่างสูงตรงหน้า มือยังคงไล่วนอยู่ที่ใบหน้าอีกคนก่อนจะเขยิบเข้าหาแล้วประทับริมฝีปากของชานยอลอีกครั้งเบาๆ
     

    “สงครามเริ่มแล้ว”


    50%

    ------------------------------------




    “อะไรนะ!!!!” ลู่ฮานส่งกำปั้นทุบลงบนโต๊ะอย่างแรงเพื่อระบายความโกรธ หลังจากที่รู้ว่ายอซูพาผู้พิทักษ์ไปร่วมกับพวกแบคฮยอนเป็นจำนวนมาก
     

    “ราวๆห้าสิบคนเห็นจะได้ครับ มีคนเก่าคนแก่ที่มีฝีมืออยู่เยอะเลย” ซายัง ลูกน้องอีกคนที่ลู่ฮานไว้ใจ กำลังรายงานเหตุการณ์เมื่อเช้าตรู่ที่ยอซูและผู้พิทักษ์คนอื่นๆ พร้อมใจกันแปรพรรคไป
     

    “ฉันคิดเอาไว้แล้ว ว่าเกลือต้องเป็นนอน ลำพังไอ้เด็กแบคฮยอนนั้นจะมีปัญญาพาชานยอลกับไอ้เซฮุนหนีไปได้ยังไง แต่ใครจะคิดล่ะว่าเป็นยอซู ไอ้แก่นั่น ไอ้ทรยศ!!!!!
     

    “แล้วทีนี้จะทำยังไงดีครับ”
     

    “ไม่ต้องทำอะไร แค่เตรียมตัวให้ดี แล้วก็รอเท่านั้น รวบรวมคนเยอะขนาดนี้  มันคงตั้งใจจะบุกมาแน่ๆ ฉันจะทำให้มันรู้ว่า เข้าถ้ำเสือ นอกจากไม่ได้ลูกเสือ มันยังต้องตายอย่างน่าสมเพชด้วย”
     

    ………………….

    ………………………………..
     

    “ลู่ฮานคงรู้ว่าเราจะบุกไป เค้าต้องเตรียมตัวอย่างดี”แบคฮยอนบอกเสียงเครียดในขณะที่กำลังปรึกษากับชานยอล เซฮุนและยอซู
     

    “งั้นก็บุกเข้าไปซึ่งๆหน้าเลย ถ้าเค้ารู้ตัวแล้ว จะวางแผนให้ซับซ้อนอะไรก็คงไม่มีประโยชน์”ยอซูเสนอความคิดเห็น
     

    “ผมว่า….คืนพรุ่งนี้น่าจะลงมือได้นะครับ คืนเดือนมืด น่าจะเหมาะ”
     

    “อืม ตกลงตามนี้”ยอซูรับคำก่อนจะรีบออกไปเพื่อบอกกับผู้พิทักษ์คนอื่นๆ

    “ชานยอล”แบคฮยอนเอ่ยเรียกชื่อของคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามเบาๆแต่จริงจัง
     

    “หืม?”
     

    “ออกไปก่อนแป๊ปนึงได้มั้ย ขอฉันคุยอะไรกับเซฮุนหน่อย”ไม่ใช่เพียงแค่ชานยอลที่ดูงงๆ เซฮุนเองก็เช่นกัน ร่างเล็กมีอะไรจะพูดงั้นหรือ?
     

    ทันทีที่ชานยอลพ้นประตูไป ร่างเล็กก็หันมาเผชิญหน้ากับเซฮุนทันที
     

    “เซฮุน ขอบคุณนะ”แบคฮยอนเปิดประเด็น
     

    “เรื่อง?
     

    “เรื่องที่ช่วยฉัน ช่วยชานยอลด้วย รวมถึงเรื่องนี้ ขอบคุณที่อยู่ข้างฉัน”
     

    “เรียกว่าไถโทษเถอะ สิ่งที่ฉันทำ เรื่องมันเกิดขึ้นเพราะฉัน ถ้าฉันปล่อยนายไปแต่แรก ทุกอย่างก็คงไม่ป็นแบบนี้ ชานยอลไม่ต้องถูกลบความจำ ไม่ต้องไปรู้จักลู่ฮาน ไม่ต้องทิ้งนาย นายไม่ต้องเจ็บปวด ไม่ต้องเสียใจ ฉันผิดเอง”เซฮุนบอกพลางเดินเข้ามาสวมกอดแบคฮยอน
     

    “อย่าโทษตัวเองเลยเซฮุน ฉันต่างหากล่ะ ฉันไม่น่าผิดสัญญากับนาย ฉันไม่น่าเจอชานยอล ทุกอย่างมันเริ่มที่ฉัน ”หัวเล็กๆเริ่มซุกลงที่อกกว้างอย่างที่เคยทำ  เมื่อก่อนแบคฮยอนคิดว่าอกของเซฮุนอุ่นที่สุดแม้ว่าตัวเค้าจะเย็นเฉียบ แต่ตอนนนี้เค้ากลับคิดว่าอ้อมกอดของชานยอลมันอบอุ่นและอุ่นใจมากกว่า
     

    “ฮึ ฮึ ช่างมันเถอะ นายเองไปพักผ่อนได้แล้ว เก็บแรงไว้สำหรับวันพรุ่งนี้ ฉันจะไปดูพวกแวมไพร์ข้างนอกหน่อย ไม่รู้ว่าก่อเรื่องอะไรรึเปล่า”ร่างสูงผละจากคนตัวเล็กแล้วเตรียมออกไปจากกระโจม แต่ดูเหมืนว่าจะไม่ได้ออกไปง่ายๆ เพราะแรงกอดรั้งจากด้านหลังทำให้เซฮุนต้องชะงักนิ่ง
     

    “เซฮุน….ฉันขออะไรสักอย่างได้มั้ย”
     

    “หืม?
     

    “ต่อจากนี้ไป นับตั้งแต่วินาทีนี้ นาย….อย่ารักฉันอีกเลยนะ”คำขอร้องที่ออกมาจากปากของแบคฮยอน ทำเอาเซฮุนกำมือแน่นด้วยความรู้สึกเจ็บหน่วงที่หัวใจ ทำไมนะ เลือดเย็นไร้หัวใจอย่างเค้ากลับปวดร้าวได้ถึงเพียงนี้ แบคฮยอน นายทำอะไรกับฉัน
     

    “ในบรรดาคำขอยากๆของนาย นี่มันทำยากที่สุดเลยนะรู้มั้ย”เสียงที่เหมือนไม่ใส่ใจแต่แฝงซึ่งความโศกเศร้าถูกส่งมาจากร่างสูง
     

    “อย่าทำอะไรเพื่อฉันอีกเลยนะ นายทำเพื่อฉันมามากพอแล้ว ต่อจากนี้เราทุกคนต้องเสี่ยงเท่าๆกัน ฉันอยากให้นายรักตัวเอง รักตัวเองเพื่อฉันสักครั้งเถอะเซฮุน”
     

    ไร้ซึ่งการตอบรับใดๆจากเซฮุน ความเงียบเข้าปกคลุมไปทั่วกระโจมใหญ่ เมื่อถึงที่สุดร่างสูงก็ดึงแขนเรียวที่กอดรั้งตัวเองออก ก่อนจะเดินออกไปเงียบๆ
     

    ……………………………………..

    …………………………………………………………………..

     

    แบคฮยอน ชานยอล เซฮุน และยอซู ยืนนำคนอื่นอื่นอยู่ด้านหน้า ทุกคนมาหยุดอยู่ที่หน้าคฤหาสน์ของผู้พิทักษ์ ดูเหมือนจะมีบางอย่างผิดแผน รั้วสูงถูกปิดสนิท ทั้งๆที่รั้วนี่ไม่เคยถูกปิดมาก่อน
     

    “สงสัยลู่ฮานคงจะรู้ตัวแน่ เราต้องไปที่แผงควบคุม ถึงจะเปิดประตูนี่ได้”ยอซูบอกเสียงเครียด
     

    “แล้วแผงควบคุมอยู่ตรงไหนครับ”
     

    “เข้าไปทางซ้าย สุดทาง จะมีห้องเล็กๆอยู่”
     

    “ฉันไปเอง”เซฮุนเสนอตัวก่อนจะเตรียมกระโดดข้ามรั้วสูงนี่ไป
     

    “เดี๋ยว! ฉันไปเอง ฉันแข็งแรงกว่านาย”ชานยอลบอกพลางดึงเซฮนเอาไว้ และรีบกระโดดข้ามไปโดยไม่รอให้ใครค้านการตัดสินใจของตน
     

    “ชานยอล”เสียงเรียกแผ่วเบาที่เต็มไปด้วยความกังวลมาจากแบคฮยอน เซฮุนที่เห็นแบบนั้นก็กุมมือของร่างเล็กเอาไว้
     

    ………….

    ………………………

     

    ชานยอลที่ข้ามฝั่งรั้วมาแล้วรีบวิ่งมาสุดทางเพื่อหาห้องควบคุมตามที่ยอซูบอก ร่างสูงค่อยๆย่องเข้าไปเพื่อดูว่ามีใครอยู่ด้านในหรือไม่ ชายวัยกลางคนกำลังนั่งหันหลังจดจ่อกับแผงตรงหน้า ชานยอลย่องไปทางด้านหลังแล้วกระชากกลุ่มผมที่ไม่ยาวนักแล้วฝังเขี้ยวคมลงที่คอของชายคนนั้นอย่างรวดเร็ว
     

    “อ๊ากกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!!!!! เสีงร้องโหยหวนทรมานดังต่อเนื่องไปจนเจ้าของเสีงสิ้นใจไปในที่สุด
     

    “จะเสียงดังทำไมวะ เดี๋ยวก็แห่กันมาพอดี” มือหนายกขึ้นปาดคราบเลือดที่มุมปากก่อนจะก้มมองหาปุ่มที่ใช้เปิดประตูใหญ่นั่น “ปุ่มไหนล่ะเนี่ย แล้วใครจะ เฮ้ย!
     

    เชือกเส้นยาวถูงโยนเหวี่ยงเป็นบ่วงมามัดเข้าที่ข้อเท้าของชานยอลก่อนจะถูกกระตุกดึงจนร่างสูงล้มลงไปถูไถกับพื้น
     

    ผู้พิทักษ์สามคนช่วยกันดึงเชือกเพื่อลากชานยอลออกมา
     

    “โถ่เว้ย!”ชานยอลสบถอย่างหัวเสียก่อนจะตัดสินใจคว้าเอาเก้าอี้แล้วขว้างไปที่แผงควบคุม

    บึ้ม!
     

    กล่องวงจรไฟฟ้าที่รั้วใหญ่ระเบิดอย่างน่ากลัว ก่อนที่ประตูจะค่อยๆแง้มออก แบคฮยอนรีบวิ่งเข้าไปเป็นคนแรก ตามด้วยเซฮุน ยอซุและคนอื่นๆ
     

    ทั้งหมดไปได้เพียงแค่ครึ่งทาง เหล่าผู้พิทักษ์ก็ออกมาตั้งรับกันทุกทิศทางราวกับว่าพร้อมรับการโจมตีของพวกเค้าอยู่แล้ว
     

    “ไปหาชานยอล แล้วไปจัดการลู่ฮานซะ เดี๋ยวตรงนี้ฉันจัดการเสร็จแล้วจะรีบตามไป” เซฮุนบอกพลางกำจัดผู้พิทักษ์ที่ขวางทางแบคฮยอนไปด้วย

     “อืม ดูแลตัวเองด้วยนะ”
     

    “เดี๋ยว!”เซฮุนเรียกแบคฮยอนเอาไว้อีกครั้ง แล้วใช้มือที่มีเล็บแหลมของตัวเองเจาะทะลุหลังของผู้พิทักษ์คนนึงจนไปทะลุออกด้านหน้า มือหนาคว้าเอากระบอกปืนที่ผู้พิทักษ์คนดังกล่าวถืออยู่แล้วดึงกลับออกมาทางเดิม แล้วส่งให้คนตัวเล็ก “เอาไปด้วย แค่มีดสั้นของนายคงไม่พอ”
     

    “อืม”แบคฮยอนรับปีนที่เต็มไปด้วยคราบเลือดจากเซฮุนแล้วรีบวิ่งไปเพื่อหาตัวชานยอลที่เข้ามาก่อนหน้านี้
     

    ร่างเล็กวิ่งมาที่ห้องควบคุม เค้าไม่พบอะไรนอกจากร่างไร้วิญญาณของผู้พิทักษ์ที่นอนตัวซีดราวกับขาดเลือดและร่อรอยการทำลายแผงควบคุม
     

    ชานยอลไปไหน
     

    จะถูกลู่ฮานจับไปอีกรึเปล่านะ แบคฮยอนได้แต่ภาวนาให้ชายอลปลอดภัย หรืออย่างน้อยก็อย่าให้ลู่ฮานทำเหมือนครั้งก่อนอีก เค้าไม่อยากให้ชานยอลต้องกลายเป็นสัตว์กระหายเลือดอีกแล้ว
     

    “คุณอ่อนแอเกินไปนะครับ”เสียงใครบางคนจากด้านหลังเรียกให้แบคฮยอนหันไป ใครบางคนที่ไม่คุ้นหน้าส่งยิ้มมาให้
     

    “นายเป็นใคร”
     

    “ผมซายังครับ ได้โปรดจำชื่อผมไว้ เพราะผม….จะเป็นคนฆ่าคุณ”จบประโยคอวดดีนั่นซายังก็ชักปืนขึ้นเหนี่ยวไกใส่ร่างบางทันที แบคฮยอนเองก็ยิงสวนกลับไปเช่นกัน ก่อนที่จะเข้าไปหลบด้านหลังแผงควบคุม
     

    “ทั้งๆที่จะก้าวมาเป็นผู้นำ แต่กลับอ่อนแอ และไร้ประโยชน์ ผมคิดว่าคุณสมควรตายนะครับ คุณลู่ฮานคงอยากจะได้หัวใจของคุณไปให้คุณชานยอลลิ้มลอง”
     

    “ชานยอลอยู่ที่ไหน!!!!
     

    “จะตายแล้วยังจะห่วงคนอื่นอีกหรือครับ เติบโตมากับพวกผีดูดเลือดชั้นต่ำรกโลก พวกมันไม่สอนให้กลัวตายเลยหรือครับ”
     

    “ฉันถามว่าชานยอลอยู่ที่ไหน!!!”แบคฮยอนลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะเดินออกมาเผชิญหน้ากับซายังที่กำลังแสยะยิ้มให้ตนอยู่
     

    “ฮึ ผมจะบอกก็ได้นะครับว่าคุณชานยอลอยู่ที่ไหน เพราะยังไงคุณก็ไม่มีปัญญาไปช่วยอยู่แล้ว คุณต้องตายอยู่ที่นี่”
     

    “ชาน ยอล อยู่  ไหน” ร่างเล็กเริ่มเดินเข้าหาอย่างไม่เกรงกลัว สายตาที่จริงจัง ทำเอาซายังผงะไปเล็กน้อยก่อนจะส่งยิ้มมาอีกครั้ง
     

    “คุณลู่ฮานจับไปไว้ข้างในแล้วล่ะครับ”
     

    ปัง! ทันทีที่พูดจบซายังก็ลั่นไกใส่แบคฮยอนทันที ลูกกระสุนฝังเข้าไปตรงไหล่ซ้าย แต่แบคฮยอนก็ไม่ได้ล้มลงตามแรงดัน ร่างเล็กออกแรงวิ่งไปถึงตัวซายังอย่างรวดเร็ว
     

    ปัง! มือเล็กเหนี่ยวไกปืนที่จ่ออยู่ตรงขมับของอีกคนในระยะประชั้นชิด ร่างของซายังตกลงกระทบพื้นเสียงดังก้องไปทั่วห้อง นัยตาเบิกกว้างน่าเกลียด เลือดไหลย้อนออกมาจากรูกระสุนตรงขมับ แบคฮยอนยกเท้าขึ้นเหยียบที่อกของร่างไร้วิญญาณนั่น
     

    “ลู่ฮานไม่เคยสอนหรือครับ ว่าอย่าพูดให้มันมากนัก มันน่ารำคาญ”
     

    ขาเรียวก้าวข้ามร่างของซายังไปแล้วโยนกระบอกปืนทิ้งไว้ข้างๆกัน
     

    สำหรับคนอย่างนาย แค่มีดสั้นของพ่อก็พอที่จะฆ่านายได้แล้ว ลูฮาน!!!!!


    ---------------------------------------

    ไม่ถนัดฉากบู๊อย่างแรง!!!!!! ถูๆไถๆกันไปนะจ๊ะ ฮ่า ฮ่า

    ลงเลทไปนิ๊ดดดดดดดดดนึงเน๊อะ เราไปทำงานบ้านเพื่อน เพิ่งมาถึงบ้านนี้ล่ะค่ะ 

    ปล.
    ตอนหน้าอาจจะจบแล้วน้าาาาาา สิบตอนพอดิบพอดี เรื่องนี้จบก็จะได้ฤกษ์

    กลับไปต่ออีกสองเรื่องที่ค้างไว้ซะที

    ยังไงก็รอตอนจบด้วยน้าาาาาาาาาาาาาาา 

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×