ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Two moons the first บัลลังก์รัก บัลลังก์เลือด [Fic EXO]

    ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่ ๘ (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 28 ก.ย. 55




    ตอนที่ 8


    “เซฮุน
    …..นายรอฉันที่นี่นะ ฉันจะไปตามชานยอลมาช่วยเอง”แบคฮยอนบอกพลางกุมมือเย็นเฉียบของอีกคนแน่น
     

    “อย่าเลย นายหนีไปเถอะ ไปก่อนที่พวกนั้นจะมาเจอ ไปแล้วอย่ากลับมาอีกเด็ดขาด”ไม่ใช่ว่าอยากจะปฏิเสธความช่วเหลือของปาร์ชานยอลตามที่ร่าเล็กหยิบยื่นมาให้ แต่เค้าแค่ห่วงว่าแบคฮยอนจะเป็นอันตราย เค้าไม่รู้ว่าทำไมพวกนั้นถึงหละหลวมปล่อยให้แบคฮยอนขึ้นมาถึงนี่ได้ แต่การที่ไม่ถูกจับคงจะดีที่สุด
     

    “ไม่! ฉันจะกลับมาช่วยนาย!!!
     

    แอดดดดดดดดดดดด……

    เสียงประตูห้องถูกแง้มเปิดช้าๆ เรียกความสนใจจากทั้งเซฮุนและแบคฮยอนให้หันไปดูได้ไม่ยาก
     

    “ชานยอล….”ร่างเล็กเอ่ยออกมาอย่างดีใจ ก่อนจะรีบวิ่งไปหา โดยไม่เห็นถึงความผิดปกติของชานยอลเลยซักนิด จะมีก็แต่เซฮุนที่รู้สึกแปลกๆเพราะกลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้งอยู่รอบตัวของคนที่เข้ามาใหม่

    หรือว่า
    ….

     

    “แบคฮยอน อย่าเข้าไป!!!!!!


    “เอ๊ะ?”


    โครม!!!!!!!!!!!!
     

    ไม่ทัได้อธิบายอะไร แบคฮยอนก็ถูกชานยอลจับเหวี่ยงไปจนติดผนัง กระแทกกับกระจกจนแตกละเอียดร่วงลงบนพื้น
     

    “แบคฮยอน!!!!!” เซฮุนดิ้นสุดแรงแต่ก็ไม่สามารถหลุดจากเชือกได้

    “ชานยอล ทำไมนาย….”ร่างเล็กค่อยๆพยุงตัวขึ้น ก่อนจะสบตากับชานยอลเพื่อหาคำตอบ แต่สิ่งที่แบคฮยอนเห็นคือแววตาดุดันไร้ความปรานี นั่นไม่ใช่ชานยอลของเค้า เกิดอะไรขึ้นกัน ทำไมเป็นแบบนี้
     

    “หนีไปเร็ว!!!!”เซฮุนที่ทำอะไรไม่ได้ กำลังจะคลุ้มคลั่งไปอีกคน เค้าจะเป็นบ้าเพราะเห็นคนที่รักถูกทำร้ายอยู่ตรงหน้าแต่กลับช่วยอะไรไม่ได้เลยสักนิด
     

    “โอ๊ย!”แบคฮยอนที่พยายามจะวิ่งหนีชานยอลก็เหยียบเข้ากับเศษกระจกบนพื้นจนทรุดลงไปกับพื้นอีกครั้ง ร่างสูงที่ค่อยๆก้าวเข้าหา ทำให้ร่างเล็กค่อยๆเขยิบตัวหนีไปเรื่อย


    “อย่านะชานยอล อย่าทำแบคฮยอนนะ”เซฮุนยังคงได้แค่ตะโกนออกไปพร้อมทั้งน้ำตาอยู่แบบนั้น
     

    แต่กลิ่นเลือดจากฝ่าเท้าของร่างบางที่ไหลไปตามทางนั้นทำให้ชานยอลยิ่งบ้าคลั่งกว่าเดิม  มือหนาข้างหนึ่งคว้าเอาลำคอขาวของคนที่ถอยหนีจนติดหน้าต่างแล้วออกแรงบีบคนคนตัวเล็กหน้าแดงก่ำ
     

    “แค่ก ชาน แค่ก ชานยอล”เสียงเรียกของแบคฮยอนไม่ได้ส่งผลอะไรกับร่างสูงสักนิด ชานยอลใช้มืออีกข้างจิกเข้าที่ออกด้านซ้ายของร่างเล็ก ฝังปลายเล็บคมพร้อมใช้แรงมหาศาลค่อยๆ กดลงไป จนทะลุเข้าผิวเนียน เลือดไหลซึมออกมาตามร่อยรอยที่ปลายนิ้วฝังลงไป
     

    “ชานยอล แค่ก ฉัน โอ๊ยยยย แค่ก แค่ก ชานยอล ฉัน ฉันเจ็บ อื้อออออออ”แบคฮยอนใช้แรงทั้งหมดที่มีผลักร่างสูงออกก่อนจะพลิกหนีแล้วทิ้งตัวออกไปทางหน้าต่าง
     

    “แบคฮยอนนนน!!!!!!!!!!”เซฮุนได้แต่ช็อคกับสิ่งที่เห็น นี่มันหน้าต่างชั้นสองนะ แบคฮยอนตกลงไปแบบนั้น มันจะ….
     

    อั๊ก!

    “โอ๊ยยยยยยยยยยย”

    แบคฮยอนใช้แขนขวาประคองแขนซ้ายที่กระแทกกับพื้นหญ้าด้านล่างอย่างเจ็บปวด ความปวดร้าวเล่นเข้าสู่แขนด้านซ้ายอย่างทรมาน ก่อนจะใช้แรงฮึดพยุงตัวลุกขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะออกตัววิ่งเมื่อเห็นว่าชานยอลกระโดดตามตัวเองลงมา เศษกระจงที่ฝังอยู่ที่เท้าในเวลานี้ ไม่สร้างความเจ็บปวดอีกต่อไป แบคฮยอนได้แต่ตั้งหน้าตั้งตาวิ่งจนลืมทุกอย่าง เค้าต้องรอด เค้าต้องกลับมาช่วยเซฮุน และแน่นอน เค้าต้องกลับมาหาชานยอลคนเดิมที่แสนดีของเค้าด้วย

     

    ร่างเล็กวิ่งออกจากซอบแคบๆมืดๆของคฤหาสน์และพุ่งไปยังป้ายรถประจำทางที่อยู่ไม่ไกล ใช่แล้ว เมื่อก่อนชานยอลเคยมารับส่งเค้าตรงนี้เป็นประจำ ชานยอลที่แสนดีและอ่อนโยน ฉันจะทำให้นายกลับมาเป็นชานยอลคนเดิมให้ได้ รอฉันก่อนนะชานยอล
     

    “รอด้วย!!!!!”แบคฮยอนตะโกนบอกรถประจำทางที่กำลังจะเคลื่อนตัวออกไป ร่างเล็กวิ่งจนสุดแรงแล้วกระโดดพรวดขึ้นไปข้างบนท่ามกลางความตกใจของคนบนรถ เมื่อประตูรถปิดลงแบคฮยอนก็หันไปมองชานยอลที่วิ่งตามเค้ามาอีกครั้ง ร่างสูงยืนนิ่งอยู่ตรงที่รอรถแลวมองมาที่เค้าด้วยสายตาที่ไม่อาจอธิบายได้ รถเคลื่อนตัวออกไปช้าๆ โดยที่คนในถเริ่มส่งเสียงโวยวายเพราะเห็นสภาพของคนที่กระโดดขึ้นรถมาเมื่อครู่
     

    “คุณคะ คุณเป็นอะไรรึเปล่า”หญิงวัยกลางคนในกลุ่มคนที่เดินเข้ามาหาเค้าถามด้วยน้ำเสียงแสดงความเป็นห่วง
     

    “ผมผมไม่….”สติที่ดับวูบไปพร้อมกับร่างของแบคฮยอนที่ล้มลง ทำให้คนบนรถกรีดร้องโวยวายดังขึ้น
     

    “พาเค้าไปโรงพยาบาลเร็ว!!!!!!!!!!!!!!!!

    30%



    แสงไฟสว่างสาดเข้าสู่ใบหน้า ดวงตาคู่สวยค่อยๆฝืนกระพริบถี่เพื่อปรับสภาพให้เกิดความเคยชิน กลิ่นยาที่แสนเป็นเอกลักษณ์ของสถานที่ลอยแตะจมูก ไม่ต้องบอกก็รู้ว่านี่คือโรงพยาบาล
     

    โรงพยาบาลงั้นหรือ อ่า ใช่แล้วล่ะ เราคงถูกคนที่อยู่บนรถคันนั้นพามาส่งสินะ
     

    “อ้าว ฟื้นแล้วหรือคะ”เสียงของผู้หญิงคนนึงดังอยู่ใกล้ๆ แบคฮยอนเหลือบตาไปมองก่อนที่พยาบาลคนนั้นจะเดินเข้ามาใกล้เตียง
     

    “ผม….คือ เกิดอะไรขึ้นครับ”
     

    “มีคนพาคุณมาค่ะ บอกว่าคุณลบไปบนรถประจำทาง แล้วคุณก็แผลเต็มตัวเลย โดนเศษกระจกฝังที่เท้า แขนซ้ายก็เดาะ แล้วก็แผลประปรายเต็มไปหมด คุณไปทำอะไรมาคะ”
     

     

    แบคฮยอนได้แต่ก้มหน้านิ่ง ถ้าเค้าบอกว่าตัวเองเจออะไรมา เค้าอาจต้องได้ย้ายโรงพยาบาลแน่ คงถูกส่งไปโรงพยาบาลบ้าแทน
     

    “จำไม่ได้หรอคะ อืมมมม ไม่เป็นไรค่ะ ว่าแต่คุณช่วยกรอกประวัติของตัวเองให้หน่อยนะคะ โรงพยาบาลจะได้เอาไปลงประวัติให้ แล้วนี่จะตดต่อญาติของคุณได้ยังไงคะ คุณ….เอ่อ…..
     

    “แบคฮยอนครับ คือ ผมไม่มีญาติ คือ….
     

    “อ่า เดี๋ยวดิฉันไปคุยกับคุณหมอเรื่องนี้อีกทีล่ะกันนะคะ ขอบคุณสำหรับข้อมูลมากค่ะ”พยาบาลสาวยิ้มอย่างเหนื่อยอ่อนก่อนจะหยิบใบประวัติแล้วรีบออกไป
     

    ร่างเล็กที่อยู่เพียงลำพังเริ่มนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เค้าไม่เข้าใจว่าทำไมชานยอลถึงเป็นแบบนั้นไปได้ แล้วเซฮุนจะเป็นยังไงบ้างนะ กับคนที่บอกว่ารักนักหนาอย่างชานยอล ลู่ฮานยังทำได้ขนาดนี้ แล้วกับเซฮุนล่ะ ไม่มีทางที่ลู่ฮานจะปล่อยให้เซฮุนรอดแน่

    ถ้าต้องการตัวเค้า เค้าจะพาตัวเองไปหาหนทางสู่ความตายที่ลู่ฮานวางไว้ให้ด้วยตัวเอง แต่อีกสิ่งที่ไม่อาจวางใจได้ ถ้าเค้ายอมตาย ลู่ฮานจะปล่อนเซฮุนกับชานยอลหรือเปล่า

     

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก
     

    “คุณแบคฮยอนคะ ญาติของคุณ”พยาบาลคนเดิมกลับมาพร้อมกับท่าทางอ้ำอึง
     

    “ขอบคุณมาก แต่ผมจะคุยกับเค้าเอง”
     

    เสียงของผู้ชายที่แบคฮยอนบอกได้เลยว่าเค้าไม่เคยได้ยิน มันไม่คุ้นซักนิด แต่ทันทีที่พยาบาลออกไปจนพ้น ชายคนที่ว่าก็เดินเข้ามา แบคฮยอนถอยหลังหนีไปจนสุดหัวเตียง เหตุการณ์ที่ผ่านมากำลังทำให้ร่างเล็กกล่ยเป็นโรคหวาดระแวง

    “สวีสดีแบคฮยอน”ชายแปลกหน้าทักอย่างอ่อนโยนก่อนจะนั่งลง
     

    “คุณ เป็นใครครับ ทำไมถึงรู้จักผม แล้วเรื่องญาติ ผม ผมไม่มีญาติเสียหน่อย”
     

    “ฉันชื่อยอซู ฉันคือยอซูนะแบคฮยอน”
     

    “ผมไม่รู้จักคุณ คุณเป็นใครกันแน่ ทำไมต้องมาทำท่างทางเหมือนรู้จักผมดีแบบนี้ด้วย”
     

    “ฮึฮึ เธอนี่ท่าทางพยองแบบนี้ เหมือนกับแม่ของเธอเลยนะเด็กน้อย”ชายที่ชื่อยอซูยังคงส่งยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับคนตัวเล็กบนเตียง แววตาเอ็นดูรักใคร่นั่นจ้องมองแบคฮยอนไม่วางตา

    “ทำไม คุณรู้จักแม่ผมด้วยหรอครับ”
     

    “ไม่หรอก ฉันเคยเจอแม่เธอแค่ไม่กี่ครั้ง แต่ถ้าเป็นพ่อของเธอ ยิ่งกว่ารู้จักเสียอีก เราเป็นผู้พิทักษ์มาด้วยกัน  ตอนที่พ่อเธอังอยู่ ทุกอย่างมันดีกว่านี้มากนัก”ยอซูเล่าไปด้วยสีหน้าโศกเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด “พ่อของเธอ เก่งมากเลยนะ เค้าแข็งแกร่งและเข้มแข็งสมกับเป็นผู้นำ ฉันมาที่นี่เพราะอยากเห็นเธอที่เข้มแข็งเหมือนกับพ่อ เธอเข้าใจมั้ยแบคฮยอน”
     

    “ผม คือ” แบคฮยอนยังคงสับสนกบสิ่งที่ได้ยิน สมองประมวลผลได้ช้าลง เพราะไม่เคยมีความทรงจำเรื่องพ่อแม่เลย
     

    “นี่เป็นของที่พ่อเธอทิ้งไว้ ฉันคิดว่าเค้าคงอยากให้เธอได้มันไป และมันอาจถึงเวลาที่เธอต้องเอามันไปใช้ ในฐานะผู้พิทักษ์คนนึง”ยอซูส่งมีดสั้นเล่มหนึงให้ร่างที่อยู่บนเตียงผู้ป่วย
     

    “ของพ่อหรอครับ”แบคฮยอนรับมันพร้อมกับพิจารณาอย่างถี่ถ้วน มีดส่องประกายแวววาวสะท้อนแสงไปทั่วห้อง นี่คือของที่พ่อทิ้งไว้ให้เค้างั้นหรือ นี่คือของๆเค้าสินะ
     

    “เย็นนี้ ลู่ฮานจะไม่อยู่ที่คฤหาสน์ของตระกูลโอ ส่วนพวกที่เฝ้าอยู่ ฉันจะจัดการเปิดทางให้ อยากทำอะไรก็รีบทำซะ”
     

    “แล้วุณรู้ได้ยังไงครับ”
     

    “เพราะฉันเป็นคนติดตามของลู่ฮานน่ะสิ ฉันเฝ้าดูสิ่งที่เค้าทำมานานเกินพอแล้ว ต้องมีคนหยุดลู่ฮาน และนายจะเป็นคนทำมันแบคฮยอน อย่าให้พ่อนายต้องผิดหวัง เข้าใจมั้ย”
     

    “ผม…..ผมไม่คิดว่าผมจะทำมันได้ แต่ผมจะพยายามครับ เย็นนี้ผมจะไปที่คฤหาสน์ ถ้าเรื่องที่คุณบอกมา มันไม่ใช่แค่กับดักที่คุณลู่ฮานวางเอาไว้ ถ้าคุณไม่ได้หลอกให้ผมไปตาย ถ้าคุณพูดจริงๆ ได้โปรดช่วยผม ผมจะพาเซฮุนกับชานยอลออกมา แล้วผมจะทำทุกอย่างให้เหมือนเดิม เหมือนตอนที่พ่อยังอยู่ เหมือนที่คุณบอกเอาไว้ ผมสัญญา”ท่าทางจริงจังที่ถูกส่งออกไปทำให้ยอซูน้ำตารื่น เค้าคิดไว้ไม่ผิด แบคฮยอนนั้นเข้มแข็งมากจริงๆ
     

    “รักษาสัญญาด้วย แบคฮยอน”

     

    ………………

    ……………………………….
     

    ร่างเล็กก้าวเดินไปตามทางอย่างยากลำบาก แผลที่เท้ายังคงมีเลือดซึมเล็กน้อย แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่เค้าจะมาสำออย โอกาสมีแค่ตอนนี้เท่านั้น แบคฮยอนหันหลังพิงเข้ากับกำแพงของคฤหาสน์ในขณะที่หัวใจกำลังเต้นรัว เค้ายอมรับว่ากลัวอยู่ไม่น้อย แม้เวลานี้คฤหาสน์จะเงียบเชียบเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าไม่มีใครอยู่เลยก็ตาม
     

    การย่องเข้าไปด้านในมันไม่ยากลำบากนัก แต่สิ่งที่ลำบากคือตัวเค้าเอง เค้ากำลังกดดันตัวเอง เค้กำลังกลัวว่าจะทำมันไม่ได้ ร่างเล็กก้าวช้าๆไปที่ห้องของเซฮุน ประตูถูกปิดสนิท แบคฮยอนไม่มีทางรู้เลยว่เปิดไปแล้วจะต้องเจอกับอะไร
     

    มือเรียวสวยค่อยๆหมุนลูกบิดอย่างเบามือแล้วดันเข้าไปช้าๆ
     

    “แบคฮยอน!”เซฮุนที่ได้ยินเสียงผิดสังเกตุรีบหันมาดูก่อนจะอุทานอย่างตกใจเมื่อเห็นว่าคนที่เข้ามาเป็นใคร
     

    “เซฮุน  ฉันมาช่วยแล้ว”แบคฮยอนตรงเข้าไปหาคนที่ถูกมัดอยู่ คราวนี้เค้ามั่นใจแล้วว่า เค้าจะจัดการเชือกเจ้าปัญหานี้ได้

    มีดสั้นเงาวับถูกหยิบออกมาจากด้านหลังแต่ยังไม่ทันจะได้ตัดเชือกนี่ แรงกระชากจากเส้นผมด้านหลังต้องผละออกจากเซฮุนก่อนที่จะถูกลากออกมาด้วยการจิกทึ้งเส้นผมที่รุนแรงขึ้น

     

    “ชานยอล ปล่อยแบคฮยอนนะเว้ย!!!!
     

    “โอ๊ย ชานยอล ปล่อยฉัน”ร่างบอบบางถูกลากออกมาห่างพอควรก่อนจะถูกกระชากให้ยืนขึ้น
     

    “โธ่เว้ย แบคฮยอน!!!!!!”เซฮุนดิ้นพล่านอยู่ภายใต้การพันธนาการของเชือกที่แบคฮยอนยังไม่ทันได้ตัดมันออก
     

    “ชานยอล นายหยุดบ้าสักทีเถอะ”น้ำเสียงอ้อนวอนของร่างเล็กไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น
     

    ชานยอลทึ้งผมของแบคฮยอนแน่นขึ้นอีกครั้งก่อนจะส่งศีรษะของคนตัวเล็กไปกระแทกเข้ากับกำแพงอย่างจัง อาการมึนและเจ็บร้าวแล่นไปทั่วศีรษะ เลือดสีแดงสดไหลหยุดลงจากรอยแตกบริเวณศีรษะที่ถูกคนตัวสูงจับไปกระแทกกับกำแพงอย่างแรง

    ยิ่งได้กลิ่นเลืดก็ยิ่งบ้าคลั่ง ข้อนี้แบคฮยอนรู้ดี และก่อนที่ชานยอลจะคลั่งไปมากกว่านี้ ร่างเล็กตัดสินใจเด็ดขาดและแน่วแน่ มือขวาที่กำมีดสั้นเอาไว้แน่นนั้นเหวี่ยงไปหาชานยอลอย่างรวดเร็ว ปลายแหล่มน่ากลัวของมีดแทงเข้าที่ข้างลำตัวของคนตัวสูงไม่ลึกนัก

     

    “ฉันขอโทษนะชานยอล”แบคฮยอนดึงมีดกลับออกมา ก่อนจะผลักร่างที่ทรุดลงตรงหน้าออกไปแล้วรีบวิ่งไปใช้มีดสั้นเล่มเดียวกันตัดเชือกให้เซฮุน
     

    “นายไม่เป็นไรนะแบคฮยอน”ด้วยความคิดถึงและโหยหา เซฮุนคว้าร่างบางที่บอบช้ำมากอดเอาไว้แน่น
     

    “ไม่เป็นไร เรารีบไปกันเถอะ พาชานยอลไปด้วย”
     

    ทั้งคู่รีบพยุงร่างสูงที่นอนกุมบาดแผลจากมีดสั้นอย่างทรมาน ออกมาด้วยกัน
     

    ในใจของเซฮุนนั้นเค้าอยากจะทิ้งชานยอลเอาไว้จริงๆ สิ่งที่ชานยอลทำกับแบคฮยอนมันทำเอาคนตัวเล็กแทบเอาชีวิตไม่รอด ทำไมเค้ายังต้องช่วยมัน แต่ถ้าหากไม่ช่วย แบคฮยอนอาจจะยอมอย่ที่นี่กับชานยอลทั้งๆที่มีโอกาสหนีแบบนี้ก็ได้
     

    ปรี๊นนนนนนนนนนนนนนนนน
     

    เสียงแตรรถสีดำที่จอดอยู่ไม่ไกลดังขึ้น เมื่อกระจกถูกเลื่อนลง แบคฮยอนจึงเห็นว่ายอซูอยู่ข้างในนั้น
     

    “ขึ้นมาเร็ว ลู่ฮานกำลังกลับมาแล้ว ขืนไปกันเองทุลักทุเลแบบนี้คงไม่ทันแน่ๆ”
     

    ทั้งสามพุ่งขึ้นมาที่เบาะหลังอย่างรวดเร็ว รถเคลื่อนตัวออกอย่างไม่รีรอ ยอซุขับไปเรื่อยๆโดยไม่พูดอะไร เค้าคิดว่าทั้งสามคนอาจต้องการเวลาพักบ้าง
     

    “ผมคุ้นหน้าคุณ คุณอยู่กับลู่ฮาน”เซฮุนเริ่มเปิดประเด็นขึ้นมา
     

    “อืม”
     

    “คุณยอซูเป็นเพี่อนของพ่อ เค้าเก็บมีดนี่ไว้ให้ฉัน”แบคฮยอนช่วยเสริมคำตอบของคนที่กำลังขับรถใช้สมาธิอยู่
     

    “แล้วเราจะไปไหนกัน”
     

    เป็นอีกครั้งที่คำถามของเซฮุนไม่ได้รับการใส่ใจ สุดท้ายทุกคนจึงตัดสินใจนั่งเงียบๆ

    เส้นทางที่ดูซับซ้อนทำให้แบคฮยอนเริ่มขมวดคิ้วหลังจากหนิ่วหน้าเพราะความเจ็บปวดทีศีรษะ

    ยอซูจอดรถตรงทางที่เต็มไปด้วยต้นไม้เหมือนว่าเป็นป่าขนาดย่อมๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันคือป่าจริงๆนั่นล่ะ
     

    “ที่นี่ ฉันกับพ่อของเธอสร้างมันขึ้นมา ไม่มีใครรู้จักที่นี่ มันคงสะดวกสำหรับจะซ่อนตัวสักระยะ เดินไปลึกอีกหน่อย ฉันตั้งกระโจมเล็กๆเอาไว้ให้ พวกนายใช้มันได้นะ”
     

    “ครับ ขอบคุณมาก แล้วคุณยอซู
     

    “ฉันต้องกลับแล้ว ลู่ฮานคงกำลังต้องการหาคนรับผิดชอบเรื่องที่พวกนายหนีมา”
     

    “คุณจะไม่เป็นไรใช่มั้ยครับ”
     

    “อย่าห่วงเลย พวกนายเข้าไปได้แล้ว” ยอซูยืนส่งทั้งสามที่เดินลึกเข้าไปในป่าอีก ก่อนจะกลับขึ้นรถอีกครั้ง
     

    “เดี๋ยวครับ”แบคฮยอนที่เดินกลับออกมาลำพังมายืนเกาะอยู่ข้างๆรถราวกับมีเรื่องสำคัญอะไรที่ต้องการบอก
     

    “อะไรหรือแบคฮยอน”
     

    “คุณต้องอยู่รอดูวันที่ผมจะเปลี่ยนแปลงทุกอย่างนะครับ ได้โปรดมีชีวิตรอดจนถึงวันนั้นด้วย”
     

    “ฮึ ฮึ แน่นอนแบคฮยอน ฉันต้องอยู่รอดูแน่นอน”
     

    “โชคดีครับ”
     

    เมื่อรถเคลื่อนตัวออกไป แบคฮยอนจึงเดินกลับไปในป่าอีกครั้ง ร่างเล็กเดินมาเรื่อยๆจนเจอกระโจมอย่างที่ยอซูบอกไว้ ด้านในมีทุกอย่างเตรียมไว้ให้พร้อม ทั้งอาหาร เสื้อผ้า และกล่องปฐมพยาบาลที่ตอนนี้เซฮุนกำลังใช้มันทำแผลให้ชานยอลอยู่
     

    “มานั่งนี่สิ เดี๋ยวฉันทำแผลให้มันแล้ว ฉันจะทำให้นายต่อ”
     

    “อืม”แบคฮยอนทิ้งตัวลงข้างๆเซฮุนก่อนจะเอนหัวซบลงบนไหล่กว้าง
     

    “เป็นอะไรไป”
     

    “ขอบคุณนะ ที่ช่วยฉันพาชานยอลออกมา ฉันคิดว่านายจะปฏิเสธซะอีก”
     

    “แบคฮยอน”เซฮุนรั้งใบหน้าหวานให้เข้ามาใกล้ๆก่อนจะเริ่มทำแผล “ถ้าฉันไม่ช่วย นายจะทำยังไง”
     

    “ฉันก็จะพยายามพาชานยอลออกมาด้วยตัวเอง”
     

    “แล้วถ้าเอาออกมาไม่ได้ล่ะ ถ้านายคนเดียวทำไม่ไหว”เซฮุยังคงพูดไปพลางทำแผลไปด้วย
     

    “ฉันก็จะอยู่กับชานยอลที่นั่น”
     

    “เฮ้ออออ นี่ล่ะคือเหตุผลที่ฉันช่วยพามันออกมาด้วยกัน เพราะนายไงแบคฮยอน”ริมฝีปากซีดของแวมไพร์อย่างโอเซฮุนประทับจูบลงบนหน้าผากมนนั่นเบาๆ “พักผ่อนเถอะ ฉันจะออกไปดูข้างนอกหน่อย”
     

    แบคฮยอนมองตามแผ่นหลังของอีกคนไปจนพ้นสายตา ก่อนจะค่อยๆซบหน้าลงข้างๆเตียงที่ชานยอลนอนอยู่
     

    ทุกอย่างมันหนักหนาเสียจนเค้าไม่คิดว่าเค้าจะผ่านมนไปได้ คนอย่างแบคฮยอน จะทำมันได้จริงๆหรือ เค้าจะพาทุกๆคนผ่านพ้นเรื่องนี้ไปได้จริงๆหรือ ลำพังแค่นี้เค้าก็แทบจะเอาตัวไม่รอดอยู่แล้ว
     

    “บะ บะ แบค”เสียงทุ้มใกล้ๆหูปลุกให้แบคฮยอนที่กำลังจมดิ่งในห้วงความคิดต้องหันมามองยังต้นเสียง
     

    “ชานยอล! นายเรียกชื่อฉัน นายเรียกชื่อฉันแล้ว”
     

    “นายเป็นยังไงบ้างฮะ!!!!”ร่างสูงลุกพรวดขึ้นมาแล้วคว้าเอาร่างเล็กๆตรงหน้ามาสำรวจดูใกล้ๆ
     

    “ฉันไม่เป็นไรแล้วล่ะ”แบคฮยอนส่งยิ้มน้อยๆให้
     

    “ฉันขอโทษ ฉันขอโทษนะแบคฮยอน ทั้งๆที่รู้ตัวแต่ฉันก็ควบคุมตัวเองไม่ได้ ฉันต้องรับรู้ว่าตัวเองกำลังทำร้ายคนที่รัก แต่กลับหยุดมันไม่ได้ ฉันขอโทษนะ”ชานยอลกอดแบคฮยอนเอาไว้แน่น เค้าแทบจะไม่อยากตื่นขึ้นมาเลยด้วยซ้ำ คนที่ทำร้ายแบคฮยอนจนปางตายอย่างเค้า สมควรตายไปเสีย เค้าไม่รู้จะอภัยให้ตัวเองได้ยังไง
     

    “ไม่เป็นไร ชานยอล ไม่เป็นไร แค่ตอนนี้ นายกลับมาเป็นนเดิม กลับมาเป็นชานยอลของฉัน ฉันก็ดีใจที่สุดแล้ว”
     

    “ฉันรักนายแบคฮยอน ฉันรักนายที่สุด”ร่างสูงค่อยๆโน้มลงไปกดจูบที่ริมฝีปากบางของอีกคน
     

    จากแผ่วเบาเป็นหนักหน่วง รสจูบที่แสนร้อนแรงทำให้แบคฮยอนเผลอจูบตอบอย่างควบคุมไม่ได้ ทุกอย่างรอบตัวราวกับหยุดเคลื่อนไหวทั้งหมด  ทั้งคู่ตกอยู่ในห้วงอารมณ์ที่หวานเยิ้มในขณะเดียวกันก็ร้อนแรงจนแทบจะหลอมละลายทุกสิ่งทุกอย่าง
     

    ลิ้นร้อนสอดเข้าไปสำรวจหาความหวานในโพรงปากบางอย่างคุ้นเคย ในขณะที่ลิ้นเล็กๆของแบคฮยอนก็หยอกล้อกลับอย่างน่ารัก ทั้งสองคนส่งผ่านความต้องการแก่กันอย่างไม่มีที่สิ้นสุดและคงไม่มีทางจะหยุดลงได้จนกว่าความสุขเหล่านี้มันจะสร้างสมจนเอ่อล้นอย่างไร้ซึ้งการควบคุม

     

    เซฮุนที่เดินสำรวจไปทั่วก็กลับมายังกระโจมอีกครั้ง ขาเรียวชะงักเสียดื้อๆ เมื่อได้ยินดสียงที่ดังมาจากข้างในกระโจมนั่น เค้าเลือกที่จะเดินเลี่ยงไปนั่งบริเวณใกล้ๆ แทนที่จะเข้าไปในกระโจมตามความตั้งใจเดิม
     

    เวลาแบบนี้จะให้เค้าเข้าไปได้อย่างไร จะให้เข้าไปพบกับความจริงที่ว่าแบคฮยอนของเค้ากำลังเป็นของผู้ชายคนอื่น และที่สำคัญกว่านั้น แบคฮยอนกำลังเป็นของผู้ชายคนอื่นด้วยความเต็มใจ
     

    “อืมมมม ฉันรักนายแบคฮยอน”
     

    “อ๊ะ อะ อะ ชะ ชานยอลอ่า ฉัน อื้อ ฉันก็รักนาย อ๊า”
     

    ประโยคเหล่านี้ยังคงดังออกมาให้เซฮุนได้ยินอย่างชัดเจน และมันยิ่งตอกย้ำให้เค้ารู้ว่า แบคฮยอนรักปาร์คชานยอล แค่ชานยอลคนเดียว รักมาตั้งแต่แรก รักมาตลอด จนถึงตอนนี้หัวใจดวงนั้นก็เป็นของปาร์คชานยอล ไม่ใช่ของโอเซฮุน หัวใจของบยอนแบคฮยอน ไม่ใช่ของโอเซฮุน
     

    “ไม่เป็นไรหรอกแบคฮยอน ฉันสัญญาแล้วว่าจะปกป้องหัวใจของนายด้วยชีวิต ฉันก็จะทำมัน ฉันจะปกป้องหัวใจดวงนั้น แม้ว่านายจะไม่ได้มอบมันให้ฉันก็ตาม”

    TBC.

    หายไปนานเลย ฮ่า ฮ่า ขอโทษนะคะ เราพยายามเต็มที่แล้วจริงๆ อภัยให้เรานะ T_T 

    ข่าวดีคือ สอบเสร็จแล้วค่ะ

    แต่ข่าวร้ายก็ตามมาเช่นกัน คอมของเรามันเจ็บป่วยนิดหน่อยค่ะ เลยพาไปหาหมอมา แล้วหมอก็ดันเป็นหมอคิวทองค่ะ

    เค้ายังไม่รู้เลยว่าจะซ่อมให้เราได้ตอนไหนอ่ะ

    ช่วงนี้เราเลยต้องใช้คอมที่บ้านไปก่อน ซึ่งใช้บ่อยไม่ได้ เพราะพ่อต้องใช้ทำงาน ดังนั้น เหมือนเดิมค่ะ..... 

    รอเราด้วยน้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาา

     

     ปล.เรารีบมาก เลยพิมพ์แล้วเอามาลงแบบไม่ได้ตรวจเลย ผิดพลาดยังไงก็ขอโทษด้วยนะคะ 

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×