คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #25 : Chapter 24 : ชิลล์ๆก่อนไปเข้าค่าย
Chapter 24 : ชิลล์ๆก่อนไปเข้าค่าย
'ขอ(กราบ)ขอบคุณที่มาทำให้วันหยุดยาวโง่ๆของหนูมีความหมาย"
-------------꧁༺°•✮•°༻꧂------------
ช่วงปิดเทอมฤดูร้อนมาถึงแล้ว ถ้าเป็นบ้านอื่นก็นับได้ว่าเป็นเวลาครอบครัวแต่กลับเธอที่พ่อแม่มุ่นอยู่กับงาน คงไม่ต่างจากวันหยุดว่างยาวๆหรอก
แต่เพราะทางยูเอย์ขอไว้ว่าช่วงปิดเทอมฤดูร้อนนี้ให้งดพวกทริปสถานที่ท่องเที่ยวไกลๆหน่อยเพื่อป้องกันการลอบโจมตีของเหล่าวิลเลิน ยิ่งปิดทางการใช้ชีวิตเข้าไปอีก
เพราะแบบนั้นวันนี้พวกโอชาโกะจังบอกว่าจะไปสระว่ายน้ำโรงเรียนกัน ไอ้ตอนแรกเธอก็อยากไปอยู่หรอกแต่วันแดงเดือดดันทำพิษซะได้ ซึ่งชิออนเองก็ไม่ได้อยากไปเปลี่ยนสีน้ำในสระจึงต้องจำใจกล่าวปฏิเสธไป
ทำให้สุมิเระทำได้แค่เดินซื้อของตามย่านการค้าใกล้บ้านเท่านั้น
อยากไปสระว่ายน้ำบ้างจัง=~=...
黄金のシンバル鳴らすように~
เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ดังขึ้นระหว่างทางเดินกลับ เธอหยิบมันขึ้นมาดูชื่อก่อนจะยกยิ้มแก้มปริ'โทชิโนริซัง' ไม่รออะไรชิออนกดรับสายนั่นทันที
"อ่า...สวัสดีค่ะ?"
[ไงหนูน้อยสุมิเระ รบกวนเวลาส่วนตัวหรือเปล่า?]
"ไม่นะคะ วันนี้ไม่ได้มีธุระอะไรเป็นพิเศษ"
[งั้นช่วยหันมาทางซ้ายทีสิ]
สุมิเระหันไปตามทิศทางที่อีกฝ่ายกล่าวมา ก็พบเข้ากับร่างสูงโปร่งเจ้าของเสียงยืนส่งยิ้มโบกมือมาให้จากอีกฝากถนน
ไม่ทันสังเกตเลยแฮะ0_0
เราทักทายกันตามประสา โทชิโนริซังก็ชวนเธอไปหาอะไรทำแก้เบื่อช่วงปิดเทอมยาวแบบนี้ซึ่งตัวสุมิเระก็ไม่ได้ปฏิเสธ
สุดท้ายก็มาจบกันที่ม้านั่งสวนสาธารณะริมทางพร้อมกับถุงซาลาเปาไส้เนื้อติดมาด้วยราว3-4ชิ้น ชิออนเอนหลังพิงกับม้านั่งตัวยาวพลางเหล่สายตามองคนข้างตัวพลันหน้าก็เกิดร้อนวูบขึ้นมา
"แค่ก! เอิ่ม...ที่ชวนมานี่มีอะไรเป็นพิเศษมั้ยคะ"
เจ้าตัวหันมาสบตากับเธอสักพักก่อนจะหัวเราะร่วน
"ก็แค่คิดว่า หลังจากเข้าเรียนยูเอย์เธอดูยุ่งพอตัวเลยใช่มั้ยล่ะ แล้วเรียนเป็นยังไงบ้างได้เจอออลไมท์มั้ย?"ประโยคสุดท้ายเจ้าตัวดูตื่นเต้นกว่าปกติ ตั้งตารอคำตอบจากเด็กสาวตรงหน้าอย่างคาดหวัง
ถามถึงตัวเองแบบนี้ก็ได้เหรอโทชิโนริซัง? แต่พอเห็นนัยตาสีฟ้าสว่างนั่นจับจ้องมาอย่างคาดหวังก็อดที่จะแกล้งไม่ได้(นิสัยเสีย=_=)
เธอเลิกคิ้วให้กับถามของอีกฝ่ายแต่ก็ยอมตอบไป"ออลไมท์ก็ต้องเจออยู่แล้วล่ะค่ะ ก็เขามาสอนคาบเรียนฮีโร่เลยนี่นา"
"คงตื่นเต้นน่าดูเลยสินะ"
"ก็ไม่นะคะ"ดูดน้ำจ๊วบๆ
"อ...เอ๊ะ นั่นฮีโร่อันดับหนึ่งเลยน่า ไม่รู้สึกประทับใจที่ได้เรียนกับเขาบ้างเหรอ?"นานๆทีที่โทชิโนริจะเอ่ยยกยอตัวเองขนาดนี้ รู้สึกมั่นหน้าชะมัด
"เฉยๆน่ะค่ะ"
"งั้นเหรอ..."
อุ๊บ...
สุมิเระกลั้นยิ้มสุดชีวิตเมื่อคนตรงหน้าเธอนั้นตอบรับเสียงอ่อนเสียงอ้อน คอและไหล่ตกลงเหมือนคนหมดอาลัยตายอยาก มองๆไปก็คล้ายกับกระต่ายที่กำลังเศร้ายังไงหยั่งงั้น
แต่แล้วเธอก็ทนไม่ไหวหลุดหัวเราะก๊ากออกมาจนได้ โทชิโนริซังสะดุ้งโหย่งหันกลับมามองคนที่จู่ๆก็ะเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างไม่อายใครแต่นั่นก็ไม่ได้ดูน่าเกลียดเลยกลับกันในสายตาเขามันยังดูน่าเอ็นดูอีกด้วย ตอนนี้ตัวของชิออนคตเข้าหากันเพราะหัวเราะจนเริ่มปวดท้อง
"ขอโทษนะคะ จู่ๆก็เผลอคิดถึงหนังตลกที่เคยดูขึ้นมา"โกหกหน้าตาย"ส่วนเรื่องที่ได้เรียนกับออลไมท์ มันก็ต้องประทับใจอยู่แล้วล่ะค่ะแค่ไม่ได้แสดงออกชัดเจนเหมือนมิโดริยะแค่นั้นเอง"
เธอยักไหล่เบาๆพร้อมส่งยิ้มให้กับอีกฝ่าย
ด้านยางินั้นเมื่อโดนดาเมจของแมวน้อยเข้าไปเต็มๆได้แต่เกาท้ายทอยกลบอาการลุกลี้ลุกลน แหม นี่เขาออกอาการมากไปหรือเปล่านะ
"...อ่อ อย่างนี้เอง"
บทสนทนาของพวกเรานับว่าเรื่อยเปื่อยพอสมควร ราวกับคิดอะไรก็ยกมาเป็นข้อสนทนาได้ซึ่งคนชวนคุยก็จะเป็นเธอเองส่วนโทชิโนริซังมักเป็นคนเสริมบทสนทนาให้ดูน่าสนใจยิ่งขึ้นไปอีก
ผ่านไปได้สักพักจนเริ่มไม่มีเรื่องให้คุยกันต่อแล้วร่างสูงโปร่งจึงเสนอให้ไปนั่งดูหนังกันสักเรื่อง เพราะวันนี้มีส่วนลดพอดีด้วย
"เธอไม่ต้องจ่ายหรอก เดี๋ยวฉันเลี้ยงเองหนูน้อยสุมิเระ"โทชิโนริกล่าวพลางทำท่าจะยืนเงินให้พนักงาน
ชิออนส่ายหน้าคว้าแขนหมับ"ไม่เอาสิคะ แบบนั้นหนูนอนไม่หลับแน่"
ถึงจะชอบของฟรีแค่ไหนถ้าถูกเลี้ยงบ่อยๆเข้าเธอก็เกรงใจเป็นนะเออ
สองร่างยื้อแย่งกันอยู่นานดีที่ถึงแม้จะมีส่วนลดก็ไม่ค่อยมีคนมาดูหนังเท่าไหร่ ทำให้การทะเลาะหงุงหงิงของคนต่างวัยทั้งสองไม่เป็นที่จับต่างสักเท่าไหร่
โทชิโนริส่งเสียงหัวเราะในลำคอก่อนเกลี้ยกล่อมเด็กสาว"งั้นเอายังงี้มั้ยหนูน้อย ฉันเลี้ยงตั๋วหนังเธอส่วนเธอจ่ายค้าเครื่องดื่มกับป๊อบคอร์นของเรา แฟร์ดีมั้ย?"
แฟร์ตรงไหนกัน...
ชิออนมุ่ยหน้าเมื่อโดนตะล่อมดักไว้ทุกทาง สุดท้ายเธอก็ยอมเพราะพนักงานที่ยืนรอนั้นส่งเสียงกกระแอมเบาๆเป็นการส่งสัญญาณปนแซวนิดๆให้กับพวกเราทั้งคู่
หนังที่พวกเราเลือกดูนั้นเป็นเนื้อเรื่องเกี่ยวกับความรักกลางสงครามระหว่างคนสองคนที่อยู่คนละฝั่งกัน หนังแนวรักโรแมนติกปนดราม่าเคล้าน้ำตา ซึ่งตัวชิออนก็สะอื้นไปหลายฉากเหมือนกัน
แถมงบางครั้งยังเผลอกลั้นหายใจเพราะดันหันไปมองใบหน้าครึ่งซีกของร่างโปร่งข้างกายอีก นับว่าทรมาน=_=
จนเวลาผ่านไปจนสี่โมงเย็น โทชิโนริซังจึงเดินมาส่งเธอที่หน้าย่านการค้าที่เดิมเมื่อช่วงเช้า
"ขอบคุณสำหลับวันนี้มากนะคะโทชิโนริซัง คราวหลังจะหาโอกาสชดใช้ให้แน่ค่ะ!"
อีกฝ่ายเพียงยกมือห้ามพร้อมรอยยิ้ม"เธอสนุกก็ดีแล้วล่ะหนูน้อยสุมิเระ"
ฝ่ามือใหญ่วางลงบนหัวที่ถูกทับด้วยหมวกบีนนี่ก่อนจะขยี้มันเบาๆให้หายหมั่นเขี้ยว
เป็นอีกครั้งที่แก้มของเด็กสาวขึ้นสีแดงระเรื่อ ฉับพลันหมวกบีนนี่ใบโปรดก็ถูกกระชากมาปิดบังใบหน้าเนียนไว้ก่อนเธอจะกล่าวเสียงติดสั่นนิดๆพร้อมเร่งเท้าออกมาอย่างรวดเร็วเต็มฝีเท้า ปล่อยในคนผมเหลืองทองยืนโบกมือค้างอยู่แบบนั้น
"อ้าว?"
ยางิ โทชิโนริ กระพริบตาปริบๆหลังจากที่ร่างน้อยนั้นวิ่งหายไปกับฝูงชนแถมท่าทางจะเปิดพอร์ทัลหนีไปแล้วด้วย ถึงจะไม่ได้ทำอะไรมากมายทว่าการได้ไปเที่ยวกับแมวน้อยวันนี้ก็ทำเขาสนุกมาก
วันนี้ถือเป็นวันหยุดของเขาที่นานๆครั้งจะมีเพราะถึงยังไงโทชิโนริก็ไม่ได้มีงานรัดตัวขนาดไอซาวะคุงหรอกนะ ด้วยเหตุนี้ทำให้เขาได้มาบังเอิญเจอเข้ากับหนูน้อยสุมิเระและไม่รู้อะไรดลใจให้เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาอีกฝ่ายทั้งๆที่แค่เดินไปหาเองก็ได้ ตั้งแต่ที่เห็นเด็กสาวร้องไห้ไปเมื่อครั้งก่อนโทชิโนริก็อยากจะทำบางสิ่งให้กับเด็กสาวบ้างอย่างน้อยให้รอยยิ้มจริงใจนั่นไม่จางหายไปก็ยังดี
เมื่อชิออนกลับมาถึงบ้านด้วยความไหวแสงร่างบางเดินโซซัดโซเซเข้ามาภายในบ้าน เรียกได้ว่าสุมิเระแทบจะทิ้งตัวลงบนโซฟาเลยด้วยซ้ำไป
ไม่รู้เพราะอิ่มหรืออะไรพอหลังจากทิ้งตัวลงบนโซฟาแล้วหนังตาของชิออนก็ปิดลงโดยอัตโนมัติ เสียงลมหายใจสม่ำเสมอนั้นเป็นสัญญาณว่าเด็กสาวได้หลับไปแล้วเรียบร้อย
น่าแปลกที่บรรยากาศช่วงสี่โมงนั้นเย็นสบายกว่าปกติมากนัก ทำให้ร่างบางรู้ผ่อนคลายยิ่งขึ้นไปอีกจากที่ตั้งใจแค่จะงีบหลับสักครู่กลายเป็นนอนยาวไปซะงั้น
เธอตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่มตรง ประจวบเหมาะกับที่เสียงเพลงจากโทรศัพท์ของเธอดังขึ้นพอดี
黄金のシンバル鳴らすように~
ทว่าคราวนี้ไม่ใช่ของโทชิโนริซังแต่อย่างใด ทว่าเป็นคนที่ตัวชิออนคุ้นเคยมากกว่านั้น
'คุณแม่'
เห็นแบบนั้นเธอก็เร่งกดรับสายทันที
"สวัสดีค่ะคุณแม่"
[อ๊าาา เป็นยังไงบ้างชิออนจังสบายดีมั้ย? เห็นว่างานกีฬาได้ตั้งที่3เลยนี่นาเก่งสุดๆเลยนะลูก]
"เอ่อ...แม่คะ"
[ตายจริง แม่พูดรัวไปสินะ โทษทีจ้ะ]
เสียงหัวเราะใสของผู้เป็นแม่ยังคงเหมือนระฆังแก้วไม่มีเปลี่ยน แม่ของเธอตั้งแต่เด็กก็จะคอยดูแลเอาใจใส่ชิออนเสมอแถมยังเป็นคนที่ผลักดันและส่งเสริมเรื่องที่เธออยากเป็นฮีโร่อีกด้วย
'คำพูดของคนอื่นมันไม่สำคัญเท่าการกระทำของเราหรอกนะจ๊ะชิออนจัง แม่เชื่อว่าหนูสามารถเปลี่ยนความคิดของคนเหล่านั้นได้'
ชิออนยึดมั่นคำสอนนั้นมาตลอดเพราะแบบนั้นแม้จะโดนดูถูกมากมายแค่ไหน เธอก็ไม่เคยคิดที่จะล้มเลิกความฝันของตนเองที่จะเป็นฮีโร่
และอัตลักษณ์ของเธอน่าจะถูกส่งต่อมาจากผู้เป็นแม่นั่นแหละ เพราะแม่ของชิออนนั้นมีอัตลักษณ์'แผนที่(map)'ไม่ว่าจะพื้นที่รกร้างแค่ไหนแม่ของเธอก็สามารถมองมันได้อย่างทะลุปรุโปร่งบวกกับความรู้ด้านภูมิประเทศก็จะยิ่งเสริมอัตลักษณ์นี้ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ร่วมถึงสามารถมองเส้นทางที่คนๆนึงเคยผ่านมาด้วยทำให้ความสามารถของแม่นั้นไม่ต่างจากการมองเห็นอดีตดีๆนี่เอง
เราสองแม่ลูกพูดหยอกล้อกันไปมาได้ไม่ถึงสิบนาทีมารดาก็ต้องขอตัวไปทำงานต่อ
[ต่อจากนี้ก็คงมีเรื่องถาโถมเข้ามาอีกแน่Fightingนะชิออนจัง!]
สายถูกตัดไปเป็นสัญญาณว่าแม่ของเธอนั้นวางสายไปแล้ว ชิออนยิ้มบางเบาก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟาเพื่อนำซาลาเปาไส้เนื้อไปอุ่น
เพราะตอนนี้เธอชักจะหิวแล้วล่ะ แฮะๆ
"คุยกับลูกเหรอ?"เสียงทุ้มดังขึ้นจากด้านหลังทำให้หญิงสาวต้องหันกลับไปพลางส่งยิ้มให้กับผู้เป็นสามี
"ค่ะ"
เรือนผมยาวสลวยของหล่อนถูกนำไปม้วนเล่นก่อนอีกฝ่ายจะจรดริมฝีปากลงเบาๆเอ่ยออกมาเสียงราบเรียบ
"งานคุณยังไม่เสร็จเลยนะที่รัก เอาเวลาคุยกับลูกมาทำมันให้เสร็จดีกว่ามั้ย?"
หล่อนทำแค่เพียงยิ้ม วางมือลงที่แก้มของอีกฝ่ายพลางลูบมันเบาเบาเหมือนกับทุกๆครั้งก่อนจะลุกไปทำงานที่คั่งค้างของตนต่อ
ทว่ามิวายเอ่ยทิ้งท้ายไว้แก่ผู้เป็นสามี
"คุณเองก็โทรไปหาชิออนจังบ้างนะคะ เด็กๆวัยนี้ต้องการความรักจากพ่อแม่มากกว่าอะไรทั้งนั้น"
พูดไปก็ไม่ได้หวังว่าคนเป็นสามีจะทำตามอะไร มันเป็นแค่คำพูดซ้ำๆซากๆที่หล่อนกล่าวอยู่ทุกวี่วันให้เขาคนนั้นคิดได้และหันกลับมามองบุคคลด้านหลังบ้าง
ภายในห้องเกิดความเงียบชั่วขณะ หญิงสาวก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะหยุดรอคำตอบของอีกฝ่ายไปทำไม แต่อย่างน้อยๆเธอก็อยากได้ยินจากปากเขาว่าจะอ่อนโยนกับลูกสาวเรามากกว่านี้
ไอ้ตัวเธอน่ะอยากจะโทรไปหาลูกให้มากๆทุกครั้งหลังอาหารเช้าเที่ยงเย็นเลยด้วยซ้ำ แต่อนิจจังมื้ออาหารของเธอดันมีแค่เวลาเดียวคือสองทุ่มมื้อเดียวนี่สิ
ไม่มีเสียงตอบรับกลับมาจากผู้เป็นสามีและพ่อของลูก หญิงสาวได้แต่ถอนหายใจออกมาแววตาฉายความหม่นหมอง
และหล่อนก็เดินจากไป...
ชายวัยกลางคนตีหน้ายิ้มเดินกลับไปที่ห้องทำงานของตนเพื่อจัดการเอกสารสารพัดเรื่องต่อ หลังจากทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ขาของเขาก็พาดลงบนโต๊ะทำงานอย่างที่ทำเป็นประจำ
มืออีกข้างหนึ่งคว้าเอาลูกดอกที่วางระเกะระกะอยู่บนโต๊ะขึ้นมาควงเล่น ปากที่ยกยิ้มอยู่นั้นพึมพำออกมา
"แล้วที่เราทำอยู่มันไม่ใช่ความรักหรือไงกันนะ? แปลกจริงๆ"
เงินเขาก็ส่งไปให้ลูกไม่เคยขาด ถ้าอยากได้อะไรขอแค่บอกเขาก็ซื้อให้อยู่แล้วแต่อาจนานหน่อยเพราะเขาก็ไม่ได้มีเวลาไปเช็กโทรศัพท์ทุก24ชม.
สุดท้ายก็เลิกคิดให้รกสมอง เขาไม่อยากให้เรื่องส่วนตัวมาทำลายสมาธิเวลางานสักเท่าไหร่ด้วย งานเขายังเหลืออีกเป็นกองจะให้มาหาวิธีเอาใจเด็กก็ใช่เรื่อง
ก็คงเป็นความเอาแต่ใจตามประสาเด็กล่ะมั้ง?
ปึก!
ลูกดอกนั้นถูกปาเข้าเป้าไปอย่างแม่นยำ
-------------꧁༺°•✮•°༻꧂------------
เขาเที่ยวเล่นกันแบบตั๊ลล๊ากๆนะทุกคนนน
มีคำถามเข้ามาว่าไรท์จะแต่งเนื้อเรื่องMy hero academia two heroesมั้ย? คำตอบคือ'แต่งค่ะ!'แต่คงต้องรอไปก่อน
ยัง...ยังอีกอิพ่อ...ยังไม่รู้ตัวอีก=[ ]=*!!
1 คอมเมนท์ 100 กำลังใจ
เมนท์กันเยอะๆนะ~
ความคิดเห็น