คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : บทที่ 8 เผชิญหน้า
บทที่ 8 เผชิญหน้า
---------------------------------------
รุ่งเช้าฟ่านซือเยว่ค่อยรู้สึกตัวตื่นขึ้น นางบิดขี้เกียจเล็กน้อยพอให้คลายความเมื่อยล้า นั่งรออยู่ครู่นึงจนสติครบถ้วนจึงค่อยลุกขึ้นมาจัดการตนเอง
ท้องฟ้าด้านนอกยังไม่สว่างมากนัก รอบๆตัวเรือนปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกบางเบา เป็นเอกลักษณ์ของอวิ๋นเซินปู้จื้อฉู่
นับเป็นภาพที่เห็นได้ไม่บ่อยหากเทียบกับชีวิตจริงของนางที่รอบบ้านแทบจะห้อมล้อมด้วยตึกและอาคารสำนักงานต่างๆนาๆ หากไม่มีสนามหญ้าที่สร้างไว้ล่ะก็ สุขภาพของนางคงแย่ไปมากกว่านี้
"ซูจิง ข้าจะออกไปนอกเรือนสักประเดี๋ยวนะ"ฟ่านซือเยว่หันไปกล่าวกับสาวใช้คนสนิท
"อย่าไปนานนักนะเจ้าคะ มิเช่นนั้นจะกินข้าวเช้าไม่ทันเอา"ซูจิงเอ่ยด้วยความเป็นห่วง
หากฟ่านซือเยว่กล่าวได้ นางก็อยากจะกล่าวว่าอาหารรสจืดเรากับเอาน้ำเปล่ามาต้มให้ที่ทางกูซูจัดมา เลือกได้นางขออดมื้อเช้าเสียยังจะดีกว่า
ทว่าก็ไม่ได้กล่าวออกไป
ยามออกนอกเรือน ฟ่านซือเยว่ก็พบว่าอากาศภายนอกนั้นหนาวกว่าที่คาดการณ์ไว้ ครั้นจะกลับเข้าไปเอาเสื้อคลุมมาเพิ่มก็ขี้คร้านเกินไป"ยังดีนะที่พกกระบี่ติดมือมาด้วย"
อย่างน้อยหาอะไรทำฆ่าเวลาไปก่อนดีกว่า ไม่รีรอฟ่านซือเยว่มุ่งตรงไปที่ข้างลำธารซึ่งระยะทางค่อนข้างห่างจากเรือนนางไม่น้อย ทว่าเป็นส่วนตัวถูกใจนางยิ่งนัก
ฟ่านซือเยว่ขยับท่วงท่าพร้อมวาดกระบี่ในมือไปด้วย บางจังหวะนางเสริมจังหวะการเคลื่อนไหวของตนเข้าไปเพื่อสร้างรูปแบบเพลงกระบี่ประจำตัว
ไม่พอเมื่อการเคลื่อนไหวเริ่มคงที่ ปากบางก็เริ่มฮัมเพลงออกมาเบาๆคลอกับสายลมแดนเมฆา
ฟ่านซือเยว่นั้นชื่นชอบเพลงจีนทำนองสบายๆ โดยเฉพาะแนวที่นำไปประกอบซีรีย์กำลังภายในนั้นยิ่งชอบเป็นพิเศษ มันทำในนางรู้สึกผ่อนคลายและเคลิ้มไปกับบรรยากาศรอบกาย
ไม่นานหลังจากนั้น จากการฮัมเพลงเบาๆก็กลายเป็นการขับร้องควบคู่ไปกับการวาดกระบี่ ซึ่งหากเป็นคนธรรมดาทำเช่นนี้คงได้คาดใจตายกันไปข้างเป็นแน่
โดยไม่ทันได้สังเกตุว่าทั้งหมดนั้นอยู่ในสายตาของคุณชายตระกูลเวินทั้งหมด 'เวินรั่วหาน'กอดอกแนบหลังพิงกับต้นไม้แถวนั้น จ้องมองร่างของสตรีสกุลฟ่านวาดเพลงกระบี่ไปเงียบๆพร้อมกับฟังบทเพลงของนางโดยไม่คิดที่จะปริปากพูดอะไรสักคำ
การวาดกระบี่พลิ้วไหวราวต้นไผ่ต้องลม ทว่าหนักแน่นทุกการฟาดฟันดุจหินผา เป็นการเคลื่อนไหวที่สมบูรณ์แบบจนเขายังอดชื่นชมในใจไม่ได้
ไหนจะเสียงเพลงเสนาะหูที่สตรีสกุลฟ่านขับร้องคลอไปกับการฟาดกระบี่ ช่างเป็นภาพชวนฝันราวกับนางเซียนลงมาร่ายรำแทนที่จะเป็นการฝึกร่างกายเสียอีก
เขาลอบหัวเราะในลำคอ ถึงแม้ตระกูลฟ่านจะไร้บุตรมาเชิดหน้าชูตาเฉกเช่นตระกูลอื่นๆทว่าบุตรีบุญธรรมเบื้องหน้านั้นก็คงสร้างชื่อเสียงให้ตระกูลในภายภาคหน้าได้ไม่น้อยหรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ
ครั้นเห็นร่างอรชรกลับมายืนตรงดังเดิมพร้อมบทเพลงที่หยุดลงไปด้วย คุณชายเวินจึงได้ทีกล่าวทักจนนางเผลอสะดุ้งแทบทำกระบี่ประจำกายหลุดมือ
"ช่างเป็นบทเพลงที่ไพเราะนัก น่าประทับใจมาก"คุณชายเวินยกยิ้มแสร้งปรบมือเบาๆ
การที่คุณชายเวินผู้ทะนงตนจะเอ่ยชมเชยใครเช่นนี้คงไม่ได้มีกันให้เห็นบ่อยๆ ด้วยถูกเรียกว่า'อัจฉริยะ'มาตั้งแต่จำความได้ ทำให้เขามองคนรอบข้างต่ำกว่าตนเสมอ
ทว่าดันออกปากชมบทเพลงที่นางร้องออกมาเล่นๆ แล้วทำเมินการฝึกเพลงกระบี่ที่นางตั้งอกตั้งใจฝึกมันแทบตายเนี่ยนะ ไม่ดูกวนประสาทไปหน่อยเหรอ?
สตรีสกุลฟ่านมุ่ยหน้าเอียงคอเล็กน้อย ท่วงท่าไม่รักษากิริยาเช่นนี้หากเป็นบุตรสาวสกุลอื่นคงถูกลงโทษสถานหนักแน่
"อ๊ะ!? คารวะคุณชายเจ้าค่ะ"ยังดีที่นางฉุดคิดทัน จึงเลิ่กลั่กย่อกายทำความเคารพอีกฝ่ายทันที
ถ้านับกันจริงๆแล้วนางถือว่าอายุน้อยที่สุดในกลุ่มอนุชนที่เข้ามาเล่าเรียนที่อวิ๋นเซินปู้จื้อซู่ น้อยกว่าสักสามปีเห็นจะได้
ด้วยเหตุนี้ฟ่านซือเยว่จึงต้องทำความเคารพทุกคนที่เดินเข้ามาในรัศมีของนาง แม้บางรายนางจะไม่อยากให้ความเคารพเสียด้วยซ้ำก็ยังต้องจำใจ
เวินรั่วหานเห็นเช่นนั้นก็หลุดหัวเราะออกมา"อย่ามากพิธีเลยแม่นางฟ่าน ทำตัวตามสะบายอย่างที่เจ้าเป็นเถอะ"
ท่าทางมีภูมิฐานและทรงอำนาจจนยากจะเชื่อว่าเจ้าตัวยังเป็นเพียงแค่คุณชายน้อยอยู่ จังหวะนั้นเองฟ่านซือเยว่ล่วงรู้ได้ในทันทีว่าคนเบื้องหน้านั้นอันตราย!
จะในนิยายก็ดี ในอนิเมะก็ดี หรือแม้แต่ในซีรีย์ เวินรั่วหานนับเป็นตัวละครที่ทรงพลังเป็นอันดับต้นๆของเรื่องเลยก็ว่าได้ หากไม่ใช่เพราะความทะนงตนเผลอไว้วางใจไส้ศึกอย่างเมิ่งเหยา เขาคงกลายเป็นบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ทั่วทั้งใต้หล้า
ฟ่านซือเยว่เกร็งขึ้นมาชั่วขณะ นางไม่สามารถอ่านสีหน้าของบุคคลเบื้องหน้าได้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
ต่างจากทางคุณชายผู้สูงศักดิ์ที่คาดเดาอารมณ์ของสตรีสกุลฟ่านได้อย่างทะลุปรุโปร่ง
เวินรั่วหานหัวเราะหึ นางรู้ตัวมั้ยว่ากิริยาทั้งหมดของนางล้วนอยู่ในสายตาของเขาทั้งสิ้น
และไม่รู้อะไรดลใจให้เขาเอ่ยบางสิ่งออกไป อาจเพราะเขาอยากหาอะไรทำแก้เบื่อก่อนที่ตาเฒ่าสกุลหลานจะเรียกรวมตัวเท่านั้นเอง
"ออกมาฝึกหนักตั้งแต่เช้าตรู่เช่นนี้ ผิวพรรณเจ้าจะแห้งแตกเอาได้นะแม่นางฟ่าน"เขากล่าวเสียงเนิบนาบ
"เช่นนั้นใครจะอยากได้เจ้าเป็นฟูเหรินเล่า?"
ซือเยว่เอียงคออีกครั้ง สมองประมวลผลสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังกล่าว
"กับคนที่มองข้าเพียงเปลือกนอกและอ้างว่าการที่ข้าฝึกฝนร่างกายเช่นนี้เป็นเรื่องที่มิควร...ข้าคงยินดีมิน้อยที่คนพรรค์นั้นไม่อยากได้ข้าเป็นฟูเหริน"
เชื่อเถอะถึงคนแบบนั้นอยากได้นาง นางก็จะทำทุกวิถีทางให้เปลี่ยนใจซะ หรือหากเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ซือเยว่จะทำให้ชีวิตหลังแต่งงานของคนผู้นั้นชิบหายกันไปข้าง!
"แต่เจ้าไม่คิดบ้างหรือว่าการเป็นสตรีควรรักษากิริยามารยาทมากกว่าที่เจ้าเป็นอยู่ ในสายตาผู้อื่นจะดูไม่งามนะ"คุณชายเวินชักเริ่มสนุก กล่าวลองเชิงอีกสักหน่อย
"อะไรคือสิ่งที่กำหนดว่าสตรีควรมิควรทำกันเล่า? ข้าก็เห็นว่ามีสตรีหลายนางที่ต้องหาเลี้ยงดูบุรุษไม่ได้ความมิต่างกัน เพียงแค่ผู้คนมิคิดจะใส่ใจ"นางรายยาว ราวกับอัดอั้นมานาน
"ยุทธภพนั้นกีดกันสตรีมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ทั้งกำหนดว่าควรงดงามนั่งอยู่แต่ในเรือนรอปฏิบัติฟูจวิน นางเซียนที่มีชื่อเสียงนั้นก็ต้องมีคุณสมบัติครบถ้วยตามที่ผู้คนกำหนดกันไปเอง"ยิ่งเอ่ยวาจาเท่าไหร่นางยิ่งรู้สึกของขึ้น
นางยกเรียวนิ้วขึ้นลากไปตามโครงหน้าอันไร้ที่ติของตน"นางเซียนงามล้ำทว่าไร้ความสามารถก็จะถูกติฉินนินทาไล่ต้อนให้กลับไปทำหน้าที่อย่างอิสตรี นางเซียนนางใดที่ขาดตกบกพร่องเรื่องรูปโฉมก็จะถูกหมางเมินจากทั้งยุทธภพ"
ด้วยเหตุนี้เองซือเยว่จึงค่อนข้างนับถือและชื่นชมอวี๋จื่อเยวียนที่ได้ชื่อว่าเป็นนางเซียนสุดแกร่งอีกทั้งยังสามารถยืนหยัดเคียงข้างผู้เป็นฟูจวินได้อย่างสมภาคภูมิ สิ่งเดียวที่เป็นราวกับรอยด่างพร้อยของนางคนไม่พ้นเรื่องชะตารักที่เฒ่าจันทราผูกให้
"ไม่ว่าในสายตาคนรอบข้างจะว่าอย่างไร กระนั้นตัวข้าก็จะทำสิ่งที่ข้าตั้งมั่นไว้ต่อไป"
คุณชายเวินถือโอกาส"เจ้ามั่นหมายสิ่งได้ไว้รึ?"
ซือเยว่รู้ว่าเวินรั่วหานจงใจหลอกถามนางทีเผลอ ทว่าเรื่องที่นางตั้งมั่นไว้หาใช่ความลับไม่ เพราะฉะนั้นซือเยว่พร้อมจะยืดอกและเอ่ยมันออกไป
"ข้าจะทำให้สตรีและบุรุษสามารถอยู่ร่วมกันอย่างเสมอภาค ไม่กำหนดหน้าที่ของใครทั้งนั้น สตรีสามารถเรียนกระบี่ได้โดยมิถูกติฉินนินทา บุรุษเองก็สามารถเข้าครัวได้โดยมิเป็นที่ครหา"
แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าไม่ควรนำแนวคิดในยุคปัจจุบันของนางมาโยงกับโลกจีนกำลังภายในมาปะปนกันเช่นนี้ แต่นางก็อยากจะทำมันอยู่ดี
"โฮว ช่างเป็นเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่นัก"
ใหญ่จนมิคิดว่ามือคู่น้อยนั้นจะสามารถแบกมันไหว...
นัยน์ตาสีชาดจ้องที่มือบางของสตรีเบื้องหน้าตาไม่กระพริบ
ทันใดนั้น
หมับ!
ฟ่านซือเยว่เบิกตากว้างเมื่อคนตรงหน้าตวัดมาหมายจะจับมือนางโดยมิบอกกล่าว นางยกแขนตั้งรับไว้ได้ทันทำให้เวินรั่วหานหมับเข้าที่ข้อมือนางไว้แทน
นางกรอกตาล่อกแล่กเพราะอีกฝ่ายนั้นไม่คิดจะปล่อยแถมยังกำไว้แน่น ราวกับจะทำให้กระดูกนางแหลกขามือ
'อย่าหักมือหนูน่า~ หนูยังไม่ได้ทำอะไรเลยยยย'
ซือเยว่คร่ำครวญในใจเมื่อแรงบีบนั้นมากขึ้นเรื่อยๆจนมือนางเริ่มขึ้นสีม่วงคล้ำ
หรือนางเผลอไปทำกิริยาอะไรไม่เข้าตาเฮียแกเข้า ถึงทำถ้าจะหักมือนางแหลมิหักแหลอยู่แบบนี้!?
โอเค นางยอมรับว่าเมื่อกี้อาจแสดงกิริยาไม่สมไม่ควรไปสักหน่อย แต่ถึงกับจะหักมือกันจริงๆเลยหรือ?!
ฝ่ายคุณชายเวินแห่งฉีซานเลิกคิ้วขึ้นอย่างอดแปลกใจมิได้ เมื่อเรียวแขนที่ควรจะบางสมสตรี กลับแข็งราวกับเหล็ก นัยน์ตาสีชาดตวัดมองร่างเบื้องหน้าก็ได้แค่รอยยิ้มกระหยิ่มกลับมา
ว่าตามจริง ก่อนหน้านี้เวินรั่วหานเพียงแค่สนใจสตรีตระกูลฟ่านที่เข้ามาศึกษาในอวิ๋นเซินปู้จื้อฉู่ซึ่งนานๆทีจะมีให้เห็นเท่านั้น
แต่ก็สนใจเพียงผิวเผิน มิได้พิศวาสถึงขนาดต้องแตะเนื้อต้องตัวของนางโดยพลการเช่นนี้
ฟ่านซือเยว่สะบัดแขนออกด้วยทวงท่าอ่อนช้อย ซึ่งเวินรั่วหานไม่คิดจะยื้อไว้แต่อย่างใด
"ถ้าคุณชายมิมีสิ่งใดแล้ว ซือเยว่ขอตัวลาและขออภัยที่เสียมารยาทอีกครั้งด้วย"ส่งยิ้มให้อีกรอบก่อนมุดผ่านร่างของบุรุษแดนสุริยันไปราวกับวิฬารย่องเบา
ลับสายตาแม่นางฟ่าน บุตรชายตระกูลเวินผู้เกรียงไกรยกมือที่สัมผัสฟ่านซือเยว่ขึ้นมาก่อนคมวดคิ้วแน่น
ในตอนที่ลอบกำแขนของสตรีสกุลฟ่านไว้นั้น เขาสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณธาตุหยาินที่เข้มข้นราวกับนักพรตที่ได้บำเพ็ญเพียรมานานหลายสิบปี
พลังปราณแข็งแกร่ง ผิดกับรูปลักษณ์นัก
ไหนจะแนวคิดและวาจาแสนยโสนั่นอีก
"หึ สตรีเสมอกับบุรุษงั้นรึ?"
คุณชายเวินรั่วหานชักสนใจแม่นางฟ่านขึ้นมาอีกหน่อยแล้วล่ะนะ
ผ่านเวลาช่วงเช้าไปเฉกเช่นทุกวัน มิได้มีสิ่งใดเป็นพิเศษสำหรับฟ่านซิงนอกเสียจากเหตุการณ์เผชิญหน้ากับอนาคตผู้นำของเหล่าเซียนเพียงเท่านั้น
"ดี ฟ่านซือเยว่เจ้านั่งลงได้"เสียงแหบของผู้อาวุโสสั่งนาง น้ำเสียแฝงความพึงพอใจไม่น้อย
ผู้อาวุโสหลานลูบเคราตนอย่างพออกพอใจ พัฒนาการของคุณหนูตระกูลฟ่านนับว่ารวดเร็วนัก จากเมื่อวานที่ถูกไล่ตะเพิดเพราะไม่เข้าใจเนื้อหามาคราวนี้นางกับเข้าใจรายละเอียดของหัวข้อนั้นจนแทบจะแตกฉาน
ฟ่านซือเยว่ลอบยิ้มร่าในใจ
แน่ล่ะ ก็นางเล่นแหกตาทบทวนเนื้อหามันแทบจะทั้งคืนเลยนี่นา~
จากเหตุการณ์เมื่อวาน คนอื่นๆอาจมองนางเป็นคุณหนูหัวช้าแห่งสกุลฟ่านไปแล้วก็ได้ เหมาะแก่การรุมรังแกซะไม่มีแม้ที่แห่งนี้จะเป็นอวิ๋นเซินปู้จื้อฉู่ก็ตาม
แน่นอนฟ่านซือเยว่มิยอมเป็นแกะน้อยยอมถูกรังแกแน่ ทว่าหากรังแกได้นางสาบานว่าจะตามจองผลาญคนผู้นั้นจนกว่าจะได้รับโทษอย่างสาสม!
เสร็จสิ้นการเรียนยามเช้าอันแสนน่าเบื่อเพื่อมาเล่าเรียนเนื้อหายามบ่ายแสนน่าเบื่อเช่นกัน
สรุปก็คือจะยามไหนก็ไม่ต่างกันหรอก=_=...
ทว่าทุกชีวิตผลันต้องหูผึ่งขึ้นมาเมื่อผู้อาวุโสกล่าวถึงหมูบ้านที่ถูกวิญญาณร้ายบุกโจมตี สันนิษฐานว่าจะเป็นวิญญานอาฆาตที่ยังหาที่มามิได้
ปกติทางตระกูลหลานคงส่งบรรดาอนุชนในสกุลไปจัดการ ทว่าจากการประชุมล่าสุดลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่าการออกล่าปีศาจครานี้ควรให้เหล่าอนุชนรุ่นใหม่ได้จัดการกันเอง
และไม่รู้อะไรดลใจให้ท่านผู้อาวุโสนั้นเลือกให้ฟ่านซือเยว่เป็นหนึ่งในกลุ่มเยี่ยเลี่ยในครั้งนี้ด้วย ทำเอาแม่นางน้อยสกุลฟ่านงงเป็นไก่ตาแตก
"ผู้ที่ต้องออกเยี่ยเลี่ยในคืนนี้ขอให้มารวมตัวกันที่หน้าประตูทางเข้าอวิ๋นเซินในยามซวี(19.00น.-20.59น.)ข้าหวังว่าจะมิมีผู้ใดสาย"
ไม่รู้หรอกว่าท่านผู้อาวุโสหลานกล่าวถึงใคร(ไม่ใช่นางแน่ๆล่ะ) ทว่ายามนี้ฟ่านซือเยว่กำลังคิดไม่ตกกับการออกเยี่ยเลี่ยครั้งแรกในชีวิต
ถึงทักษะของฟ่านซือเยว่ไม่ได้ต่ำขนาดนั้น อันที่จริงออกไปทางสูงเสียด้วยทว่าตัวนางก็ไม่เคยได้พบเจอภูติผีปีศาจตัวเป็นๆกับตาเหมือนกัน
อย่าว่าแต่ในฐานะเซียนเลย ในชีวิตจริงนางยังไม่เคยทำอะไรแบบนี้ด้วยซ้ำ
ก็ในโลกนางมันมีภูติผีปีศาจให้ล่าที่ไหนกันเล่า!?
---------------------------------------
#มาครบยัง? รุ่นพ่ออ่ะครบยัง?
#ปู่ทางให้แม่นางได้โชว์ของสักหน่อย เดี๋ยวจะไม่สมน้ำสมเนื้อกับคุณชายคนอื่นๆ555
#ขอให้สนุกกับนิยาย และอย่าลืมคอมเมนท์เป็นกำลังกันด้วยนะ~
ความคิดเห็น