ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Mo dao ​zu ​shi​ (MDZS)​ | ปรมาจารย์ลัทธิมาร]​ เซียนหญิงท่องโลก

    ลำดับตอนที่ #9 : บทที่ 8 เผชิญหน้า​

    • อัปเดตล่าสุด 20 มี.ค. 65



    บทที่ 8 เผชิญหน้า​


     

    ---------------------------------------

     

    รุ่งเช้าฟ่านซือเยว่ค่อยรู้สึกตัวตื่นขึ้น นางบิดขี้เกียจเล็กน้อยพอให้คลายความเมื่อยล้า​ นั่งรออยู่ครู่นึงจนสติครบถ้วนจึงค่อยลุกขึ้นมาจัดการตนเอง

     

    ท้องฟ้าด้านนอกยังไม่สว่างมากนัก รอบๆตัวเรือนปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกบางเบา เป็นเอกลักษณ์​ของอวิ๋นเซินปู้จื้อฉู่

     

    นับเป็นภาพที่เห็นได้ไม่บ่อยหากเทียบกับชีวิตจริงของนางที่รอบบ้านแทบจะห้อมล้อม​ด้วยตึกและอาคารสำนักงาน​ต่างๆนาๆ หากไม่มีสนามหญ้าที่สร้างไว้ล่ะก็ สุขภาพของนางคงแย่ไปมากกว่านี้

     

    "ซูจิง ข้าจะออกไปนอกเรือนสักประเดี๋ยว​นะ"ฟ่านซือเยว่หันไปกล่าวกับสาวใช้คนสนิท​

     

    "อย่าไปนานนักนะเจ้าคะ มิเช่นนั้นจะกินข้าวเช้าไม่ทันเอา"ซูจิงเอ่ยด้วยความเป็นห่วง

     

    หากฟ่านซือเยว่กล่าวได้ นางก็อยากจะกล่าวว่าอาหารรสจืดเรากับเอาน้ำเปล่ามาต้มให้ที่ทางกูซูจัดมา เลือกได้นางขออดมื้อเช้าเสียยังจะดีกว่า

     

    ทว่าก็ไม่ได้กล่าวออกไป

     

    ยามออกนอกเรือน ฟ่านซือเยว่ก็พบว่าอากาศ​ภายนอกนั้นหนาวกว่าที่คาดการณ์​ไว้ ครั้นจะกลับเข้าไปเอาเสื้อคลุมมาเพิ่มก็ขี้คร้าน​เกินไป​"ยังดีนะที่พกกระบี่ติดมือมาด้วย" 

     

    อย่างน้อยหาอะไรทำฆ่าเวลา​ไปก่อนดีกว่า ไม่รีรอฟ่านซือเยว่มุ่งตรงไปที่ข้างลำธารซึ่งระยะทางค่อนข้าง​ห่างจากเรือนนางไม่น้อย ทว่าเป็นส่วนตัวถูกใจนางยิ่งนัก

     

    ฟ่านซือเยว่ขยับท่วงท่า​พร้อมวาดกระบี่ในมือไปด้วย บางจังหวะนางเสริมจังหวะการเคลื่อนไหวของตนเข้าไปเพื่อสร้างรูปแบบเพลงกระบี่ประจำตัว

     

    ไม่พอเมื่อการเคลื่อนไหว​เริ่มคงที่ ปากบางก็เริ่มฮัมเพลงออกมาเบาๆคลอกับสายลมแดนเมฆา

     

    ฟ่านซือเยว่นั้นชื่นชอบเพลงจีนทำนองสบายๆ โดยเฉพาะแนวที่นำไปประกอบซีรีย์กำลังภายในนั้นยิ่งชอบเป็นพิเศษ มันทำในนางรู้สึกผ่อนคลายและเคลิ้มไปกับบรรยากาศ​รอบกาย

     

    ไม่นานหลังจากนั้น จากการฮัมเพลงเบาๆก็กลายเป็นการขับร้องควบคู่ไปกับการวาดกระบี่ ซึ่งหากเป็นคนธรรมดาทำเช่นนี้คงได้คาดใจตายกันไปข้างเป็นแน่

     

    โดยไม่ทันได้สังเกตุ​ว่าทั้งหมดนั้นอยู่ในสายตาของคุณชายตระกูลเวินทั้งหมด 'เวินรั่วหาน'​กอดอกแนบหลังพิงกับต้นไม้แถวนั้น จ้องมองร่างของสตรีสกุลฟ่านวาดเพลงกระบี่ไปเงียบๆพร้อมกับฟังบทเพลงของนางโดยไม่คิดที่จะปริปาก​พูดอะไรสักคำ

     

    การวาดกระบี่พลิ้วไหวราวต้นไผ่ต้องลม ทว่าหนักแน่นทุกการฟาดฟันดุจหินผา เป็นการเคลื่อนไหวที่สมบูรณ์แบบ​จนเขายังอดชื่นชมในใจไม่ได้

     

    ไหนจะเสียงเพลงเสนาะ​หูที่สตรีสกุลฟ่านขับร้องคลอไปกับการฟาดกระบี่ ช่างเป็นภาพชวนฝันราวกับนางเซียนลงมาร่ายรำแทนที่จะเป็นการฝึกร่างกายเสียอีก

     

    เขาลอบหัวเราะในลำคอ ถึงแม้ตระกูล​ฟ่านจะไร้บุตรมาเชิดหน้าชูตาเฉกเช่น​ตระกูลอื่นๆทว่าบุตรีบุญธรรมเบื้องหน้านั้นก็คงสร้างชื่อเสียงให้ตระกูลในภายภาคหน้า​ได้ไม่น้อยหรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ


    ครั้นเห็นร่างอรชรกลับมายืนตรงดังเดิมพร้อมบทเพลงที่หยุดลงไปด้วย คุณชายเวินจึงได้ทีกล่าวทักจนนางเผลอสะดุ้งแทบทำกระบี่ประจำกายหลุดมือ

     

    "ช่างเป็นบทเพลงที่ไพเราะนัก น่าประทับใจมาก"คุณชายเวินยกยิ้มแสร้งปรบมือเบาๆ

     

    การที่คุณชายเวินผู้ทะนงตนจะเอ่ยชมเชย​ใครเช่นนี้คงไม่ได้มีกันให้เห็นบ่อยๆ ด้วยถูกเรียกว่า'อัจฉริยะ'​มาตั้งแต่จำความได้ ทำให้เขามองคนรอบข้างต่ำกว่าตนเสมอ

     

    ทว่าดันออกปากชมบทเพลงที่นางร้องออกมาเล่นๆ แล้วทำเมินการฝึกเพลงกระบี่ที่นางตั้งอกตั้งใจฝึกมันแทบตายเนี่ยนะ ไม่ดูกวนประสาทไปหน่อยเหรอ? 


    สตรีสกุลฟ่านมุ่ยหน้าเอียงคอเล็กน้อย ท่วงท่าไม่รักษา​กิริยาเช่นนี้หากเป็นบุตรสาวสกุลอื่นคงถูกลงโทษสถานหนักแน่


    "อ​๊​ะ!? คารวะคุณ​ชายเจ้าค่ะ"ยังดีที่นางฉุดคิดทัน จึงเลิ่กลั่ก​ย่อกายทำความเคารพ​อีกฝ่ายทันที


    ถ้านับกันจริงๆแล้วนางถือว่าอายุน้อยที่สุดในกลุ่มอนุชนที่เข้ามาเล่าเรียน​ที่อวิ๋นเซินปู้จื้อซู่ น้อยกว่าสักสามปีเห็นจะได้


    ด้วยเหตุนี้​ฟ่านซือเยว่จึงต้องทำความเคารพ​ทุกคนที่เดินเข้ามาในรัศมี​ของนาง แม้บางรายนางจะไม่อยากให้ความเคารพ​เสียด้วยซ้ำก็ยังต้องจำใจ


    เวินรั่วหานเห็นเช่นนั้นก็หลุดหัวเราะออกมา"อย่ามากพิธีเลยแม่นางฟ่าน ทำตัวตามสะบายอย่างที่เจ้าเป็นเถอะ"


    ท่าทางมีภูมิฐาน​และทรงอำนาจจนยากจะเชื่อว่าเจ้าตัวยังเป็นเพียงแค่คุณชายน้อยอยู่ จังหวะนั้นเองฟ่านซือเยว่ล่วงรู้​ได้ในทันทีว่าคนเบื้องหน้านั้นอ​ั​น​ต​ราย!


    จะในนิยายก็ดี ในอนิเมะก็ดี หรือแม้แต่ในซีรี​ย์ เวินรั่วหานนับเป็นตัวละครที่ทรงพลังเป็นอันดับต้นๆของเรื่องเลยก็ว่าได้ หากไม่ใช่เพราะความทะนงตนเผลอไว้วางใจ​ไส้ศึกอย่างเมิ่งเหยา เขาคงกลายเป็นบุคคลผู้ยิ่งใหญ่​ทั่วทั้งใต้หล้า


    ฟ่านซือเยว่เกร็งขึ้นมาชั่วขณะ นางไม่สามารถอ่านสีหน้าของบุคคลเบื้องหน้าได้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่


    ต่างจากทางคุณชายผู้สูงศักดิ์​ที่คาดเดาอารมณ์​ของสตรีสกุลฟ่านได้อย่างทะลุปรุโปร่ง​ 


    เวินรั่วหานหัวเราะหึ นางรู้ตัวมั้ยว่ากิริยาทั้งหมดของนางล้วนอยู่ในสายตาของเขาทั้งสิ้น 


    และไม่รู้อะไรดลใจ​ให้เขาเอ่ยบางสิ่งออกไป อาจเพราะเขาอยากหาอะไรทำแก้เบื่อก่อนที่ตาเฒ่าสกุลหลานจะเรียกรวมตัวเท่านั้นเอง


    "ออกมาฝึกหนักตั้งแต่เช้าตรู่​เช่นนี้​ ผิวพรรณ​เจ้าจะแห้งแตกเอาได้นะแม่นางฟ่าน"เขากล่าวเสียงเนิบนาบ​


    "เช่นนั้นใครจะอยากได้เจ้าเป็นฟูเหรินเล่า?" 


    ซือเยว่เอียงคออีกครั้ง สมองประมวลผลสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังกล่าว


    "กับคนที่มองข้าเพียงเปลือกนอกและอ้างว่าการที่ข้าฝึกฝน​ร่างกายเช่นนี้เป็นเรื่องที่มิควร...ข้าคงยินดีมิน้อยที่คนพรรค์นั้นไม่อยากได้ข้าเป็นฟูเหริน"


    เชื่อเถอะถึงคนแบบนั้นอยากได้นาง นางก็จะทำทุกวิถีทางให้เปลี่ยนใจซะ หรือหากเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ซือเยว่จะทำให้ชีวิตหลังแต่งงานของคนผู้นั้นชิบหายกันไปข้า​ง! 


    "แต่เจ้าไม่คิดบ้างหรือว่าการเป็นสตรีควรรักษากิริยามารยาท​มากกว่าที่เจ้าเป็นอยู่ ในสายตาผู้อื่นจะดูไม่งามนะ"คุณชายเวินชักเริ่มสนุก กล่าวลองเชิง​อีกสักหน่อย


    "อะไรคือสิ่งที่กำหนดว่าสตรีควรมิควรทำกันเล่า? ข้าก็เห็นว่ามีสตรีหลายนางที่ต้องหาเลี้ยงดูบุรุษ​ไม่ได้ความมิต่างกัน เพียงแค่ผู้คนมิคิดจะใส่ใจ"นางรายยาว ราวกับอัดอั้นมานาน 


    "ยุทธภพนั้นกีดกัน​สตรีมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ทั้งกำหนดว่าควรงดงามนั่งอยู่แต่ในเรือนรอปฏิบัติ​ฟูจวิน นางเซียนที่มีชื่อเสียงนั้นก็ต้องมีคุณสมบัติ​ครบถ้วยตามที่ผู้คนกำหนดกันไปเอง"ยิ่งเอ่ยวาจาเท่าไหร่นางยิ่งรู้สึกของขึ้น 


    นางยกเรียวนิ้วขึ้นลากไปตามโครงหน้าอันไร้ที่ติของตน"นางเซียนงามล้ำทว่าไร้ความสามารถก็จะถูกติฉินนินทา​ไล่ต้อนให้กลับไปทำหน้าที่อย่างอิสตรี นางเซียนนางใดที่ขาดตกบกพร่อง​เรื่องรูปโฉมก็จะถูกหมางเมินจากทั้งยุทธภพ" 


    ด้วยเหตุนี้​เองซือเยว่จึงค่อนข้างนับถือและชื่นชมอวี๋จื่อเยวียนที่ได้ชื่อว่าเป็นนางเซียนสุดแกร่ง​อีกทั้งยังสามารถยืนหยัดเคียงข้าง​ผู้เป็นฟูจวินได้อย่างสมภาคภูมิ สิ่งเดียวที่เป็นราวกับรอยด่างพร้อย​ของนางคนไม่พ้นเรื่องชะตารักที่เฒ่าจันทราผูกให้


    "ไม่ว่าในสายตาคนรอบข้างจะว่าอย่างไร กระนั้นตัวข้าก็จะทำสิ่งที่ข้าตั้งมั่นไว้ต่อไป"


    คุณชายเวินถือโอกาส​"เจ้ามั่นหมายสิ่งได้ไว้รึ?" 


    ซือเยว่รู้ว่าเวินรั่วหานจงใจหลอกถามนางทีเผลอ ทว่าเรื่องที่นางตั้งมั่นไว้หาใช่ความลับไม่ เพราะฉะนั้นซือเยว่พร้อมจะยืดอกและเอ่ยมันออกไป


    "ข้าจะทำให้สตรีและบุรุษ​สามารถอยู่ร่วมกันอย่างเสมอภาค ไม่กำหนดหน้าที่ของใครทั้งนั้น สตรีสามารถเรียนกระบี่ได้โดยมิถูกติฉินนินทา บุรุษ​เองก็สามารถเข้าครัวได้โดยมิเป็นที่ครหา" 


    แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าไม่ควรนำแนวคิดในยุคปัจจุบัน​ของนางมาโยงกับโลกจีนกำลังภายในมาปะปน​กันเช่นนี้ แต่นางก็อยากจะทำมันอยู่ดี


    "โฮว ช่างเป็นเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่นัก"


    ใหญ่จนมิคิดว่ามือคู่น้อยนั้นจะสามารถแบกมันไหว... 


    นัยน์ตา​สีชาดจ้องที่มือบางของสตรีเบื้องหน้าตาไม่กระพริบ 


    ทันใดนั้น


    หมั​บ! 


    ฟ่านซือเยว่เบิกตากว้างเมื่อคนตรงหน้าตวัดมาหมายจะจับมือนางโดยมิบอกกล่าว นางยกแขนตั้งรับไว้ได้ทันทำให้เวินรั่วหานหมับเข้าที่ข้อมือนาง​ไว้แทน


    นางกรอกตาล่อกแล่กเพราะอีกฝ่ายนั้นไม่คิดจะปล่อยแถมยังกำไว้แน่น ราวกับจะทำให้กระดูกนางแหลกขามือ


    'อย่าหักมือหนูน่า~ หนูยังไม่ได้ทำอะไรเลยยยย'​


    ซือเยว่คร่ำครวญ​ในใจเมื่อแรงบีบนั้นมากขึ้นเรื่อยๆจนมือนางเริ่มขึ้นสีม่วงคล้ำ


    หรือนางเผลอไปทำกิริยาอะไรไม่เข้าตาเฮียแกเข้า ถึงทำถ้าจะหักมือนางแหลมิหักแหลอยู่แบบนี้!?


    โอเค นางยอมรับว่าเมื่อกี้อาจแสดงกิริยาไม่สมไม่ควรไปสักหน่อย แต่ถึงกับจะหักมือกันจริงๆเลยหรือ?! 


    ฝ่ายคุณชายเวินแห่งฉีซานเลิกคิ้วขึ้นอย่างอดแปลกใจมิได้ ​เมื่อเรียวแขนที่ควรจะบางสมสตรี กลับแข็งราวกับเหล็ก นัยน์ตา​สีชาดตวัดมองร่างเบื้องหน้าก็ได้แค่รอยยิ้มกระหยิ่ม​กลับมา


    ว่าตามจริง ก่อนหน้านี้เวินรั่วหานเพียงแค่สนใจสตรีตระกูลฟ่านที่เข้ามาศึกษาในอวิ๋นเซินปู้จื้อฉู่ซึ่งนานๆทีจะมีให้เห็นเท่านั้น


    แต่ก็สนใจเพียงผิวเผิน​ มิได้พิศวาส​ถึงขนาดต้องแตะเนื้อต้องตัวของนางโดยพลการ​เช่นนี้


    ฟ่านซือเยว่สะบัดแขนออกด้วยทวงท่าอ่อนช้อย ซึ่งเวินรั่วหานไม่คิดจะยื้อไว้แต่อย่างใด


    "ถ้าคุณชายมิมีสิ่งใดแล้ว ซือเยว่ขอตัวลาและขออภัยที่เสียมารยาท​อีกครั้งด้วย"ส่งยิ้มให้อีกรอบก่อนมุดผ่านร่างของบุรุษ​แดนสุริยันไปราวกับวิฬารย่องเบา​


    ลับสายตาแม่นางฟ่าน บุตรชายตระกูลเวินผู้เกรียงไกร​ยกมือที่สัมผัส​ฟ่านซือเยว่ขึ้นมาก่อนคมวดคิ้วแน่น


    ในตอนที่ลอบกำแขนของสตรีสกุลฟ่านไว้นั้น เขาสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณธาตุหยาินที่เข้มข้นราวกับนักพรต​ที่ได้บำเพ็ญเพียรมานานหลายสิบปี


    พลังปราณ​แข็งแกร่ง​ ผิดกับรูปลักษณ์​นัก


    ไหนจะแนวคิดและวาจาแสนยโสนั่นอีก


    "หึ สตรีเสมอกับบุรุษ​งั้นรึ?" 


    คุณ​ชายเวินรั่วหานชักสนใจแม่นางฟ่านขึ้นมาอีกหน่อยแล้วล่ะนะ



    ผ่านเวลาช่วงเช้าไปเฉกเช่น​ทุกวัน มิได้มีสิ่งใดเป็นพิเศษสำหรับฟ่านซิงนอกเสียจากเหตุการณ์​เผชิญหน้า​กับอนาคตผู้นำของเหล่าเซียนเพียงเท่านั้น


    "ดี ฟ่านซือเยว่เจ้านั่งลงได้"เสียงแหบของผู้อาวุโสสั่งนาง น้ำเสียแฝงความพึงพอใจ​ไม่น้อย


    ผู้อาวุโสหลานลูบเคราตนอย่างพออกพอใจ พัฒนา​การของคุณหนูตระกูล​ฟ่านนับว่ารวดเร็วนัก จากเมื่อวานที่ถูกไล่ตะเพิด​เพราะไม่เข้าใจเนื้อหามาคราวนี้นางกับเข้าใจรายละเอียด​ของหัวข้อนั้นจนแทบจะแตกฉาน​


    ฟ่านซือเยว่ลอบยิ้มร่าในใจ


    แน่ล่ะ ก็นางเล่นแหกตาทบทวนเนื้อหามันแทบจะทั้งคืนเลยนี่นา~


    จากเหตุการณ์​เมื่อวาน คนอื่นๆอาจมองนางเป็นคุณหนูหัวช้าแห่งสกุลฟ่านไปแล้วก็ได้ เหมาะแก่การรุมรังแกซะไม่มีแม้ที่แห่งนี้จะเป็นอวิ๋นเซินปู้จื้อฉู่ก็ตาม


    แน่นอนฟ่านซือเยว่มิยอมเป็นแกะน้อยยอมถูกรังแกแน่ ทว่าหากรังแกได้นางสาบานว่าจะตามจองผลาญ​คนผู้นั้นจนกว่าจะได้รับโทษ​อย่างสา​สม! 


    เสร็จสิ้น​การเรียนยามเช้าอันแสนน่าเบื่อเพื่อมาเล่าเรียนเนื้อหายามบ่ายแสนน่าเบื่อเช่นกัน


    สรุปก็คือจะยามไหนก็ไม่ต่างกันหรอก=_=... 


    ทว่าทุกชีวิตผลันต้องหูผึ่งขึ้นมาเมื่อผู้อาวุโสกล่าวถึงหมูบ้านที่ถูกวิญญาณ​ร้ายบุกโจมตี สันนิษฐาน​ว่าจะเป็นวิญญาน​อาฆาต​ที่ยังหาที่มามิได้


    ปกติทางตระกูลหลานคงส่งบรรดาอนุชนในสกุลไปจัดการ ทว่าจากการประชุมล่าสุดลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่าการออกล่าปีศาจครานี้ควรให้เหล่าอนุชนรุ่นใหม่ได้จัดการกันเอง


    และไม่รู้อะไรดลใจให้ท่านผู้อาวุโสนั้นเลือกให้ฟ่านซือเยว่เป็นหนึ่งในกลุ่มเยี่ยเลี่ยในครั้งนี้ด้วย ทำเอาแม่นางน้อยสกุลฟ่านงงเป็นไก่ตาแตก


    "ผู้ที่ต้องออกเยี่ยเลี่ยในคืนนี้ขอให้มารวมตัวกันที่หน้าประตูทางเข้าอวิ๋นเซินในยามซวี(19.00น.-20.59น.)ข้าหวังว่าจะมิมีผู้ใดสาย" 


    ไม่รู้หรอกว่าท่านผู้อาวุโสหลานกล่าวถึงใคร(ไม่ใช่นางแน่ๆล่ะ)​ ทว่ายามนี้ฟ่านซือเยว่กำลังคิดไม่ตกกับการออกเยี่ยเลี่ยครั้งแรกในชีวิต


    ถึงทักษะของฟ่านซือเยว่ไม่ได้ต่ำขนาดนั้น อันที่จริงออกไปทางสูงเสียด้วยทว่าตัวนางก็ไม่เคยได้พบเจอภูติผีปีศาจตัวเป็นๆกับตาเหมือนกัน


    อย่าว่าแต่ในฐานะเซียนเลย ในชีวิตจริงนางยังไม่เคยทำอะไรแบบนี้ด้วยซ้ำ


    ก็ในโลกนางมันมีภูติผีปีศาจให้ล่าที่ไหนกันเ​ล่​า!? 




    ---------------------------------------


    #มาครบยัง? รุ่นพ่ออ่ะครบยัง? 


    #ปู่​ทางให้แม่นางได้โชว์ของสักหน่อย เดี๋ยวจะไม่สมน้ำสมเนื้อ​กับคุณชายคนอื่นๆ555


    #ขอให้สนุกกับนิยาย และอย่าลืมคอมเมนท์​เป็นกำลังกันด้วยนะ~

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×