คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 6 สอนมารยาทให้คุณชายขนมเข่ง
บทที่ 6 สอนมารยาทให้คุณชายขนมเข่ง
---------------------------------------
ในตอนนี้ฟ่านซือเยว่กำลังเล่นเกมไล่จับอย่างมิใคร่จะเต็มใจนัก หากไม่ติดที่(ไอ้)คุณชายสกุลจินนั่นเอาแต่ตามตอแยเธอไม่เลิก แถมยังเป็นการเข้าหาอย่างแยบยลจนมิมีใครให้ความสนใจ
ในขณะที่ว้าวุ่นอยู่กับตัวเอง ฟ่านซือเยว่ก็มิทันได้สังเกตุบุคคลใหม่ที่เดินเข้ามาใกล้แม้แต่นิด
"แม่นางฟ่านขึ้นไปทำอันใดบนนั้นรึ?"
!!!
บุรุษอาภรณ์สีชาดลายตะวันฉาย ใบหน้าดุดันชวนให้บรรยากาศรอบกายสั่นสะท้าน
ฝ่ามือสลายจินตาน!
"ท... ท่าน"
"ข้า'จ้าวจู๋หลิว'ขออภัยแม่นางที่มิเอ่ยแนะนำตัวก่อน"
จ้าว? จ้าวจู๋หลิว? แสดงว่าในยามนี้อีกฝ่ายยังไม่ได้เปลี่ยนแซ่ไปใช้แซ่เวินเหรอ แต่ก็เห็นว่าติดตามรับใช้เวินรั่วหานอยู่หนิ?
ดวงตาเรียวคมของจ้าวจู๋หลิวไล่มองไปที่ร่างระหงบนต้นไม้ที่เกาะลำต้นแน่นจนเหมือนกับวิฬารน้อยวัยกำลังซนที่ปีนขึ้นไปแล้วหาทางลงไม่ได้
ซึ่งก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ
เธอปีนขึ้นมาหวังแอบคุณชายวิปริตนั่น ทว่าไปๆมาๆดันหาทางลงมิได้ซะงั้น ปีนขึ้นมาก็ใช่ว่าเตี้ยๆซะที่ไหน
ถ้าไม่หาคนช่วยเธอก็คงต้องทะยานลงไปเอง
และไม่รับประกันสภาพของเธอว่าจะกลับมาพิการเหมือนโลกจริงด้วยหรือเปล่า...
"ถ...ถ้าไม่เป็นการรบกวนท่าน กรุณารอรับข้าอยู่ตรงนั้นได้หรือไม่?"เธอกล่าวเสียสั่น หวังให้อีกฝ่ายตอบตกลง
ฝ่ายผู้มีสมญานามฝ่ามือสลายจินตานมองนิ่งทว่าก็พยักหน้าเบาๆ ถือเป็นการตอบรับ
ฟ่านซือเยว่เห็นดังนั้นก็ไม่รีรอกระโจนลงมาหาโดยไม่บอกกล่าว จนจ้าวจู๋หลิวอ้าแขนรับไว้แทบไม่ทัน
ตุบ!
ตกสู่อ้อมแขนของบุรุษเบื้องล่างอย่างปลอดภัยไร้บาดแผล และได้รับสายตาติดตำหนิจากอีกฝ่ายมาด้วย
"ขออภัยท่านที่ทำอะไรวู่วาม ฟ่านซิงผิดไปแล้ว"นางประสานโค้งตัวตรงหน้า ผู้ใช้แซ่จ้าวเพียงพยักหน้ารับ ปล่อยให้ร่างระหงเดินผ่านไป
สายตาคมเหลือบมองตามแผ่นหลังเล็กนั่นจนสุดสายตา แม้แผ่นหลังนั่นจะดูเล็กเปราะบาง ทว่ามากด้วยรัศมีความน่าเกรงขามเกินสตรีปกติมาก
จ้าวจู๋หลิวหันหลังเดินกลับไปหาผู้เป็นนาย พยายามตัดภาพสตรีตระกูลฟ่านให้ออกไปจากหัวซะ
เข้ายามอู่(11.00-12.59 น.)เวลาพักของเหล่าอนุชนสกุลหลาน ฟ่านซิงแยกตัวมานั่งทานสำรับเพียงลำพัง
บรรยากาศร่มรื่น ลมพัดเบาๆทำให้มิอบอ้าวยิ่งอวิ๋นเซินปู้จื้อฉู่มิใช่ที่ๆมีอากาศร้อนอยู่แล้วด้วย ตะเกียบคีบเอาเต้าหู้ผัดเข้าปากเพื่อลิ้มรสชา-
จืด...
บอกได้คำเดียวว่าจืด! บรรยากาศรอบตัวไม่ได้ช่วยทำให้อาหารกูซูรสชาติดีขึ้นเลยซักนิด
คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน ตะเกียบในมือเขี่ยกับข้าวในสำรับไปมาอย่างขัดใจ
คิดถึงไข่เจียวหมูสับ...
บ่นกับตัวอยู่ดีๆจมูกน้อยๆก็ได้กลิ่นหอมโชยมา กลิ่นของเครื่องเทศนาๆชนิดกับแป้งหอมๆ ชวนน้ำลายสอ
เมื่อหันไปก็พบเข้ากับใบหน้าเกลี้ยงเกลาของคุณชายโบตั๋นนั่งยิ้มแป้นให้เธอ
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฟ่านซือเยว่ให้ความสนใจ ทว่าเป็นสำรับของอีกคนต่างหาก
"ทำไมสำรับของคุณชายไม่เหมือนผู้อื่น ตระกูลจินได้รับสิทธิพิเศษหรืออย่างไร"
ภายในสำรับของบุรุษข้างกายมีทั้งไก่ผัดเปรี้ยวหวาน เสี่ยวหลงเปา ชุนปิ่ง เกี๊ยว ซาลาเปาไส้หมูสับ และอีกหลายๆอย่างจนแทบกินไม่หวาดไม่ไหว
จินกวงซ่านหัวเราะกับวาจาแดกดันชวนเอ็นดูของสตรีข้างกายเขาเหลือเกิน แม้ปากจะพูดแบบนั้นแต่ดวงตากลมนั้นก็ยังมีเหลือบมองสำรับของเขาอยู่เป็นบางคราว
"หามิได้แม่นางฟ่าน เพียงแต่ว่าคนสนิทของข้าออกไปนอกอวิ๋นเซินปู้จื้อฉู่แล้วได้ซื้อของกลับมาเล็กๆน้อย ครั้นจะทิ้งก็น่าเสียดายจริงรึไม่?"
"หากเป็นเช่นนั้นก็เชิญคุณชายทานสำรับให้สงบเถอะเจ้าค่ะ ผู้แซ่ฟ่านขอตัว"
ในขณะที่ฟ่านซือเยว่จะสะบัดตัวย้ายสำรับตนหนีไปที่อื่น คุณชายขนมเข่งก็เอ่ยขึ้นมาราวกับเป็นการรั้งเอาไว้
"ทว่าอาหารพวกนี้ก็มีมากมายเหลือเกินเห็นทีจะกินไม่หมด คงต้องทิ้งจริงๆ"
หญิงสาวหัวเราะหึ"ตระกูลจินร่ำรวยนัก จะกินทิ้งกินขว้างแค่ไหน คงมิมีใครกล้ากล่าวตำหนิหรอกเจ้าค่ะ! "
"ถ้ามิรังเกียจเชิญแม่นางมาร่วมทานสำรับกับข้าได้หรือไม่"เสียงพัดเคาะๆบนเนื้อหิน ฟ่านซิงหันไปเผชิญหน้ากับอีกคนก็เห็นว่าคุณชายจินนั้นวางสำรับไว้บนโขดหินแล้วตนนั่งอยู่อีกฝั่ง
"โดนโบยที่หอบรรพชนครั้งนั้นคงมิเข็ดหลาบ เพียงแค่นี้ทั้งข้าและท่านก็ถูกจับตามองจนมิรู้จะกล่าวอย่างไรแล้ว"
คุณชายจินยิ้มกริ่มใต้พัดเล่มโปรด
"หากแม่นางรู้ตัวว่าสิ่งที่กระทำมิใช่ความผิด แล้วจะกลัวไปใย สู้ยืดอกรับความจริงของตนมิดีกว่าหรือ?"
นับว่าเป็นคุณชายที่มีวาทศิลป์ดีเลิศ อนาคตคงเป็นประมุขที่เชี่ยวชาญในด้านเจรจาธุรกิจเป็นแน่
ที่สุดแล้วฟ่านซือเยว่ก็ยอมทิ้งตัวลงฝั่งตรงข้ามแล้วทานมื้ออาหารร่วมกับคุณชายจินในช่วงพักจนอิ่มแปร้
เมื่อทานจนพอใจฟ่านซือเยว่รวบตะเกียบจัดวางของอีกเล็กน้อยเพื่อให้เกียรติฝ่ายตรงข้ามก่อนลุกขึ้นโดยมิพูดมิจาสักคำ
"อิ่มหนำสำราญดีหรือไม่แม่นางฟ่าน:)"
"ก็ดี ขอบคุณคุณชายจินที่เมตตา"
หวังจะแยกตัวออกมาแต่ก็มิเป็นดังหวังเมื่อจินกวงซ่านเอ่ยประโยคหนึ่งขึ้นราวกับตั้งใจ
"ดูเอาเถอะสตรีงามกระโจนสู่อ้อมอกบุรุษ...แม่นางคิดว่าต้องเป็นสตรีเช่นใดกันรึ?"เสียงเย้าแหย่กล่าวขึ้น ก่อนนัยน์ตาสีเปลือกไม้นั่นเหล่มองคนงามที่ตวัดสบเข้าเช่นกัน
"คิดว่าเป็นสตรีที่โชคร้ายมิหยอก ที่ถูกคนไร้มารยาทนำมาพูดต่อโดยไร้แก่นสารเช่นนี้"
เธอเข้าใจจุดประสงค์ของอีกฝ่ายแล้ว เขาคงหวังจะนำเรื่องของเธอไปเล่าต่อให้ไม่เหลือที่ยืนในอวิ๋นเซินปู้จื้อฉู่สินะ
และแน่นอนหากมิอยากให้เรื่องรั่วไหลย่อมต้องมีข้อแลกเปลี่ยนที่สมน้ำสมเนื้อ ซึ่งฟ่านซิงก็มิอาจคาดเดาจิตใจของบุรุษเบื้องหน้าได้
พัดเล่มงามตีลงบนฝ่ามือหนาเป็นจังหวะ เสียงหัวเราะในลำคอดังขึ้นเป็นระยะๆ
"งั้นมารยาทที่ดีนอกจากกระโจนใส่บุรุษยังมีสิ่งใดที่ผู้แซ่จินต้องเรียนรู้อีกหรือ แม่นางฟ่านโปรดชี้แนะ"แสร้งเอียงคออย่างอ่อนน้อม แม้จะไปไม่ถึงดวงตา
นัยน์ตาสีโอรสหลี่ลงก่อนจะหลับตาพริ้ม ปากบางยิ้มหวานพราวเสน่ห์จนฝ่ายบุรุษเผลอเคลิ้มไปชั่วครู่
"หากคุณชายต้องการทราบ ข้าจะสอนให้...อย่างระเอียด"
"หึ รบกวนแม่นางแล้ว~"
ร่างบางเดินเข้าประชิดร่างบุรุษเบื้องหน้า ฝ่ามือบางลูบไล้ไปตามแผงอกของคุณชานจินกวงซ่าน โดยผู้ถูกกระทำเพียงอยู่นิ่งๆรับคำสอนเท่านั้น
สายตาคมไล่สำรวจแม่นางน้อยตรงหน้าที่ทำการลูบไล้ไปทั่งแผงอกของเขามีสอดลอดผ่านใต้วงแขนเป็นครั้งคราวสร้างแรงปรารถนาให้กับร่างสูงมิน้อย
ทว่าเพียงเสี้ยววิ ริมฝีปากบางนั่นก็เปลี่ยนมาคลี่ยิ้มเย็น
"มารยาทอย่างเดียวที่ท่านควรมีคือไม่แส่เรื่องของผู้อื่น!"
ตู้ม!!!
หลานฉี่เหรินขมวดคิ้วเมื่อหางตาเหลือบเห็นพื้นน้ำกระเซ็นอย่างรุนแรง ราวกับมีวัตถุขนาดใหญ่ร่วงลงไป
มิทันพินิจมองให้แน่ชัดว่าเป็นสิ่งใด ร่างของสตรีสกุลฟ่านก็วิ่งเหยาะๆมาบดบังทัศนียภาพจนมิด คุณชายรองหลานที่ปกติใบหน้าบึ้งตึงอยู่แล้ว บึ้งตึงขึ้นมาอีกเป็นเท่าตัว
"กฎสกุลหลานห้ามเดิ-"
"ห้ามเดินเร็วใช่มั้ยล่ะ ข้ารู้ๆ"ฟ่านซือเยว่พยักหน้าหงึกๆ
"รู้แล้วใยมิคิดปฏิบัติตาม"
"ท่านอย่าเคร่งนักเลยหนา ข้ารู้ว่าสิ่งใดควรมิควร ต่อหน้าท่านผู้อาวุโสข้าก็มิได้ทำผิดกฎอันใดหนิ"วาจาช่างขวานผ่าซาก หลานฉี่เหรินขมวดคิ้วกับประโยคนั้นแต่ก็เลือกที่จะเมินเฉยไป
"แล้วเมื่อครู่เกิดอันใด ข้าเห็นพื้นน้ำกระเซ็นแรงนัก"
"อ่อ ข้าเห็นเต่าตัวหนึ่งเดินต้วมเตี้ยมท่าทางน่าสงสารนัก เลยช่วยจับมันลงน้ำน่ะ"
"โยนลงไปแบบนั้นมีแต่จะทำให้มันตาย"
"อุ้ฟ!? งั้นท่านก็อย่าไปบอกใครนะว่าข้าเผลอสังหารเต่าไปน่ะ"
หลานฉี่เหรินมองใบหน้าแป้นแล้นนั่น ได้แต่คิดและสงสัยใยสตรีนางแซ่ฟ่านเบื้องหน้าเขาถึงได้แปลกพิลึกได้เพียงนี้
ถอนหายใยอย่างเหนื่อยหน่าย พร้อมมุมปากที่ยกขึ้นเล็กน้อยทว่ามิอาจรอดพ้นสายตาของเด็กสกุลฟ่านไปได้
แต่มิขอพูดดีกว่า เงียบปากไว้ถือเป็นบุญตา เผื่อโอกาสหน้าได้เห็นอีก
"รีบไปเถอะคุณชายรอง นี่จะได้เวลาเรียนแล้ว เดี๋ยวจะสายเอา"
"ก็เพราะใครกันล่ะ..."
และในชั่วโมงเรียนวันนั้นก็มิมีใครพบเห็นคุณชายจินเลยตลอดทั้งบ่าย คาดคะเนไปต่างๆนาๆว่าคุณชายจินกวงซ่านอาจหนีไปเที่ยวหอโคมเขียวที่ใดซักแห่ง
โดยมิรู้เลยว่าความจริงแล้วอีกฝ่ายเพียงแค่สะดุด(?)ตกสระน้ำจนอาภรณ์เปียกไปทั้งตัวก็เท่านั้น ครั้นจะกลับมาเข้าเรียนช่วงบ่ายก็มิทันการณ์เสียแล้ว
ฟ่านซือเยว่ลอบยิ้มสะใจ ไร้ซึ่งความสำนึกผิดแต่อย่างใด เธอไม่ทุ้มหินซ้ำลงไปด้วยก็บุญหัวแค่ไหนแล้ว!
ส่วนเรื่องคัดกฎสกุล ด้วยแรงกายและแรงใจฟ่านซือเยว่ก็สามารถคัดมันจนเสร็จได้ทันก่อนเวลาที่กำหนอเสียอีก
แถมอีกไม่กี่อาทิตย์ก็ใกล้เข้าเทศกาลลอยโคมของกูซูแล้ว คุณหนูตระกูลฟ่านจึงรู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษ
เพราะในวันนั้นเหมือนกับเป็นวันหยุดการเรียนการสอนของอวิ๋นเซินปู้จื่อฉู่ ศิษย์ในสำนักสามารถใช้เวลาทั้งวันเพื่อสร้างโคมได้
และความน่าสนุกอยู่ที่จุดนั้น ศิษย์ทั้งหลายจะต้องสร้างโคมขึ้นและวาดลวดลายลงไปตามใจชอบ
ร่างบางลอบวาดภาพลงในกระดาษไว้พลางๆ เผื่อยามถึงเวลาจริงจะได้วาดอย่างไร้ความลังเล โดยมิเกรงกลัวอาจารย์หลานที่ยืนสอนอยู่แม้แต่นิด
'ช่างเป็นแม่นางน้อยที่หาญกล้าซะจริง'
---------------------------------------
#ฟ่านซิงทำอะไรลูกกกก ไปปีนต้นไม้เล่นทำไม๊ สรุปหนูเป็นคนหรือแมวหน่ออออ
#ฝ่ามือสลายจินตานเดิมมีแซ่ว่า'จ้าว'ซึ่งก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเฮียจู๋หลิวนั้นเปลี่ยนมาใช้แซ่'เวิน'เมื่อไหร่
#สอนมารยาทสไตล์คนตระกูลฟ่าน ใช้บาทาสอนสั่งเจ้าค่ะ555+
#1เม้นท์100กำลังใจ อย่าลืมคอมเม้นกันมาเยอะๆนะคะ~
ความคิดเห็น