ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Mo dao ​zu ​shi​ (MDZS)​ | ปรมาจารย์ลัทธิมาร]​ เซียนหญิงท่องโลก

    ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 6 สอนมารยาทให้คุณชายขนมเข่ง

    • อัปเดตล่าสุด 4 มี.ค. 65



    บทที่ 6 สอนมารยาทให้คุณ​ชายขนมเข่ง


     

    ---------------------------------------


     

    ในตอนนี้ฟ่านซือเยว่กำลังเล่นเกมไล่จับอย่างมิใคร่จะเต็มใจนัก หากไม่ติดที่(ไอ้)​คุณ​ชายสกุลจินนั่นเอาแต่ตามตอแย​เธอไม่เลิก แถมยังเป็นการเข้าหาอย่างแยบยล​จนมิมีใครให้ความสนใจ

     

    ในขณะที่ว้าวุ่น​อยู่กับตัวเอง ฟ่านซือเยว่ก็มิทันได้สังเกตุ​บุคคลใหม่ที่เดินเข้ามาใกล้แม้แต่นิด

     

    "แม่นางฟ่านขึ้นไปทำอันใดบนนั้นรึ?" 

     

    !!! 

     

    บุรุษ​อาภรณ์​สีชาดลายตะวันฉาย ใบหน้าดุดันชวนให้บรรยากาศ​รอบกายสั่นสะท้าน​ 

     

    ฝ่ามือสลายจินต​า​น​! 

     

    "ท... ท่าน" 

     

    "ข้า'จ้าวจู๋หลิว'​ขออภัยแม่นางที่มิเอ่ยแนะนำตัวก่อน" 

     

    จ้าว? จ้าวจู๋หลิว? แสดงว่าในยามนี้อีกฝ่ายยังไม่ได้เปลี่ยนแซ่ไปใช้แซ่เวินเหรอ แต่ก็เห็นว่าติดตามรับใช้เวินรั่วหานอยู่หนิ? 

     

    ดวงตาเรียวคมของจ้าวจู๋หลิวไล่มองไปที่ร่างระหงบนต้นไม้ที่เกาะลำต้นแน่นจนเหมือนกับวิฬารน้อยวัยกำลังซนที่ปีนขึ้นไปแล้วหาทางลงไม่ได้

     

    ซึ่งก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ

     

    เธอปีนขึ้นมาหวังแอบคุณชายวิปริต​นั่น ทว่าไปๆมาๆดันหาทางลงมิได้ซะงั้น ปีนขึ้นมาก็ใช่ว่าเตี้ย​ๆซะที่ไหน

     

    ถ้าไม่หาคนช่วยเธอก็คงต้องทะยานลงไปเอง

     

    และไม่รับประกันสภาพของเธอว่าจะกลับมาพิการ​เหมือนโลกจริงด้วยหรือเปล่า... 

     

    "ถ...ถ้าไม่เป็นการรบกวนท่าน กรุณา​รอรับข้าอยู่ตรงนั้นได้หรือไม่?"เธอกล่าวเสียสั่น หวังให้อีกฝ่ายตอบตกลง

     

    ฝ่ายผู้มีสมญานาม​ฝ่ามือสลายจินตานมองนิ่งทว่าก็พยักหน้าเบาๆ ถือเป็นการตอบรับ

     

    ฟ่านซือเยว่เห็นดังนั้นก็ไม่รีรอ​กระโจนลงมาหาโดยไม่บอกกล่าว จนจ้าวจู๋หลิวอ้าแขนรับไว้แทบไม่ทัน

     

    ตุบ! 

     

    ตกสู่อ้อมแขนของบุรุษ​เบื้องล่าง​อย่างปลอดภัย​ไร้บาดแผล และได้รับสายตาติดตำหนิจากอีกฝ่ายมาด้วย

     

    "ขออภัยท่านที่ทำอะไรวู่วาม​ ฟ่านซิงผิดไปแล้ว"นางประสานโค้งตัวตรงหน้า ผู้ใช้แซ่จ้าวเพียงพยักหน้ารับ ปล่อยให้ร่างระหงเดินผ่านไป

     

    สายตาคมเหลือบมอง​ตามแผ่นหลังเล็กนั่นจนสุดสายตา แม้แผ่นหลังนั่นจะดูเล็กเปราะบาง​ ทว่ามากด้วยรัศมีความน่าเกรงขามเกินสตรีปกติมาก

     

    จ้าวจู๋หลิวหันหลังเดินกลับไปหาผู้เป็นนาย พยายามตัดภาพสตรีตระกูล​ฟ่านให้ออกไปจากหัวซะ

     

     

     

    เข้ายามอู่(11.00-12.59 น.)​เวลาพักของเหล่าอนุชนสกุลหลาน ฟ่านซิงแยกตัวมานั่งทานสำรับเพียงลำพัง

     

    บรรยากาศ​ร่มรื่น​ ลมพัดเบาๆทำให้มิอบอ้าว​ยิ่งอวิ๋น​เซิน​ปู​้​จื้อ​ฉู่​มิใช่ที่ๆมีอากาศ​ร้อนอยู่แล้วด้วย ตะเกียบคีบเอาเต้าหู้​ผัดเข้าปากเพื่อลิ้มรส​ชา-

     

    จืด...

     

    บอกได้คำเดียวว่าจ​ื​ด! บรรยากาศ​รอบตัวไม่ได้ช่วยทำให้อาหารกูซูรสชาติ​ดีขึ้นเลยซักนิด

     

    คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน ตะเกียบในมือเขี่ยกับข้าวในสำรับไปมาอย่างขัดใจ

     

    คิดถึงไข่เจียวหมูสับ... 

     

    บ่นกับตัวอยู่ดีๆจมูกน้อยๆก็ได้กลิ่นหอมโชยมา กลิ่นของเครื่องเทศนาๆชนิดกับแป้งหอมๆ ชวนน้ำลายสอ

     

    เมื่อหันไปก็พบเข้ากับใบหน้าเกลี้ยงเกลา​ของคุณชายโบตั๋น​นั่งยิ้มแป้น​ให้เธอ

     

    แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฟ่านซือเยว่ให้ความสนใจ ทว่าเป็นสำรับของอีกคนต่างหาก

     

    "ทำไมสำรับของคุณชายไม่เหมือนผู้อื่น ตระกูล​จินได้รับสิทธิ​พิเศษ​หรืออย่างไร" 

     

    ภายในสำรับของบุรุษ​ข้างกายมีทั้งไก่ผัดเปรี้ยวหวาน เสี่ยวหลงเปา ชุนปิ่ง เกี๊ยว ซาลาเปา​ไส้หมูสับ และอีกหลายๆอย่างจนแทบกินไม่หวาดไม่ไหว

     

    จินกวงซ่านหัวเราะกับวาจาแดกดัน​ชวนเอ็นดูของสตรีข้างกายเขาเหลือเกิน แม้ปากจะพูดแบบนั้นแต่ดวงตากลมนั้นก็ยังมีเหลือบมองสำรับของเขาอยู่เป็นบางคราว​

     

    "หามิได้แม่นางฟ่าน เพียงแต่ว่าคนสนิทของข้าออกไปนอกอวิ๋น​เซิน​ปู​้​จื้อฉู่แล้วได้ซื้อของกลับมาเล็กๆน้อย ครั้นจะทิ้งก็น่าเสียดายจริงรึไม่?" 

     

    "หากเป็นเช่นนั้นก็เชิญคุณชายทานสำรับให้สงบเถอะเจ้าค่ะ ผู้แซ่ฟ่านขอตัว"

     

    ในขณะที่ฟ่านซือเยว่จะสะบัด​ตัวย้ายสำรับตนหนีไปที่อื่น คุณชายขนมเข่งก็เอ่ยขึ้นมาราวกับเป็นการรั้งเอาไว้

     

    "ทว่าอาหารพวกนี้ก็มีมากมายเหลือเกินเห็นทีจะกินไม่หมด คงต้องทิ้งจริงๆ"

     

    หญิงสาวหัวเราะหึ"ตระกูลจินร่ำรวยนัก จะกินทิ้งกินขว้าง​แค่ไหน คงมิมีใครกล้ากล่าวตำหนิหรอกเจ้าค่ะ! "

     

    "ถ้ามิรังเกียจ​เชิญ​แม่นางมาร่วมทานสำรับกับข้าได้หรือไม่"เสียงพัดเคาะๆบนเนื้อหิน ฟ่านซิงหันไปเผชิญหน้า​กับอีกคนก็เห็นว่าคุณ​ชายจินนั้นวางสำรับไว้บนโขดหินแล้วตนนั่งอยู่อีกฝั่ง

     

    "โดนโบยที่หอบรรพชน​ครั้งนั้นคงมิเข็ดหลาบ​ เพียงแค่นี้ทั้งข้าและท่านก็ถูกจับตามองจนมิรู้จะกล่าวอย่างไรแล้ว"

     

    คุณชายจินยิ้มกริ่ม​ใต้พัดเล่มโปรด

     

    "หากแม่นางรู้ตัวว่าสิ่งที่กระทำมิใช่ความผิด แล้วจะกลัวไปใย สู้ยืดอกรับความจริงของตนมิดีกว่าหรือ?" 

     

    นับว่าเป็นคุณ​ชายที่มีวาทศิลป์ดีเลิศ อนาคตคงเป็นประมุข​ที่เชี่ยวชาญ​ในด้านเจรจา​ธุรกิจเป็นแน่

     

    ที่สุดแล้วฟ่านซือเยว่ก็ยอมทิ้งตัวลงฝั่งตรงข้ามแล้วทานมื้ออาหารร่วมกับคุณ​ชายจินในช่วงพักจนอิ่มแปร้​

     

    เมื่อทานจนพอใจฟ่านซือเยว่รวบตะเกียบจัดวางของอีกเล็กน้อยเพื่อให้เกียรติ​ฝ่ายตรงข้ามก่อนลุกขึ้นโดยมิพูดมิจาสักคำ

     

    "อิ่มหนำสำราญดีหรือไม่แม่นางฟ่าน:)" 

     

    "ก็ดี ขอบคุณ​คุณชายจินที่เมตตา"

     

    หวังจะแยกตัวออกมาแต่ก็มิเป็นดังหวังเมื่อจินกวงซ่านเอ่ยประโยค​หนึ่งขึ้นราวกับตั้งใจ

     

    "ดูเอาเถอะสตรีงามกระโจนสู่อ้อมอกบุรุษ​...แม่นางคิดว่าต้องเป็นสตรีเช่นใดกันรึ?"เสียงเย้าแหย่​กล่าวขึ้น ก่อนนัยน์ตา​สีเปลือกไม้นั่นเหล่มองคนงามที่ตวัดสบเข้าเช่นกัน

     

    "คิดว่าเป็นสตรีที่โชคร้ายมิหยอก ที่ถูกคนไร้มารยาทนำมาพูดต่อโดยไร้แก่นสาร​เช่นนี้"

     

    เธอเข้าใจจุดประสงค์​ของอีกฝ่ายแล้ว เขาคงหวังจะนำเรื่องของเธอไปเล่าต่อให้ไม่เหลือที่ยืนในอวิ๋น​เซิน​ปู​้​จื้อฉู่สินะ

     

    และแน่นอนหากมิอยากให้เรื่องรั่วไหล​ย่อมต้องมีข้อแลกเปลี่ยนที่สมน้ำสมเนื้อ ซึ่งฟ่านซิงก็มิอาจคาดเดาจิตใจของบุรุษ​เบื้องหน้าได้

     

    พัดเล่มงามตีลงบนฝ่ามือหนาเป็นจังหวะ เสียงหัวเราะในลำคอดังขึ้นเป็นระยะๆ

     

    "งั้นมารยาทที่ดีนอกจากกระโจนใส่บุรุษ​ยังมีสิ่งใดที่ผู้แซ่จินต้องเรียนรู้อีกหรือ แม่นางฟ่านโปรดชี้แนะ"แสร้งเอียงคออย่างอ่อนน้อม​ แม้จะไปไม่ถึงดวงตา

     

    นัยน์ตา​สีโอรส​หลี่ลงก่อนจะหลับตาพริ้ม ปากบางยิ้มหวานพราวเสน่ห์​จนฝ่ายบุรุษ​เผลอเคลิ้ม​ไปชั่วครู่

     

    "หากคุณชายต้องการทราบ ข้าจะสอนให้...อย่างระเอียด"

     

    "หึ รบกวนแม่นางแล้ว~"

     

    ร่างบางเดินเข้าประชิดร่างบุรุษ​เบื้องหน้า ฝ่ามือบางลูบไล้​ไปตามแผงอกของคุณชานจินกวงซ่าน โดยผู้ถูกกระทำเพียงอยู่นิ่งๆรับคำสอนเท่านั้น

     

    สายตาคมไล่สำรวจแม่นางน้อยตรงหน้าที่ทำการลูบไล้​ไปทั่งแผงอกของเขามีสอดลอดผ่านใต้วงแขนเป็นครั้งคราว​สร้างแรงปรารถนา​ให้กับร่างสูงมิน้อย

     

    ทว่าเพียงเสี้ยววิ ริมฝีปากบางนั่นก็เปลี่ยนมาคลี่ยิ้มเย็น

     

    "มารยาทอย่างเดียว​ที่ท่านควรมีคือไม่แส่เรื่องของผ​ู​้​อื่น!" 

     

    ตู้ม!!! 

     

     

     

    หลานฉี่เหรินขมวดคิ้วเมื่อหางตาเหลือบเห็นพื้นน้ำกระเซ็น​อย่างรุนแรง ราวกับมีวัตถุขนาดใหญ่ร่วงลงไป

     

    มิทันพินิจมองให้แน่ชัดว่าเป็นสิ่งใด ร่างของสตรีสกุลฟ่านก็วิ่งเหยาะๆมาบดบังทัศนียภาพ​จนมิด คุณชายรองหลานที่ปกติใบหน้าบึ้ง​ตึง​อยู่แล้ว บึ้งตึงขึ้นมาอีกเป็นเท่าตัว

     

    "กฎสกุลหลานห้ามเดิ-" 

     

    "ห้ามเดินเร็วใช่มั้ยล่ะ ข้ารู้ๆ"ฟ่านซือเยว่พยักหน้าหงึกๆ

     

    "รู้แล้วใยมิคิดปฏิบัติ​ตาม"

     

    "ท่านอย่าเคร่งนักเลยหนา ข้ารู้ว่าสิ่งใดควรมิควร ต่อหน้าท่านผู้อาวุโส​ข้าก็มิได้ทำผิดกฎอันใดหนิ"วาจาช่างขวานผ่าซาก​ หลานฉี่เหรินขมวดคิ้วกับประโยคนั้นแต่ก็เลือกที่จะเมินเฉย​ไป

     

    "แล้วเมื่อครู่เกิดอันใด ข้าเห็นพื้นน้ำกระเซ็น​แรงนัก"

     

    "อ่อ ข้าเห็นเต่าตัวหนึ่งเดินต้วมเตี้ยม​ท่าทางน่าสงสารนัก เลยช่วยจับมันลงน้ำน่ะ"

     

    "โยนลงไปแบบนั้นมีแต่จะทำให้มันตาย" 

     

    "อุ้ฟ!? งั้นท่านก็อย่าไปบอกใครนะว่าข้าเผลอสังหารเต่าไปน่ะ" 

     

    หลานฉี่เหรินมองใบหน้าแป้นแล้นนั่น ได้แต่คิดและสงสัยใยสตรีนางแซ่ฟ่านเบื้องหน้าเขาถึงได้แปลกพิลึกได้เพียงนี้

     

    ถอนหายใยอย่างเหนื่อยหน่าย​ พร้อมมุมปากที่ยกขึ้นเล็กน้อยทว่ามิอาจรอดพ้นสายตาของเด็กสกุลฟ่านไปได้

     

    แต่มิขอพูดดีกว่า เงียบปากไว้ถือเป็นบุญ​ตา เผื่อโอกาส​หน้าได้เห็นอีก

     

    "รีบไปเถอะคุณชายรอง นี่จะได้เวลาเรียนแล้ว เดี๋ยวจะสายเอา" 

     

    "ก็เพราะใครกันล่ะ..."

     

    และในชั่วโมงเรียนวันนั้นก็มิมีใครพบเห็นคุณชายจินเลยตลอดทั้งบ่าย คาดคะเน​ไปต่างๆนาๆว่าคุณชายจินกวงซ่านอาจหนีไปเที่ยวหอโคมเขียวที่ใดซักแห่ง

     

    โดยมิรู้เลยว่าความจริงแล้วอีกฝ่ายเพียงแค่สะดุด​(?)​ตกสระน้ำจนอาภรณ์​เปียกไปทั้งตัวก็เท่านั้น ครั้นจะกลับมาเข้าเรียนช่วงบ่ายก็มิทันการณ์​เสียแล้ว

     

    ฟ่านซือเยว่ลอบยิ้มสะใจ ไร้ซึ่งความสำนึกผิดแต่อย่างใด เธอไม่ทุ้มหินซ้ำลงไปด้วยก็บุญหัวแค่ไหนแล้ว! 

     

    ส่วนเรื่องคัดกฎสกุล ด้วยแรงกายและแรงใจฟ่านซือเยว่ก็สามารถคัดมันจนเสร็จได้ทันก่อนเวลาที่กำหนอเสียอีก

     

    แถมอีกไม่กี่อาทิตย์​ก็ใกล้เข้าเทศกาลลอยโคมของกูซูแล้ว คุณหนูตระกูลฟ่านจึงรู้สึกตื่นเต้น​เป็นพิเศษ​

     

    เพราะในวันนั้นเหมือนกับเป็นวันหยุดการเรียนการสอนของอวิ๋น​เซิน​ปู​้​จื่อฉู่ ศิษย์​ในสำนักสามารถใช้เวลาทั้งวันเพื่อสร้างโคมได้

     

    และความน่าสนุกอยู่ที่จุดนั้น ศิษย์​ทั้งหลายจะต้องสร้างโคมขึ้นและวาดลวดลายลงไปตามใจชอบ

     

    ร่างบางลอบวาดภาพลงในกระดาษ​ไว้พลางๆ เผื่อยามถึงเวลาจริงจะได้วาดอย่างไร้ความลังเล โดยมิเกรงกลัวอาจารย์​หลานที่ยืนสอนอยู่แม้แต่นิด

     

    'ช่างเป็นแม่นางน้อยที่หาญกล้า​ซะจริง'

     

     

     

     

     

    ​---------------------------------------

     

    #ฟ่านซิงทำอะไรลูกกกก ไปปีนต้นไม้เล่นทำไม๊ สรุปหนูเป็นคนหรือแมวหน่ออออ


     

    #ฝ่ามือสลายจินตานเดิมมีแซ่ว่า'จ้าว'​ซึ่งก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเฮียจู๋หลิวนั้นเปลี่ยนมาใช้แซ่'เวิน'​เมื่อไหร่​


     

    #สอนมารยาทสไตล์​คนตระกูลฟ่าน ใช้บาทาสอนสั่งเจ้าค่ะ555+


     

    #1เม้นท์​100กำลังใจ อย่าลืมคอมเม้นกันมาเยอะๆนะคะ~

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×