คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ 4 วิมานสวรรค์ข้างห้อง
บทที่ 4 วิมานสวรรค์ข้างห้อง
---------------------------------------
'อ...อ๊า'
'ฮืม...'
'อ๊ะ! คุณชายจินเจ้าค่า~'
ฟ่านซิงค่อยๆเลื่อนปิดประตูโรงเตี๊ยมลงช้าๆ นัยน์ตาสีโอรสนั้นสั่นระริกแทบร่ำไห้ออกมาเสียตรงนั้น
ดึกดื่นปานนี้ทำไมไม่ยอมรับยอมนอน มาทำเรื่องบัดสีอะไรกัน!?
แล้วทำกันในห้องไม่ได้เหรอ!?
ในคือนั้นฟ่านซิงแทบไม่ได้นอน เพราะเอาแตะพลิกซ้ายพลิกขวา มุดตัวเข้าไปในผ้าห่มจนกลายเป็นก้อนกลมแล้วปิดหูทั้งสองข้างแน่น
'ค...คุณชาย จะต่อในห้องหรือเจ้าคะ'
'เจ้ารังเกียจรึ?'
'ก...ก็ไตามแต่ใจคุณชายเลยเจ้าค่ะ'
'ฮึๆ'
'อ๊า~'
คราวนี้เหมือนเสียงจะใกล้กว่าเดิมเพราะทั้งสองได้ย้ายที่กลับเข้ามาในห้องพักแล้ว ฟ่านซิงยิ่งทรมานกว่าเก่า
ในโรงเตี๊ยมนี้ไม่ได้มีแค่พวกเอ็งสองคนนะ!
เกรงใจกันบ้าง!!
เหม่อ...
ในตอนนี้ฟ่านซิงกำลังเหม่อมองไปที่บางสิ่งอย่างไร้จุดมุ่งหมาย ขอบตาเธอคล้ำราวคนไม่ได้นอน ซึ่ง...ใช่ เธอไม่ได้นอนเลยจนถึงยามเหม่า(05.00 น.-06.59 น.) เหล่าศิษย์กูซูซึ่งได้ค้างแรมที่โรงเตี๊ยมก็ต้องเดินทางกลับอวิ๋นเซินปู้จื้อฉู่กันแล้ว
เมื่อร่างกายไม่ได้รับการพักผ่อน
นำมาซึ่งสติพากันมลายหายไป(อีกแล้ว)
"ฟ่านซือเยว่...เจ้าเป็นอะไรมากหรือไม่?"คุณชายเจียงแห่งท่าเรือสัตบงกชถามไถ่อย่างนึกเป็นห่วงเมื่อเห็นสตรีข้างกายนั้นเอาแต่นั่งเหม่อมาตั้งแต่เช้า
"ไม่...ข้าน่ะไม่เป็นไร ไม่เป็นไรจริงๆ..."
ถึงจะตอบไปเช่นนั้นแต่นางก็ยังไม่เลิกเหม่อเสียทีจนเจียงเฟิงเหมียนอดห่วงกว่าเดิมมิได้
แม่นางฟ่านเอ๋ยเวลามีให้เจ้าเหม่อลอยตั้งมากมาย ไยถึงมาเหม่อในเวลาเรียนเช่นนี้เล่า
ฝ่ายฟ่านซิงผู้ถูกกล่าวอ้าง ในตอนนี้หัวเธอขาวโพลน มีแต่เหตุการณ์ระทึกเมื่อคืนเท่านั้นที่ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวไม่จางหาย
เธอเห็นคู่ชายหญิงประกอบร่างกัน...
อย่างเร่าร้อนเสียด้วย...
ถึงจะไม่ทันสังเกตุว่าชายหญิงคู่นั้นเป็นใคร จึงได้กล้ากระทำเรื่องบัดสีบัดเถลิงกลางโรงเตี๊ยมแบบนั้นได้ แม้พื้นที่ตรงนั้นจะมีแค่เธอก็ตาม อย่างน้อยก็ควรเห็นแก่เจ้าที่บ้างเถอะ...
แต่ก็ถือว่าเคราะห์ดีที่ฝ่ายนั้นก็ไม่ทันได้สังเกตุเห็นเธอเช่นกัน
ต่างคนต่างไม่รู้ เจ๊ากันไป
เวลาล่วงเลยจนเข้ายามเซิน(15.00 น.-16.59 น.)ฟ่านซิงปลีกตัวออกมานั่งพักพิงอยู่ที่สระน้ำที่เมื่อครั้งก่อนเธอใช้เป็นสถานที่ซ่อนตัว
แต่ภาพแสนติดตานั่นก็ยังไม่จางหายไปไหนจนตัวฟ่านซิงอยากจะเอาหัวตัวเองโขกกับก้อนหินสักทีสองที
หงุดหงิด!
"เป็นเพราะไอ้เสื้อทองนั่นแท้ๆที่ทำให้เราต้องมามีสภาพแบบนี้!"
บ่นกับตัวเองโดยไม่ทันสังเกตุเลยว่ากำลังมีเงาของใครบางคนคืบคลานเข้ามาหาโดยที่ฟ่านซิงไม่ทันได้รู้ตัว
"หืม...'ไอ้เสื้อทอง'งั้นรึ? หมายถึงใครกันหนอแม่นางฟ่าน~"
เสียงกระซิบแหบพร่าดังขึ้นข้างหูจนหญิงสาวสะดุ้งตัวโหยง แทบพลัดตกสระบัวอยู่ร่อมร่อ ยังดีที่ทรงตัวไว้ได้ทัน ฟ่านซิงตวัดตาจ้องเขม็งไปยังบุคคลที่ลอบประชิดตัวตนเองโดยมิให้ซุ่มมิให้เสียงอย่างคาดโทษ
ในเวลานั้นราวกาลเวลาหยุดนิ่งสองสายตาสบประสานกันอย่างลึกซึ้ง
ก็บ้าแล้ว...
ฟ่านซิงกระพริบตาปริบๆ จ้องมองบุรุษเบื้องหน้าที่โผล่มาไม่ให้ซุ่มเสียงก่อนจะได้สติ เธอถอยกรูดออกจากอีกฝ่ายด้วยท่าทางหวาดผวา
ฝ่ายผู้ถูกกระทำกิริยาเช่นนั้นใส่ได้แต่จุ๊ปากส่ายศีรษะไปมาด้วยความเอ็นดูสตรีเบื้องหน้า เขาแค่ออกมาสูดอากาศข้างนอกให้ผ่อนคลายจากการเรียนที่แสนจะหน้าเบื่อเพียงเท่านั้น มิฝันว่าจะมาได้ยินสตรีงามเอ่ยวาจาถึงตนเข้า
"อ คุณชายจิน?"
ฟ่านซิงเอ่ยเสียงสั่นเครือ สายตาจดจ้องบุรุษเบื้องหน้า เส้นผมมัดรวบสีเปลือกไม้กับอาภรณ์สีเหลืองทองอร่ามลวดลายดอกโบตั๋น หน้าผากของอีกฝ่ายแต้มชาดแสดงถึงสัญลักษณ์ตระกูล
พบตัวผู้ร้ายแล้ว...
'จินกวงซ่าน'คุณชายจินแห่งหลันหลิง บุรุษเจ้าสำราญที่สตรีใดได้ประสบพบเจอเป็นต้องใจสั่นสะท้าน
"ใช่แล้วแม่นางฟ่าน ข้าเอง แล้วถ้าไม่เป็นการรบกวน แม่นางพอจะแถลงให้ข้าได้เข้าใจได้หรือไม่ว่า เหตุใดข้าถึงไปเป็นต้นเหตุที่ทำให้แม่นางทุกข์ใจได้"
จินกวงซ่านถามพลางยักคิ้วหลิ่วตาส่งยิ้มพราวเสน่ห์มาให้อย่างจงใจ
ชื่อเสียงเรียงนามของแม่นางฟ่านซือเยว่หรือฟ่านซิงนั้นเขาพอได้ยินผ่านหูมาบ้างจะเห็นผ่านตาก็ไม่น้อย แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่เขาได้มามองนางในระยะประชิดขนาดนี้มาก่อน ทำให้จินกวงซ่านได้ยลโฉมของบุตรีสกุลฟ่านได้อย่างชัดเจน
ผิวพรรณผ่องสมบูรณ์และทรวดทรงองค์เอวคอดงดงาม เส้นเกศาสีดำสลวยปล่อยยาวสยายไปตามลม หน้าตาอ่อนช้อยงดงาม ริมฝีปากบางสวยเรียวเล็กอวบอิ่ม นัยตาสีโอรสสดใสดุจมณีเม็ดงาม เรียกได้ว่าเป็นสตรีที่มีคุณสมบัติครบ ตรงสเปคจินกวงซ่านเป็นที่สุด
ฟ่านซิงที่ถูกจ้องมองอย่างเปิดเผย ก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา เธอไม่ชอบให้ใครมาจ้องแบบนี้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจ้องราวกับจะกลืนกินของอีกฝ่าย เธอยิ่งไม่ชอบ
"เกรงว่าคุณชายจินจะเข้าใจผิดไป สิ่งที่ข้ากล่าวไปก่อนหน้า มิได้มีการพาดพิงถึงตัวคุณชายจินแต่อย่างใด"
กล่าวโกหกไปคำโต พลางถดถอยตัวออกห่างจากอีกฝ่าย
แต่เหมือนว่าฝ่ายคุณชายสกุลจินจะไม่ต้องการเช่นนั้น เมื่อเขาได้เขยิบตามมาประชิดตัว
มิวายส่งมือมาเกี่ยวเอวเธอให้เข้าไปแนบชิดจนเกินปกติที่บุรุษจะกระทำต่อสตรีที่เจอกันครั้งแรก
คุณชายรองหลาน ขอโทษที่เคยกล่าวว่าร้ายท่านไปนะเจ้าคะ!!!
ฟ่านซิงหลับตาปี๋ ผลักอีกฝ่ายให้ห่างจากตัวแต่ก็ลืมไปว่าจุดที่พวกตนกำลังยืนอยู่นั้นคดเคี้ยวเกินกว่าที่เธอจะทรงตัวได้หากเกิดแรงพลักดันหรือสั่นสะเทือน
"อ๊ะ!"
"โอ๊ะ!?"
ด้วยสัญชาตญาณของมนุษย์ ฟ่านซิงรีบคว้าคอเสื้อของคุณชายจินมาด้วยอย่างลืมตัว ทำให้ทั้งเธอและเขาล้มตึงลงไปกองกับพื้นหญ้าอย่างหลีกเลี่ยงมิได้
สภาพในตอนนี้ของทั้งสอง ช่างล่อแหลมเกินจะเข้าใจเป็นอย่างอื่นไปได้ ใครมาเห็นก็คงบอกพร้อมต้องกันว่าจินกวงซ่านคุณชายจากตระกูลจินกำลังทำมิดีมิร้ายคุณหนูตระกูลฟ่านอยู่แน่ๆ
เธอทำอะไรลงไป...
ท่าแบบนี้มันชวนเข้าใจผิดเกินไปแล้ว!
ร่างของหญิงสาวที่ถูกคร่อมโดยคุณชายจินกวงซ่าน ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่มีทีท่าว่าจะลุกออกไปจากตัวเธอเลยแม้แต่นิด
กลับกันจินกวงซ่านยังพยายามทิ้งตัวลงมาแนบชิดมากกว่าเดิมเสียนี่
ถ้าหากหญิงสาวไม่ยกมือดันแผงอกของคุณชายจินไว้ ทั้งเธอและเขาคงแนบชิดกันไปมากกว่านี้เป็นแน่
ซึ่งตัวฟ่านซิงเองก็ไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น
"คุณชาย...ทำเช่นนี้รู้ใช้มั้ยว่าถ้าข้านำไปบอกใคร ชื่อเสียงของตระกูลจินคงไม่เหลือ"เธอเอ่ยเสียงลอดไรฟัน
"เจ้ากล้าขนาดนั้นเชียวหรือแม่นางฟ่าน"เจ้าตัวเอียงคอถาม ทำเล่นหูเล่นตา เห็นแล้วยิ่งรู้สึกไม่ชอบใจ
"ข้ากล้ากว่าที่ท่านคิด"ตวัดตาสบกับอีกฝ่ายที่ดูจะไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจอะไรเลย กลับกันยังดูสนุกสนานอีกต่างหาก
แต่ในขนาดนั้นจินกวงซ่านขบคิดบางอย่างได้ ประจวบเหมาะกับเสียงฝีเท้าที่เคลื่อนตัวใกล้เข้ามาราวกับโชคชะตาเข้าข้างเขา
คุณชายผู้สูงศักดิ์ยิ้มเจ้าเล่ห์
"เห...งั้นถ้าหากเป็น'เจ้า'ที่ทำล่ะ?"
ฟรึบ!
ร่างของฟ่านซิงถูกจับพลิกกายภายในเสี้ยววิ ในตอนนี้เป็นเธอเองที่กำลังคร่อมร่างของคุณชายสกุลจินอยู่
เอ๊ะ?
"พวกเจ้าทำอันใดกันห๊ะ!!"
ฟ่านซิงเบิกตากว้าง เมื่อจู่ๆมีเสียงดังขึ้นจากทางด้านหลัง หันไปมองก็พบว่าเป็นศิษย์สกุลหลานที่อาจมาเดินตรวจความเรียบร้อย และก็ได้มาเจอเหตุการณ์น่าไม่อายเช่นนี้เข้าอย่างพอดิบพอดี
เหล่มองร่างข้างใต้ อีกฝ่ายทำเพียงนอนเท้าแขนกับพื้นมองมาที่เธออย่างสนุกสนาน ไม่มีท่าทีวิตกแม้แต่นิดเดียว
คุณชายตรงหน้าเธอนั้น...
ร้ายกาจ...
ในวันถัดมา ทั้งเธอและคุณชายจินกวงซ่านถูกเรียกตัวมาที่หอบรรพชน เบื้องหน้าคือร่างของท่านอาจารย์หลานยืนหน้าขรึมอยู่
บ่งบอกถึงอารมณ์ของอีกฝ่ายได้ดี
ส่วนรอบกายนั้นเต็มไปด้วยบุรุษในอาภรณ์ขาวยืนล้อมรอบอยู่จำนวนหนึ่งแม้แต่หลานฉี่เหรินและชิงเหิงจวิน
ร่วมไปถึงเจียงเฟิงเหมียนและเว่ยฉางเจ๋อด้วย
"พวกเจ้าทั้งสอง ทำการอนาจารที่เขากูซูอย่างมิอายฟ้าดินกฏนับพันข้อที่สลักอยู่บนภูผาเจ้าคิดจะใส่ใจหรือไม่ โบยห้าสิบไม้ ทั้งสองคน"
คำตัดสินจบลงอย่างรวดเร็ว แม้จะถูกลงโทษทั้งคู่แต่ถ่อยคำดุด่าทั้งหมดก็ตกมาอยู่ที่นางเพียงผู้เดียว
เธอถูกล็อคตัวโดยบุรุษอาภรณ์ขาวแม้จะพยายามขัดขืนเพื่ออธิบายก็หาได้มีใครรับฟัง ทำไมพวกเขาไม่คิดที่จะรับฟังเธอบ้าง หรือเป็นเพราะตระกูลของเธอไม่ได้มีชื่อเสียงพอให้ใส่ใจอย่างนั้นรึ?
"ประเดี๋ยวก่อนผู้อาวุโสหลาน เหตุการณ์ในครั้งนี้อาจเป็นการเข้าใจผิดกัน"
จู่ๆจินกวงซ่านก็เอ่ยขัดขึ้นมาอย่างไร้มารยาท แม้จะไม่พอใจแต่อาจารย์หลานก็ยอมใจเย็นลงรับฟังคุณชายจากหลันหลิง
"เหตุการณ์ในครั้งนี้เกรงว่าจะเป็นการเข้าใจผิดครั้งใหญ่ ข้าและอาซิงเพียงหยอกเย้าเล่นกันตามประสาคนรู้จัก ทว่าอาซิงกับซุกซนสะดุดหินเข้า ตัวข้าเพียงช่วยรับร่างของนางไว้เท่านั้นเอง ประจวบเหมาะกับที่ศิษย์คนนั้นมาพบเข้าพอดี"
อีกฝ่ายพูดยาวเหยียดอย่างลื่นไหล ไม่มีคำสะดุดแม้แต่นิด
การกระทำมิได้เข้ากับก่อนหน้านั้นเลยแม้แต่น้อย เขาจงใจทำแบบนั้นเพื่อให้เธอถูกเข้าใจผิดแท้ๆแล้วตอนนี้คิดจะทำอะไรอีกกันแน่?!
ซึ่งไม่ว่าอีกฝ่ายคิดจะทำอะไร ฟ่านซิงจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นเป็นอันขาด
"ขอขมาท่านอาจารย์ ข้าฟ่านซิงสำนึกผิดแล้ว..."เธอคุกเข่าลงพื้น ก้มหน้าแนบชิดอก ได้ยินเสียงจิ๊จ๊ะอย่างไม่สบอารมณ์จากร่างข้างกาย
"แม่นางฟ่านเป็นจริงอย่างที่คุณชายจินว่ามาหรือไม่"
"ข้ามิมีสิ่งใดจะแก้ตัว ฟ่านซิงสำนึกผิดแล้วกรุณาลงโทษตามความเหมาะสม"ฟ่านซิงแนบหัวลงมาก
"อาซิง...เจ้าอย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่เลย เพียงยอมรับ-"
"โปรดท่านอาจารย์หลานเมตตา และอีกอย่าง..."คุณชายจินที่กำลังแสร้งเป็นเกลี้ยกล่อม ถูกนางเอ่ยขัดอย่างไม่คิดจะใส่ใจทว่าดวงตากับตวัดมองร่างข้างๆอย่างเย็นชา"คุณชายจินโปรดอย่าเอ่ยเรียกข้าว่าอาซิงอีก เราสองคนมิได้สนิทกัน"
ฝ่ายจินกวงซ่านยิ่งไม่สบอารมณ์ สตรีนางนี้ช่างยึดมั่นในศักดิ์ศรี ยึดมั่นจนหน้าขันออกมา แต่ก็ขันมิออก
อาจารย์หลานถอนหายใจ สั่งเสียงลอดไรฟัน
"โบยนาง..."
หลังจากนั้นสิ่งที่ได้ยินก็ไม่มีอย่างอื่นนอกเสียจากเสียงไม้พายที่กระทบลงกับเนื้อมนุษย์
ผู้คนรอบข้างพากันหันหน้าหนี รู้สึกหน่วงที่ใจยามเห็นสตรีงามถูกไม้โบยจนร่างโยกเยกไปตามแรงหวด นึกแปลกใจว่าทำไมถึงไม่มีเสียงกรีดร้องห่มร้องไห้อย่างเจ็บปวดออกมาจากสตรีตรงหน้าเลย?
คิดอย่างนั้นโดยไม่รู้เลยว่าฟ่านซิงพยายามกัดริมฝีปากแน่นจนเลือดซึมเพื่อไม่ให้เผยเสียงร้องออกมา
ในตอนนี้หัวเธอขาวโพลนไปหมด เจ็บแทบจะขาดใจแต่ก็มิอาจหมดสติลงได้ เพราะแรงของไม้นั้นจะปลุกหญิงสาวขึ้นมาทุกๆครั้งที่เธอกำลังจะหมดสติไป
จนในที่สุดการโบยห้าสิบไม้ก็จบลง ร่างของฟ่านซิงร่วงลงสู่พื้นหอบรรพชน จนเกรงว่าหากหัวกระแทกลงกับพื้น นางคงได้แผลเพิ่มมาอีกเป็นแน่
ฟึบ...
ร่างของฟ่านซิงร่วงลงสู่อ้อมแขนของคุณชายเจียงแห่งอวิ๋นเมิ่ง ร่างสูงค่อยๆประคองนางขึ้นบนหลังโดยมีเว่ยฉางเจ๋อช่วยอีกแรง ก่อนจะพากันเดินออกไปจากบริเวณหอบรรพชนแห่งนี้...
จินกวงซ่านเลิกคิ้วสูงขนาดถูกประคองโดยเด็กรับใช้สกุลจินนายหนึ่ง สายตาเรียวคมไม่ละไปจากคู่ชายหญิงที่ฝ่ายชายแบกฝ่ายหญิงขึ้นหลังเดินออกไปอย่างทะนุถนอม
ก่อนที่เขาจะเผยยิ้มออกมา
แต่เป็นรอยยิ้มที่เด็กรับใช้ข้างกายนั้นเห็นแล้วไม่รู้สึกดีเอาซะเลย
---------------------------------------
#ตากุ้งยิงถลนไปถึงคิ้วแล้วมั้งฟ่านซิงเอ้ยยยย มีอย่างที่ไหนมาโซเดมาคอมกันหน้าห้องแบบเน้คุณชายจิน!?
เห็นแบบนี้ฟ่านซิงก็มีศักดิ์ศรีที่สูงลิ่วเหมือนกันนะ จะใช้อำนาจข่มแม่นางคนนี้อาจจะยากหน่อย
#อยากลงมีมให้คุณชายจินมากว่า...หล่อนมีพิรุจอีกแล้วนะ=^=++
#อย่าลืมเม้นส่งกำลังกันด้วยน่า~จุ๊บๆ
ความคิดเห็น