คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 3 ออกเที่ยวตำบลไฉ่อี
บทที่ 3 ออกเที่ยวตำบลไฉ่อี
---------------------------------------
ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์ ฟ่านซิงแทบจะคลานออกมาจากเรือน ด้วยความที่เธอต้องนั่งสัปหงกคัดกฎสกุลจนดึกดื่น จะได้นอนจริงๆก็ปาเข้ายามโฉ่ว(01.00 น.-02.59 น.)แล้ว หลับฝันหวานได้ไม่นานยามเหม่าก็มาเยือนอย่างรวดเร็วราวกับเกลียดกัน
ร่างกายต้องการพักผ่อน...
ในวันนี้ฟ่านซิงถูกแยกตัวจากศิษย์คนอื่นๆ เพื่อคัดกฎสกุลให้เสร็จโดยมีศิษย์สกุลหลานยืนเฝ้าอยู่หน้าหอตำราถึงสองคน
"เห็นว่าพรุ่งนี้เหล่าคุณชายจะลงไปที่เมืองไฉ่อีเพื่อตรวจตราความเรียบร้อยหนิ"
"เป็นไปตามที่เจ้าว่า ข้าได้ยินมาว่ามีภูติผีอาละวาดจนชาวบ้านแถบนั้นอยู่กันมิได้"
"แต่ได้คุณชายลงไปปราบก็คงไม่ต้องห่วงอันใดแล้วล่ะ"
"นั่นสิ"
ฟ่านซิงหูผึ่ง คลานตัวไปแนบชิดติดประตูเรือนลอบฟังคำสนทนาของศิษย์ทั้งสองอย่างออกรสออกชาติ
ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ นอกจากนั่งเรียนและคัดกฎสกุล ฟ่านซิงก็แทบไม่ได้ไปที่ไหนอีกเลย จะเสียงดังก็มิได้ แค่เดินเร็วเข้าหน่อยก็ถูกมองเขม่นแล้ว
นี่นับเป็นโอกาสดีที่เธอจะได้ออกไปนอกเขตพื้นที่เขาเร้นเมฆา แล้วปล่อยทั้งกายใจให้สุดเหวี่ยงหลังจากที่ไม่ได้กระทำการมานาน
ฟ่านซิงทำการย่องเบาปีนหนีออกนอกเรือนไป หัวละทิ้งทุกสิ่งไม่กลัวเกรงต่อบทลงโทษที่จะตามมาทีหลัง ในตอนนี้เธอต้องตามหาหลานฉี่เหริน!
เดินเลาะจนมาถึงหน้าหอตำรา ฟ่านซิงเดินเข้าไปด้วยความมั่นใจ
ซึ่งเป็นตามที่หวัง
ร่างของบุรุษอาภรณ์ขาวกำลังอ่านตำราด้วยความตั้งใจ กิริยาดูสงบเสงี่ยมตามแบบฉบับคนตระกูลหลาน แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อหางตาไปสะดุดเข้ากับอีกร่างซึ่งนั่งอ่านตำราแบบเดียวกับคุณชายรองสกุลหลาน
'ชิงเหิงจวิน'
คุณชายใหญ่แห่งแดนเร้นเมฆา ออร่ารอบกายเขานั้นต่างจากหลานฉี่เหรินอย่างสิ้นเชิง ทั้งรอยยิ้มที่ถูกประดับไว้ที่มุมปากเล็กน้อยอยู่ตลอด และบรรยากาศรอบตัวที่ชวนให้ผ่อนคลาย
"เอ่อ...คารวะคุณชายใหญ่หลาน"
"ไม่ต้องเป็นพิธีมากก็ได้แม่นางฟ่าน" อีกฝ่ายเอ่ยยิ้มๆพร้อมยกมือรับการทักทาย
ฟ่านซิงยิ้มเกร็งๆก่อนหันไปทางบุคคลที่เธอตามหาไปซะทั่ว ก่อนคลานไปนั่งข้างๆและต้องกระเถิบออกมาในเวลาไม่นานเมื่อถูกสายตาคมตวัดมองคาดโทษ
ได้แต่ยิ้มแห้งๆให้กลับคนเครงกฎระเบียบ
ห้ามเข้าใกล้มากไปสินะ...
เมื่อถดถอยจนอยู่ในระยะที่น่าพอใจ ฟ่านซิงรีบเอ่ยเข้าประเด็นที่ปรารถนาไว้ทันที
"นี่ๆคุณชายรองหลาน ข้าได้ยินมาว่าท่านจะลงไปที่ตำบลไฉ่อีงั้นรึ?"
"เป็นไปตามที่เจ้าว่า"
"ข้าขอไปด้วยสิ!"
"ไม่"
ตอบเร็วราวกับไม่ได้ผ่านสมอง คนได้รับคำตอบถึงกับขมวดคิ้ว ก่อนจะกล่าวออกมาอย่างไม่ยอมแพ้
"ทำไมเล่า ถึงข้าจะเป็นสตรีแต่ก็ไม่ได้อ่อนแอจนเป็นภาระพวกท่านหรอกนะ"
ส่วนหนึ่งเธอมั่นใจว่าที่ถูกปฏิเสธเพราะการที่เธอเป็นสตรีที่ดูอ้อนแอ้นในสายตาเหล่าบุรุษ ซึ่งอาจกลายเป็นภาระให้กับกลุ่มได้
แต่เธอค่อนข้างมั่นใจในพลังปราณของเธอที่ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่าบุรุษคนใด
หลานฉี่เหรินลอบถอนหายใจ พอเดาความคิดของสตรีตรงหน้าได้ เขาย่อมเคยได้ยินข่าวลือของแม่นางฟ่านผู้เป็นสตรีที่มีวรยุทธเก่งกาจไม่แพ้บุรุษคนใดในยุทธภพ
นัยน์ตาสีอ่อนปรายมองเธอราวกับมองเด็กเล็กจอมเอาแต่ใจ
"กฎสกุลคัดเสร็จแล้วรึ"
ประโยคนั้นทำเอาสตรีสกุลฟ่านชะงักกึก สบตากับผู้กล่าวชั่วครู่ก่อนนัยน์ตาสีโอรสจะค่อยๆเบนไปด้านข้างแทน
"เดี๋ยวข้ากลับมาคัดทีหลั-"
"อย่าผัดวันประกันพรุ่ง"
"โถ่ คุณชายรอง~"โอดครวญเสียงกระเส่า พยายามส่งสายตาเว้าวอนไปให้กับอีกฝ่าย แต่ก็ถูกปัดทิ้งอย่างไม่ใยดี
"คัดไม่เสร็จก็อย่าได้หวัง"
กล่าวจบก็ก้มอ่านตำราที่อ่านค้างไว้อีกครั้ง โดยไม่เงยหน้าขึ้นมาสนใจเธออีก
ฟ่านซิงมองคนจิตใจอำมหิตตรงหน้า อยากจะกระชากตำราในมืออีกฝ่ายมาแล้วเอ่ยต่อรองจนกว่าจะได้ในสิ่งที่ตนปรารถนา
แต่ก็เกรงใจคุณชายใหญ่ที่กำลังจ้องมองมาทางนี้ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
"ข้าอนุญาตให้เจ้าออกไปได้"ชิงเหิงจวินกล่าวทำลายความเงียบ หลานฉี่เหรินวางตำราลงมองผู้เป็นพี่ด้วยความไม่เข้าใจ
"ซยงจ่าง..."
"นางอุดอู้อยู่แค่ในกูซูมาเป็นอาทิตย์ ไม่ได้ออกไปไหน ย่อมอยากออกไปเที่ยวเล่นตามประสา เจ้าอย่าได้ขุ่นเคืองไปเลย"อธิบายให้ผู้เป็นน้องฟังด้วยโทนเสียงนุ่ม
ฟ่านซิงตาเป็นประกายก้มขอบคุณคุณชายใหญ่สกุลหลานด้วยความซาบซึ้งใจอย่างถึงที่สุด ก่อนจะขอตัวออกไปจากหอตำรา
เมื่อไร้ซึ่งร่างสตรีงาม พี่น้องสกุลหลานกลับมาก้มหน้าจดจ่อกับตำราเรียนอีกคราแต่ทว่าก็ต้องนิ่วหน้าเมื่อได้ยิ้นเสียงร้องหวานดังเข้ามาในโสตประสาท
"ยะฮู้วววววววว"
ด้วยโทนเสียงที่ดูชัดเจน พอเดาได้ว่าเจ้าของเสียงร้องนั้นเป็นของผู้ใด หลานฉี่เหรินขมวดคิ้วเมื่อสตรีสกุลฟ่านทำผิดกฎตระกูลอย่างเห็นได้ชัดแถมยังกล้าทำผิดในระยะที่มีศิษย์เอกอย่างพวกเขาอยู่ด้วย
ถ้าไม่ใช้เพราะชิงเหิงจวินผู้เป็นพี่ช่วยเกลี้ยกล่อมไว้ หลังกลับจากตำบลไฉ่อีฟ่านซิงคงได้คัดกฎสกุลหลานเพิ่มอีกเป็นสายธารแน่
เมื่อมีแรงจูงใจ ก็ราวกับมีพลังเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว ในวันนั้นฟ่านซิงสามารถคัดกฎสกุลได้อีกหนึ่งจบภายในวันเดียว
จวบจนเวลาที่คุณหนูฟ่านเฝ้ารอคอยก็มาถึง...
สายน้ำใสไม่ต่างจากยามที่มาครั้งแรก ฟ่านซิงที่นั่งอยู่บนเรือหันซ้ายขวาอย่างตื้นตันใจ
ตำบลไฉ่อีงดงามอย่างที่เคยได้ยินคำเล่าลือมา มิเสียเปล่าที่ได้มาชมเลยแม้แต่น้อย
"ท่านลุง จอดเทียบท่าตรงนี้เลยเจ้าค่ะ"เธอเอ่ยบอกคุณลุงผู้ทำหน้าที่พายเรือให้แก่เธอ ในตอนแรกเธอจะพายด้วยตนเองแต่ก็ถูกปฏิเสธ
'เคยมาครั้งแรกอย่างน้อยควรมีคนนำทาง มิควรเดินเหินมั่วซั่ว'
ไม่ต้องบอกหรอกเนอะว่าใครเป็นคนกล่าว
เมื่อเรือเกือบเทียบท่า ฟ่านซิงไม่รีรอกระโดดขึ้นฝั่งไปด้วยความรวดเร็วจนท่านลุงสะดุ้งแอบหวาดเสียวแทนมิได้
"คุณหนู ระวังด้วย"
"ขอบพระคุณท่านลุงมาก แต่ข้ามิเป็นไรเจ้าค่ะ"ไม่ว่าเปล่ายังหมุนตัว360องศาให้ดูรอบหนึ่ง ฝ่ายชายชราได้แต่ยิ้มในความก๋ากั่นแสนซนของคุณหนูนางนี้
ฟ่านซิงกระโดดดึ๋งดั๋งไปตามเส้นทางทอดยาว มีร้านค้าหลากหลายล้วนแปลกตาฟ่านซิงไปเสียหมด
ไม่ว่าจะร้านเครื่องเขียนหรือร้านเครื่องประทินโฉม ดูแตกต่างจากสมัยปัจจุบันที่เธออาศัยอยู่โดยสิ้นเชิง
หญิงสาวเดินเข้าร้านเครื่องเขียนโบราณด้วยความสนองสนใจ เม็ดมณีงามจดจ้องไปยังแผ่นกระดาษสีบนชั้น มือหมายหยิบมาแล้วนำไปจ่ายแต่ก็ต้องหยุดชะงักไป
สวรรค์เถอะ...
จะออกมาเที่ยวแต่ดันลืมหยิบถุงเงินมาเนี่ยนะ?
อยากจะตบมือให้กับความขี้ลืมของตนเองสักหนึ่งชุด ฟ่านซิงมองกระดาษเหล่านั้นตาละห้อยก่อนจะถอยหลังออกมาจากร้าน
"ท่านพ่อค้า ข้าขอซื้อกระดาษพวกนี้"
"ทั้งหมด450อีแปะขอรับ คุณชาย"
เจียงเฟิงเหมียนยื่นกล่องใส่กระดาษมาให้กับเธอ ร่างของเธอยืนมองวัตถุชิ้นนั้นอยู่สักพักก็ถูกคุณชายแห่งอวิ๋นเมิ่งยัดเยียดของชิ้นนั้นเขามาในมือ
ฟ่านซิงยิ้มอ่อนด้วยความเกรงใจอยู่ลึกๆ
"เอ่อ...ขอบคุณคุณชายเจียง ไว้ข้าจะคืนเงินให้หลังกลับอวิ๋นเซินปู้จื้อฉู่"
ฝ่ายนั้นทำเพียงยิ้มก่อนพยักหน้าหงึกๆ
ทั้งสองร่างพากันเดินไปตามทาง และยังคงรักษาระยะห่างไว้เพื่อไม่ให้เกิดการเข้าใจผิด
"อาเหนียงข้าอยากได้กระบี่เล่มนั้น!!"
"ไม่ได้นะจางหย่ง เจ้าอย่างอแงสิ"
"อาเหนียงอ่าาา"
เบื้องหน้าของพวกเธอคือ ร่างของแม่ลูกที่กำลังยื้อหยุดฉุดกระชากอยู่หน้าร้านขายอาวุธ โดยบุตรชายของแม่นางผู้นั้นเอาแต่ร้องโวยวายอยากได้กระบี่มาครอบครอง แต่แน่ล่ะ ยังเยาว์วัยนักปล่อยให้ถืออาวุธไปมาคงเป็นอันตราย
ฟ่านซิงเห็นแล้วเผลอยกยิ้มเอ็นดู
สมัยนี้ก็มีเด็กเล็กงอแงจะเอาของเล่นแล้วสินะ
เจียงเฟิงเหมียนเห็นฟ่านซิงหันหลังไปทำบางอย่างยุกยิกอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนคุณหนูตระกูลฟ่านเดินเข้าไปหาเด็กชายคนนั้น
"รับไปสิ ข้าให้"
กระบี่เล่มงามขนาดเล็กที่ถูกสร้างขึ้นจากกระดาษสามารถชักออกจากฝักได้เหมือนจริงแถมยังมีพู่สีสดติดไว้ที่ปลายดาบเป็นของประดับให้อีกด้วย
เด็กน้อยจ้องตาใสก่อนจะฉีกยิ้มจนแก้มปริ รับกระดาษพับนั้นมาถือไว้
"ขอบคุณขอรับ!"
เหมือนการพับกระดาษของเธอจะเป็นที่ตื่นตาตื่นใจสำหรับเด็กๆมาก มีเด็กมากหน้าหลายตาเข้ามามุงเธอเพื่อขอให้เธอพับกระดาษแบบต่างๆให้
"เจี่ยเจียข้าอยากได้แบบเจ้านั่น"
"คุไนสินะ อืมๆ"
"เจี่ยเจียเจ้าคะ ข้าอยากได้รูปดอกไม้บ้าง"
"จ้า"
ผลสุดท้ายคือฟ่านซิงต้องนั่งจุ้มปุ๊กอยู่ตรงนั้นนานถึง1ชั่วยาม เพราะเด็กที่ได้รับกระดาษพับไปก็นำไปเล่าให้แก่สหายตนฟังแล้วพากันกรูเข้ามาจนแทบจะปิดทางเดินจนมิด
เมื่อหลุดออกจากกองกำลังเด็กน้อยได้ ฟ่านซิงก็พบเข้ากับเจียงเฟิงเหมียนที่นั่งเท้าคางรอเธออยู่ด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม
"คุณชายเจียงไม่จำเป็นต้องรอข้าก็ได้เจ้าค่ะ"
"ข้ารอได้"
ไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองหรือเปล่า
แต่การได้อยู่กับเจียงเฟิงเหมียนแบบนี้แล้วทำให้เธอรู้สึกเกรงใจจนทำตัวไม่ถูก
"เจ้าดูรักเด็กนะ"
"สมัยข้ายังเยาว์วัย ไม่มีโอกาสได้ออดอ้อนป๊-...อาเตี่ยกับอาเหนียงแบบนั้นหรอกเจ้าค่ะ"
เพราะป๊าม๊าของเธอเสียไปตั้งแต่ฟ่านซิงอายุได้เพียง5ขวบเท่านั้น ชีวิตที่ผ่านมาจึงเป็นเหล่าญาติๆที่คอยดูแลเธอ
เก็บเกี่ยวเอาผลประโยชน์ของเธอไปสนองความต้องการของตนเอง
จนถึงคราวเธอหมดประโยชน์ก็เขี่ยทิ้งอย่างไม่ใยดี…
หึ แต่ก็ถือว่าขูดรีดขูดเนื้อเธอไปได้แบบน่าเจ็บแสบเลยล่ะ
เจียงเฟิงเหมียนสัมผัสถึงแรงอารมณ์ของสตรีข้างกายได้ว่ามันกำลังคุกรุ่น เขาจึงเงียบปากไม่คิดจะซักไซ้อะไรนางอีก
บทสนทนาเกิดขึ้นและจบลงในเวลาไม่นาน ขณะที่พวกเรากำลังเดินเข้าโรงเตี๊ยมที่ถูกจองไว้เรียบร้อยแล้ว
เพราะกลุ่มของคุณชายรองหลานฉี่เหรินยังไม่กลับมา ชิงเหิงจวินจึงตัดสินใจพักที่โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งในตำบลไฉ่อีสักคืน วันรุ่งขึ้นถ้าคุณชายรองกลับมาค่อยเดินทางกลับอวิ๋นเซินปู้จื้อฉู่
โดยใครจะได้นอนคู่ใครนั้นแล้วแต่ความเหมาะสม ส่วนเธอที่เป็นสตรีเพียงหนึ่งเดียวในกลุ่มจึงได้สิทธิพิเศษให้นอนเพียงคนเดียวได้
ศิษย์ทั้งหลายร่วมโต๊ะกินอาหารกันชั่วครู่ก่อนจะพากันแยกย้ายเข้าห้องพักของตนเองซึ่งรวมถึงฟ่านซิงด้วยเช่นกัน
เข้ายามโฉ่ว(01.00 น.-02.59 น.)ฟ่านซิงรู้สึกอึดอัดกายขึ้นมา คงเพราะต่างที่เลยนอนไม่หลับหวังออกไปข้างนอกสูดอากาศเสียหน่อย
ไม่นึกว่าจะมาเจอเรื่องงามหน้าเข้าเต็มๆในกลางดึกแบบนี้
"อ๊า~แรงอีกเจ้าค่ะ"
"เยี่ยมยอดเหลือเกิน~"
ในตอนนั้นเอง ฟ่านซิงรู้สึกอยากจะหลั่งน้ำตาออกมาเป็นสายเลือด...
---------------------------------------
#แหม่ ได้เที่ยวทีพลังอัพขึ้นเป็นเท่าตัวเลยนะแม่นางฟ่าน
#อะไรล่ะนั่น คงไม่ใช่มานวดแผนโบราณกันตอนนี้ใช้มั้ย มุขนี้ไม่น่าฟังขึ้นนะ//เลิ่กลั่ก
#อย่าลืมคอมเม้นเป็นกำลังใจกันด้วยน่า~
ความคิดเห็น