คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : บทที่ 9 คณะเยี่ยเลี่ย
บทที่ 9 คณะเยี่ยเลี่ย
***มีเลือดและการฆ่าสัตว์ ใครรักสัตว์ควรทำใจก่อนอ่าน(จริงๆฉากนั้นมีแค่นิดเดียว แต่เตือนไว้ก่อน)
---------------------------------------
คณะเยี่ยเลี่ยนำโดยตระกูลหลานออกเดินทางจากหน้าประตูทางอวิ๋นเซินปู้จื้อฉู่ตั้งแต่ยามซวี(19.00น.-20.59น.)
จากที่นางพินิจดูคร่าวๆ กลุ่มคนที่ถูกคัดเลือกมานั้นคือกลุ่มอนุชนของห้าตระกูลใหญ่แม้แต่กับจินกวงซ่านที่ดูจะมิได้สันทัดเรื่องนี้ยังได้รับเลือกมาและหากพินิจเข้าไปอีกเหล่าคุณชายที่ได้ร่วมเยี่ยเลี่ยในครานี้ล้วนมีตำแหน่งหน้าที่ที่ต้องแบกรับในภายภาคหน้าทั้งสิ้น
ดีไม่ดีการต้องมาปราบวิญญาณครานี้อาจเป็นแผนการทดสอบวัดฝีมือของเหล่าว่าที่ประมุขในอนาคตก็เป็นได้
"พวกเจ้ารอสักครู่"
ในที่สุดกลุ่มเยี่ยเลี่ยก็มาถึงหมู่บ้านดังกล่าว ผู้ที่ออกตัวพูดคุยกับหัวหน้าหมู่บ้านคงมิใช่ใครอื่นนอกจากชิงเหิงจวินผู้ที่อาวุโสที่สุดในกลุ่มเซียนรุ่นเยาว์
บุรุษอาภรณ์ขาวทำความเคารพผู้อาวุโสของหมู่บ้าน ถามไถเรื่องราวอยู่ครู่นึงจึงได้ความว่าไม่นานมานี้มีผู้คนหายไปจากหมู่บ้าน แม้จะกักตัวไม่ออกมาข้างนอกยามค่ำก็มิอาจช่วยได้ ผู้คนยังค่อยๆหายตัวไปจนมาวันนี้รวมไป 12รายแล้ว
บ้างว่าถูกสัตว์ร้ายเข้าโจมตีแต่ที่ชาวบ้านปักใจเชื่อที่สุดนั้นคือบุคคลเหล่านั้นจะถูก วิญญาณร้ายตระกูลหลงซึ่งเมื่อ10ปีก่อนถูกฆ่าล้างตระกูลสังหารจนสิ้น
รายละเอียดไม่มีมากกว่านี้เหล่าอนุชนจำต้องทำการหาลือกันเสียก่อนที่จะเริ่มลงมือ
"แบ่งออกเป็นกลุ่มสร้างค่ายกลรอบหมู่บ้าน รอเวลาให้วิญญาณร้ายออกมาให้เร่งจัดการหากไม่ไหวต้องส่งสัญญาณทันที"ชิงเหิงจวินสั่งการโดยมีเสียงรับคำของเหล่าอนุชนขานรับ
ทว่า...
"ทำเช่นนั้นมิเสียเวลาไปหน่อยรึชิงเหิงจวิน?"
เสียงทุ้มทรงอำนาจของคุณชายเวินแทรกขึ้นมา เจ้าตัวกอดอกเชิดหน้าอย่างถือตัวมุมปากยกยิ้มเย้ยหยันราวกับว่าสิ่งที่ตนได้ยินนั้นช่างน่าขบขันยิ่ง
หากนับกันตามจริง คุณชายเวินนั้นมีอายุเทียบเท่ากับชิงเหิงจวินที่สุดด้วยตระกูลเวินต้องการให้เขาจบหลักสูตรของตระกูลเสียก่อนแล้วค่อยมาศึกษาเล่าเรียนที่กูซู
เหตุนั้นเวินรั่วหานจึงเป็นบุคคลที่อาวุโสพอๆกับคุณชายใหญ่หลาน มิแปลกที่เจ้าตัวนั้นไม่คิดวางท่าอย่างผู้ที่มีอายุน้อยกว่า
"คุณชายเวินมีสิ่งใดจะแย้งรึ"
มิมีท่าทีขัดใจคุณชายใหญ่หลานเพียงโค้งตัวขอคำแนะนำ ช่างเป็นท่วงท่าที่สง่างามราวกับเทพเซียนโดยแท้
ฝ่ายเวินรั่วหานกระตุกยิ้ม"รูปแบบการตั้งค่ายกลเชื่องช้าเป็นเต่าคลาน คิดว่าวิญญาณมันจะโง่รอให้พวกเจ้าตั้งค่ายกลกันจนเสร็จรึ?"วาจาเชือดเฉือนทำให้อนุชนสกุลหลานคนอื่นๆอดลอบกำหมัดเหตุจากคุณชายผู้น่าเคารพของพวกตนถูกกล่าววาจาล่วงเกินเช่นนั้น ทว่าฝ่ายชิงเหิงจวินราวสายธารน้ำแข็งที่ไม่ถูกมรสุมร้อนพัดพาโดยง่าย เจ้าตัวยังคงยิ้มบางและตอบกลับไปด้วยท่วงท่าสงบนิ่ง
"แม้เชื่องช้าไปบ้างทว่าปลอดภัยต่อเหล่าอนุชน เรายังมิรู้รายละเอียดของวิญญาณร้ายตนนี้มากนักมิควรทำอะไรบุ่มบ่าม"
ฟ่านซือเยว่มองซ้ายทีขวาทีสลับระหว่างผู้อาวุโสทั้งสองโต้เถียงกันไปมาใจหนึ่งนางก็เห็นด้วยกับเวินรั่วหานที่รูปแบบนั้นดูเชื่องช้าเกินไป ทว่าอีกใจก็เห็นด้วยกับชิงเหิงจวินที่ควรนึกถึงความปลอดภัยเซียนรุ่นเยาว์ของคนๆอื่นก่อน
"คุณชายทั้งสอง ข้ามีเรื่องจะเสนอแนะ"สิ้นเสียงคุณหนูน้อย ทุกคนพร้อมใจหันมามองนางเป็นตาเดียว บ้างรอฟังความเห็นของสตรีแห่งสกุลฟ่านบ้างหันไปซุบซิบว่ากล่าวถึงกิริยาไร้มารยาทบังอาจเอ่ยแทรกการสนทนาของคุณชายทั้งสองได้อย่างไร
แหม...เห็นนางหัวเดียวกระเทียมลีบเข้าหน่อยก็พร้อมใจกันรุมประชาทัณฑ์กันเลยนะ คราวเวินรั่วหานไม่เห็นซุบซิบกันต่อหน้าแบบนี้บ้างล่ะจ๊ะ
ยังดีที่ชิงเหิงจวินนั้นเป็นบุคคลใจกว้างขวาง เขาพร้อมเปิดอกรับความเห็นจากอนุชนทุกคนแม้บุคคลนั้นจะมิได้มาจากสกุลหลานก็ตาม
ส่วนเวินรั่วหาน รายนั้นเพียงต้องการยลว่าแม่นางน้อยสกุลฟ่านนั้นจะแสดงความคิดเห็นต่อสถานการ์ณนี้อย่างไรเท่านั้น ถือเป็นการวัดคุณสมบัติศิษย์เอกแห่งมู่อันฟ่านไปในที
ฟ่านซือเยว่โค้งเบาๆเป็นการขอบคุณทั้งคู่ที่ให้โอกาสนางได้แสดงความคิดเห็น
"จากคำพูดของผู้อาวุโส ผู้คนมักหายไปอย่างไร้ที่มาที่ไปแม้จะหลบอยู่ภายในเรือนก็ตาม ข้าสันนิฐานว่าวิญญาณตนนั้นจะเคลื่อนไหวอยู่ในเงามืดเราควรให้มันออกมาจากที่ซ้อนเสียก่อน"
"ถ้ามันง่ายเช่นนั้น พวกเราคงมิต้องมาหารือกันเช่นนี้หรอกแม่นางฟ่าน"อนุชนคนหนึ่งโพล่งขัดอย่างไร้มารยาท ฟ่านซิงหันไปมองก็พบว่าเขาคือคุญชายน้อยจากสกุลหนึ่งท่าทางกร่างใช้ได้คงมิแคล้วออกปากดูแคลนนางต่อหน้ากลุ่มชนเป็นแน่
คุณชายน้อยสกุลหยางไห่กอดอกเชิดหน้าขึ้น"เจ้าเป็นสตรีคงคิดว่าการเยี่ยเลี่ยเป็นเรื่องง่ายดายงั้นสิ มันต้องใช้ทั้งสติปัญญาและวิชาแกร่งกล้าในการกำจัดวิญญาณร้าย มิใช่คิดอยากจะทำอะไรก็ทำราวกับมิใช้หัวคิดเช่นนี้"
คำพูดคำจาวางท่าใหญ่โตทั้งๆที่นี่เองก็เป็นคราวแรกในการออกล่าภูติผีของเจ้าตัวแท้ๆ ทว่ามองๆไปแล้วการตีท่าวางอำนาจเช่นนั้นก็คล้ายคลึงกับท่วงท่าของเวินรั่วหานที่ออกตัวแย้งชิงเหิงจวินเมื่อครู่มิน้อย
ไม่ใช่ว่ากำลังเลียนแบบอยู่หรอกนะ?
"นี่เจ้า!"คุณชายเจียงที่ได้ยินวาจาร้ายกาจเช่นนั้นแหวกฝูงชนเข้ามาหมายจะเอาเรื่องคุณชายคนนั้น ยังดีที่เว่ยฉางเจ๋อปรามไว้เสียก่อน
ฟ่านซิงเห็นแล้วลอบขบคิด...เจียงเฟิงเหมียนที่ถูกเหล่าแฟนๆยกเป็นคนสุขุม อ่อนนุ่มไทป์แด๊ดดี้นั้นจะมีมุมหัวร้อนแบบออกหน้าเช่นนี้ด้วย
...ถือว่าได้เปิดหูเปิดตาแล้ว
นางแสร้งตีหน้าสลดยกมือป้องปากอย่างมีจริต"ตายจริง เป็นเช่นนั้นเองหรือ?งั้นซือเยว่ต้องขออภัยด้วย"
"แม่นางฟ่าน..."เจียงเฟิงเหมียนพึมพำ เขาอยากจะแย้งว่านางไม่จำเป็นต้องกล่าวขอโทษเลยเป็นฝ่ายหยางไห่ต่างหากที่จิตใจคับแคบทว่าถูกผู้ติดตามคนสนิทล็อคแขนไว้
"ทว่า...หากท่านไตร่ตรองสักนิด ท่านน่าจะรู้ได้มิยากว่าเมื่อครู่ข้ายังกล่าวมิจบแม้แต่อนุชนรุ่นน้อยกว่าท่านยังสามารถคิดในจุดนี้ได้"มือบางผายมืออกไปรอบตัวเผยให้เห็นราวอนุชนทั้งหลายที่แม้จะเคลือบแคลงใจทว่ามิได้เร่งเร้าเอาความอย่างที่คุณชายหยางไห่กำลังกระทำ
คราวนี้นางหันไปเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายโดยตรงไล่สำรวจใบหน้าซีดเผือดที่ก่อนหน้านี้ยังแสดงออกว่าพออกพอใจที่สามารถกดหัวคุณหนูตระกูลฟ่านได้ ก่อนยกยิ้มหวานปานผลผิงกั่ว(แอปเปิ้ล)อาบยาพิษ
"เช่นนี้แล้ว...การออกตัวโต้แย้งโดยมิฟังเนื้อความให้ชัดแจ้งเสียก่อน นั่นนับว่าเป็นสิ่งที่ผู้มีปัญญาสมควรกระทำหรือไม่?"
"หึ!"
แว่วเสียงกลั้วหัวเราะดังมาจากทางบุรุษแดนตะวันฉายที่มิคิดจะรักษากิริยาหรือไว้หน้าคุณชายหยางไห่ผู้ถูกตอกหน้าเลยสักนิดยิ่งทำให้เขารู้สึกอับอายเข้าไปอีก เจ้าตัวตวัดดวงตาไปทางสตรีแพศยาที่ทำให้เขาต้องมาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ซึ่งนางมิได้หลบตาเขาสักนิดกับจ้องกลับมาอย่างมิหวั่นเกรงจนกลายเป็นฝ่ายคุณชายตระกูลหยางไห่ที่ต้องหลบตาเสียเอง
ยังดีที่นางมิใช่คนกัดไม่ปล่อย อะไรปล่อยได้ก็ปล่อยไป
คุณชายท่านนี้เองก็อาจกระทำไปเพราะถูกยกตัวเป็นใหญ่มาตลอดอาจรู้สึกขุ่นเคืองที่ถูกศิษย์สกุลอื่นนำหน้า บทเรียนเพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้วไม่จำเป็นต้องจี้ให้มากความ
เช่นนั้นปากบางจึงเริ่มเอ่ยต่อจากเมื่อครู่อย่างพยายามหักห้ามอารมณ์
"จากที่ข้ากล่าวเมื่อครู่ วิญญาณตนนี้คงมิถูกกับแสงสว่างเท่าใดข้าจึงขอเสนอให้เราพุ่งเข้าหาและไล่ต้อนมันออกมาจนกว่าจะหลุดเข้าไปในค่ายกล"
นางหยุดพักชั่วครู่เพื่อสังเกตปฏิกิริยาของแต่ละคน หลานฉี่เหรินลูบเคราสั้นของตนพลางเอ่ย
"เจ้าว่าต่อสิ"
ซือเยว่ยิ้มบาง"ตระกูลฟ่านมีเทคนิคการเขียนยันต์ระเบิดอยู่ ตัวข้าสามารถสอนการเขียนยันต์ระเบิดแบบอนุภาพน้อยที่จะสร้างเพียงแสงสว่างให้แก่พวกท่านได้ ระหว่างนั้นตระกูลหลานที่เชี่ยวชาญเรื่องค่ายกลก็ดักตั้งค่ายกลอยู่ ณ จุดหนึ่ง ส่วนอีกกลุ่มก็ไปไล่ต้อนวิญญาณร้ายโดยใช้ยันต์ระเบิดจุดลงที่ๆมีแสงน้อยที่สุด ล้อให้มันหนีออกมาจากที่ซ้อนให้เข้าไปในค่ายกล ซึ่งจำนวนคนที่เยอะเป็นทุนเดิมเราจะได้ค่ายกลที่มีความทนทานมากกว่าและสามารถจับวิญญาณได้อย่างแน่นอน"
ชิงเหิงจวินขบคิดชั่วครู่ก่อนใบหน้าอ่อนโยนจะเผยยิ้มออกมาและตกลงใช้้แผนการของฟ่านซือเยว่ในการจับวิญญาณร้าย
กลุ่มเยี่ยเลี่ยแบ่งออกเป็นสองกลุ่มใหญ่นั่นคือกลุ่มวาดค่ายกลและกลุ่มไล่ล่าวิญญาณร้ายซึ่งกลุ่มหลังนั้นจะแบ่งแยกย่อยไปอีกเป็นกลุ่มละหกคนซึ่งในแต่ละกลุ่มจะมีผู้นำดังนี้
กลุ่มที่1หัวหน้ากลุ่มคือ'ชิงเหิงจวิน' คอยดูแลศิษย์สกุลหลานในการวาดค่ายกลอยู่ที่นี่
กลุ่มที่2 หัวหน้ากลุ่มคือ'เวินรั่วหาน' นำศิษย์สกุลเวินออกล่าทางทิศตะวันออก
กลุ่มที่3 หัวหน้ากลุ่มคือ'เจียงเฟิงเหมียน' นำศิษย์สกุลเจียงออกล่าทางทิศตะวันตก
กลุ่มที่4 หัวหน้ากลุ่มคือ'จินกวงซ่าน' นำศิษย์สกุลจินออกล่าทางทิศเหนือ
กลุ่มที่5 หัวหน้ากลุ่มคือ'ฟ่านซือเยว่' นำศิษย์ต่างสกุลที่เหลือออกล่าทางทิศใต้
ฟ่านซือเยว์ได้ฟังอดเอียงคอมิได้ รู้สึกว่าคุณชายใหญ่ตระกูลหลานนั้นช่างแบ่งปันหน้าที่อันยิ่งใหญ่มาให้นางเสียเหลือเกินหนา เล่นเสียนางรู้สึกกดดันเล็กน้อยเลยเชียว...
"เป็นข้า... เหมาะสมหรือ?"นางยกนิ้วปัดเส้นผมทัดหลังหู ตากลมฉายแววกังวล
"มีสิ่งใดมิเหมาะเล่า?"
กับเป็นหลานฉี่เหรินกล่าวขึ้นคิ้วหนาเลิกอย่างสงสัยใคร่รู้ ตัวเขารู้ดีว่าแม้ภายนอกฟ่านซือเยว่นั้นจะดูเป็นคุณหนูน้อยผู้มั่นอกมั่นใจทว่าในใจลึกๆนางก็ยังมีความวิตกกังวลตามประสาวัยเยาว์อยู่
"ศิษย์เอกที่ประมุขสกุลฟ่านให้การยอมรับ ปัญญาเจ้าก็มิด้อยไปกว่าใครเช่นนี้แล้วมีสิ่งใดที่มิเหมาะสม"
ศิษย์สกุลหลานพากันอ้าปากค้างมินึกมิฝันว่าคุณชายรองจะกล่าวเยินยอผู้อื่นจนออกนอกหน้าเช่นนี้ได้ ไม่ผิดกฎหรือ? เหล่าอนุชนน้อยส่งสายตากันล่อกแล่กจนเจ้าของประโยคต้องกระแอ่มเตือน
เขาเพียงกล่าวตามจริงเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้แก่นาง ที่กล่าวมาล้วนเป็นความจริงทั้งสิ้นมินับเป็นการเยินยอเกินจริงแต่อย่างใด
...นับว่าไม่ผิดกฎสกุล
ทว่าครั้งหันมองทางบุคคลผู้ถูกเอ่ยชมก็ถึงกับผงะ เมื่อใบหน้าของศิษย์หญิงแห่งสกุลฟ่านนั้นถูกสีแดงแต่งแต้มไปทั่วใบหน้าจนมิต่างจากผลอิงเถาสุกพานให้คนรอบข้างตกอยู่ในภวังค์
เพี๊ยะ!
ทว่าต้องชะงักไปเมื่อนางเล่นยกสองมือตบเข้าที่สองข้างแก้มไปเต็มแรงจนกลัวว่าแก้มน้อยๆนั้นจะเป็นรอนช้ำเอา
"เช่นนั้นต้องขอบคุณคุณชายทั้งสองมาก ข้าจะมิทำให้ผิดหวัง"
"อ่ะแฮ่ม! เช่นนั้นก็แยกย้ายเถอะ...อย่าลืมดูแลตัวเองด้วย"ประโยคหลังนั้นหลานฉี่เหรินกล่าวเสียงเบาประหนึ่งกระซิบให้ตนได้ยินเพียงผู้เดียวทว่าชิงเหิงจวินผู้เป็นพี่กับได้ยินประโยคนั้นอย่างชัดเจน...
"แม่นางฟ่านดูแลตัวเองด้วย"คุณชายเจียงกล่าวโดยมีเว่ยฉางเจ๋อประกบอยู่ข้างกาย
"คุณเจียงก็เช่นกัน"นางกล่าวด้วยรอยยิ้มก่อนเดินแยกออกมาและโยกหลบคุณชายจินที่กำลังจะพุ่งเข้ามากล่าวอวยพรเฉกเช่นผู้อื่นอย่างง่ายดาย ปล่อยให้จินกวงซ่านหันซ้ายแลขวาหาร่างนางที่จู่ๆก็หายต่อไป...
การหาลือสิ้นสุดเพียงเท่านี้กลุ่มล่าวิญญาณร้ายจึงแยกย้ายกันไปตามทิศทางที่ตนได้รับมอบหมาย ซึ่งรูปแบบของแต่ละกลุ่มล้วนแตกต่างกันออกไปตามแต่ผู้เป็นหัวหน้าจะบัญชา
ส่วนขบวนของนางนั้นจะให้ผู้ที่ฝึกลมปราณจนสามารถสำผัสสิ่งผิดปกติรอบตัวไปอยู่แนวหน้าแล้วให้คนที่มีทักษะวรยุทธ์แกร่งกล้าตามหลังเพื่อกันภัยอันตรายและแม้หน่ายสอดแนมจะถูกโจมตีก็ยังมีหน่วยจู่โจมคอยกันไว้อยู่แล้ว
!?
ฟ่านซือเยว่หันควับ เมื่อครู่นางเห็นเงาบางอย่างแล่นผ่านหางตาไปคิดในแง่ดีอาจเป็นสัตว์เล็กแต่หากร้ายหน่อยก็คงเป็นเป้าหมายที่เราตามหา ทว่ากลับเป็นเพียงจิ้งจอกตัวเดียวมันส่งเสียงขู่เธอเล็กน้อยก่อนจะกระโจนหายไป
เฮ้อ...นึกว่าเป็นวิญญาณร้ายเสียอีก...
แต่ถ้าเจอเป้าหมายอย่างรวดเร็วเช่นนี้ก็ต้องนับเป็นโชคดีสิ?
เจอวิญญาณร้ายนับเป็นโชคดีได้ด้วยหรือ?
อ่า จัดหมวดหมู่ให้มิถูกแฮะ
"เอาเป็นว่าช่างมันเถอะ"นางกระซิบกับตัวเอง และออกเดินต่อโดยไม่ลืมสอดส่องสายตาไปรอบกายเพื่อเสาะหาวิญญาณร้าย
หลังพุ่มไม้นั้นเอง...
แควก-!
ร่างของหมาจิ้งจอกผู้น่าสงสารที่กระโดดออกจากรังเพราะสัมผัสได้ถึงภัยอันตรายถูกบางสิ่งบางอย่างฉีกออกจนส่วนหัวและตัวแยกออกจากกัน เห็นเพียงเยื้อบางๆที่ยังเชื่อมอยู่เล็กน้อย โลหิตสีเข้มไหลนองเต็มพื้น
สิ่งนั้นขว้างหัวจิ้งจอกออกไปอีกทางด้วยความหงุดหงิด สตรีนางนั้นเกือบจับมันได้ถ้าไม่ใช่เจ้าสิ่งมีชีวิตหน้าขนนี่มันคงตามสอดส่องกลุ่มคนพวกนี้ได้โดยมิต้องหวาดระแวงใดๆ
ถือว่าชดใช้ไปแล้วกันหนา...
สิ่งนั้นขบคิดก่อนจะตามกลุ่มเยี่ยเลี่-ไม่สิ สตรีจากกลุ่มเยี่ยเลี่ยนั้นต่อไปโดยมิคิดจะกลับมาใส่ใจเจ้าซากจิ้งจอกนั่นอีกเป็นครั้งที่สอง
---------------------------------------
น้องจิ้งจอกกกกกกกT[ ]T!!!!
นางเอกเราเป็นคนปล่อยว่างง่ายค่ะถ้าเรื่องนั้นไม่ร้ายแรงมาก แต่ถ้าร้ายแรงเมื่อไหร่ เผาพริกเผาเกลือก็ยังไม่พอ
คุณชายจินโดนแกงอีกแล้ว555+(รีด : แบบนั้นเรียกรังเกียจ)
ความคิดเห็น