คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 1 : ก่อนมาพบกัน
Chapter 1 : ก่อนมาพบกัน
'ทอร์นาโดมันสามารถพาคนทะลุมิติได้ด้วยเหรอ?'
-----------------------------------
ในช่วงชีวิตของเรา ร้อยทั้งร้อยก็ต้องมีเรื่องชวนหวาดผวาในวัยเด็กบ้างไม่ว่าจะเรื่องใดก็เรื่องหนึ่ง แน่นอนกับเด็กวัย5ขวบก็ไม่มีข้อยกเว้น
ไอรินเธอเป็นเด็กสาวต่างจังหวัดจากประเทศไทย ถึงจะใช้ชีวิตตลอดห้าปีที่นี่แต่กรรมพันธุ์บนใบหน้านั้นก็ทำให้คนรอบข้างรับรู้ได้ว่าเด็กน้อยตัวจ้อยนี้เป็นลูกครึ่ง
และถึงกรรมพันธุ์จะไม่ถูกส่งต่อมาบนใบหน้า ทว่าเรื่องราวของมารดาเธอนั้นก็เป็นเรื่องที่คนในพื้นที่รู้กันดี
มารดาของเธอ'ราตรี'หญิงสามัญชนแสนธรรมดาที่อายุเหยียบเข้าเลขสี่ปลายๆแล้ว หล่อนหนีไปใช้ชีวิตอยู่ชายชาวต่างชาติที่มาท่องเที่ยวเมืองไทย
ในคราวแรกเรื่องราวของทั้งสองนับเป็นเรื่องน่าอิจฉาของใครหลายคน ทว่าเมื่อถึงคราวที่ชายคนนั้นต้องกลับไปยังบ้านเกิดเรื่องเล่าก็แปรเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้า ยิ่งไม่นานจากนั้นหญิงสาวพบว่าตนตั้งครรภ์คำติฉินนินทายิ่งเพิ่มทวีคูณ
กระนั้นแล้วความรักที่มีต่อชายที่รักหาได้จางหายไป ราตรีเฝ้าดูแลถนุถนอมลูกของทั้งเธอและเขาอย่างดี ยุงไม่ให้ไต่ไต่ไรไม่ให้ตอม
ซึ่งเด็กผู้ไม่เคยขาดไอความรักจากผู้เป็นแม่นั้นมีชื่อว่า'ไอริน นิวเจน'
สื่อว่าเด็กสาวคือแสงสว่างของผู้เป็นมารดา และใช้นามสกุลของผู้เป็นบิดาที่ไม่เคยพบหน้าเพื่อเป็นพยานแห่งความรักของทั้งคู่
ราตรีทุ่มเงินในบัญชีทั้งหมดของหล่อนส่งลูกสาวเข้าโรงเรียนอินเตอร์ ฝึกพื้นฐานการใช้ภาษาให้เธอทุกรูปแบบ เพราะแบบนั้นไอรินจึงเชี่ยวชาญการสนทนาภาษาต่างประเทศค่อนข้างมากๆ
เธอจำได้ว่าช่วงเวลานั้นเธอไม่ได้หวังให้ผู้เป็นพ่อกลับมาหา ขอแค่ได้อยู่กับมารดาเธอก็มีความสุขแล้ว
แน่นอนทุกครั้งที่มีกิจกรรมวันพ่อที่นั่งของผู้ปกครองเธอมักจะมีมารดามานั่งแทนเสมอ หล่อนไม่เคยทำให้ไอรินรู้สึกโดดเดี่ยวแม้แต่ครั้งเดียว
ไอรินรักแม่มาก
มากจริงๆ
"เธอนี่มันน่าสงสารจริงๆนะ"
ไอรินผละออกจากการวาดรูปและหันไปมองพี่สาวข้างบ้าน(ถึงจริงๆจะเรียกป้าได้แล้ว แต่เจ้าตัวไม่ยอมนี่สิ)ที่ยืนเท้ารั่วไม้มองมาทางเธอในมือของหล่อนมีม้วนบุหรี่คู่ใจอยู่ แน่นอนว่าเด็กสาวไม่เข้าใจสิ่งที่หญิงวัยกลางคนต้องการจะสื่อ เธอมีอะไรน่าสงสารงั้นเหรอ?"สูบบุหรี่มากๆจะไม่ดีต่อสุขภาพนะคะพี่แพร"
หญิงวัยกลางคนหัวเราะเหอะพลางอัดควันเข้าปอดโชว์เด็กสาวไปหนึ่งครั้ง
"เหอะ แล้วไง? อยากรู้เหมือนกันว่าปอดฉันมันจะเละเทะไปได้อีกแค่ไหนกันเชียว"ว่าแล้วก็อัดควันเข้าปอดไปอีกรอบ
เด็กน้อยยิ้มอ่อนให้กับการกระทำนั้น ก่อนจะกลับมาเข้าเรื่องที่ค้างคาไว้ก่อนหน้า"ทำไมบอกว่าหนูน่าสงสารล่ะ?"
"ก็ดูสิ พ่อก็หายหัวไปไหนก็ไม่รู้ เพื่อนที่โรงเรียนล้อตายเลยสิ แถมยังถูกเอามาใช้เป็นพยานรักบ้าบอของยัยราตรีอีก เฮ้อ~"
"แม่บอกว่าพ่อไปทำงาน เดี๋ยวท่านก็กลับมาหา"ถึงในใจจริงๆเธอไม่ได้อยากให้กลับมาก็เถอะ
พี่แพรไม่ได้กล่าวอะไรต่อ เพียงถอนหายใจแล้วผลักหัวเธอเบาๆแล้วเดินเข้าบ้านไป
ในคืนนั้นเธอเราเรื่องที่คุยกับพี่แพรให้ฟัง แม่ของเธอโกรธมากที่พี่แพรมาพูดอะไรแปลกๆให้ลูกสาวฟัง
ร่างน้อยของเด็กหญิงถูกรวบเข้าไปกอดแน่น มือที่ถูกบำรุงอย่างดีลูบเส้นผมของเธอเบาๆพร้อมเสียงหวานใสดังแก้วเอื้อนเอ่ยเบาๆ
"ลูกเป็นความหวังของแม่นะไอริน แม่รักหนูนะ..."
นั่นคือประโยคที่เธอได้ยินมาตั้งแต่จำความได้ น้ำเสียงที่ได้ยินนั้นอ่อนโยนที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมา อ่อนโยน...จนเผลอเชื่อไปทั้งหัวใจ
“หนูก็รักแม่"
สองร่างกอดกันในค่ำคืนที่แสนสงบ ไอรินเชื่อว่ามันจะเป็นแบบนี้ไปตลอดไม่มีวันเปลี่ยนแปลง จนกระทั่ง...
"หมายความว่าไงที่ว่าให้ตัดใจได้แล้วน่ะ!?"
เสียงตะคอกที่หาได้ยากยิ่งของราตรีดังออกมาจากห้องอาหาร ไอรินชะโงกหัวไปมองพบว่าเป็นมารดาที่กำลังคุยโทรศัพท์กับใครอยู่ แต่สีหน้าหล่อนนั้นไม่ใกล้เคียงกับคำว่าดีเลยสักนิด"อย่ามาถอนหายใจใส่ฉั- เxี้ยเอ้ย!!"
หล่อนสบถคำหยาบออกมาอย่างไม่เกรงใจเมื่อบุคคลปลายสายนั้นถือวิสาสะวางสายไปซะแล้ว หล่อนเร่งกดโทรใหม่อีกครั้งทว่าฝ่ายตรงข้ามกลับไม่รับสาย
'"รับสิ! รับสิ!! รับเซ่!!!"เด็กน้อยเดินเตาะแตะไปหาผู้เป็นมารดา มือน้อยกระตุกชายเสื้อหล่อนเบาๆจ้องตาแป๋ว"คุณแม่เป็นอะไรไปคะ? หนูให้ยืมของเล่นอย่าร้องไห้เลยนะ"
ทุกครั้งที่เธอทำแบบนี้ ผู้เป็นมารดาจะหันมาหัวเราะเสียงใสและเราสองแม่ลูกจะพากันเล่นของเล่นกันจนเธอเผลอหลับไป
ทว่าคราวนี้กลับต่างออกไป...
เพรี้ยะ!!
ฝ่ามือของมารดาฟาดลงข้างแก้มเต็มแรงจนร่างเด็กน้อยกระเด็นออกมา เด็กสาวตัวสั่นเมื่อสบเข้ากับนัยน์ตาของผู้เป็นมารดา มันไม่ได้ดูอ่อนโยนอย่างที่แล้วๆมา มันเต็มไปด้วยแรงไฟโทสะจนน่าหวาดผวา
"แx่งเอ๊ย! ดันหลงเชื่อมันไปซะได้ แล้วจะทำยังไงกับนังเด็กนี่เล่า!"
ไอรินคลานหลบไปมุมห้องเพื่อหลีกหนีจากแรงอารมณ์ของผู้เป็นมารดา นี่เป็นครั้งแรกของเด็กสาวที่พบเห็นด้านนี้ของหล่อนจึงไม่แปลกที่เด็กน้อยจะเกิดอาการหวาดผวาได้มากขนาดนี้
ร่างของหญิงสาวพุ่งเข้ามาคร่อมตัวของเธอเอาไว้ มือหล่อนบีบแก้มของเด็กสาวบังคับให้หันมาสบตากันตรงๆ แม้จะพยายามขัดขืนทว่าปลายเล็บที่จิกลงมาบนเนื้อแก้มนั้นสร้างความเจ็บปวดเกินกว่าเด็กน้อยจะรับไหว เธอจำใจหันไปเผชิญหน้ากับมารดาที่เธอไม่คุ้นเคยอย่างไร้หนทาง
"พ่อแกมันไม่โผล่หัวมาแล้ว! มันทิ้งเราแล้วได้ยินมั้ย!!"หล่อนตะโกนอัดหน้าเด็กน้อย น้ำตานองหน้าซึ่งฝ่ายไอริยน้อยก็ไม่ต่างกันฝ่ามือเล็กเอื้อมมาจับมือของมารดาเอ่ยเสียงสั่นเครือ
"ม ไม่มีพ่อก็ได้...เรา...มาอยู่ด้วยกันสองคนนะคะแม่"
เธอเชื่อว่าถ้าเราสองแม่ลูกใช้ชีวิตกันสองคนโดยไม่มีชายคนนั้นได้แน่นอน
ราตรีมองลูกสาวของตน ไอรินหลงคิดว่าแม่เธอคงเข้าใจแต่เปล่าเลย หล่อนกลับทวีความโกรธขึ้นไปอีก"ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วฉันจะคลอดแกออกมาทำไมล่ะอิเด็กเวร!"
วินาทีต่อมาเด็กน้อยก็รู้สึกได้ว่ามีของแข็งฟาดลงบนใบหน้าของเธอจากนั้นสติก็ดับวูบไป
ทว่าความเจ็บที่ใบหน้าก็เทียบไม่ได้กับความเจ็บภายในใจสักนิด คำพูดที่ผู้เป็นแม่พล้ำบอกมาตลิดราวกับเป็นเพียงคำลวงที่มีไว้ใช้หลอกเธอเท่านั้น
ไอรินก็ไม่ต่างอะไรจากตัวประกันที่แม่เก็บไว้เพื่อรอวันที่คนเป็นบิดาจะมารับตัวไป
หากครานี้ชายคนนั้นไม่ได้ใยดีต่อเด็กสาวที่ไม่แม้จะได้พบหน้าคนนี้อีกแล้ว...
ราตรีจึงไม่จำเป็นต้องถนุถนอนเธออีกต่อไป...
เหตุการณ์นั้นทำให้แม่ของเธอถูกจับข้อหาทำร้ายร่างกายและทารุณกรรมเด็กโดยผู้ที่ติดต่อให้ก็คือพี่แพร แต่ผ่านไปไม่นานมารดาของเธอก็ถูกปล่อยตัวออกมาและชีวิตของไอรินราวถูกพลิกผัน
มารดาหันมาดื่มเหล้าอย่างหนัก จนส่งผลกระทบต่อร่างกายกระนั้นหล่อนก็ยังด่าทอลูกสาวทุกวันไม่ขาดปาก ดูเหมือนในตอนนี้เธอจะถูกผู้เป็นมารดาเกลียดจนเข้าไส้เลยล่ะ...
ไม่เพียงมารดาที่เปลี่ยนไปแต่ผลจากถูกของแข็งฟาดที่ใบหน้าอย่างแรงและราตรีอาจฟาดมันซ้ำลงมาอีกหลายครั้งหลังที่ไอรินหมดสติไป ตอนนี้กล้ามเนื้อใบหน้าของเด็กสาวจึงไม่สามารถขยับได้ดั่งใจ
หมอกล่าวว่ากล้ามเนื้อบนใบหน้าของเธ มีปัญหา จะว่ายิ้มก็ไม่ใช่จะบึ้งตึงก็ไม่เชิงซึ่งมันสร้างปัญหาในการเข้าสังคมให้ไอรินมากมายนัก
จากเด็กสาวที่อัทธยาศัยดีร่าเริงสดใส แปรผันเป็นเด็กหน้าบึ้งตึงตายด้านจนมิตรสหายเริ่มตีตัวออกห่าง
ไอรินพยายามเล่นมุกตลกอย่างที่เคยทำ ทว่าแทนที่มันจะดูตลกขบขันกลับสร้างความหวาดกลัวให้คนรอบข้าง เธอเล่นมุกทั้งที่ใบหน้านิ่งสนิทจากมุกตลกโปกฮาจึงกลายเป็นเรื่องเล่าชวนสยอง
ไม่มีใครอ่านอารมณ์ไอรินได้
ไม่มีใครรับรู้ถึงอารมณ์ที่เด็กสาวต้องการจะสื่อ
ความโดดเดี่ยวที่ได้รับหลอมรวมให้ไอรินเปลี่ยนแปลงตนเอง สร้างกำแพงสูงเฉียดฟ้าหลบหนีจากคนรอบตัว
ไอรินมุ่งเน้นไปที่การเรียนของเธอ เธอพยายามอย่างหนักเพื่อให้เกรดออกมาดี เกรดที่จะนำพาเธอไปสู่ชีวิตใหม่
ในเวลาว่างจากการเรียนไอรินจะอ่านหนังสือหาข้อมูลในการย้่ยประเทศ ไม่ว่าจะเอกสารหรือกฎหมายต่างๆจนอายุเธอได้13ปี ความพยายามก้าวแรกก็สัมฤทธิ์ผล
ไอรินทำเรื่องมาเรียนต่อที่อเมริกาได้สำเร็จ ห่างใกล้จากผู้เป็นแม่ ห่างใกล้จากความทรงจำวัยเด็ก
"จะไปไหนก็เรื่องของแกเถอะ!"
"อืม"
แน่นอนถึงลูกสาวผู้เคยเป็นแก้วตาดวงใจกำลังจะย้ายไปอยู่ที่ไกลแสนใกล้ ราตรีก็หาได้สนใจไม่ ดีไม่ดีหล่อนอาจกำลังจะแช่งให้เครื่องบินมันระเบิดกลางอากาศอยู่ก็ได้ใครจะไปรู้
"งั้นหนูไปนะ"
เป็นการบอกลาที่โคตรจะห่วยแตกเลยให้ตายเถอะ ถึงจะไม่ได้หวังอะไรไว้อยู่แล้วก็ตาม
ภายในเครื่องบินเธอไม่ได้สนใจอะไรมากแค่นั่งรอเวลาที่เครื่องจะลงจอดเท่านั้น แต่สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อทอร์นาโดลูกยักษ์ปรากฏขึ้นต่อหน้าประชากรที่อยู่ในตัวเครื่องเสียงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวดังเข้ามาในโสตประสาท ไอรินนั่งจิกลงเบาะแน่นแอบสบถในใจ
ไอ้กัปตันเครื่องมันไม่ดูจุดที่ควรบินเลยรึไงวะ!?
ในเวลาไม่กี่นาทีเครื่องบินลำใหญ่ก็ถูกดูดเข้าไปในทอร์นาโดยักษ์และคงเป็นเรื่องยากที่ราวผู้โดยสารรวมถึงกัปตันเครื่องคงไม่ได้มีชีวิตรอดกลับมา
เฮือก!?
ไอรินสะดุ้งเบิกตาโพล่ง ก่อนกวาดสายจามองรอบๆตัว ทุกอย่างดูปกติจนหน้าแปลก...ผู้คนต่างทำธุระส่วนตัวของตนเองโดยไม่สนอะไรราวกับว่าเรื่องที่เครื่องบินถูกดูดเข้าไปในทอร์นาโดยักษ์นั้นไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
"ฝัน?"นั่นเป็นสิ่งที่เธอคิดได้เพียงข้อเดียว แม้มันจะเหมือนจริงมากจนไม่สามารถเชื่อได้ว่าเป็นความฝัน แต่จะให้ทำไงได้ล่ะ? ลุกขึ้นแล้วตะโกนถามคนในเครื่อง? จะโดนลากไปเก็บในห้องฉุกเฉินแทนเพราะคิดว่าสติไม่ดีแทนน่ะสิไม่ว่า
ไม่นานหลังจากนั้นเครื่องก็ลงจอด ไอรินรีบมุ่งหน้าไปยังบ้านพักที่สั่งจองไว้ก่อนหน้าที่เธอจะมาซึ่งแน่นอนมันเป็นเงินของเธอทั้งหมด
ร่างบางหมุนตัวไปรอบๆ ทุกสิ่งทุกอย่างรอบกายดูแปลกตา ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาตัวสูงกว่าเธอมาก คงเพราะเธอเป็นคนเอเชียและมันคนละเรื่องกับคนยุโรปเลยล่ะนะ
"ไอริน!! ไอรินจ๊ะ ทางนี้~"
ภาษาประจำชาติร้องเรียกจากอีกฟาก น้ำเสียงช่างคุ้นหูจนน่าแปลกใจ เจ้าของชื่อพยายามเพ่งมองไปยังต้นเสียงก็พบเข้ากับร่างของราตรีผู้เป็นมารดากำลังยืนโบกมือให้เธอพร้อมรอยยิ้มที่ไม่ได้เห็นมาเนิ่นนาน
ราตรียิ้มหวาน"ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะลูกรัก~"
แม่เธอมาที่นี่ได้ยังไง?!?
แล้วคนข้างๆหล่อนนั่นใคร!?
เมื่อเห็นว่าลูกสาวไม่ยอมเดินมาสักทีทั้งสองจึงเดินเข้าไปหาแทนแต่เด็กสาวตรงหน้าก็ผละถอยออกไปด้วยใบหน้าสับสน บุคคลที่เดินเข้ามานั้นถึงจะเหมือนแม่ของเธอมากแต่กลับมีบางอย่างที่ต่างออกไป
บรรยากาศรอบตัวนั้นราวกับย้อนกลับไปเมื่อ8ปีก่อน ในคราที่แม่ยังวาดฝันถึงชายคนนั้นอยู่
แล้วชายข้างๆนี่...
บุรุษร่างสูงดูมีภูมิฐานเลิกคิ้วเมื่อถูกจ้องตาไม่กระพริบไม่นานเขาก็หลุดหัวเราะออกมา ยื่นมือขยี้หัวของเธอจนฟูฟ่องไปหมด
"อะไรยัยตัวแสบ ไปเที่ยวไม่กี่อาทิตย์กลับมาก็ลืมพ่อไปแล้วหรือหืม? ว่าไง?"
อะไรนะ อีกทีซิ?
พ่อ?
เธอมีพ่อด้วย?(มีลูก หนูต้องมี...ไม่มีหนูเกิดไม่ได้นะเออ;;;)
มีหรือไม่มีพ่อนั้นไม่สำศัญ...สำคัญที่ว่าทำไมถึงพึ่งโผล่มาตอนนี้ แถมแม่ของเธอยังมาอยู่ที่นี่อีก...
"ทำหน้าเด๋ออะไรล่ะเรา ป่ะ กลับบ้านกันดีกว่านะ"ผู้เป็นมารดายื่นมือมาจัดทรงผมที่ถูกยี้จนเละเทะเบาและจับมือเธอเดินไป โดยชายที่อ้างว่าเป็นบิดานั้นกำลังลากกระเป๋าเดินตามมาติดๆ
ไอรินทั้งอึ้ง ทั้งสับสน ไม่รู้หน้าหลังอะไรทั้งสิ้น จนเริ่มคิดว่าที่นี่อาจไม่ใช่ที่ๆเคยอยู่ ถ้าจะให้พูดคือสมพรปากแม่เธอแล้วล่ะ...
ไอรินนั่งรถประจำตัวของครอบครัวมาจนถึงบ้านหลังหนึ่ง มันไม่ได้ใหญ่โตจนเรียกว่าคฤหาสน์ได้ แต่ก็ใหญ่กว่าบ้านของคนปกติมากพอสมควรบ่งชี้ถึงฐานะของครอบครัวนี้ได้เป็นอย่างดี
"ลงมาได้แล้วคนเก่ง เดี๋ยวเย็นนี้แม่ทำของโปรดให้กินนะ"ราตรีจูงมือเธอลงจากรถพาเดินเข้ามาภายในบ้านด้วยกัน ด้านในถูกตกแต่งสวยงามมีรูปครอบครัวตั้งได้บนโต๊ะมันคือภาพของพวกเราสามคนทีาไอรินจำไม่ได้ว่าเคยถ่ายมันมาก่อน
จนถึงตรงนี้ไอรินมั่นใจเกิน100%แล้วว่านี่ไม่ใช่โลกของเธอแน่นอน คำถามคือเธอมาที่นี่ได้ยังไง? เพราะทอร์นาโดนั่นเหรอ? แล้วไอรินของโลกนี้อยู่ไหน?
มื้อเย็นวันนั้นเป็นมื้ออาหารครบเครื่องในรอบหลายปีของไอรินเลยก็ว่าได้ และดูเหมือนทั้งสองคนจะไม่สงสัยอะไรเกี่ยวกับสีหน้าของเธอซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าไอรินของโลกนี้ก็มีภาวะผิดปกติทางสีหน้าเหมือนกัน
และนี่เป็นครั้งแรกที่ไอรินได้รู้ชื่อพ่อของตนเองเป็นครั้งแรก'วิลเลียม นิวเจน' นิวเจนที่เป็นนามสกุลแบบเดียวกับเธอ
การเข้านอนของเธอทั้งสองก็เข้ามาบอกราตรีสวัสดิ์ถึงเตียง เป็นภาพที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน ในอดีตอาจมารดาก็บอกราตรีสวัสดิ์เธอแต่หลังจากวันนั้นมันก็ไม่มีอีก
ไม่รู้สิ...แต่ไอรินคิดว่าไหนๆเธอก็มาอยู่ที่นี่แล้ว
ได้อยู่กับพ่อแม่ เป็นครอบครัวที่สมบูรณ์...
งั้นจะเป็นอะไรมั้ยหากเธอจะลองกลับมาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอีกครั้ง? เหมือนเมื่อแปดปีก่อน
"คิดถึงทั้งคู่จังเลยค่ะ~"ไอรินโอบรอบคอของทั้งสองคนจนสองร่างนั้นล้มระเนระนาดลงมาบนเตียงกว้าง
ราตรีหัวเราะ"อะไรของเราเนี่ย!"
"ที่รักๆคุณทับแขนผ๊ม!"
เสียงหัวเราะของคู่สามีประสานกัน โดยมีลูกน้อยของพวกเขาหลับตาพริ้มซึมซับความรู้สึกในตอนที่ให้มากที่สุด
ไอรินภาวนาในใจไม่ให้สิ่งเหล่านี้เป็นความฝัน...
ไม่งั้นมันคงทรมานน่าดูเลยล่ะ...
เด็กสาวผลอยหลับไปในที่สุด สองสามีภรรยาค่อยๆจัดท่านอนของเธอให้เรียบร้อยก่อนวิลเลียมผู้เป็นพ่อจะช้อนตัวเด็กสาวขึ้นแนบอก พยายามไม่ทำให้เด็กสาวสะดุ้งตื่นขึ้นมา
ทั้งสองเดินไปที่รถขันเดิมและขับออกไปจากตัวบ้านทันที
ราตรีรับเด็กสาวมาไว้ในอ้อมแขนแทนผู้เป็นสามีก้มมองลูกสาวไปพลางหัวเราะเสียงหวาน
"นอนได้นอนดีนะเด็กคนนี้นิ"
"เพราะแบบนั้นแกถึงได้แข็งแรงแบบนี้ไงล่ะ กินครบ5หมู่ น้ำดื่มตลอดแถมเรายังพาไปออกกำลังกายกันบ่อยๆด้วย"วิลเลียมกล่าวพลางหัวเราะร่วน พวงมาลัยหักโค้งไปบนถนนอีกเส้นซึ่งไร้วี่แววของรถยนต์และแสงไฟ
เขายกยิ้ม"คราวนี้คงได้ราคาดีกว่าคราวที่แล้วแน่ๆ"
อืม...
ไอรินส่งเสียงงึมงำเบาๆเมื่อรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างแปลกไป ก่อนร่างน้อยจะสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาในความมืด
เธอหันซ้ายแลขวา รอบกายมืดสนิทจะว่ายังมืดอยู่ก็ไม่น่าใช่ หากเป็นแบบนั้นก็ควรจะมีแสงจันทร์ลอดผ่านหน้าต่างมาบ้าง ทว่านี่กลับมืดสนิทราวกับเป็นห้องปิดตาย...
พรึบ!
จู่ๆแสงไฟก็สว่างว๊าบจนคนอายุน้อยต้องยกมือมาบังไว้เพราะปรับสายตาไม่ทัน และเมื่อมองไปรอบๆก็พบว่าตอนนี้เธออยู่ในห้องสี่เหลี่ยมโล่งๆด้านหน้ามีบานกระจกกั้นไว้เหมือนพวกห้องทดลองที่เคยดูในหนังไม่มีผิด
นอกกระจกนั้นมีบุคคลแปลกหน้ายืนอยู่3-4คน ทว่านอกจากนั้นไอรินก็พบกับคนคุ้นเคยยืนเคียงกันอยู่ไม่ห่างนัก
ไม่รอช้าไอรินร้องถามทันที"พ่อคะ! แม่คะ!นี่มันอะไรกันคะ!?"
ผู้เป็นมารดาทรุดเข่าลงร่างนั้นสั่นระริกทว่าไม่ทันไรเสียงหัวเราะก็ดังแทรก หล่อนเงยหน้าขึ้นมาสบตากับลูกสาวตนเองด้วยรอยยิ้มบิดเบี้ยว
"ฮะฮ่า! เอาจริงดิ!? อยู่ในสภาพแบบนั้นแล้วยังไม่รู้จริงดิ!?"
"แม่หมายความว่ายังไง..."
"เอาล่ะเพื่อลูกสาวผู้โง่เขลาของเรา ขอแนะนำให้รู้จักพวกเขา องค์กร'ไฮดร้า'ผู้จะยิ่งใหญ่กว่าผู้ใดในโลก~"วิลเลียมผายมือไปทางกลุ่มคนที่ยืนอยู่ข้างๆ
สองสามีภรรยาคู่นี้นั้นมีอาชีพเป็นนักธุรกิจส่วนตัวเป็นฉากบังหน้าการผลิตตัวทดลองให้กับองค์กรไฮดร้า ทั้งสองคนจะให้กำเนิดทายาทออกมาและขายต่อให้กับองค์กรไฮดร้า
ปกติเด็กจะถูกขายตั้งแต่ช่วงอายุ5-6ปี ทว่าตัวทดลองก่อนหน้านั้นอึดทึกทนกว่าที่คิดจึงกินเวลามาจนไอรินอายุ13ปี ช่วงที่เด็กสาวขออนุญาตพวกเขาไปเที่ยวต่างประเทศคราแรกพวกเขากระวนกระวายแทบบ้าเมื่อเด็กสาวกลับมาช้ากว่ากำหนดการ นั่นจึงเป็นสาเหตุว่าทำไม่พวกเขาถึงได้ดูดีใจโอเวอร์ขนาดนั้นยามเห็นไอรินเดินลงจากเครื่อง
เด็กสาวฟังจบแล้วแทบสิ้นสติ"...ไม่"
เธอควรตกใจอะไรก่อนดีระหว่างองค์กรอันตรายในภาพยนตร์มี่เคยดูนั้นมีอยู่จริง กับ...
ครอบครัวที่เธอหวังไว้ว่าจะใช้ชีวิตไปด้วยกันอย่างมีความสุขหักหลังเธอ...
นี่เธอโลกสวยไปเหรอ? แค่เห็นเป็นพ่อแม่...แค่เห็นว่าพวกท่านทำดีกับเธอ...ก็เชื่อซะสนิทใจ...
โอเค เธอขอถอนคำพูด
ขอให้สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้เป็นความฝันด้วยเถอะ
เพราะการถูกหักหลังแบบนี้มันทรมานกว่าเยอะเลย...
ราตรีมองลูกสาวที่หลับตาราวกับยอมรับชะตากรรมตนเองก็ยกยิ้มหวานอย่างที่เคยทำมาตลอดพลางโบกมือบ๊ายบายคุณลูกสาว"บุญคุณตลอดมาของหนู ถูกใช้เรียบร้อยแล้วนะไอริน เงินที่ได้มาก้อนนี้จะทำให้พ่อกับแม่อยู่สบาย"
กล่าวจบทั้งคู่พากันเดินจากไปและไม่หันกลับมาอีก นั่นยิ่งย้ำเตือนว่าทั้งคู่ไม่มีเยื่อใยต่อไอรินเลยแม้แต่น้อย
และหลังจากนั้นไอรินก็รับรู้ได้ถึงคำว่านรกบนดิน
วันแรกพวกไฮดร้าจับเธอยัดเข้าไปในเครื่องบ้างอย่างซึ่งหากมันทำงานภายในจะดูดเอาออกซิเจนออกไปจนหมด เธออ้าปากพะงาบๆเป็นปลาขาดน้ำพยายามตะเกียกตะกายออกมา แต่ก็ถูกจับมัดแขนมัดขาจนไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้
วันที่สอง พวกนั้นฉีดบางอย่างเข้ามาในตัวของเธอ ร่างกายเธอบิดเร้าเหมือนจะขาดใจก่อนจะถูกจับเข้าไปในเครื่องนั่นอีก
วันที่สามไอรินถูกจับถ่วงน้ำปล่อยแช่ไว้แบบนั้นจนเธอแทบขาดใจตาย แต่ก่อนที่จะได้ลาโลกร่างก็ถูกฉุดขึ้นมาห้อยต่องแต่งกลางอากาศไม่ถึง10วินาที ก่อนจะจับถ่วงน้ำอีกครั้ง สลับแบบนี้อยู่หนึ่งวันเต็ม
วันที่สีไอรินจับไข้อย่างหนักเหตุจากการโดนจับถ่วง นั่นเหมือนจะเป็นวันพักผ่อนสำหรับเธอก็ไม่กลาย
วนลูปแบบนี้อยู่หนึ่งปีเต็ม พลกำลังของไอรินเพิ่มพูนขึ้นกว่าเดิมไม่ทราบว่าเป็นผลจากการทดลองวิปริตของพวกไฮดร้าหรือเปล่า แต่เพราะแบบนั้นเธอจึงไม่มีโอกาสได้หยุดพักอีกเลย
จนวันหนึ่งไอดร้าก็เอาบางสิ่งมาฝั่งในหัวเธอ มันเป็นเศษหินเม็ดเล็กสองเม็ด อันหนึ่งสีแดงสดใสอีกอันสีฟ้าส่องสว่าง แต่ไม่รู้เพราะอะไรเธอถึงรู้สึกไม่ดีกับมันเลยสักนิด คราวนั้นจึงเป็นครั้งแรกที่ตัวทดลองอย่างเธอเกิดการต่อต้านอย่างรุนแรง
การผ่าตัดเป็นไปอย่างยากลำบากเพราะตัวทดลองไม่ยอมให้ความร่วมมือจึงจำเป็นต้องผ่าตัดสดๆ เสียงกรีดร้องไม่ได้ทำให้การผ่าตัดหยุดลงมันยังคงดำเนินต่อไป
"อ้ากกกก!!!! เจ็บ!! ปล่อย!!!"
ฉับพลันคลื่นพลังสีม่วงถูกปล่อยออกมาจากตัวของเด็กสาว ร่างของพวกเขากระเด็นไปคนละทิศละทาง ทั่วทั้งตัวโฉกเลือดร่างกายบิดเบี้ยวชวนให้อาเจียน
ไอรินเบิกตากว้างสติเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัวบวกกับความเจ็บปวดที่ยังไม่จางหาย สิ่งรอบตัวของเธอเริ่มถูกบิดงอ เสียงโวยวายของพวกไฮดร้าไม่ได้เข้ามาในโสตประสาทของไอรินแม้แต่นิด ตอนนี้แค่เสียงหัวใจตัวเองเธอยังไม่ได้ด้วยซ้ำ
เรื่องราวต่างๆพรั่งพรูเข้ามาจนหัวแทบจะระเบิด เข็มยาสลบที่ถูกยิงเข้ามาหมายจะจัดการความบ้าคลั่งนี้ถูกทำให้สลายไปกับตา
ก่อนที่จะมีใครสังเวยชีวิตให้กับพลังอำนาจนี้ เด็กสาวที่ถูกความทรงจำและพลังงานบางอย่างไหลเข้าสู่ร่างกายก็หงายหลังสลบเหมือดไปในที่สุด
แน่นอนเหตุการณ์ครั้งนี้ถูกกล้องวงจรปิดของไฮดร้าถ่ายเก็บไว้หมดแล้ว...
-----------------------------------
จบไปแล้วกับการรีไรท์ตอนแรก~ต่างจากก่อนหน้าม่ะ? ต่างแหละ
ชีวิตไอรินนี่มันเหมือนหนีเสือปะจระเข้จริงๆ ซวยซ้ำซวยซ้อนอุตส่าห์ไว้ใจจะใช้ชีวิตกับพ่อแม่เวอร์ชั่นใหม่ก็ดันโดนหักหลังอีก โถ่วๆ
1 คอมเมนท์ 100 กำลังใจ
อย่าลืมเมนท์กันเยอะๆนะ~
ความคิดเห็น