คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : [SF] Marry Merry :: (WonHyuk Junior)
Marry Merry
Title :: Marry Merry
Pairing :: WonHyuk
Author :: Grazia
Rating :: PG-13
Author’s note :: กลับมา edit ใหม่อีกรอบค่ะ ^ ^ <เรื่องของเด็กจีบกัน>
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
แม่บอกผมว่า การแต่งงานคือการเริ่มต้นของชีวิตใหม่
ชีวิตที่มีใครคนหนึ่งก้าวเข้ามาในทางเดินของเรา
ระหว่างทางเดินนั้น ไม่ว่าจะเจอความสุขหรือความเศร้า
เราก็จะอยู่เคียงข้างกัน
เหมือนดอกทานตะวันกับพระอาทิตย์
แม่บอกว่า...ใครคนนั้นช่างพิเศษ
เพราะเขาไม่ใช่แค่เพื่อน...แต่เขาคือเพื่อนแท้
แม่ครับ...ผมเจอแล้ว!
กริ๊งงงง~ เสียงกริ่งยามเช้าบอกเวลาเข้าเรียนดังขึ้น แต่แทนที่หัวหน้าชั้นประถมสองแห่งห้องเรียนเอ จะวิ่งกลับที่ประจำเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ กลับไปยืนติดกรอบประตูแล้วทำท่าคุยธุระสำคัญอยู่กับรองหัวหน้าชั้นที่นั่งอยู่บริเวณนั้น คุยไปเรื่อยดวงตากลมก็เฉออกไปมองนอกห้องเรื่อยจนเพื่อนต้องถามเอือมๆ ว่า
“ซีวอน ตกลงนายมีธุระกับเราจริงๆ เหรอ”
เนื่องจากห้องเอ อยู่ติดกับบันไดทางเดินขึ้นลง นักเรียนที่อยู่ห้องถัดไปจึงต้องเดินผ่านประตูบานกว้างนี้
ดวงตาโตเหมือนลูกสิงโตน้อยกวาดไปตามขบวนแถวที่กำลังเดินผ่านมา ก่อนจะหยุดลงเมื่อเผลอสบตากับใครคนหนึ่งเข้า
กระเป๋าสีเหลือง กระติกน้ำลายกุ๊กไก่ แก้มขาวใส ปากอิ่มเล็ก และตาสีน้ำตาล
อยู่ดีๆ แก้มของชเวซีวอนก็เปลี่ยนเป็นสีแดงจัด
“สโนวเฟล็ก*!” รองหัวหน้าทักทายเพื่อนสนิทที่กำลังเดินดุกดิกผ่านมา คนตัวเล็กจึงโบกมือขาวๆ ให้แล้วยิ้มกว้างอย่างน่ารัก
น่ารัก...จนมีคนแอบยิ้มตอบ
“ทำเป็นยิ้ม รู้จักเขาเหรอเพื่อน” รองหัวหน้าห้องแกล้งกระตุกชายเสื้อของคนที่มองตามกลุ่มนักเรียนห้องบีอยู่ พอถูกสะกิดเท่านั้นล่ะ รอยยิ้มที่ค้างอยู่เมื่อครู่ก็หายไปเหมือนร่มหุบ เด็กชายซีวอนบ่นตะกุกตะกักก่อนจะเดินกลับที่นั่งอย่างเขินๆ
ใครว่าเขาไม่รู้จัก...เขารู้นะว่าคนๆ นั้น ชื่อ ฮยอกแจ
(*สโนวเฟล็ก: snow flake แปลว่าเกล็ดหิมะ เป็นฉายาของฮยอกแจในเรื่องค่ะ)
*๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+*
โรงอาหาร เป็นอีกที่หนึ่งที่สามารถพบใครก็ได้ในโรงเรียนนี้ แต่ที่แย่สำหรับเด็กประถมตัวเล็กๆ ก็คือ พวกเขาต้องมาแย่งเก้าอี้กับรุ่นพี่ตัวใหญ่ๆ หนุ่มน้อยซีวอนยืนถือถาดอาหารไว้ในมือพลางชะเง้อมองหาที่นั่งที่ยังว่างอยู่
“เฮ้ย ซีวอนมาเร็ว เจอที่ว่างแล้ว” เพื่อนสนิทที่มาด้วยกันพากันเดินแหวกฝูงชนไปยังที่เก้าอี้สีชมพูสองสามตัวที่ว่างอยู่ ระหว่างนั้นกลุ่มของเด็กนักเรียนห้องบีก็เดินสวนมา บรรดาหนูน้อยต่างคุยเล่นกันสนุกสนานซะจนคนที่ถือถาดอาหารอยู่ยิ้มไปกับเขาด้วย
หัวใจเต้นตึ๊กตั๊ก ตอนคนน่ารักเดินเข้ามาใกล้~ ตอนนี้หัวใจของชเวซีวอนเต้นเป็นเพลงเสียแล้ว
“ตัวเองหน้าขาวเหมือนขนมเค้กเลย...” ถ้าทักแบบนี้แล้วเขาจะโกรธไหมนะ? ต้องโกรธแน่ๆ
เพราะอยากคุยด้วย แต่ทักไม่เป็น หัวหน้าห้องรูปหล่อเลยได้แต่เดินก้มหน้าไปตามทางของตัวเอง ใจหนึ่งก็หวังว่าจะมีเรื่องบังเอิญเป็นจุดเริ่มต้นให้เขากับเพื่อนคนนี้ได้คุยกันบ้าง แบบในหนังไง ถ้าเป็นไปได้ก็คงจะดี
เพี้ยง~
ปุ้ก~ อยู่ดีๆ เด็กชายซีวอนก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างตกดังมาจากทางด้านหลัง พอหันไปก็พบกับกระเป๋าใบเล็กสีเหลืองเด่นหราอยู่บนพื้นห่างจากขาของเขาไม่เกินสองฟุต...สงสัยเงินจะเยอะมากสิเนี่ยเสียงถึงได้ดังขนาดนี้
“มีคนทำกระเป๋าสตางค์ตกครับ” หนุ่มน้อยสวมบทพลเมืองดีวิ่งเข้าไปเก็บก่อนจะมีคนเผลอเดินเหยียบ มือก็พลิกถุงเหลืองไปมา เหมือนเจ้าของกระเป๋าเงินจะปักชื่อตัวเองเอาไว้ตรงมุมด้วย หลังจากสะกดคำเบาๆ จนแน่ใจดวงตาของหนุ่มน้อยก็พองโตอย่างมีความหวัง เมื่อตัวอักษรเขียนเอาไว้ว่า...
ลีฮยอกแจ ห้องB!
เยส!
"ในที่สุดฟ้าก็บันดาล"
*๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+*
ความปรารถนาที่รอคอยของหนุ่มน้อยมาพร้อมกับเม็ดเหงื่ออันพร่างพรู ชเวซีวอนยืนถือถุงผ้าสีเหลืองเดินกลับไปกลับมาอยู่หน้าห้องเอในช่วงพักสิบนาที การนำกระเป๋าสตางค์ไปคืนแค่นี้ทำไมมันยากจริงนะ ยากยิ่งกว่าอาบน้ำคนเดียวเสียอีก
“ซีวอน มายืนทำอะไร” ซองมิน รองหัวหน้าห้องคู่ใจทักขึ้น...นั่นสิเขามายืนทำอะไร ขืนยืนอยู่อย่างนี้เดี๋ยวก็หมดเวลาพักสิบนาทีไปเฉยๆ
“เฮ้ย นั่นกระเป๋าเงินฮยอกแจนี่ นายเอามาจากไหน”
“มันตกอยู่น่ะ เราเก็บได้”
“มา งั้นเราเอาไปคืนให้ ฮยอกแจหาแทบแย่อุตส่าห์เก็บเงินไว้ซื้อกิ้งก่าคาเมเลียน” พอพูดจบเจ้าถุงเหลืองก็ปลิวติดมือเพื่อนผู้หวังดีไปซะแล้ว
“เดี๋ยวสิซองมิน...ฮึ่ย" หนุ่มน้อยห้ามเพื่อนไม่ทัน ได้แต่ยืนพองแก้มเป็นปลาปักเป้าอยู่คนเดียวหน้าห้อง เขาเป็นคนเก็บได้ เขาก็ต้องเอาไปคืนให้ฮยอกแจสิ ซองมินจะมาตัดหน้าไปได้ยังไง ทำอย่างนี้ไม่ยุติธรรมสำหรับฮีโร่อย่างเขาเลย
"นี่ไง ฮยอกแจ คนที่เก็บกระเป๋าตังค์ของนายได้อ่ะ" อยู่ๆ ซองมินก็โผล่มายืนข้างๆ เขาพร้อมกับใครบางคน
"ซีวอนเก็บได้เหรอ ขอบคุณนะครับ" เจ้าของรอยยิ้มและดวงตาใสแจ๋วยืนพูดกับเขาอยู่ข้างๆ นี่แหละสิ่งที่ชเวซีวอนต้องการ...การเริ่มบทสนทนาอย่างเป็นธรรมชาติ
"อะ เอ่อ คะ คือ เรา...แบบ แบบ..."
"เอ๋..." ลูกตากลมโตขยับเข้ามาใกล้ จ้องหนุ่มน้อยไม่กระพริบด้วยความตั้งใจฟัง
ชเวซีวอนก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าอะไรดลใจให้วิ่งหนีกลับเข้าห้อง รู้ตัวอีกทีก็อยู่บนเก้าอี้ของตัวเองเสียแล้ว
"นี่ซองมิน ซีวอนเขาปวดอึหรือเปล่า?"
*๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+*
"เฮ้อ ทำเรื่องน่าอายจังเลยเรา" หนุ่มน้อยถอนหายใจกับตัวเอง ยกมือขึ้นปิดหน้า เกิดมาชเวซีวอนยังไม่เคยวิ่งหนีใครมาก่อนเลยยกเว้นหมาที่บ้าน...วันนี้อุตส่าห์ได้เป็นฮีโร่แล้วเชียว ชวด ชวด ชวดอีกแล้ว
“อะแฮ่ม ซีวอน เค้าขอคุยด้วยหน่อยสิ” อยู่ดีๆ เพื่อนสาวผูกผมเปียที่อยู่ห้องบีก็เดินย่องๆ เข้ามาสะกิด
“มีอะไรหรอซันนี่”
"คือ แทยอนให้เราเป็นแม่สื่อมาบอกซีวอนว่าแทยอนแอบชอบตัวเองอยู่" เด็กหญิงผมเปียทำท่าเคี้ยวหมากฝรั่ง(ลม)ไปด้วยเสียงดังแหง่บๆ
"แอบชอบเราหรอ คือเราไม่สนใจเรื่องนั้นหรอก ยังเด็กอยู่" หนุ่มน้อยส่ายหน้าพร้อมกับให้เหตุผลอย่างมีมารยาท
"เรารู้ เราก็ไม่ได้เชียร์แทยอนหรอกแค่มาบอกให้ นี่...ซีวอนถามอะไรหน่อยสิ"
"ได้สิ"
"ตัวเองชอบฮยอกแจห้องเราเหรอ" เด็กหญิงกระมิดกระเมี้ยนถามก่อนจะหัวเราะคิกคัก
"ซะ ซันนี่จะถามเราทำไม เราเปล่า" เด็กชายซีวอนถลึงตาโตก่อนจะยกมือขึ้นโบกไปมา
"อย่ามาแอ๊บ! เราสังเกตดูน่ะ เรื่องรักๆ ใคร่ๆ ของใครก็อยู่ในสายตาเราหมดแหละไม่งั้นเราจะเป็นแม่สื่อได้เหรอ” เด็กหญิงวางท่าราวกับสาวอายุสิบแปด “เราจะบอกอะไรให้นะ ฮยอกแจเพิ่งบอกเมื่อเช้าว่าเทอมหน้าก็จะย้ายไปอเมริกาแล้วแหละ”
“จริงเหรอ...เอ่อ เราไม่ได้สนใจซะหน่อย” เด็กชายตัวน้อยเม้มปาก กวาดตาไปมาอย่างมีลับลมคมนัย
“เหรอ ซีวอนน่าจะลองทำอะไรให้ฮยอกแจก่อนที่เค้าจะไปนะ เขาจะได้ไม่ลืมเราไง อย่างเช่นจดหมายรักอ่ะ พวกพี่สาวเราเขียนบ่อยๆ เราเห็นว่าซีวอนเป็นคนกันเองนะเนี่ยเลยมาบอกให้” พูดจบเด็กสาวก็หมุนตัวออกไปพร้อมกับเสียงหัวเราะคิก ทิ้งเด็กชายซีวอนนั่งตัวเกร็งอยู่คนเดียว...
“จะ จดหมายรักคืออะไรอ่ะ”
*๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+*
แกร็บ แกร็บ~
“ทำอะไรน่ะลูก”
“หือ นี่ตัวอะไรกันนะ”
“...”
มือเล็กๆ ตัดกระดาษเป็นรูปตัวประหลาดอย่างมีสมาธิจนผู้เป็นแม่ไม่กล้ารบกวน ได้แต่มองลูกชายจับกรรไกรไปก็เม้มปากลุ้นไปจนแก้มกลมเป็นรอยบุ๋ม...สงสัยจะทำงานไปส่งคุณครูที่โรงเรียนถึงได้ตั้งใจขนาดเห็นนี้ แล้วก็อดเอ็นดูไม่ได้
“ซีวอน แม่วางชุดไปงานแต่งงานพรุ่งนี้ไว้ในตู้นะลูก”
“ครับ”
*๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+*
กริ๊งงง~ เสียงกริ่งยามเย็นบอกเวลาเลิกเรียนดังขึ้น แต่แทนที่หัวหน้าห้องเอจะรีบสพายกระเป๋าออกไปรอรถกลับบ้านเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ กลับไปยืนอยู่หน้าประตูห้องเรียน มือหนึ่งก็กำจดหมายเอาไว้ฉบับหนึ่ง เขาไม่รู้เหมือนกันว่าจดหมายแบบที่ซันนี่แนะนำต้องส่งไปรษณีย์หรือเปล่า แต่ตอนนี้ใกล้จะปิดเทอมแล้วถ้าไม่ได้ให้ฮยอกแจก็คงจะไม่มีโอกาสอีก หนุ่มน้อยเลยกลั้นใจนำมันมามอบให้ด้วยตัวเอง
หัวใจเต้นระส่ำเมื่อคนในชุดกะลาสีสีขาวเดินกอดกระเป๋าเป้ออกมาจากห้องบี หนุ่มน้อยซีวอนดึงชายเสื้อของตัวเองให้ตึงเรียบ ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆ...คราวนี้เขาจะต้องไม่วิ่งหนีอีก ก็เขาอยากเป็นเพื่อนกับฮยอกแจจริงๆ นี่นา
“ฮะ ฮยอกแจ” หัวหน้าห้องคนเก่งค่อยๆ ยื่นซองกระดาษที่ใช้เวลานั่งทำทั้งคืนให้เด็กน้อยแก้มใส ตากลมจดจ้องแผ่นกระดาษอย่างตื่นเต้นพร้อมกับเม้มปากลุ้นจนเห็นลักยิ้ม
“เราให้...” เด็กชายซีวอนพูดพร้อมกับหลับตาปี๋ กะว่าคราวนี้ต่อให้ฮยอกแจทำตาใสแจ๋วเหมือนชิวาว่ากลับมาเขาก็จะได้ไม่ตื่นเต้นอีก
เสียงหัวใจเต้นดัง ตึก ตึก ตึก
ในช่วงเวลาไม่กี่วินาทีแห่งการรอคอย ซีวอนพบว่าเจ้าของกระเป๋าสีเหลืองกลับเดินผ่านไป โดยไม่เหลียวมามองสักนิด ไม่ใช่ฮยอกแจไม่เห็นเขานะ แต่เรียกว่าไม่สนใจจะดีกว่า
“ขอโทษนะซีวอน วันนี้เค้ารีบกลับบ้าน”
แล้วความเมื่อยล้าที่สะสมมาตั้งแต่เมื่อคืนก็ออกฤทธิ์ มือที่ถือซองจดหมายอยู่ร่วงลงข้างลำตัวอย่างหมดแรง
ซันนี่บอกไว้ว่าถ้าคนๆ นั้นไม่รับจดหมายของเราก็แสดงว่าเขาไม่อยากเป็นเพื่อนด้วย…ฮยอกแจคงไม่อยากเป็นเพื่อนกับคนตลกอย่างเขาแน่ๆ
หน้าแตกอีกแล้วเชวซีวอน!
*๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+*
กิ๊ง กิง~
เสียงเปียโนกังวาลใสราวกับสายน้ำดังไปทั่วสนามหญ้ายามเย็นในงานแต่งงาน แต่เจ้าตัวเล็กคิ้วคมกลับทำหน้ายู่ยี่ตรงข้ามกับชุดหล่อเรียบกริบที่สวมมางานเลี้ยง มือหนึ่งก็ถือซองจดหมายที่เผลอหยิบติดมือขึ้นมาดู...ดูแล้วก็จับยัดลงไปในกระเป๋าเสื้ออย่างเศร้าๆ แต่เดี๋ยวก็หยิบขึ้นมาดูใหม่
“เบื่อเหรอลูก ซีวอน ไปวิ่งเล่นกับเพื่อนๆ สิ เจอเพื่อนบ้างหรือยัง”
รองเท้าหนังแก้วเงาวับก้าวลงจากเก้าอี้ก่อนจะไปหาที่วิ่งเล่นตามที่คุณแม่บอก ทุกครั้งคำแนะนำของแม่ได้ผลดีเสมอ...แต่มันจะใช้ได้ผลกับครั้งนี้จริงๆ น่ะหรือ
หนุ่มน้อยในชุดทักซิโด้เดินเอื่อยเฉื่อยไปยังซุ้มดอกไปที่อยู่ไม่ไกล ไม่มีอะไรแปลกใหม่นอกจากมันเป็นซุ้มโค้งที่มีแต่ดอกไม้ แต่เมื่อยิ่งเดินเข้าใกล้จมูกเล็กๆ ก็ยิ่งได้กลิ่นหอมเหมือนขนม ใบหน้าของลูกสิงโตประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าดอกไม้ในซุ้มบางส่วนไม่ใช่ดอกไม้จริงแต่ทำมาจาก...น้ำตาล!
จะหวานไหมนะ?
“อ๊ะ!”
“อ๊ะ!” คนที่กำลังใจลอยเผลอเดินไปชนใครบางคนเข้า แต่คำกล่าวขอโทษกลับกลืนหายลงไปในท้องทันทีเมื่อซีวอนรู้ว่าคนๆ นั้นเป็นใคร หนุ่มน้อยแค่ก้มหัวเป็นเชิงขอโทษแทนแล้วรีบเดินออกไปทันที
“เดี๋ยวก่อนสิ...ซีวอนใช่ไหม” คนแก้มใสในเครื่องแต่งกายสีขาวทั้งชุดแซมด้วยสีเงินและสีฟ้าอ่อนเกี่ยวมือเล็กที่กำลังจะหนีไปเอาไว้ “ถ่ายรูปด้วยกันนะ” ว่าพร้อมกับระบายยิ้มทั่วแก้มขาวเนียน
“...” ซีวอนมองคนน่ารักเหมือนตุ๊กตาคนนั้นนิ่งๆ ก่อนจะก้มหน้าแล้วเดินเลี่ยงออกไปอีกครั้ง
เจ้าของรอยยิ้มสวยเมื่อครู่ก้มลงมองปลายเท้าของตัวเองอย่างเสียใจ...บางทีวันนี้เขาอาจจะทำให้ใครบางคนโกรธเพราะรีบกลับบ้านมากเกินเพียงเพื่อจะได้มีเวลาแต่งตัวมางานเลี้ยง จำได้ว่าที่โรงเรียนซีวอนจะให้อะไรเขาก็ไม่รู้แต่เขาไม่ได้รับมา คงจะสำคัญมากแน่ๆ ซีวอนก็เลยโกรธ
แย่จัง...ไม่อยากโดนโกรธเลย
“ยิ้มหน่อยสิฮยอกแจ อยากได้รูปสวยๆ ไม่ใช่หรอ” พี่สาวเห็นน้องยืนหน้างอเป็นตะขอเกี่ยวมะม่วงแล้วกดชัตเตอร์ไม่ลง แต่แล้วดอกไม้ดอกโตก็มาจ่ออยู่ที่ปลายจมูกของคนตัวน้อย ฮยอกแจเงยหน้าขึ้นมองอย่างงงๆ
“ถ่ายกับดอกไม้ด้วย สวยดี ถือไว้สิ” เด็กชายในชุดทักซิโด้บอกเบาๆ
“ไม่โกรธเค้าแล้วหรอ” คนตัวน้อยอ้อมแอ้มถาม
“เราไม่ได้โกรธฮยอกแจ ฮยอกแจต่างหากที่ไม่ชอบเรา...แต่เราอยากเป็นเพื่อนกับฮยอกแจนะ อ่ะให้” สุภาพบุรุษหนุ่มในชุดทักซิโด้ยื่นดอกไม้สีขาวที่ลักมาจากแจกันใกล้ๆ ให้ฮยอกแจ
คนในชุดสีขาวอมยิ้มเหมือนดอกไม้แย้มบาน ก่อนจะแกล้งล้อเจ้าของดอกไม้
“ขอบใจนะซีวอน แล้วนี่ทำไมต้องมือสั่นขนาดนี้ด้วย เดี๋ยวคนอื่นก็คิดว่าตัวเองแอบชอบเค้าอยู่หรอก” ซีวอนถึงกับสะดุ้งก่อนจะยัดดอกไม้ใส่มือขาวๆ อย่างรวดเร็ว...ใครว่าคนน่ารักจะต้องไร้เดียงสา เขาเพิ่งรู้ว่าอีฮยอกแจแก่แดดกว่าเขาอีกนะเนี่ย
”เค้าเคยไม่ชอบซีวอนตั้งแต่ตอนไหนกัน คิดไปเอง”
“พี่โซรา ฮยอกแจจะถ่ายรูปกับคนนี้แหละ หล่อดี” เมื่อปรับความเข้าใจกันอย่างรวดเร็วเสร็จแล้วแขนเล็กก็ลากเด็กตากลมให้มายืนอยู่ข้างๆ กันใต้ซุ้มดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ มิตรภาพของเด็กมันก็ประสานง่ายอย่างนี้แหละ
“พี่จะถ่ายแล้วนะ 1 2 3...”
“จุ๊บ~”
แสงแฟลชสะท้อนใส่จนทุกอย่างพร่ามัวไปชั่วขณะ เป็นจังหวะเดียวกับที่เด็กชายซีวอนรู้สึกเหมือนมีอะไรหยุ่นๆ สัมผัสลงบนผิวหน้า ดวงตากลมหันมามองอีกคนเหมือนจะเอาเรื่อง ลมหายใจขาดจังหวะไปเมื่อรู้ตัวว่าถูกขโมยหอมแบบจู่โจมไปเสียแล้ว...
“ทะ ทำอะไรน่ะ” เด็กชายซีวอนเบิ่งตาโตเท่าไข่ห่าน หัวใจเต้นตุบๆ
“ขอบคุณไง” ฮยอกแจยิ้ม
“ฮยอกแจทำแบบนี้ได้ยังไง อย่างนี้เราก็โดนจองน่ะสิ อย่าบอกแม่เรานะ” หนุ่มน้อยก้มหน้าต่ำ ถูแก้มไปมา
“แบบนี้ที่บ้านซีวอนเรียกว่าจองหรอ ที่บ้านเรานะจะทำเวลาขอบคุณ” ฮยอกแจตอบพร้อมกับยิ้มจนตาหยี
“ทะ ทำไมต้องขอบคุณล่ะ เราไม่ได้ทำอะไรให้สักหน่อย” สองตาที่เบิ่งกว้างตอนแรกก็ยิ่งเบิ่งขึ้นไปใหญ่
มือขาวใสในชุดสีขาวผ่องหยิบซองจดหมายออกมา แล้วยื่นการ์ดใบเล็กให้ซีวอนดู
“ขอบคุณที่ทำให้เค้า”
สิงโตน้อยถลึงตาโตเมื่อเห็นการ์ดที่ตัวเองนั่งประดิษฐ์ประดอยมากับมือ เด็กชายซีวอนถึงกับสะดุ้งเฮือก...หวา อายจัง
“ปะ ไปเอามาจากไหน!”
“ตัวเองทำตกไว้น่ะสิ เค้าเก็บได้ มีรูปกิ้งก่ากาเมเลี่ยนที่เค้าชอบด้วยล่ะ ตัวเองวาดเหรอ”
“เราไม่ได้ทำนะ” ซีวอนโบกมือไปมา ดูแล้วก็ละเหี่ยใจ ขี้เหร่จังเลยการ์ดใบนี้ เอาเข้าจริงเขากลับไม่อยากให้ฮยอกแจเห็นเสียแล้วสิ
“อ้าว ก็มันเขียนไว้ว่า 'โจดหมายบอกรัก...ถึงโยะแจจาย้ายไปอยู่อาเมริกา แต่เราจะเป็นเพื่อนกับโยะแจตลอดไปนะ ลงชื่อ ซีวอน' โยะแจนี่ซีวอนหมายถึงเค้าหรอ ตัวเองเขียนชื่อเค้าไม่ถูกนะ”
“มันเขียนยากนี่นา เอ้ย! ปะ เปล่า เราไม่ได้ทำนะ” ยิ่งแก้ก็เหมือนจะยิ่งยุ่ง สุดท้ายหนุ่มน้อยเลยได้แต่เกาท้ายทายเขินๆ
“ไม่เป็นไรเค้าให้อภัย เค้าก็จะเป็นเพื่อนซีวอนตลอดไปเหมือนกัน...นั่นดูพลุสิ พลุจุดขึ้นไปอีกลูกแล้ว” เจ้าของรอยยิ้มกว้างหันไปสนใจแสงวิบวับบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว ดวงตาสองคู่จดจ้องไปในฟ้ากว้างที่แสนสดใสในยามค่ำคืน
“นี่ตัวเอง ชื่อเค้าเขียนแบบนี้” หนูน้อยฮยอกแจวาดนิ้วลงไปบนมือเด็กชายซีวอนเป็นตัวหนังสือเบาๆ กระดานนุ่มนิ่มที่รองอยู่ขยุกขยิกตามปลายนิ้วเพราะจักจี้
“อย่าลืมนะ!” เจ้าของพู่กันนิ้วกำชับเสียงใส
“เราจะไม่ลืม ฮยอกแจ...ไปอเมริกาแล้วก็โทรมาหาเราได้นะ” หนุ่มน้อยวาดมือลงไปเป็นรูปตัวเลขล่องหน
“โอเค!” สัญญากันเสร็จสรรพราวกับบันทึกเบอร์กันเอาไว้แล้ว
“ซีวอน ทำไมตัวเองคิดว่าเค้าไม่ชอบตัวเองล่ะ”
“แล้วทำไมไม่ค่อยมาคุยกับเค้าเลย เค้ากับซองมินเพื่อนของซีวอนอะ สนิ๊ทสนิทกัน”
“แล้วทำไมตัวเองต้องแอบมองเค้าอยู่เรื่อยเลย ที่โรงเรียนอ่า”
หลากหลายคำถามประดังมาไม่ขาดสาย เด็กชายชเวซีวอนถึงกับหน้าเปลี่ยนสี...เป็นสีชมพูระเรื่อ แต่ไม่ต้องอธิบายอะไรหรอก เพราะถ้านั่งเงียบนานๆ คนช่างพูดข้างๆ เขาก็จะชวนเปลี่ยนเรื่องคุยไปเอง จะให้บอกฮยอกแจได้ไงว่าเขินเลยไม่กล้าคุยด้วย เสียภาพพจน์หัวหน้าห้องหมด
“ตัวเอง ตัวเองเมาหรือเปล่าทำไมหน้าแดง”
“ตัวเองดุพลุสิ ตัวเองชอบอันไหน เค้าชอบสีฟ้า”
“ซีวอน อย่าลืมนะว่าเค้าจองตัวเองแล้ว” เสียงใสดังไม่ขาดสาย เรียกให้คนที่นั่งด้วยกันข้างๆ อมยิ้มไม่หุบ
"จองแล้วซีวอนจะมาขอเค้า หรือเค้าต้องไปขอซีวอนอ่ะ" คนฟังได้แต่หลับตาปี๋ อีฮยอกแจพูดอะไรก็ไม่รู้ แบบนี้ซีวอนเสียหายนะ...จะฟ้องแม่
ใครจะคิดล่ะว่าการเริ่มต้นคุยกับหนูน้อยหน้าขาวจะทำให้เด็กชายซีวอนกลายเป็นใบ้ไปในบัดดล...ถึงคนน่ารักจะแก่แดดไปบ้างก็เหอะ แต่แปลกไหมที่เขามีความสุขอย่างไรก็รู้...(รู้อย่างนี้เขียนจดหมายรักให้ตั้งนานแล้ว...)
.
.
.
ผมคิดว่า ในงานแต่งงานอาจมีเรื่องราวใหม่ๆ
เรื่องราวที่ใครคนหนึ่งกำลังจะออกไปเดินคนละเส้นทางกับเรา
แต่ไม่ว่าจะเจอความสุขหรือความเศร้า
เราก็จะเป็นเพื่อนกันตลอดไป
จะไม่ลืมวันที่ดูพลุไฟบนท้องฟ้า
แม่ครับ ใครคนนั้นไม่ใช่เพื่อนธรรมดาจริงๆ
เพราะเขาเป็นเพื่อนที่พูดเก่งเป็นพิเศษ
แต่ผมว่าผมชอบเขานะ แม่จะว่ายังไงครับ
*๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+๐+*
ความคิดเห็น