คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : [SF] My Precious
Title : My Precious
Pairing: SiwonxHyukjae ft. Minho
Rating: PG-13
Author: Grazia
Note: เขียนฟิคเรื่องนี้แล้วอยากกินอาหารเด็ก - -|| อย่าดูถูกเชียว...อาหารเด็กอร่อยจริงๆ นะคะ เคยแย่งเด็กข้างบ้านกินอยู่ (ที่พูดมาไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องเลย)
Note2: แนะนำให้ฟังเพลง My precious one ของ Celine ค่ะ เคลิ้มมาก (แต่ระวังหลอนนะ xD)
ข้าวต้มสุกร้อนๆ ระอุอยู่ในหม้อ ฮยอกแจเบาไฟตรงฐานเตาก่อนหยิบทัพพีขึ้นมาคนไล่ไอร้อน ริมฝีปากบางแตะลงบนปลายจวักเพื่อลิ้มรสอาหาร รอยยิ้มหวานจุดลงตรงมุมปากเมื่อพบว่าได้รสชาติที่พอใจ
ฟักทองสีเหลืองถูกตักลงมาวางในชามใบเดียวกันกับข้าวต้ม ตามด้วยตับไก่ต้มสุก มือบางใช้หลังช้อนบดส่วนผสมให้เข้ากัน ตักน้ำซุปโครงไก่จากหม้อข้าวต้มมาราดพอขลุกขลิก จากนั้นก็บรรจงบดไปเรื่อยๆ จนเริ่มเป็นเนื้อเดียวกัน
เสียงอ้อแอ้ดังมาจากเก้าอี้รับประทานอาหารสำหรับเด็กอ่อน มือเล็กทุบปุๆ ลงบนโต๊ะที่ยังว่างเปล่าบ่งบอกว่าขัดใจเต็มที่
“กำลังจะเสร็จแล้วครับ อย่าเร่งนักสิ เป็นเด็กดีแล้วจะได้กินของอร่อยนะ” หันไปบอกเจ้าตัวน้อยด้วยรอยยิ้ม...ให้ตายเถอะช่างเอาแต่ใจเหมือนใครก็ไม่รู้ แถมยังขี้บ่นแต่เล็กอีก เด็กคนนี้
ไม่นานส่วนผสมในชามน้อยๆ ก็เข้ากัน ถึงคนกินจะเป็นแค่เด็กแต่ฮยอกแจก็พิถีพิถันเรื่องความสวยงาม มือบางถ่ายข้าวบดลงในชามกุ๊กไก่ ก่อนจะแต่งหน้าด้วยแครอทและฟักทองต้มหั่นเป็นรูปลูกเต๋า
เสร็จแล้ว ข้าวตุ๋นฟักทองใส่ตับของชเวมินโฮ!
“แอ้...แอ้...”
“รู้แล้วครับๆ ว่าหิว” มือบางหยิบผ้ากันเปื้อนมาผูกคอมินโฮหลวมๆ วางข้าวตุ๋นลงบนเก้าอี้รับประทานอาหารของเด็ก มินโฮปรบมือแปะๆ ด้วยความดีใจก่อนคว้าช้อนพลาสติกมาตักอาหารเข้าปาก
“อ้ำ อร่อยจัง” ฮยอกแจทำท่าแกล้งกินเมื่อมินโฮส่งช้อนมาให้ มีบ้างที่มือบางต้องคอยเช็ดอาหารที่มุมปากให้หนูน้อยอย่างถนอม พอให้เจ้าตัวเล็กได้จับช้อนจนสมใจแล้ว ฮยอกแจก็ขอช้อนมาเป็นฝ่ายป้อนบ้าง
อีฮยอกแจมองหัวใจของตัวเองด้วยความเอ็นดู ชเวมินโฮคือของขวัญชิ้นสุดท้ายที่คนรักของเขามอบให้ก่อนจากไป...ลูก...ของขวัญที่เกิดจากการรวมสายเลือดและความรักของคนสองคนเข้าด้วยกัน
“แอ้ๆ” มินโฮเคาะชามกับโต๊ะ ประท้วงให้ฮยอกแจรู้ว่ากินอาหารหมดแล้ว
“อร่อยไหมลูก” ถามด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะวางช้อนที่ใช้ป้อนเจ้าตัวเล็กลงในชาม มินโฮฉวยช้อนไปคว้าไว้เสียเอง มือน้อยเคาะช้อนลงกับชาม
“แอ้ๆ” เคาะไม่หยุด ฮยอกแจมุ่ยปาก...
“ยังไม่อิ่มอีกเหรอ เราน่ะมันอ้วนจะตายอยู่แล้วรู้ไหม”
“แอ้!” มินโฮเถียง
“รู้แล้วๆ ครับ หนูไม่อ้วนสักหน่อย” หยิกแก้มยุ้ยหนึ่งทีก่อนจะยอมจำนนแล้วเดินไปหยิบข้าวตุ๋นที่บดค้างไว้มาเติมให้
ให้ตายเถอะ...ไม่รู้ว่านิสัยกินจุจะถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้...ไม่อย่างนั้นอีฮยอกแจจะฝึกเป็นคนกินน้อยตั้งนานแล้ว...จะได้ไม่เปลืองข้าวเลี้ยงลูก!
ป้อนข้าวเสร็จแล้วก็พาเจ้าตัวเล็กใส่รถเข็นไปเดินเล่น ภาพของฮยอกแจกับมินโฮเรียกรอยยิ้มจากคนที่ผ่านไปมาได้ไม่ยาก มินโฮเป็นขวัญใจของเพื่อนบ้านที่นี่ เจ้าตัวเล็กแก้มยุ้ย ผิวสวยเหมือนฮยอกแจแต่ตาโตกว่า ขณะที่ฮยอกแจเองก็มีหนุ่มๆ ที่วิ่งจ็อกกิ้งอยู่มองตามกันจนเหลียวหลัง
ร่างบางพาลูกมานั่งพักที่ม้าหินอ่อนในสนามเด็กเล่น เมื่อเห็นสิ่งต่างๆ น่าสนใจก็ชี้ให้ลูกดูพร้อมกับสอนคำศัพท์
“นั่นรถ”
“แอ...” มินโฮหัดพูดตามประสาเด็กอายุแปดเดือน น่ารักเสียจนชวนให้ก้มลงไปหอมแก้มยุ้ยเป็นการให้รางวัล
จุดเล็กๆ ที่ลอยอยู่บนฟ้าเรียกความสนใจของหนูน้อย ตากลมดำขลับมองตามอย่างไม่กระพริบ มือเล็กชี้ไปในอากาศเหมือนจะถามฮยอกแจว่านั่นคืออะไร ร่างบางมองตามมือลูกก่อนจะอมยิ้ม
“นั่นเครื่องบิน...เครื่องบินแบบที่ปะป๊าขับไงครับ” พูดจบก็ช้อนมินโฮขึ้นมากอดแนบอก เจ้าตัวเล็กซบไหล่ของฮยอกแจเอาไว้ สองขาเด้งขึ้นลงบนตัก สองมือก็ไขว่คว้าเหมือนจะไล่จับเครื่องบิน
“บรือ บรือ”
อีฮยอกแจอมยิ้มราวกับรู้สิ่งที่ลูกต้องการ...จิตวิญญาณของพ่อกับลูกถอดแบบกันมาไม่มีผิด มือบางช้อนตัวลูกไว้มั่นก่อนจะลุกยืนแล้วแกว่งมินโฮไปในอากาศ
“นี่ไง...มินโฮก็บินได้...บินได้แบบปะป๊าเลย” เจ้าตัวเล็กหัวเราะคิกคักสนุกกับการได้โผบิน ฮยอกแจเองก็สนุกกับการหมุนตัวไปมา
“เป็นเด็กดีนะครับมินโฮ ปะป๊าเขามองเราอยู่บนฟ้า...รู้ไหม” พลันน้ำตารื้นเมื่อนึกถึงคนที่รัก...ซีวอน
เรืออากาศเอกชเวซีวอน นักบินขับไล่เครื่องบินไอพ่นได้เสียชีวิตระหว่างปฏิบัติภารกิจ แม้ปากจะบอกลูกและใครๆ ว่าซีวอนไม่อยู่แล้ว แต่หัวใจของฮยอกแจเชื่อเสมอว่า...ซีวอนไม่ได้จากไป...ซีวอนไม่ได้อยู่บนฟ้าอย่างที่กองทัพรายงาน...แต่ซีวอนกำลังอยู่บนผืนดินมุมหนึ่ง...กำลังหาทางกลับบ้าน...สักวันซีวอนจะต้องกลับมา
“ผมสัญญา...ว่าจะกลับมาหาคุณ” คำพูดของคนรักที่เคยสัญญากันไว้มั่นเหมาะ ฮยอกแจยังจำได้ดี...ดวงตาที่เหมือนกันกับของมินโฮมองเขาอย่างแน่วแน่ไม่แพ้คำพูด เพราะฮยอกแจรู้ว่าซีวอนไม่เคยผิดคำสัญญา เขาจึงไม่เคยทอดทิ้งศรัทธาที่มีให้กับคนรัก
ซีวอน...ฉันจะดูแลลูกของเราอย่างดีที่สุด...เพื่อรอวันที่เราได้กลับมาอยู่ด้วยกัน
หยดน้ำหยดเล็กไหลลงจากปลายตาของฮยอกแจ...พลันสายลมก็ไหววูบเหมือนเป็นสัญญาณตอบรับจากคนที่อยู่ห่างไกล ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้ม ซึมซับอ้อมกอดอันอ่อนโยนของมวลลม
จ๋อม แจ๋ม จ๋อม แจ๋ม
เดินเล่นเสร็จก็ได้เวลาอาบน้ำเจ้าตัวเล็ก เสียงพุ้ยน้ำดังจ๋อมแจ๋มเล่นเอาฮยอกแจทั้งเหนื่อยทั้งเปียก มินโฮซนเหมือนใครก็ไม่รู้ ร่างบางคิดว่าว่าน่าจะเหมือนซีวอนมากกว่าเพราะตอนเป็นเด็กอีฮยอกแจเรียบร้อยถึงขนาดที่แม่เรียกว่า ลิง
“แอ..แอ...” มือเล็กตีน้ำในกะละมังร้องเรียกให้ฮยอกแจสนใจ
“หม่าม้าน่ะ...ไม่ลงไปในกะละมังหรอกนะครับ” บอกพร้อมกับเช็ดหน้าให้ลูกอย่างเบามือ สลับกับการเบี่ยงหน้าหนีฝอยน้ำที่มินโฮตีอยู่ในกะละมังอย่างสนุกสนาน
“นี่...รังแกหม่าม้าเดี๋ยวปะป๊าก็ไม่รักหรอก” แกล้งเอ็ด...แต่มันได้ผลเสียที่ไหนกัน ฝอยน้ำเล็กๆ กระเด็นใส่ฮยอกแจจนตัวฉ่ำ มินโฮหัวเราะคิกคัก ฮยอกแจแกล้งมุ่ยปากใส่ เร่งมือล้างสบู่ให้เจ้าตัวดื้ออย่างรวดเร็วก่อนอุ้มออกจากกะละมัง มือบางเอาตัวลูกไปพันไว้กับผ้าขนหนูจนดูน่ากินเหมือนหมูแฮม
“เป็นไงล่ะเจ้าลูกหมู หมดฤทธิ์หรือยัง” เจ้าลูกหมูดิ้นดุกดิกอยู่ในอ้อมแขน หัวเราะเอิ๊กอ๊ากอย่างมีความสุข
ฮยอกแจจัดการสวมชุดลายยีราฟให้ลูกแล้วก็เอาเจ้าตัวเล็กหอมฉุยมากอดแนบอก สองสายตาสบกันอย่างมีความหมาย ฮยอกแจยิ้มให้ลูกน้อย มินโฮเองก็ส่งรอยยิ้มน่าหลงใหลมาให้เขาเช่นกัน...
ลูก คือดวงใจ...คำๆ นี้เป็นคำที่เขาไม่สามารถปฏิเสธได้เลย
“มินโฮ...หม่าม้ารักหนูนะ...หนูต้องเป็นเด็กดีของหม่าม๊ากับปะป๊านะลูก” บอกพร้อมกับโน้มตัวลงไปลงไปหอมแก้มนิ่มจนชื่นใจ
น้ำเสียงหวานขับกล่อมเป็นเพลงให้หนูน้อยฟัง ฝ่ามือบางลูบศีรษะกลมอย่างรักใคร่ มินโฮค่อยๆ ผล็อยหลับไปในอ้อมกอดของหม่าม้า ริมฝีปากอิ่มเล็กยกยิ้มขึ้นน้อยๆ บ่งบอกว่ากำลังฝันดี
แล้วก็หมดไปอีกหนึ่งวันสำหรับการดูแลเจ้าตัวเล็ก...ฮยอกแจไม่เคยคิดว่าการเลี้ยงเด็กคนหนึ่งจะใช้พลังงานมหาศาลขนาดนี้ ความอ่อนล้าดึงหนังตาลงจนปริ่มว่าจะปิด ทว่าเสียงหนึ่งดังขัดขึ้นก่อน
ตื๊ด....ตื๊ด....ตื๊ด......
สัญญาณเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือดึงสติของฮยอกแจกลับมา มือบางคลายออกจากตัวลูกอย่างแผ่วเบา ก่อนจะรีบเขย่งปลายเท้าไปรับโทรศัพท์
เมื่อเห็นหมายเลขคนโทรมาก็ต้องชะงัก ฮยอกแจยืนนิ่งอยู่พักหนึ่งก่อนตัดสินใจรับสาย
“ว่าไงทงเฮ...”
“ช่วงนี้ไม่ได้ติดต่อกันเลยนะฮยอกแจ...”
::My Precious::
แสงแดดยามเช้าลอดเข้ามาทางหน้าต่าง ระบายห้องเล็กๆ ให้น่ารักเหมือนภาพวาดในนิทาน ฮยอกแจป้อนนมมินโฮเสร็จก็ปล่อยเจ้าตัวเล็กคลานเล่นบนพื้น ส่วนตัวเองก็หันมาทำความสะอาดห้อง
แรงกระตุกตรงชายขากางเกงเรียกให้ฮยอกแจหันไปมอง มินโฮหยิบของเล่นตัวต่อไม้ส่งให้หม่าม้า ร่างบางจึงรับมากำเอาไว้ ทำการหลอกล่อสลับไปมาก่อนจะให้มินโฮทายว่าตัวต่ออยู่ข้างไหน
“อยู่ไหนน้า...มินโฮรู้ไหมลูก”
เด็กชายทำท่าคิดนิดหน่อยก่อนจะแปะลงบนมือขวาของฮยอกแจ มือเรียวคลายออกพร้อมกับตัวต่อสีแดงที่อยู่ในนั้น เจ้าหนูหัวเราะคิกคัก หยิบตัวต่อมาชูขึ้นฟ้าก่อนส่งคืนให้ฮยอกแจเล่นต่อ
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ร่างบางวางของเล่นลงแล้วบอกให้ลูกนั่งรอ
“มีคนมาเยี่ยมเราแน่ะมินโฮ เดี๋ยวหม่าม้าไปดูก่อนนะ ”
“เฮ้ ฮยอกแจ”
“ทงเฮ!”
เปิดประตูออกไปก็เจอสวมกอดทันที อีทงเฮเป็นเพื่อนสนิทสมัยเรียน พวกเขาไม่ได้เจอกันมาปีกว่าเห็นจะได้ เนื่องภาระที่ต่างฝ่ายต่างต้องรับผิดชอบทำให้เวลาไม่ค่อยจะตรงกัน แต่ทั้งสองก็ยังต่อโทรศัพท์หากันเป็นประจำ
เมื่อคืนทงเฮโทรมาถามทุกข์สุขทั่วๆ ไป พร้อมกับถามถึงโรคประจำตัวของฮยอกแจ พอทราบว่าเพื่อนต้องไปตรวจสุขภาพแต่เช้า อีทงเฮก็ขันอาสาดูแลหลานชายแทนที่จะให้ฮยอกแจฝากลูกไว้กับพี่เลี้ยงเด็ก
กอดกันจนหนำใจแล้วทงเฮก็คลายมือออก หนุ่มร่างโปร่งเดินตามฮยอกแจเข้ามาในห้อง สองมือเต็มไปด้วยถุงของฝาก สองตาก็สอดส่ายสำรวจที่พักของเพื่อน
“นี่นายสองคนอยู่ในห้องเล็กๆ แค่นี้เองหรือ”
“ทำอย่างไรได้ล่ะ ตัวฉันเลี้ยงลูกตัวคนเดียวนี่นา จะเอาเงินจากไหนมาเยอะแยะกัน”
ทงเฮวางของลงบนโต๊ะรับแขกก่อนหันไปสนใจเจ้าตัวน้อยที่กำลังเล่นตัวต่อไม้อยู่บนพื้น เพียงเห็นหน้าก็เกิดความรู้สึกเอ็นดู ชายหนุ่มส่งรอยยิ้มละไมให้เจ้าหนูน้อย
“หนูมินโฮใช่ไหม? หวา...ขี้เหร่เหมือนใครเนี่ย” แกล้งหยอกพร้อมกับปรายตาไปทางฮยอกแจ ร่างบางจิ๊ปากใส่
“น้าทงเฮไม่รู้เรื่อง มินโฮออกจะหล่อ”
::My Precious::
“ฝากด้วยแล้วกันนะทงเฮ”
“ไม่ต้องห่วง”
ฮยอกแจสะพายกระเป๋าประจำตัวยืนค้ำประตูห้องอยู่ เหลือบมองดูลูกที่กว่าจะกล่อมให้หลับลงได้ก็ใช้เวลาพักใหญ่...ขืนให้มินโฮมาเห็นตอนหม่าม้าออกจากห้องคงได้ร้องไห้โวยวายจนเขาไม่ได้ไปไหนแน่
“ทงเฮ อย่าลืมเอาอาหารว่างในตู้เย็นให้แกทานตอนสิบโมงนะ...เสร็จแล้วเปิดการ์ตูนช่องสี่...ตอนเที่ยงให้แกกินนมเสร็จแล้วก็กล่อมนอน...แกชอบให้ร้องเพลงกล่อม” กำชับยาวเหยียดเป็นการทิ้งท้าย เพื่อนรักพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม
“ฉันรู้ นายจดไว้ให้ฉันหมดแล้วฮยอกแจ”
::My Precious::
โชคดีที่ภายในโรงพยาบาลคิวไม่มากอย่างที่คิด ใช้เวลาไม่เกินชั่วโมงก็ตรวจเสร็จ คุณหมอให้ยาชุดเดิมมากินพร้อมกับกำชับให้ร่างบางพักผ่อนให้เพียงพอและหมั่นออกกำลังกาย ฮยอกแจรับปาก...เขารู้ดีว่าการเป็นเสาหลักของบ้านสำคัญเพียงไหน
แม้ว่าเงินเก็บก้อนหนึ่งที่มีทำให้ฮยอกแจสามารถดูแลมินโฮจนถึงวัยเข้าโรงเรียนได้ แต่หากสุขภาพไม่อำนวยแล้วการเลี้ยงลูกเพียงลำพังจะยิ่งกลายเป็นเรื่องยากขึ้นไปอีก
“ครั้งหน้าถ้าผมมาอีก คุณหมอจะต้องตกใจเพราะผมจะแข็งแรงกว่านี้” ให้คำมั่นกับคุณหมอ เรียกรอยยิ้มจากนายแพทย์หนุ่ม
“แน่นอนครับ หมอเชื่อคุณ”
ก่อนกลับบ้านก็เหลือบไปเห็นร้านเบเกอรี่ที่ตั้งอยู่ด้านหน้าของโรงพยาบาล อีฮยอกแจอมยิ้มก่อนเดินดุกดิกเข้าไปเลือกซื้อขนมฝากคุณลูกชายกับคุณเพื่อน
ชเวมินโฮชอบบัตเตอร์เค้ก ส่วนทงเอน่ะ...อะไรก็ได้ ซื้อๆ ไปเถอะ
คิดแล้วก็เป็นห่วงเหมือนกัน ไม่รู้ว่าป่านนี้มินโฮกับทงเฮจะเป็นอย่างไรบ้าง เขาไม่เคยทิ้งลูกไปไหนเลยยกเว้นเวลาที่จำเป็นจะต้องไปจริงๆ ซึ่งฮยอกแจจะฝากมินโฮไว้กับเดย์แคร์
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ร่างบางเคาะประตูห้องเมื่อกลับมาถึงบ้าน แอบนึกถึงหน้าลูกว่าจะดีใจแค่ไหนถ้าเห็นหม่าม้ากลับมาพร้อมกับบัตเตอร์เค้กสุดโปรด คิดแล้วก็อดใจไม่ไหวอยากจะหอมแก้มให้ชื่นใจเสียเดี๋ยวนี้
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ลองเคาะดูอีกครั้งก็ยังไม่มีเสียงตอบรับ ฮยอกแจตัดสินใจหยิบกุญแจในกระเป๋ามาไขเผื่อว่าทงเฮกับมินโฮจะหลับไปด้วยกัน
หนอย...ทงเฮบ้า ให้มาเลี้ยงลูกไม่ใช่ให้มานอนสักหน่อย...นึกค่อนขอดเพื่อนรักในใจ
แต่แล้วฮยอกแจก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าภายในห้องว่างเปล่า ทงเฮและมินโฮไม่อยู่ด้วยกันทั้งคู่ ร่างบางรู้สึกใจคอไม่ดีรีบวางของลงบนพื้นก่อนวิ่งไปดูในห้องน้ำและระเบียงหลังห้อง
ว่างเปล่า
มือบางหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรหาทงเฮ แล้วก็ยิ่งกังวลใจมากกว่าเก่าเมื่อปลายสายไม่ว่าง
“มินโฮ...” ร้องหาลูกอย่างเป็นห่วง ฮยอกแจเพียรกดโทรออกย้ำๆ สีหน้าบ่งบอกความวิตก
“มาแล้วๆ” ทงเฮร้องบอกที่หน้าประตูห้อง อุ้มเจ้าตัวน้อยมาด้วย เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของทงเฮยังคงดังต่อเนื่องจนกระทั่งฮยอกแจกดวางสาย
“โทรอะไรนักหนาเนี่ยฮยอกแจ” เพื่อนรักถามก่อนจะส่งมินโฮคืนให้ ร่างบางรับลูกมาอุ้มแล้วถามอย่างไม่วางใจ
“นายไปไหนมา”
“ลงไปมินิมาร์ทใต้อพาร์ตเมนท์นี่แหละ พอดีน้ำในห้องนายหมด ฉันจะไปแย่งในกระติกหนูมินโฮก็ไม่ได้เลยต้องเดินลงไปซื้อมากินแก้ขัดแล้วก็อุ้มหนูมินโฮไปด้วย” บอกพร้อมกับวางขวดน้ำที่ใส่ถุงหิ้วไว้ลงบนโต๊ะ
“แล้วไป” ฮยอกแจตอบก่อนจะก้มหน้าลงไปหอมแก้มยุ้ย มินโฮหัวเราะคิก ดีใจที่ได้เจอหม่าม้า มือเล็กๆ เอื้อมขึ้นมาแปะหน้าฮยอกแจ ร่างบางเลยแถมจูบลงบนฝ่ามือลูกหนึ่งที
“ว่าไงคนเก่ง หม่าม้าซื้อขนมมาฝากด้วยนะ ดื้อกับน้าทงเฮหรือเปล่าเนี่ย”
“ไม่ดื้อหรอก แต่แกไม่ค่อยจะยอมให้ถูกตัวเท่าไร พอลืมตาตื่นมาเห็นว่าไม่ใช่หน้าฮยอกแจก็เตรียมเบะแต่เช้า โชคดีที่ฉันเข้ากับเด็กได้ง่าย หลังๆ มาแกก็ติดฉันปร๋อ” ทงเฮอวด
“ขอบใจนายมาก” หันมาบอกเพื่อนสั้นๆ ก่อนกลับมาเล่นกับลูกต่อ แค่ได้เห็นใบหน้าน้อยๆ ที่เหมือนกันกับชเวซีวอนส่งยิ้มมาให้ ความเหนื่อยก็พลันหายเป็นปลิดทิ้ง
เสียงโทรศัพท์ของทงเฮดังขึ้นอีกครั้ง ฮยอกแจหันขวับ
“คิบอมโทรมา” ทงเฮบอกราวกับรู้สิ่งที่เพื่อนอยากจะถาม “นายจะระแวงอะไรนักเนี่ย”
“ฮัลโหล ว่าไงคิบอม” ทงเฮกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์
อีฮยอกแจหรี่ตาลงอย่างไม่วางใจ ขณะที่ทงเฮคุยโทรศัพท์อยู่กับคนรัก ฮยอกแจก็เดินไปหยิบขวดนมและนมผงยัดใส่ลงในกระเป๋าอเนกประสงค์ มือบางกระชับลูกไว้ในอ้อมอก บ่าข้างหนึ่งก็สะพายกระเป๋าไว้มั่น
“จะไปไหนฮยอกแจ?” ทงเฮร้องเรียกเมื่อเห็นเพื่อนรักวิ่งพรวดพราดออกไปจากห้อง หนุ่มร่างสันทัดรีบวิ่งตามออกไปทันที
“อย่ามาหลอกฉันเสียให้ยากทงเฮ ไม่คิดว่านายจะทำได้ลง” ร่างบางบอกทิ้งท้ายก่อนจะหายเข้าไปในลิฟท์ ทงเฮที่ออกตัวช้ากว่าได้แต่หยุดยืนอยู่หน้าลิฟท์เพื่อรอลิฟท์ตัวต่อไป ชายหนุ่มกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์
“ฮยอกแจออกจากห้องแล้ว...”
::My Precious::
ภายนอกหน้าต่างมืดสลัวสะท้อนภาพกำแพงที่กำลังเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว ร่างบางวางสัมภาระเล็กๆ ลงบนตัก ขณะนี้พวกเขาอยู่บนรถไฟใต้ดิน จุดหมายปลายทางคือสถานีสุดท้ายที่รถวิ่งถึง อีฮยอกแจไม่รู้หรอกว่าเขากำลังจะไปไหน รู้แต่ว่าจะไปที่ๆ ไกลและปลอดภัยที่สุด
มินโฮหลับไปแล้ว เจ้าตัวเล็กแนบศีรษะลงกับบ่าฮยอกแจ มือน้อยเกาะเสื้อของเขาไว้ อาศัยอกอุ่นเป็นที่หนุนอิง ร่างบางมองลูกอย่างเวทนา อนาคตของพวกเขาสองคนช่างยากจะคาดเดา
อีฮยอกแจกลัว
สิ่งที่กลัวมาตลอดและกลัวมากที่สุดคือ...การพรากจากลูก...มินโฮเป็นสิ่งมีค่าหนึ่งเดียวที่เขาเหลืออยู่เพราะฉะนั้นอีฮยอกแจคงจะทนไม่ได้ถ้าจะมีใครมาแย่งมินโฮไป
ใครคนนั้นที่ว่าก็คือ คุณปู่กับคุณย่าของมินโฮ
ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาพยายามหลีกเลี่ยงคุณพ่อคุณแม่ของซีวอนที่จะพยายามจะอ้างสิทธิ์ความเป็นเจ้าของมินโฮ พวกท่านให้เหตุผลว่าฮยอกแจไม่มีความสามารถพอที่จะเลี้ยงลูกและยังพยายามทำทุกทางเพื่อกันฮยอกแจออกจากลูก
เขาหลีกหนีมาตลอด ฮยอกแจเคยชินเสียแล้วกับการระหกระเหินพามินโฮหนีไปยังที่ต่างๆ เพียงเพื่อไม่ให้มินโฮถูกนำตัวไป...สารพัดรูปแบบวิธีที่พวกท่านใช้อีฮยอกแจพอจะรับมือได้ แต่ไม่คิดว่าครั้งนี้พวกท่านจะหลอกใช้เพื่อนรักของเขา...อีทงเฮ
::My Precious::
“ตอนนี้ฮยอกแจอยู่บนรถไฟใต้ดิน” ชายหนุ่มร่างสันทัดที่อีฮยอกแจแสนจะไว้ใจกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์ สายตาจับจ้องร่างบางกับลูกน้อยในระยะห่างพอสมควร
“ขอบใจนายมากทงเฮ ตามประกบไว้ เรากำลังตามไป” สายโทรศัพท์ตัดลง อีทงเฮขยับหมวกแก็ปอำพรางใบหน้าของตัวเองให้พ้นจากสายตาของคนรอบข้าง...หรือหากจะพูดให้ถูกจริงๆ เขากำลังซ่อนตัวจากฮยอกแจต่างหาก
ชายหนุ่มมองไปทางเพื่อนรักแล้วก็ลอบถอนหายใจ...
อีฮยอกแจเป็นเพื่อนคนหนึ่งที่เขารักมากที่สุด
ทงเฮไม่เคยคิดอยากทำร้ายเพื่อนตัวเองสักครั้ง แต่ที่ทำลงไปครั้งนี้เป็นเพราะสถานการณ์บังคับจริงๆ
::My Precious::
รถไฟหยุดลงที่สถานีปลายทาง ร่างบางประคองลูกไว้กับอก สองขาเร่งจ้ำออกมาจากขบวนรถ มือข้างหนึ่งอุ้มลูก บ่าข้างหนึ่งใช้รองรับน้ำหนักกระเป๋า แม้จะเป็นสภาพที่ทุลักทุเลแต่ฮยอกแจก็ไม่ท้อ ต่อให้เหลือแขนเพียงข้างเดียวเขาก็จะต้องรักษามินโฮเอาไว้ให้ได้
ร่างบางขึ้นบันไดเลื่อนตรงไปยังทางออก กวาดสายตามองโดยรอบก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ มือบางรูดบัตรผ่านทางก่อนแทรกตัวออกมาจากเขตผู้โดยสาร
มินโฮผวาตื่น เจ้าตัวน้อยทำท่าจะร้องงอแงคงเพราะรู้สึกไม่ค่อยสบายตัว ฮยอกแจก้มหน้าลงไปดูเป็นจังหวะเดียวกับที่เขาสังเกตเห็นความผิดปกติของกลุ่มคนที่อยู่ข้างหน้า
เงยหน้าขึ้นไปก็พบกับกลุ่มชายในเครื่องแต่งกายแบบเดียวกันหมดอยู่ห่างจากเขาประมาณสิบเมตร ชายเหล่านั้นกำลังเดินตรงมาทางเขา หนึ่งในนั้นฮยอกแจจำได้ดีว่าเป็นคนตระกูลชเว
อีฮยอกแจกลับหลังหันก่อนวิ่งไม่คิดชีวิตตรงไปยังแผงกั้นผู้โดยสาร มือบางเตรียมบัตรผ่านประตูแบบรายเดือนเอาไว้ มือข้างหนึ่งก็แนบมินโฮไว้กับอก ลูกรักเหมือนจะตกใจเลยร้องดังลั่น
“ตามไป...อย่าให้เข้าไปในเขตผู้โดยสารทัน” ชายร่างสูงใหญ่คนหนึ่งตะโกนสั่งพรรคพวก กลุ่มชายฉกรรจ์วิ่งตามฮยอกแจที่กำลังวิ่งตรงไปยังบันไดเลื่อนเชื่อมกับชั้นใต้ดิน สร้างความโกลาหลให้กับผู้โดยสารคนอื่นๆ แต่ละคนพากันแหวกทางให้ชายฉกรรจ์ราวกับต้องการจะให้พวกมันมาถึงตัวเขาได้ถนัด
อีฮยอกแจรูดบัตรผ่านแผงกั้นผู้โดยสารไปได้เป็นที่เรียบร้อย เขาวิ่งฝ่าฝูงคนตรงไปยังชานชาลา เหล่าชายฉกรรจ์วิ่งไล่หลังมาติดๆ ร่างบางเร่งความเร็วสุดชีวิต ลูกรักร้องจ้าแต่อีฮยอกแจทำได้แค่กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น
อีกนิดเดียวเท่านั้น...อีกนิดเดียวก็จะถึงชานชาลา เขาไม่ใช่คนวิ่งเร็วแต่ถ้าอดทนวิ่งต่อไปเพื่อรักษาระยะห่างไว้เขาอาจจะหนีชายพวกนั้นทัน ร่างบางได้ยินเสียงรถไฟขบวนถัดไปกำลังแล่นเข้ามา แม้ว่าคนของตระกูลชเวจะตามมาติดๆ แต่ถ้าเขาขึ้นรถไฟได้ก่อนที่พวกนั้นจะตามมาเขาก็จะรอด
กำลังจะก้าวขาขึ้นไปในรถ...ทว่าร่างกายกลับหยุดชะงัก อีฮยอกแจถูกหยุดเอาไว้ด้วยอ้อมกอดของใครบางคน แรงปะทะจากการวิ่งชนทำให้หนูมินโฮตกใจร้องลั่น
ทงเฮ!
เงยหน้าขึ้นไปก็เห็นใครบางคนที่คุ้นตา ใบหน้าใต้หมวกแก็ปนั้นอีฮยอกแจจำได้ดี คนๆ นี้นั่งเรียนเคียงข้างกับเขามาสี่ปี แม้แต่ปลายจมูกฮยอกแจก็ยังจำได้
“ปล่อย!” ดิ้นออกจากอ้อมแขนของเพื่อน ทงเฮกันเขาไว้ไม่ให้ขึ้นรถไฟได้ทัน ร่างบางหันไปมองชายร่างสูงใหญ่ที่กำลังตรงมาทางเขาพร้อมกับหันไปมองทางรอดของเขาที่ค่อยๆ เคลื่อนออกจนลับหายไปจากสายตา...รถไฟออกไปแล้ว...ไม่ทันแล้ว...พวกมันกำลังมา
แขนบอบบางกระชับลูกน้อยไว้ในอก มือเรียวสวยยกขึ้นเกลี่ยไล้ศีรษะลูก ปลอบหนูน้อยที่กำลังเสียขวัญให้หายตกใจ
“ไม่เป็นไรลูก เราจะต้องได้อยู่ด้วยกัน” กระซิบบอกเจ้าตัวน้อย เหล่าชายฉกรรจ์เยื้องกายเข้ามาใกล้ ระยะที่ประชิดกันมากขึ้นทำให้พวกมันเปลี่ยนจากท่าวิ่งเป็นเดินช้าๆ...เหมือนเสือที่กำลังย่างกรายเข้ามาหาเหยื่อ
อีฮยอกแจไม่สามารถขยับไปไหนได้ เรี่ยวแรงที่หายไปกับการวิ่งบวกกับโรคประจำตัวทำให้เขากำลังจะหมดแรง ร่างบางเหนื่อยหอบอยู่ในวงแขนประหนึ่งคีมเหล็กของทงเฮ ฮยอกแจไม่แม้แต่มองหน้าของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนรัก แขนบางทำเพียงแค่กอดลูกไว้ให้แน่นที่สุด
“ส่งมินโฮมาให้เรา” ชเวซึงฮยอนลูกชายคนเล็กของตระกูลชเวสั่งด้วยน้ำเสียงที่ทรงอำนาจ ฮยอกแจจิกตาใส่ ร่างบางจ้องชายร่างสูงใหญ่หัวหน้าของเหล่าชายฉกรรจ์ตาไม่กระพริบ ในขณะที่เขาไม่สามารถต่อกรทางอื่นได้ฮยอกแจก็ขอเลือกที่จะต่อต้านทางสายตา
“ไม่” ร่างบางตอบเสียงห้วน
“ฮยอกแจ...ผมจะไม่เกรงใจพี่แล้วนะ” ซึงฮยอนกล่าวกับอดีตคนรักของพี่ชาย
“เจ้าหน้าที่คิม...จัดการด้วย” ลูกชายคนเล็กของตระกูลชเวหันไปออกคำสั่งกับชายที่สวมเครื่องแบบๆ เดียวกับตน
“ครับผู้กอง”
ชายฉกรรจ์คนหนึ่งก้าวออกมา...หรือจะพูดให้ถูกชายฉกรรจ์เหล่านี้คือวีรบุรุษในสายตาของคนทั่วไป
ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์
เจ้าหน้าที่คิมเดินตรงมาพร้อมกับกุญแจมือตามด้วยเจ้าหน้าที่อีกสองสามนาย ทงเฮค่อยๆ คลายมือออกปล่อยให้ตำรวจเป็นฝ่ายจัดการล็อกตัวฮยอกแจแทน
แววตาที่มีรอยร้าวอยู่ข้างในมองกราดไปยังเหล่าเจ้าหน้าที่...อีฮยอกแจจ้องเขม็งราวกับจะประหัตประหารคนเหล่านั้น
“อย่ามายุ่งกับฉัน...อย่ามายุ่งกับลูกของฉัน...ฉันจะไม่ยอมให้คุณพ่อคุณแม่ของนายเอาตัวลูกฉันไป” ใบหน้าหวานบิดเบี้ยว ในดวงตาเหมือนมีไฟลุกโหม
ซึงฮยอนส่ายหน้าเมื่อได้ยินคำพูดของร่างบาง แววตาที่สะท้อนกลับมาทางฮยอกแจแตกต่างจากดวงตาที่ฮยอกแจมองซึงฮยอนโดยสิ้นเชิง
“มินโฮไม่ใช่ลูกของพี่” ทายาทคนเล็กของตระกูลชเวกล่าว
“มินโฮเป็นลูกของฉัน!”
“ลูกของฉันกับซีวอน” อีฮยอกแจกรีดร้อง มินโฮเป็นลูกของเขา เป็นสิ่งมีค่าหนึ่งเดียวที่เขาเหลืออยู่ เมื่อไรคนตระกูลชเวจะยอมรับและเข้าใจเสียทีว่ามินโฮเป็นของเขา...เมื่อไรจะปล่อยเขากับลูกไป
ร่างบางรวบรวมกำลังทั้งหมดสะบัดตัวออกจากการจับกุมของเจ้าหน้าที่ อาศัยจังหวะที่ทุกคนกำลังรู้สึกเวทนาเขากระทุ้งศอกใส่เจ้าหน้าที่คิม
แล้วอีฮยอกแจก็ออกวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตอีกครั้ง
“ตามไป” ซึงฮยอนสั่ง เหล่าผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ออกวิ่งด้วยท่าทางราวกับเสือไล่ตะครุบเหยื่อ...เหยื่อตัวน้อยๆ ที่ไม่มีที่ไป...แต่ยังคงต่อเวลาเพื่อทำหน้าที่
หน้าที่...ที่มีต่อหัวใจ
“ไม่ต้องตาม!” เสียงทุ้มตวาดลั่น ซึงฮยอนหันไปมองด้านหลังของตน เมื่อเห็นว่าผู้มาใหม่เป็นใครผู้กองหนุ่มก็สั่งให้ลูกน้องหยุดทันที
นายตำรวจทุกคนหยุดรอดูสถานการณ์ตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา
ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่เช่นเดียวกับซึงฮยอนตามเหยื่อตัวน้อยไปด้วยจังหวะการก้าวที่สม่ำเสมอ ทงเฮและซึงฮยอนที่ทำท่าจะเดินตามไปด้วยก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเจอสายตาคมกริบตวัดมามอง มีเพียงหญิงสาวคนหนึ่งเท่านั้นที่เดินตามหลังชายหนุ่มอยู่ห่างๆ
::My Precious::
ทุกครั้งที่ออกวิ่ง...อีฮยอกแจรู้สึกเหมือนหัวใจของตัวเองแขวนไว้กับสปริงเก่าๆ ที่จะครากเมื่อไรก็ไม่รู้ กล้ามเนื้อภายในอกเต้นหน่วงปริ่มว่าจะขาดจังหวะไม่ช่วงใดก็ช่วงหนึ่ง
แต่ละวินาทีที่หายใจรู้สึกเหมือนไม่มีอากาศไหลเข้าสู่ปอด
ร่างบางหลบหลีกผู้คนจนพ้นจากบันไดเลื่อน ตอนนี้พวกเขาอยู่ชั้นเดียวกับประตูทางออกไปสู่ถนนด้านนอก ทว่าก่อนจะออกไปถึงประตูใหญ่...ร่างกายที่อ่อนล้าก็เสียจังหวะในที่สุด เรือนร่างบอบบางล้มลงกับพื้น ริมฝีปากอิ่มสีแดงสดหอบเอาอากาศเข้าปอดอย่างรัวเร็ว แขนขาพากันหมดแรง แม้จะสั่งให้ตัวเองลุกขึ้น...แต่ร่างกายกลับปฏิเสธ
ฮยอกแจนอนขดอยู่บนพื้น
ลูกน้อยดิ้นดุกดิกอยู่ในอ้อมแขน แม้ตัวของฮยอกแจจะล้มลงแต่ทว่าไม่มีส่วนไหนของมินโฮกระทบพื้นเลย ร่างบางประคับประคองลูกไว้สุดชีวิต...เพราะหัวใจที่แท้จริงของฮยอกแจไม่ได้อยู่ในอก...แต่อยู่ในอ้อมแขนของเขา
มินโฮมองดูหม่าม้าที่นอนนิ่งอยู่บนพื้น หยาดน้ำเล็กๆ ไหลออกจากดวงตากลมสีน้ำตาลอ่อนที่เขาคุ้นเคย เด็กน้อยเอื้อมมือลงไปแปะบนใบหน้าของฮยอกแจ
“มามา...มา” มินโฮล้มตัวลงนอนบนพื้นเหมือนกับหม่าม้า ศีรษะกลมเล็กซุกลงในอ้อมกอดของฮยอกแจ มือน้อยๆ เพียรเกลี่ยน้ำตาออกจากใบหน้าสวยของหม่าม้า หนุ่มน้อยคงจะไม่เข้าใจ...หม่าม้าโยเยทำไม หม่าม้านอนลงทำไม...ที่นี่ไม่ใช่บ้าน...สถานการณ์แปลกๆ ที่มินโฮไม่รู้จัก...คนที่เดินผ่านไปมาพวกนั้นเป็นใคร
ทว่าเด็กน้อยก็ไว้ใจหม่าม้าและเลือกที่จะล้มนอนไปด้วยกัน...เลือกที่จะนอนกอดกันเหมือนที่เคยทำทุกๆ วัน
อีฮยอกแจมองลูกรักแล้วก็ยิ่งห้ามน้ำตาไม่อยู่
สงสารลูกเหลือเกิน...สงสารลูกที่ต้องตกระกำลำบาก สงสารที่มีหม่าม้าเป็นคนอ่อนแอ ไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะอุ้มลูกน้อยขึ้นมาจากพื้น
ไม่ช้าคนพวกนั้นก็ต้องพาตัวมินโฮไปจากเขา...ไม่ช้ามินโฮกับหม่าม้าก็คงจะต้องแยกกัน
ยิ่งคิดน้ำตาก็ยิ่งไหล...มือบางได้แต่รวบรวมกำลังที่เหลืออยู่กระชับตัวลูกไว้ในอ้อมกอดที่แน่นขึ้น
ผู้คนที่เดินผ่านไปมาต่างให้ความสนใจกับฮยอกแจและมินโฮ บางคนพยายามจะเดินเข้ามาช่วยแต่อีฮยอกแจก็ปฏิเสธ เหตุผลก็เพราะเขารู้ว่าตัวเองมาจนสุดทางแล้ว...ต่อให้หนีไปอีกเท่าไรสภาพที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็คงไม่สามารถรักษาลูกไว้ได้ เขาใช้เวลาหนีมามากแล้ว ตอนนี้เขาต้องการแค่เวลาที่จะได้กอดลูกไว้แน่นๆ โดยไม่ต้องพะว้าพะวงอีก
“ไม่เป็นไร...ให้ฉันลุกด้วยตัวเองเถอะนะ” บอกกับผู้หวังดีอย่างสุภาพ แม้หยาดน้ำจะเปื้อนทั่วใบหน้า แต่ความมุ่งมั่นในดวงตากลับเป็นประกาย
หลังจากที่ผู้หวังดีเดินจากไปได้ไม่นาน จู่ๆ ร่างกายของฮยอกแจก็ลอยขึ้นจากพื้น อ้อมแขนคู่หนึ่งช้อนตัวเขาขึ้นจากทางด้านหลัง ร่างบางไม่รู้ว่าคนที่อุ้มเขาเป็นใคร เมื่ออ้อมกอดมั่นคงได้ที่...อีฮยอกแจก็พลิกตัวเตรียมจะหันไปมองคนที่อุ้มเขา
ทว่าเปลือกตาบางกลับปิดลง ฮยอกแจเปลี่ยนใจและเลือกที่จะหลับตาไม่มองหน้าใครคนนั้น มือบางทำเพียงแค่กอดลูกไว้ในอ้อมอก
“มามา...มา” มินโฮขยับดุกดิกก่อนจะเลือกท่าที่สบายที่สุดนอนซบลงบนอกของหม่าม้า
มือบางเกลี่ยไล้ปอยผมของลูกอย่างเอ็นดู ฮยอกแจเลือกที่จะซึมซับความสุขที่ได้อยู่กับลูกแทนที่จะผลาญเวลาอันน้อยนิดไปกับสิ่งที่ไม่มีค่าพอ
บางทีถ้าเขาโชคดี คุณคนที่อุ้มเขาอยู่คงจะสงสารและต้องการช่วยเหลือเขา แต่ฮยอกแจคิดว่านั่นคือการมองโลกในแง่ดีเกินไป...เพราะคุณคนนี้ไม่พูดกับเขาสักประโยค ไม่ถามว่าเขาจะไปไหนหรือถามว่าต้องการให้ช่วยอย่างไร
อาจเป็นซึงฮยอนก็เป็นได้ หรือไม่ก็ชายฉกรรจ์คนใดคนหนึ่งที่ตามเขามา ตอนนี้พวกนั้นคงสมใจแล้วที่ได้เขาและมินโฮไปอยู่ในอุ้มมือ
สำหรับมินโฮ...ซึงฮยอนคงไม่ทำอะไรเพราะเป็นสายเลือดเดียวกัน แต่สำหรับเขา...พวกนั้นคงมองว่าฮยอกแจเป็นศัตรูที่ขัดขวางไม่ให้พวกมันได้ตัวมินโฮไป
แม้สมองจะคิดไปในแง่ร้าย...แต่หัวใจของฮยอกแจบอกว่า...สัมผัสที่เขาได้รับตอนนี้อ่อนโยนเกินกว่าศัตรูจะปฏิบัติต่อกัน
อ้อมแขนแข็งแรงวางตัวฮยอกแจลงบนเก้าอี้ ปลายนิ้วบางเบาปาดคราบน้ำตาบนใบหน้าของเขา อีฮยอกแจปิดเปลือกตาแน่น...แต่กอดลูกไว้แน่นกว่า
เขาไม่กล้าเผชิญกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า กลัวว่ามันจะเป็นแผนลวงของศัตรู
จนกระทั่งริมฝีปากหนึ่งประทับลงบนหน้าผากของเขาอย่างถนอม สัมผัสนี้ไม่ต่างจากสัมผัสเวลาที่เขาจุมพิตมินโฮ
เปลือกตาบางเปิดขึ้นเพราะรู้ว่านี่คือสัมผัสของความรัก
น้ำตาพลันไหลรื้น...ม่านตาพยายามปรับภาพตรงหน้าให้ชัด...กลัวว่าสิ่งที่เห็นจะเป็นภาพลวง
มือบางยกขึ้นจับสองแก้มของคนตรงหน้าเบาๆ หยั่งลึกลงไปในดวงตาสีดำสนิทที่เหมือนกันกับของมินโฮ
“ฮยอกแจ...” กลับเป็นน้ำเสียงที่ยืนยันฮยอกแจว่าสิ่งที่เห็นไม่ใช่ภาพฝัน ร่างบางปล่อยตัวเองให้จมลึกลงไปในอ้อมกอดของชายหนุ่ม ผู้ที่โอบตัวเขาและมินโฮไว้ด้วยกัน...พวกเขาสามคน
“ซีวอน ซีวอน” เอ่ยชื่อคนรักพร้อมกับสะอื้น จึงได้รับอ้อมกอดที่แน่นขึ้นตอบกลับมา
“ซีวอน”
“ซีวอน...นี่คุณจริงๆ” เอ่ยเรียกย้ำๆ อยากจะเรียกจนหนำใจ ชดเชยความคิดถึงและห่วงหา
“คุณกลับมาแล้วหรือ...ผมรู้มาตลอดว่าคุณต้องกลับมา” ฮยอกแจถามพร้อมกับน้ำตา มือบางสัมผัสหน้าของคนรักอย่างแผ่วเบา ต้องการดูให้แน่ใจว่าซีวอนกลับมาอย่างปลอดภัย
“ผมกลับมาแล้ว” ชเวซีวอนยิ้มบางๆ ให้กับคนรัก รอยยิ้มที่ฮยอกแจแสนคิดถึง
“แล้วฮยอกแจเป็นอย่างไรบ้าง ดูแลตัวเองดีพอหรือเปล่า” ถามอย่างเป็นห่วงเพราะรู้ว่าคนตรงหน้ามีโรคประจำตัว ฮยอกแจสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงหลายอย่าง สายตาคมมองปราดไปทั่วคนร่างบาง
“ซีวอนไม่ต้องห่วง ฉันไม่เป็นอะไร ลูกก็สบายดี ฉันดูแลลูกอย่างดีระหว่างรอซีวอนกลับมา” ฮยอกแจตอบอย่างหนักแน่น ลืมความรู้สึกเหนื่อยปริ่มว่าจะขาดใจในวันนี้เป็นปลิดทิ้ง
ดวงตาของซีวอนวูบไหวเหมือนสายน้ำที่เดาใจยาก แต่อีฮยอกแจเดาได้ว่ามันเต็มไปด้วยความเป็นห่วงใยและความทุกข์ที่ยากจะกล่าว นัยน์ตาคมคลอคลองเหมือนว่าน้ำตาจะไหลออกมา
“ซีวอน ฉันไม่เป็นไร ไม่เป็นไรจริงๆ”
ชายหนุ่มมองหน้าคนที่เขารัก หัวใจพลันกระตุกวูบเมื่อคิดถึงสิ่งที่เขาต้องทำ...และกระตุกซ้ำๆ เมื่อเห็นฮยอกแจแสดงออกว่าตัวเองเข้มแข็ง
มือแกร่งเอื้อมลงไปจับมือลูกเบาๆ หนูน้อยเหลือบมองหน้าซีวอนนิดหนึ่งก่อนจะโผซบอกฮยอกแจเพื่อหลับต่อ การจากบ้านมาวิ่งกระเตงๆ อยู่ในอ้อมกอดของหม่าม้าหลายชั่วโมงทำให้มินโฮเพลีย
“ลูกโตขึ้นเยอะเลย คิดถึงแกจัง” ซีวอนบอกกับคนรัก “คิดถึงฮยอกแจด้วยนะ คิดถึงมาก”
“แน่ล่ะสิ ไม่เจอกันตั้งเกือบครึ่งปี ตอนที่ซีวอนไปลูกเพิ่งจะสองเดือนเอง” อีฮยอกแจตอบ ก่อนจะขมวดคิ้วมุ่นเมื่อดวงตาของซีวอนมีน้ำหยดลงมา
“ซีวอน ร้องไห้ทำไม! อย่าร้องนะ เราได้อยู่ด้วยกันแล้วนะซีวอน” เอื้อมมือไปปาดน้ำตาให้คนรัก
อ้อมแขนแกร่งรั้งตัวฮยอกแจมากอดอีกครั้ง หากซีวอนอยากจะโทษใครสักคนที่เป็นต้นเหตุของเรื่องนี้...คนที่ควรได้รับโทษหนักที่สุดคือตัวเขาเอง หากใครจะต้องแบกรับความทุกข์แสนสาหัสที่สุด เขายินดีให้คนๆ นั้นเป็นเขาไม่ใช่ฮยอกแจ
“ฮยอกแจ...ผมรักคุณกับลูกมากรู้ไหม” บอกพร้อมกับจูบลงบนขมับบาง
“ขอกอดลูกหน่อยนะ”
อีฮยอกแจค่อยๆ ส่งลูกให้แก่ซีวอน ริมฝีปากอิ่มอมยิ้มเมื่อเห็นเจ้าตัวยุ่งได้อยู่ในอ้อมกอดคนที่ถอดแบบหน้าตามาเหมือนกันเปี๊ยบ...ปะป๊าของมินโฮ
คิ้วเรียวขมวดฉับเมื่อเห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามา...เธอเป็นคนสุดท้ายที่ฮยอกแจอยากจะเห็นหน้าในชีวิต แล้วก็ต้องใจหายเมื่อซีวอนลุกขึ้นยืนพร้อมกับส่งมินโฮให้ผู้หญิงคนนั้น เธอโผเข้ากอดเจ้าตัวน้อยทั้งน้ำตา
“ไม่!” อีฮยอกแจร้องลั่น
“เอาลูกฉันคืนมา” ร่างบางร้องบอกพร้อมกับตะกายเข้าไปหาหล่อนคนนั้น ซีวอนรั้งร่างของฮยอกแจเอาไว้ พยายามใช้อ้อมกอดและความรักปลอบประโลมคนร่างบาง
“ฮยอกแจ...ฮยอกแจตั้งสติ” ซีวอนปลอบพร้อมกับลูบหัวคนรัก
“ซีวอน...เธอเอาลูกของเราไป เธอเอาลูกไปแล้ว” มือบางชี้ตามเธอคนนั้น ดวงตาสวยมองหล่อนไม่คลาดสายตา ฮยอกแจคลุ้มคลั่งเหมือนคนเสียสติ
ในที่สุดดวงใจของเขาก็ถูกพรากไป
“ฮยอกแจ...ตั้งสติ” ซีวอนเพียรบอกซ้ำๆ อ้อมแขนแกร่งไม่คลายแรงกอดจากตัวเขา
“ไม่! ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น เอาลูกฉันคืนมา เอามินโฮคืนมา”
“ฮยอกแจ...โปรดรู้ไว้ว่าผมรักคุณ”
ร่างบางร้องไห้สะอื้นหนัก ร่างกายที่ไม่แข็งแรงพากันประท้วงอีกครั้ง ฮยอกแจหมดแรงดิ้น ได้แต่มองไปยังที่ๆ ผู้หญิงคนนั้นพามินโฮเดินออกไปจนลับสายตา...หัวใจปานว่าจะร่วงลงจากอก
“รู้ใช่ไหมว่าผมรักคุณ จำได้ใช่ไหม...คำสัญญาของเรา”
น้ำเสียงราวกับจะขาดใจของซีวอนดังเข้ามาในการรับรู้ ซีวอนก็เสียใจเหมือนกัน...และคงจะเสียใจไม่น้อยไปกว่าเขา
คำสัญญาอย่างนั้นหรือ
เรื่องราวในอดีตไหลเข้ามาในหัวเหมือนตะกอนในน้ำที่ถูกกวนขึ้นอีกครั้ง
“ผมสัญญา...ว่าจะกลับมาหาคุณ” เรืออากาศเอกชเวซีวอนอยู่ในชุดเครื่องแบบเต็มยศ สง่างามสมกับเป็นชายชาติทหาร ในวันนี้นอกจากซีวอนที่แต่งตัวเต็มยศแล้ว ซึงฮยอนนายตำรวจหนุ่ม น้องชายของซีวอนก็แต่งตัวเต็มยศเช่นกัน
ผู้คนจากทั่วสารทิศในเครื่องแต่งกายหรูหราต่างเดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกับชเวซีวอน นายทหารหนุ่ม ทายาทของนักธุรกิจชื่อดังเนื่องในวันมงคลสมรส
วันที่ฮยอกแจหัวใจสลาย
แม้ว่าเขาจะรู้มาก่อนหน้านี้แล้วว่าคุณพ่อกับคุณแม่ของซีวอนหาผู้หญิงที่ดีพร้อมไว้ให้กับคนรักของเขา แต่อีฮยอกแจไม่เคยทำใจได้เลย
วันนั้นฮยอกแจมาร่วมแสดงความยินดีให้กับซีวอน...คนรักของเขา
ฮยอกแจมาด้วยใจที่บริสุทธิ์เหมือนกับทุกๆ ครั้งที่เห็นซีวอนมีความสุขเขาก็จะแสดงความยินดี
ทว่าของขวัญงานแต่งงานที่เขามอบให้ซีวอนกลับกลายเป็นน้ำตา
เป็นมือแกร่งคู่เดียวกับในวันนี้เองที่ปาดน้ำตาของเขาออก
ดวงตาสองดวงสบกันอย่างราวราน ทว่าภายในนั้นยังมีประกายแห่งความหวัง
แม้จะจากกันวันนี้เพราะความจำเป็น แต่ก็จะเป็นการจากเพียงชั่วคราว
ชเวซีวอนคุกเข่าลงตรงหน้าคนตัวเล็ก เรือนร่างบอบบางน่าถนอมเหมือนตุ๊กตาปั้น ชายหนุ่มหยิบแหวนในกระเป๋าเสื้อออกมาสวมลงบนนิ้วนางข้างขวาของฮยอกแจ พลอยสีน้ำเงินส่องประกายบนหัวแหวน เรือนแหวนทำจากเงินค่อนข้างหนา สลักตราปีกกองทัพอากาศ
ชเวซีวอนยิ้ม ยิ้มด้วยรอยยิ้มที่ออกมาจากหัวใจไม่ใช่ยิ้มแค่นขืนเหมือนตอนอยู่ต่อหน้าแขก
“ผมผูกพันกับแหวนวงนี้มาก...ขอฝากฮยอกแจไว้ก่อนนะ...แล้ววันหนึ่งผมจะเปลี่ยนจากมือขวามาสวมบนมือซ้ายของคุณ”
ดวงตาคมแน่วแน่เหมือนเหมือนน้ำนิ่งมองมายังฮยอกแจ เหมือนช่วงเวลาหนึ่งของผู้แพ้ที่อีฮยอกแจรู้สึกว่า...ตอนนี้เขาคือคนที่กุมหัวใจของนายทหารที่ชื่อชเวซีวอน
“สักวันหนึ่งจะเป็นวันของเรา ฮยอกแจ...คุณจะรอได้ไหม”
ถ้อยคำหนักแน่นของคนรักสลักไว้ในหัวใจของฮยอกแจตั้งแต่วันนั้น
แต่...เขาไม่สามารถทำตามที่ซีวอนขอ
เขาไม่สามารถรอได้
น้ำตาพาลไหลลงมาอย่างห้ามไม่อยู่ อีฮยอกแจร้องไห้จนขอบตาช้ำขณะนึกทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมา ซีวอนยังคงสวมกอดเขาเอาไว้ไม่ปล่อย
หลังจากที่รอมานาน...ฮยอกแจก็ไม่สามารถรอต่อไปได้อีก
ช่วงเวลาปีกว่าที่ซีวอนแต่งงานมีครอบครัวไป แต่ละวันฮยอกแจรู้สึกไร้ชีวิตเหมือนต้นไม้ที่ใกล้จะตาย
หัวสมองคิดหาเหตุผลที่สองขึ้นมาปลอบใจตัวเอง...ในเมื่อเขาไม่สามารถยอมรับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นได้
อีฮยอกแจจึงหลอกตัวเองว่าซีวอนตายแล้ว
การรู้ว่าซีวอนตายจากไปยังทำใจได้ง่ายกว่ารับรู้ว่าซีวอนอยู่กับใครอีกคน
หลังจากนั้นฮยอกแจก็ได้ข่าวว่าซีวอนกับภรรยากำลังมีลูกด้วยกัน...ครอบครัว...สิ่งที่จะพรากซีวอนไปจากเขาตลอดไป ถ้าซีวอนมีครอบครัวที่สมบูรณ์...ใครเลยจะอยากทิ้งครอบครัวของตัวเอง...ซีวอนจะไม่มีเวลาคิดถึงเขาและลืมคำสัญญาที่ให้ไว้
สิ่งแรกฮยอกแจคิดได้คือ...พาเด็กคนนั้นออกมาจากซีวอน
หลังจากที่มินโฮเกิดได้ประมาณห้าเดือน ฮยอกแจก็วางแผนให้สาวใช้ในบ้านขโมยตัวเด็กน้อยออกมาให้เขา พร้อมกับให้เงินก้อนหนึ่งเพื่อปิดปากหล่อน
ทว่า...หลังจากที่ได้เห็นใบหน้าน้อยๆ นั้น หัวใจก็พลันอ่อนยวบ เด็กน้อยน่ารักเหมือนซีวอนคนที่สอง แถมยังมีลักษณะบางอย่างคล้ายกับตัวเขา
ราวกับพระเจ้าตั้งใจปั้นมินโฮมาให้เป็นลูกเขาของสองคน
อีฮยอกแจจึงเฝ้าถนอมเลี้ยงดูเจ้าตัวเล็กราวกับลูกแท้ๆ เพื่อรอคอยวันหนึ่งที่ซีวอนจะกลับมาหาเขาตามสัญญา
ร่างบางร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดของซีวอน แม้ว่าน้ำตาจะแห้งเหือดไปหมดแล้ว แต่ฮยอกแจไม่สามารถกลั้นสะอื้นได้ หลังจากที่ความจริงวิ่งเข้ามาสะกิด ฮยอกแจก็ยิ่งเจ็บเหมือนถูกมีดกรีดลงบนแผลเก่า
มินโฮไม่ใช่ลูกของเขา
และซีวอนแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้น
เจ็บเหลือเกิน
ฮยอกแจเงยหน้าขึ้นไปมองซีวอนที่กอดเขาไว้จากด้านหลัง ดวงตาของซีวอนเองก็ช้ำราวกับจะหลุดออกจากขอบตา สีหน้าของซีวอนเจ็บปวดไม่แพ้กัน และที่ผ่านมาซีวอนคงจะเจ็บปวดมากที่เขาลักพาตัวมินโฮ
เป็นเวลากว่าสามเดือนที่ฮยอกแจพามินโฮหนีไปยังที่ต่างๆ และเป็นความละเลยของซีวอนเองที่เมื่อรู้ว่าฮยอกแจเป็นคนขโมยลูกไป เขาก็ไม่อยากทำให้เป็นเรื่องราวใหญ่โต
แม้จะเป็นห่วงมินโฮ แต่ชายหนุ่มรู้ว่าฮยอกแจจะไม่มีวันทำร้ายลูกของเขา ซีวอนจึงยกให้เป็นหน้าที่ของซึงฮยอนเท่านั้นในการตามหาลูก ทั้งที่ตระกูลชเวเป็นตระกูลใหญ่ มีลูกน้องมากมาย และครอบครัวของภรรยาเขาก็มีอิทธิพลเช่นกัน แต่ซีวอนขอร้องเธอเอาไว้ว่าไม่ให้ลงมือกับฮยอกแจ...โดยที่เธอเองไม่ใคร่จะเต็มใจทำตามนัก
ลำแขนบางกอดตอบคนรัก ซุกตัวแนบลงไปในอกอุ่น อกที่ทั้งกว้างทั้งแข็งแรงของผู้กองซีวอน
นี่เขาทำร้ายซีวอนลงได้อย่างไร
อีฮยอกแจช่างเห็นแก่ตัว
“ขอโทษ...ซีวอน ฉันขอโทษ” บอกอย่างยากลำบากเพราะน้ำเสียงที่แหบแห้ง ซ้ำยังต้องสะดุดเป็นช่วงๆ เพราะแรงสะอื้น
วันนี้เป็นวันที่อีฮยอกแจต้องกลายเป็นผู้แพ้อีกครั้ง เขาไม่สามารถเอาชนะความเป็นจริงที่เพิ่งตระหนักได้
ไม่ช้าซีวอนคงต้องกลับไปใช้ชีวิตกับผู้หญิงคนนั้น และมินโฮก็จะได้อยู่กับพ่อกับแม่ที่แท้จริง เติบโตเป็นหนุ่มน้อยน่ารัก...โดยไม่มีเขาเข้าไปเกี่ยวข้อง
นี่คือความจริง
อีฮยอกแจมองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นอุ้มมินโฮจากไปแล้วยอมรับแต่โดยดี
แต่จะผิดไหม...ถ้าเขายังจะเฝ้าหวังความสุขที่จะได้อยู่กับมินโฮและซีวอนในอนาคต
::My Precious::
ความอบอุ่นของแสงแดดโอบล้อมร่างกายของคนตัวเล็กบาง ฮยอกแจนอนขดอยู่บนที่นอนอันคุ้นเคย ทว่าไร้เสียงของมินโฮร้องเรียกหม่าม้าเหมือนทุกเช้า ไร้สัมผัสนิ่มนวลของเนื้ออ่อนๆ ที่มักจะแปะมือลงบนหน้าของเขา คงเหลืออยู่แต่กลิ่นจางๆ ของน้ำยาซักผ้าเด็ก
ช่วงเวลาที่ผ่านมาช่างไม่ต่างจากความฝัน หมอกควันแห่งความสุขสูญไปแล้วและถูกแทนที่ด้วยความว่างเปล่า...เหมือนไอน้ำถูกแสงแดดไล่ไปในยามเช้า
หายไปแล้ว...
อีฮยอกแจเอื้อมมือไปวางตรงที่ๆ ลูกเคยนอน กอดกระชับผ้าห่มผืนโปรดของมินโฮมาแนบกับอก หวนนึกถึงเจ้าตัวเล็กน่าเอ็นดู และชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ หน้าตาละม้ายคล้ายกับมินโฮเป็นพิมพ์เดียว
ลูกรัก และคนรักของเขา
เมื่อคืนซีวอนมาส่งเขาที่อพาร์ตเมนท์ ส่วนแม่ของมินโฮพาเจ้าตัวเล็กกลับไปรอซีวอนที่บ้าน เขาจึงไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าลูกน้อยอีกครั้งก่อนจากกัน
ความว้าเหว่กระจายตัวไปทั่ว เหมือนมีใยบางๆ สีทะมึนพันรอบตัวเขา
โดดเดี่ยว...เปลี่ยวเหงา
ทั้งที่เขาเข้าใจและยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นได้แล้ว
แต่อีฮยอกแจก็ยังทำใจไม่ได้อยู่ดี
เสียงข้อความเรียกเข้าดึงเขาออกจากภวังค์ ร่างบางประคองตัวขึ้น เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางไว้บนหัวเตียงขึ้นมาดู
น้ำตาพลันไหล...
ทว่ามันเป็นน้ำตาที่มาพร้อมกับรอยยิ้ม
ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้มบาง มือเรียวกำโทรศัพท์อย่างหวงแหนราวกับกลัวว่าใครจะแย่งไป
รูปภาพที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์เป็นรูปของชายสองคน คนหนึ่งเป็นหนุ่มเต็มกาย ใบหน้าคมคาย จมูกเป็นสันได้รูป จัดว่าเป็นคนที่หน้าตาดีมากคนหนึ่ง กำลังส่งยิ้มมาให้ฮยอกแจ ส่วนอีกคนเป็นหนุ่มน้อยที่กำลังจะเจริญรอยความหล่อเหลาตามคนแรก เด็กน้อยอมยิ้ม มือเล็กๆ เอื้อมออกมาข้างหน้าทำท่าเหมือนจะแปะมือลงบนกล้อง ดูจากลักษณะภาพแล้ว ซีวอนคงจะหลอกล่อลูกให้มองกล้องและถ่ายภาพนั้นด้วยตนเอง
ความสุขแล่นเข้ามาในหัวใจอีกครั้ง
อีฮยอกแจจรดมือลงตรงตำแหน่งเดียวกับมือของเด็กน้อย ก่อนจะเลื่อนไล้ปลายนิ้วไปมาบนใบหน้าของชายหนุ่มที่โตกว่า
ร่างบางพลันนึกถึงคำสัญญาที่คนรักเคยให้ไว้
ซีวอนเคยบอกว่าจะกลับมาหาเขา
แม้ว่าฮยอกแจจะต้องอดทนรอโดยที่ข้างกายว่างเปล่า แต่เขาก็เลือกที่จะเชื่อในคำของคนรัก
“ฉันจะรอวันของเรา...ซีวอน” ดวงตาสีน้ำตาลมองภาพคนรักอย่างมีความหวัง
“มินโฮของหม่าม้า...หม่าม้าจะไม่เปลี่ยนแปลงความรักที่มีต่อหนู” เลื่อนสายตาลงมามองลูก
“แล้วเราจะได้มีความสุขด้วยกันอีกครั้งสักวันหนึ่งนะลูก...ซีวอน” ริมฝีปากอิ่มแนบจูบลงบนหน้าจอโทรศัพท์เบาๆ ถ่ายทอดความรักไปยังหัวใจทั้งสองดวง
อีฮยอกแจยอมรับในความพ่ายแพ้ที่ชะตามอบให้แต่โดยดี แต่เขาก็จะรอวันที่จะได้เป็นผู้สุขสมหวังสักวันหนึ่ง
แม้แสงแดดจะหลอมระเหยหยดน้ำในยามเช้าให้หายไป...ทว่าหยาดน้ำค้างก็เกิดขึ้นใหม่ได้ทุกๆ วัน เพราะมวลน้ำในโลกนี้ไม่เคยหายไปไหน เช่นเดียวกับความหวังที่หล่อเลี้ยงหัวใจของฮยอกแจ และความรักที่เขามีต่อซีวอนและมินโฮ
“แล้วสักวันจะเป็นวันของเรา”
Keep the faith
ฟิคอะไรเนี่ย หาสาระกันได้ไหม ทะมึนมาก
ผิดพลาดประการใดขออภัยดวยนะคะ ยอมรับว่าเขียนเรื่องราวซับซ้อนได้แค่นี้จริงๆ (นี่ซ้อนแล้วหรอ?)
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ ^ ^
ความคิดเห็น