คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 1 Down The Rabbit-Hole ผจญภัยในโพรงกระต่าย
Chapter 1 Down The Rabbit-Hole
ผจญภัยในโพรงกระต่าย
ดีจ้า ข้าน้อยมาอัพแล้วนะขอรับ อิอิ
อลิซเริ่มเบื่อหน่ายกับการที่ต้องนั่งอยู่ริมตลิ่งกับพี่สาวโดยไม่มีอะไรให้ทำเลย เธอแอบชำเลืองมองหนังสือที่พี่สาวกำลังอ่านอยู่ครั้งสองครั้ง แต่เธอก็ไม่เห็นว่าจะมีรูปภาพหรือบทสนทนาใดๆ ในหนังสือเล่มนั้นเลย
( แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรล่ะ หนังสือเล่มนี้น่ะ ) อลิซคิด (ไม่มีรูป ไม่มีตัวหนังสือสักตัว)
ด้วยเหตุนี้ อลิซจึงนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย หรือไม่อลิซก็คิดจะรอยพวงมาลัยดอกเดซี่เล่น แต่นั่นมันก็ทำให้ต้องยุ่งยาก เพราะต้องลุกไปเก็บดอกเดซี่อีก ขณะที่เธอกำลังคิดอะไรเพลินๆ อยู่นั้น เจ้ากระต่ายขาวนัยน์ตาสีชมพูตัวหนึ่งก็วิ่งผ่านหน้าเธอไป
ดูเหมือนจะไม่มีอะไรผิดสังเกตในขณะนั้น อลิซไม่คิดว่ามันแปลกประหลาดเลยแม้แต่น้อยที่กระต่ายตัวนั้นพูดกับตัวเองว่า “ตายแล้ว! ตายแล้ว! ข้าสายมากแล้วนะเนี่ย” และเมื่อเจ้ากระต่ายขาวหยิบนาฬิกาจากกระเป่าเสื้อกั๊กขึ้นมาดู จึงรีบเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น อลิซก็วิ่งตามมันไปในทันทีด้วยความอยากรู้ เพราะเธอไม่เคยเห็นกระต่ายสวมเสื้อกั๊กมาก่อน แถมยังดูนาฬิกาเป็นอีกด้วย อลิซวิ่งข้ามทุ่งหญ้าตามมันไป และโชคดีที่วิ่งทัน จนเห็นมันกระโจนลงไปในโพรงกระต่ายขนาดใหญ่ใต้พุ่มไม้พอดี
ช่วงเวลาที่อลิซกระโดดตามมันลงไปในโพรง เธอไม่ได้ฉุกคิดแม้แต่น้อยว่าจะกลับขั้นมาได้ยังไง
ในโพรงนั้นมีทางเดินยาวตรงไปเรื่อยๆ เหมือนอุโมงค์นำไปสู่สถานที่ใดที่หนึ่ง แล้วจู่ๆ มันก็หักลงในแนวดิ่งโดยที่อลิซไม่ทันตั้งตัว และตอนนี้เธอก็กำลังดิ่งลงสู่เบื้องล่าง
ตอนแรกอลิซพยายามมองลงไปด้านล่างเพื่อดูว่าตัวเองจะตกลงไปโผล่ ณ ที่ใด แต่เบื้องล่างนั้นมืดมากเกินกว่าจะมองเห็นได้ เธอจึงเหลี่ยวมองรอบๆ แทน แล้วอลิซก็พบว่าตามผนังในอุโมงค์นั้นเต็มไปด้วยตู้เก็บของและชั้นว่างหนังสืออยู่เต็มไปหมดนอกจากนี้ยังมีแผนที่และรูปภาพต่างๆ มากมายห้อยอยู่ตามตะปูที่ตอกติดกับผนังอุโมงค์ด้วย
( เอาล่ะ ) อลิซคิด ( หลังจากลอยละลิ่วมาแบบนี้ ฉันจะคิดว่ามันไม่ต่างอะไรกับหกคะเมนตีลังกาลงมาจากบันไดก็แล้วกัน คนที่บ้านจะชื่นชมฉันขนาดไหนที่ฉันไม่บ่นอะไรเลย ขนาดตกลงมาจากที่สูงเท่าหลังคาบ้านแบบนี้! )
ดิ่งลงไป ดิ่งลงไป ดิ่งลงไป อุโมงค์นี้ไม่มีที่สิ้นสุดเลยหรือ
ดิ่งลงไป ดิ่งลงไป ดิ่งลงไป โดยที่ไม่มีอะไรให้ทำเลย ดังนั้นอลิซจึงเริ่มพูดอะไรเรื่อบเปื่อยกับตัวเอง
“คืนนี้ ดีนัชจะต้องคิดถึงฉันน่าดูเลย” (ดีนัชคือแมวของอลิซ) “หวังว่าคนที่บ้านจะไม่ลืมเทนมใส่ชามให้มันตลอดเวลาน้ำชานะ ดีนัชที่รักของฉัน ฉันอยากให้แกมาอยู่ด้วยตอนนี้จัง แต่อยู่กลางอากาศแบบนี้คงไม่มีหนูลอยมาให้แกจับหรอก แต่แกอาจจะจับค้างคาวก็ได้นะ มันเหมือนหนูมากเลยแกรู้รึเปล่า ว่าแต่แกกินค้างคาวรึเปล่าล่ะ ฉันยังสงสัยอยู่”
อลิซเริ่มรู้สึกง่วงนอนแล้ว เธอเริ่มพูดเหมือนคนละเมอไปเรื่อยๆ
“แมวกินค้างคาว แมวกินค้างคาว” และบางทีเธอก็พูดว่า “ค้างคาวกินแมว”
และแล้ว ทันใดนั้น ตุ้บ! ตุ้บ! อลิซตกลงไปนอนอยู่บนกองใบไม้แห้ง แล้วการดำดิ่งในอุโมงค์ของเธอก็สิ้นสุดลง ณ ตรงนี้
อลิซไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย เธอรีบลุกขั้นยืนอย่างรวดเร็วพร้อมกับมองขึ้นไปด้านบน ซึ่งก็มองไม่เห็นอะไรนอกจากความมืด เมื่อมองตรงไปข้างหน้าก็มีทางเดินยาวออกไป และนั่น! เธอเห็นเจ้ากระต่ายขาววิ่งมุ่งหน้าไปอย่างรีบร้อน อลิซรีบวิ่งตามมันไปทันทีด้วยความเร็วประหนึ่งสายลมพัดผ่าน จนกระทั่งวิ่งไล่ตามมันทัน และได้ยินมันพูดขณะจะเลี้ยวตรงมุมว่า
“ตายล่ะ มันสายแล้ว!”
อลิซวิ่งตามมันไปติดๆ แต่เมื่อเธอเลี้ยวตรงหัวโค้งก็ปรากฏว่ามันอันตรธานหายไปเสียแล้ว และตอนนี้เธอก็พบว่าตัวเองยืนอยู่ในห้องเตี้ยๆ ที่ยาวออกไป ซึ่งมีเพียงแสงสว่างจากตะเกียงที่ห้อยลงมาเป็นแนวจากเพดานเท่านั้น
ภายในห้องโถงมีประตูล้อมอยู่เต็มไปหมด เมื่ออลิซเดินสำรวจประตูทีละบานเพื่อจะหาทางออกแล้วพบว่ามันล็อคอยู่ทุกบาน เธอจึงเดินไปกลางห้องอย่างหมดหวัง เพราะไม่รู้จะหาทางออกไปได้อย่างไร
แล้วอยู่ๆ อลิซก็พบผ้าม่านห้อยอยู่ต่ำๆ ซึ่งเธอไม่ทันเห้นในตอนแรก เธอจึงเดินไปเปิดม่านออก แล้วเธอก็พบประตูเล็กๆ ซึ่งสูงเพียง 15 นิ้วอยู่หลังม่าน ขนาดของมันกว้างกว่ารูหนูไม่มากนัก เธอนั่งคุกเข่าลงแล้วมองประตูบานนั้น
“ถึงหัวจะผ่านเข้าไปได้ก็ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะยังไงไหล่ก็เข้าไปไม่ได้อยู่ดี” อลิซพูด “เฮ้อ ฉันอยากหดตัวได้จังเลย”
ดูเหมือนจะไม่เกิดประโยชน์อะไรถ้ายินรออยู่หน้าประตู อลิซจึงตัดสินใจย้อนกลับไปที่กลางห้อง แล้วทันใดนั้น อลิซก็เดินมาหยุดอยู่ที่โต๊ะสามขาตัวหนึ่งซึ่งทำด้วยแก้วล้วนๆ บนโต๊ะไม่มีอะไรวางอยู่นอกจากขวดเล็กๆ ใบหนึ่งตั้งอยู่
( ฉันแน่ใจว่ามันไม่ได้ตั้งอยู่ตรงนี้มาก่อน ) อลิซคิด
ที่คอขวดมีป้ายกระดาษห้อยอยู่และมีข้อความพิมพ์อย่างสวยงามด้วยตัวอักษรขนาดใหญ่ว่า ‘ดื่มฉันสิ’
มันดูเข้าท่าดีแฮะที่เขียนว่า ‘ดื่มฉันสิ’ อลิซจึงตัดสินใจลองชิมเครื่องดื่มที่วางอยู่บนโต๊ะ และพบว่ามันมีรสชาติที่ยอดเยี่ยมทีเดียว(เครื่อมดื่มในขวดมีรสผสมของเชอร์รี่ ทาร์ต คัสตาร์ด สับปะรด ไก่ง่วงอบ ลูกอมรสหวาน และเนยอบร้อนๆ ) และในไม่ช้าอลิซก็ดื่มมันจนเกลี้ยง
“รู้สึกแปลกๆ นะเนี่ย!” อลิซพูด
เวลานี้อลิซสูงเพียง 10 นิ้วเท่านั้น เธอยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อนึกถึงการที่จะได้ออกไปเดินเล่นข้างนอกประตู แต่ก่อนอื่นเธอต้องรอจนแน่ใจก่อนว่าตัวเองจะหดตัวลงไปมากกว่านี้อีกหรือไม่ อลิซรู้สึกกังวลเล็กน้อยกับสิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้
“มันอาจจะจบสิ้นไปเลยก็ได้ ถ้าฉันเกิดหดหายไปหมดเหมือนเทียนที่กำลังไหม้จนหมดเล่ม แล้วมันจะเป้นยังไงล่ะทีนี้” อลิซพยายามนึกภาพเทียนที่กำลังจะมอดไหม้จนหมดเล่ม
หลังจากนั้นไม่นาน เมื่อรอจนแน่ใจว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เกิดขึ้นแล้ว อลิซก็ตัดสินใจมุ่งหน้าไปสวนดอกไม้ทันที แต่อนิจจา... อลิซผู้น่าสงสาร เมื่อเธอมาถึงหน้าประตูบานจิ๋ว เธอก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าไม่มีกุญแจสำหรับเปิดประตู เธอจึงเดินกลับไปที่โต๊ะอีกครั้ง
อลิซมองเห็นกุญแจวางอยู่บนโต๊ะกระจกได้อย่างชัดเจน แต่ปรากฏว่าเวลานี้โต๊ะตัวนั้นสูงเกินไปสำหรับเธอเสียแล้ว เธอจึงพยายามเต็มที่ที่จะปีนขาโต๊ะขั้นไปเพื่อหยิบกุญแจ แต่ก็ไม่สำเร็จเพราะขาโต๊ะที่ทำด้วยแก้วนั้นลื่นมาก หลังจากพยายามครั้งแล้วครั้งเล่าจนเหนื่อยหอบ เธอก็ทรุดตัวลงนั่งแล้วร้องไห้ด้วยความผิดหวัง
และแล้ว อลิซก็หันไปเห็นกล่องเล็กๆ ใบหนึ่งวางอยู่ เธอเปิดมันออก ในนั้นมีขนมเค้กชิ้นเล็กอยู่ชิ้นหนึ่ง ซึ่งมีลูกเกดแต่งหน้าเค้กเป็นตัวอักษรสวยงามเขียนว่า ‘ทานฉันเลย’
อลิซกัดเค้กคำเล็กๆ หนึ่งคำ
“จะเป็นยังไงนะ จะเป็นยังไงนะ” เธอพูดกับตัวเองอย่างกังวลใจพลางวางมือข้างหนึ่งไว้เหนือศีรษะเพื่อดูการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น แต่เธอก็ต้องประหลาดใจเมื่อไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆ เกิดขึ้นเลย
แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องปกติที่คนกินเค้กทั่วๆ ไป แต่สำหรับอลิซ เธอได้เข้ามาอยู่ในดินแดนที่มีแต่เรื่องพิสดารเหนือความคาดหมายเกิดขึ้น ฉะนั้นมันจึงดูจืดชืด และน่าเบื่อที่ชีวิตจะดำเนินไปแบบปกติธรรมดา
อลิซไม่รอช้า เธอจัดการกับเค้กชิ้นนั้นจนเกลี้ยง
To be continued
ความคิดเห็น