คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 2
Chapter 2
ร่างที่ไร้เรี่ยวแรงเดินเข้ามานั่งยังปลายเตียง สายตาที่เลื่อนลอยจับจ้องไปยังประตูบานใหญ่ด้วยหัวใจที่รู้สึกเหมือนถูกบีบให้แหลกสลาย เวลานี้เขาควรนึกเสียใจที่ทำให้อีกฝ่ายผิดหวัง แต่หัวใจไม่รักดีดวงนี้กลับโหยหาถึงใครบางคน
“คุณแจจุง..ฮึ่กก นับจากวันนี้เราไม่ควรที่จะพบเจอกันอีก แม้ว่าผมจะถูกปล่อยให้เป็นอิสระจากห้องนี้แล้ว แต่ผมก็จะขังตัวเองให้อยู่แบบนี้ตลอดไป” แม้ผมจะคิดถึงคุณจนแทบขาดใจก็ไม่เป็นไร ความรู้สึกรักไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ และคนที่จะต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในหัวใจก็คือเขา ไม่ใช่ใคร
พี่ยุนโฮทำถูกแล้ว...ส่วนคุณแจจุงไม่ผิดในเรื่องนี้ เป็นเขาที่ผิดเอง
เขาพยายามขับไล่ใครคนหนึ่งให้ออกไปจากหัวใจ แต่จู่ๆเสียงโทรศัพท์กลับดังขึ้นฉุดรั้งให้คนตัวเล็กได้หวนคืนสู่โลกแห่งความเป็นจริง เมื่อหยิบขึ้นมาก็พบว่าเป็นเบอร์คุ้นเคยโชว์หราอยู่บนหน้าจอมือถือ
ใช่สิ...โลกแห่งความจริง ความจริงที่เขาไม่สามารถเลิกรักคิมแจจุงได้ แม้จะพยายามสักแค่ไหน ก็สุดจะหักห้ามหัวใจ แต่ใช่ว่าจะทำไม่ได้นี่ ทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องใช้เวลา และเขาจะต้องกลับมายืนด้วยตัวเองอีกครั้งให้ได้
ผมรักคุณนะครับ รักมากจนคล้ายจะเป็นบ้าเพราะรักคุณมากขึ้นทุกวัน แต่ถึงอย่างไรซะ ผมควรที่จะรักตัวเองมากกว่าไม่ใช่เหรอ?
เมื่อตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้ว นิ้วเรียวเล็กจึงกดตัดสายไปสร้างความขุ่นเคืองใจต่ออีกฝ่ายไม่น้อย จุนซูหลับตาลงจนม่านตาที่ปิดกลั้นนั้นบีบของเหลวที่เอ่อล้นให้ไหลมาเป็นทางอย่างไม่อาจห้าม ก่อนจะตัดใจกดปิดเครื่องพร้อมวางโทรศัพท์ไว้ข้างตัว
ทางด้านคิมแจจุง
“ทำแบบนี้หมายความว่ายังไงกัน คิมจุนซู นี่นายจะเล่นตลกอะไรกับฉันกันแน่” ฝ่ามือใหญ่บีบพวงมาลัยรถไว้แน่นด้วยความขุ่นเคืองใจ อุตส่าห์โทรหาตั้งหลายรอบยังกล้ากดตัดสายทิ้ง นายเป็นใคร แล้วฉันเป็นใคร ทำไมไม่รู้จักเจียมตัวซะบ้าง
รถคันหรูขับพุ่งออกไปด้วยแรงโทสะของคนขับ พร้อมมุ่งตรงสู่ตึกใหญ่ที่ตั้งตระหง่านตา ซึ่งเป็นบริษัทค่ายเพลงต้นสังกัดของนักร้องชื่อดังอย่างคิมแจจุง ชายหนุ่มเปิดประตูรถพร้อมก้าวออกมา เมื่อเห็นเหล่าแฟนคลับที่ยืนรอเขานับสิบคนแต่ไม่กรูเข้ามาหา ริมฝีปากได้รูปจึงยกยิ้มน้อยๆ พร้อมกับก้มหน้าเดินตรงเข้าบริษัทไป ทิ้งความประทับใจให้คนที่มารอเขาเป็นอย่างมากที่ได้เห็นรอยยิ้มของศิลปินอันเป็นที่รัก แม้คิมแจจุงนั้นจะดูหยิ่ง เย็นชาและวางตัวสูง แต่นั่นก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ทำให้คนมากมายต่างหลงใหลและอยากค้นหาในตัวของชายหนุ่มมากขึ้น
คิมแจจุงไม่ใช่คนที่มีดีแค่หน้าตา เขาใช้ความสามารถล้วนๆที่จะก้าวเข้ามาสู่จุดนี้ เขาจะไม่ลืมคนที่คอยสนับสนุนเขามาโดยตลอด แม้จะไม่แสดงออกก็ตาม แต่หากสื่อสารผ่านทางใจ จะรู้ว่าเขานั้นแคร์เหล่าแฟนคลับมากแค่ไหน ยกเว้นเสียแต่คนพวกนั้น...ซาแซงแฟน ที่ทำตัวคล้ายแอนตี้แฟนเข้าไปทุกที
นักร้องหนุ่มเดินมาหยุดอยู่หน้าห้องบันทึกเสียง พร้อมทั้งผลักประตูให้เปิดออก ภายในสตูดิโอนั้นเต็มไปด้วยเครื่องบันทึกเสียงใช้สำหรับอัดเสียงร้องและปรับแต่งและใส่ทำนอง เขาเคยโดนสบประหม่าว่าร้องสดคงไม่ได้เรื่อง ดีแต่เสียงที่ปรุงแต่งใส่ลงในซีดีเท่านั้น เขาเกลียดคำดูถูก เลยต้องคอยพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆ จนร้องสดได้เหมือนเสียงอัดไม่ผิดเพี้ยน เขาภูมิใจที่กลายเป็นที่ยอมรับเพราะความสามารถของตัวเอง หาได้ใช้เส้นสาย
แม้จะชินและคุ้นเคยกับห้องๆนี้แล้ว แต่เขาก็ยังคงรู้สึกตื่นเต้นเหมือนในวันแรกที่มีโอกาสได้เข้าม า เมื่อมีเวลาว่างเค้าก็มักจะเข้ามาห้องนี้เป็นประจำ เพื่อบันทึกเสียงร้องของตัวเองกับเพลงที่ได้เขียนไว้ใส่ไมโครโฟนเสมือนการอัดเสียงจริงๆ และลบออกเพื่อไม่ให้เปลืองพื้นที่การจัดเก็บข้อมูลในคอมพิวเตอร์ และวันนี้ก็คงจะทำเช่นนั้น
“ไม่เห็นจะต้องจ้างฉันมาเป็นผู้จัดการเลยนะคิมแจจุง ในเมื่อคุณก็ไปไหนมาไหนโดยไม่บอกไม่กล่าวฉันสักคำ” หญิงสาวแอบเปิดประตูเข้ามา เมื่อเห็นนักร้องหนุ่มเดินเข้ามาในห้องนี้ก่อนหน้านั้น ใบหน้าสวยหวานระบายยิ้มให้กับชายหนุ่ม ก่อนจะเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าของแจจุง
“แต่คุณก็รู้อยู่ดีนี่ ว่าผมอยู่ที่ไหน อีกอย่าง..คุณก็รู้ ว่าผมให้คุณมาเป็นผู้จัดการด้วยจุดประสงค์อะไร” แจจุงโอบเอวบางเข้ามาใกล้ ก่อนจะก้มลงหอมแก้มร่างบางในอ้อมกอดเสียฟอดใหญ่ให้สมกับความคิดถึง
“เดี๋ยวใครมาเห็นเข้านะแจจุง ปล่อยเถอะ” หญิงสาวหันหน้าหนี แต่ใบหน้ากำลังขึ้นสีระเรื่อด้วยความเขินอาย
“ขอโทษนะที่ไม่ค่อยมีเวลาให้ แต่วิธีนี้ดีที่สุดแล้ว ที่ทำให้เราได้เจอกันบ่อยขึ้นและไม่เป็นที่สงสัย คุณรู้สึกอึดอัดหรอ ฮโยจู”
“เปล่าหรอก แค่รู้สึกว่าคุณ..เปลี่ยนไป”
“เปลี่ยนไปยังไง ทำไมคุณถึงรู้สึกแบบนั้นล่ะ หื๊ม” สองฝ่ามือยกขึ้นประคองใบหน้าของหญิงสาวไว้ พร้อมจ้องมองเข้าไปในดวงตาคู่นั้นเพื่อเค้นหาคำตอบว่าเขาเปลี่ยนไปตรงไหน หากแต่อีกฝ่ายกลับหลบสายตา
“ไม่รู้สิคะ ช่วงนี้คุณชอบไปไหนไม่ยอมบอก แถมกลางคืนโทรไปหา ก็ชอบตัดสายทิ้ง มันไม่เหมือนเดิม คุณทำตัวออกห่างฉันเรื่อยๆ ทั้งที่..ฮึ่กก ทั้งที่เราก็มีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดกันแบบนี้” ฮโยจูพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือพร้อมก้มหน้าลงโดยมีฝ่ามือใหญ่ประคองใบหน้าหวานนั้นไว้พลางใช้ปลายนิ้วไล้คราบน้ำตาที่รินไหลออกจากดวงตาคู่สวยด้วยความรู้สึกสับสน ก่อนจะดึงหญิงสาวเข้ามาสวมกอด เขาทบทวนเรื่องที่ผ่านมา มันก็จริงอย่างที่คนรักว่า เขาเพิ่งสังเกตว่าตัวเองเปลี่ยนไปจริงๆ แม้เขาจะมีผู้หญิงหรือผู้ชายมากมายเข้ามาติดพันและยอมนอนกับเขาด้วยความเต็มใจ เขารู้ว่าฮโยจูนั้นรู้ดี แต่ไม่เคยว่าสักครั้ง มีบ้างที่รู้สึกสับสน ทั้งรัก ทั้งรู้สึกเหมือนหมดรัก แต่เขาขอยืนยันที่จะจริงใจกับฮโยจูแค่คนเดียว
เมื่อตอนที่เขายังไม่มีอะไร ยังไม่มีชื่อเสียงเหมือนวันนี้ ไม่มีใคร...กลับมีหญิงสาวตรงหน้าที่คอยอยู่เคียงข้างและให้กำลังใจจนเขามีแรงฮึดที่จะทำตามความฝัน กี่ปีมาแล้ว ฮโยจูก็ยังคงอยู่ตรงนี้เสมอ เขารัก..เพราะรับรู้ถึงความรักที่มั่นคงของอีกฝ่ายที่มอบให้เขาอย่างหมดหัวใจ
“คุณจะไปมีอะไรกับใครฉันไม่ว่า แต่ความรู้สึกรักนั้น คุณเก็บไว้ให้ฉันคนเดียวเถอะนะ ฉันขอเพียงแค่นี้ ฉันจะไม่เข้าไปก้าวก่ายชีวิตของคุณ”
“ผมรักคุณคนเดียว อย่างอแงสิ” ริมฝีปากได้รูบจูบซับเรือนผมสีน้ำตาลเข้มอย่างอ่อนโยนพร้อมกระชับกอดให้แนบแน่นกว่าเดิม เขาไม่กล้าสัญญา เพราะความที่ยังไม่แน่ใจในความรู้สึกเขาตัวเองสักเท่าไหร่ อาจดูเหมือนเลวและเขาก็ยอมรับ แต่จะมีใครทนคนเลวๆอย่างเขาได้เท่าคนๆนี้ คำตอบคือไม่มี
หรือมี..แต่คิมแจจุงไม่รู้ต่างหาก
3 วันต่อมา
ร่างเล็กนั่งกอดเข่าอยู่กลางเตียงด้วยใบหน้าที่ไร้รอยยิ้ม สามวันผ่านไป แต่ความขืนข่มในหัวใจยังคงอยู่ หาได้ผ่านไปตามวันเวลา ถือว่าโชคดีที่พี่เขยไม่ใจร้ายถึงขนาดไม่ให้ทานอะไร แน่นอนว่าเขากินอิ่มนอนหลับเพราะอีกฝ่ายให้คนใช้นำอาหารขึ้นมาให้เขาได้ทานครบทั้งสามมื้อ ในอกรู้สึกเต็มตื้นขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด เมื่อรู้สึกได้ว่าพี่เขยคนนี้ยังสงสารและประณีตนอยู่
เผลอหลงลืมไปเสียสนิทว่ายังมีใครอีกคน ใครคนหนึ่งที่หัวใจอยากจะลืม เกือบจะสำเร็จแล้ว หากไม่เผลอหยิบมือถือที่อยู่หัวเตียงขึ้นมาแล้วกดเปิดเครื่องทั้งที่ไม่ได้ติดต่อใครมาสามวัน สิ่งที่คอยผลักดันให้หัวใจกลับมาแข็งแรงอีกครั้งก็คือตัวเขา ทำไมยังจะอุตส่าห์ย้อนกลับมาทำร้ายตัวเองให้อ่อนแอซ้ำๆ
บนหน้าจอปรากฏยี่สิบกว่ามิสคอลที่ไม่ได้รับ เขาจะไม่แปลกใจเลยสักนิด หากไม่ใช่เบอร์ของคิมแจจุงล้วนๆ แถมยังมีจดหมายเข้าเป็นข้อความเสียงอีกหนึ่ง จุนซูตัดสินใจกดฟังเสียงในข้อความพร้อมกับริมฝีปากที่สั่นระริก ขอบตาเริ่มร้อนผ่าว ก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นแนบใบหู
‘ทำไมถึงปิดเครื่อง โกรธอะไรฉันหรือเปล่า ฉันรู้สึกเหมือนนายกำลังหลบหน้าฉันอยู่ ถ้าได้รับข้อความนี้แล้ว โทรหาฉันด้วย’
เพียงแค่ได้ยินเสียงที่เฝ้าคิดถึง ร่างกายก็รู้สึกอ่อนยวบมือไม้สั่น อยากจะกดโทรหาแต่ดีที่อีกครึ่งหนึ่งในหัวใจยังดึงตัวเองไว้ เขาควรอยู่กับปัจจุบัน อยู่กับความถูกต้อง เขาจะรักแจจุงในฐานะ ‘แฟนคลับ’ หาใช่ ‘ชู้’ อีกต่อไป ผมมันอ่อนแอที่วิ่งไล่ตามความรักไม่ทันไร ก็ท้อจนถอดใจ หากแต่วิ่งไปจนสุดและเหนื่อยจนแทบขาดใจ ผมก็คว้าคุณไว้ไม่ได้ มีแต่เรื่องผิดๆและไม่สมควรยิ่งที่ผมเต็มใจเมื่อคุณหยิบยื่นให้ สิ่งที่ทำได้คงเพียงแค่หยุดอยู่กับที่ เพียงแค่นั้น
ตัวจริงยังไงก็คือตัวจริง ตัวปลอมอย่างผม ก็แค่หลอกตัวเองไปวันๆ ว่าสักครั้งหวังจะได้หัวใจคุณมา
“ผมคงมีค่าในเวลาที่คุณไม่มีใคร.....เหงาสินะ” แจจุง คุณน่ะแค่เหงา แต่ผมนั้นทรมานกว่าคุณหลายเท่าที่จะต้องจัดการกับความรู้สึกของตัวเองเพียงลำพัง แค่เหงามันไม่ตายหรอกนะ แต่ผมกำลังจะตาย..เพราะคุณ
เสียงทีวีดังขึ้นทำลายความเหงาและอาการรวดร้าวในหัวใจได้เป็นอย่างดี ความบันเทิงช่วยขัดเกลาจิตใจให้กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง เสียงหัวเราะที่ดังขึ้นเป็นระยะเมื่อเห็นตัวตลกในเกมส์โชว์แข่งกันปล่อยมุกออกมา แป้กบ้าง ฮาบ้าง ถือว่าเป็นสีสัน การที่อยู่กับตัวเองควรจะหาอะไรคลายเครียด ไม่อย่างนั้นคงจะคิดฟุ้งซ่าน อยากให้สมองและหัวใจได้หยุดพักเสียบ้าง
“ดูสิ ผมร้องไห้จนปวดตาไปหมดแล้ว ไหนล่ะ...สิ่งตอบแทนที่ร้องไห้ไปแทบตาย ร้องไปก็เปลืองน้ำตาเปล่าๆสินะ ไม่เห็นจะได้อะไรเลยจริงๆ” น้ำตาได้มาพร้อมกับความทุกข์ เสียงหัวเราะ ได้มาพร้อมความสุข เขาควรเลือกอย่างหลังดีกว่าเป็นไหนๆ เมื่อถูกปล่อยให้เป็นอิสระแล้ว หัวใจของเขาก็จะเป็นอิสระด้วยเช่นกัน ขอบคุณพี่ยุนโฮที่ขังผมไว้ ขอบคุณที่ทำให้ผมได้ทบทวนสิ่งที่ผิดพลาดที่สุดในชีวิต คนเราเมื่อไม่เคยทำผิด ก็คงไม่มีวันได้เรียนรู้ และผมคงอยู่ในช่วงที่กำลังได้รับบทเรียน..อย่างสาสม
บนใบหน้าหวานกำลังแต้มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขเมื่อสายตาได้มองเห็นทางสว่างไม่มืดบอดอีกต่อไป เหมือนสวรรค์กลั่นแกล้ง ดลใจให้มีโฆษณามาแทรก ขณะที่ตนกำลังเสพสมความบันเทิงในรายการโปรดเลยกดเปลี่ยนช่องเพื่อดูรายการอื่นคั่นเวลา หากนั่นคือความบังเอิญ คงจะเป็นความบังเอิญที่ทำให้หัวใจเต้นแรงจนบีบแน่นอย่างทรมาน
ใครคนหนึ่ง...ในนั้น
“คิมแจจุง ศิลปินมากความสามารถและดังที่สุดในเกาหลี ประสบความสำเร็จอย่างสูงกับทัวร์คอนเสิร์ตทั่วโลก พร้อมปิดฉากเวิลด์ทัวร์คอนฯที่บ้านเกิด”
เสียงจากทีวีดังเล็ดรอดออกมาแม้จะเบาสักแค่ไหนเพราะคนตัวเล็กเปิดไว้ไม่ดังนัก หากแต่มันกลับดังกังวานไปทั่วโสตประสาทลามมาถึงขั้วหัวใจ สิ่งที่อัดอั้นมานานไม่อาจเก็บไว้นั้นกำลังกลั่นออกมาเป็นหยดน้ำตาไหลลงมาเป็นทางผ่านร่องแก้ม จุนซูพยายามยกรีโมตขึ้นมาเพื่อกดเปลี่ยนช่อง แต่ก็ทำไม่ได้ มือไม้รู้สึกชาจนปล่อยสิ่งที่อยู่ในฝ่ามือวางไว้กับพื้นเตียง แล้วเปลี่ยนเป็นยกขึ้นปิดหูแทนไม่อยากได้ยิน แต่สายตาไม่อาจละไปจากหน้าจอทีวีได้เลย
“นอกจากนี้คิมแจจุงยังมีซิงเกิ้ลใหม่จากอเมริกาแถมยังลงมือแต่งเองอีกต่างหาก ถือว่าพิเศษมากสำหรับแฟนเพลงที่รอคอยผลงานของเขา ขณะนี้กำลังทะยานขึ้นอันดับหนึ่งในชาร์ตบิลบอร์ดอีกด้วย สุดยอดมากๆค่ะ เพลงมีชื่อว่า Still in love ไปฟังกันเลย ~”
หลงเข้ามาแล้ว ยากที่จะหาทางออก บนหน้าจอทีวีกำลังฉายชัดเต็มสองตากับภาพใครคนนั้น สองมือที่ปิดหูอยู่ค่อยๆลดลงช้าๆ จากที่ปิดกลั้นแปรเปลี่ยนเป็นซึมซับแทนอย่างเลี่ยงไม่ได้ เมื่อน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยพลังทว่านุ่มนวลและหวานซึ้งบวกกับท่วงทำนองที่ชวนหลงใหลขับกล่อมหัวใจให้ความรู้สึกจมลึกไปกับห้วงภวังค์ แต่ละครั้งที่ได้ยินน้ำเสียงพูดปกติธรรมดาก็ชวนฟัง ยิ่งได้ยินเสียงร้องจากสวรรค์เป็นใครบ้างจะอาจต้านทานเสน่ห์จากน้ำเสียงนั้นไหว น้ำเสียงและเนื้อเพลงที่สั่นคลอนหัวใจสาวๆทั่วโลก ป่านนี้คงเคลิบเคลิ้มและซึ้งกินใจกับบทเพลงของศิลปินอันเป็นที่รักของพวกเขาที่แต่งขึ้นมา และคงคิดว่า...คิมแจจุง คงจะร้องให้พวกเขา
แต่เขาไม่ได้คิดเช่นนั้น...เพราะรู้ดีเสมอมาว่าบทเพลงๆนี้คิมแจจุงนั้นแต่งให้ใคร
‘นายลองอ่านสิ’ แจจุงยื่นแผ่นกระดาษที่เป็นโน๊ตเพลงให้กับจุนซู แต่เมื่อสายตาเรียวหลือบเห็นตัวหนังสือที่เป็นภาษาอังกฤษล้วนๆ ก็มีสีหน้าเจื่อนๆ ก่อนจะตอบกลับไปอย่างเคอะเขินว่า
‘ผมอ่านภาษาอังกฤษ เอ่อ..ไม่ค่อยออกน่ะครับ’ มือเล็กยกขึ้นลูบต้นคออย่างอายๆ แจจุงเมื่อได้ยินประโยคนั้นรอยยิ้มก็ระบายขึ้นที่มุมปากน้อยๆ ก่อนจะถามกลับไปอีก
‘งั้นหรอ...แล้วนายรู้หรือเปล่าว่าฉันแต่งให้ใคร’ จุนซูก้มหน้าลง เขารู้และเจียมตัวเสมอไม่มีทางที่คิมแจจุงจะแต่งเพลงให้กับตน และรู้มากกว่านั้นว่าอีกฝ่ายแต่งให้ใครหากไม่ใช่...
‘คนที่ฉันรักน่ะ’
เจ็บ...เกินจะทานทน รู้ดีมาเสมอยังจะคิดฝันอยากเป็นเจ้าของหัวใจ ความรู้สึกรักที่มีมานานบัดนี้คงกลัดหนองจนชอกช้ำยากจะสมาน เขาควรตัดขาดกับความรู้สึกนั้นเสียที เกินพอแล้ว หยุดทำร้ายตัวเองเสียที
ต่อไปผมจะทำตัวแฟนคลับที่ดี ไม่ใช่ชู้เลวๆที่ปล่อยหัวใจไปกับคุณเสียหมด
สิ่งที่ผมทำไปได้โปรดเถิดสวรรค์ จะลงโทษด้วยวิธีไหนก็ได้ แต่อย่ากลั่นแกล้งให้ผมให้ได้กลับไปเจอคนๆนั้นอีกเลย
จุนซูเปิดทีวีทิ้งไว้พลางเดินสำรวจห้องกว้างของตัวเองก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ตรงชั้นวางหนังสือ หนังสือเรียนมากมายที่วางตั้งอยู่เรียงรายตามชั้นนั้น จุนซูหยิบขึ้นมาทั้งหมดกองไว้ในอ้อมแขนก่อนจะวางบนโต๊ะข้างๆ ไม่ได้นำมาอ่าน หากแต่ร่างบางนั้นหันกลับไป สายตากำลังจับจ้องและวางฝ่ามือลงบนสิ่งที่ตนซ่อนไว้อย่างรักใคร่ สิ่งที่มีหนังสือเรียนปิดบังความโง่เง่าของตัวเอง...เสียมิดชิด
ทั้งซีดี ดีวีดี อัลบั้มแรกถึงอัลบั้มล่าสุด รวมถึงอัลบั้มพิเศษของคิมแจจุงนับสิบวางตั้งไว้อย่างเป็นระเบียบอย่างกับไม่เคยจับต้อง สิ่งเหล่านี้ไม่เคยเปิดเผยต้องแอบไว้แบบนี้ เพราะรู้ว่าพี่ยุนโฮไม่ชอบ เดี๋ยวจะหาว่าคลั่งใคล้มากไปจนเกินความจำเป็น และนั่นคือสิ่งผู้ใหญ่พึงห่วงเด็กในปกครอง ไม่อยากให้เสียการเรียน
เพราะความทระนงตนก่อนหน้านั้น แม้จะรักมากสักเพียงไหน หากแต่ไม่เคยมีโปสเตอร์ใหญ่ๆของศิลปินที่รักไว้ติดเต็มห้องเหมือนใครเขา เพราะรู้ดีว่าได้มากกว่านั้น ได้มากกว่าแค่รูปภาพ ได้ในสิ่งที่พิเศษกว่าใคร คิดได้แค่นั้นน้ำตามันก็พานจะไหล แต่มันดันไหลย้อนกลับ สัมผัสได้คือความเจ็บรอบดวงตาและความรู้สึกข้างในกำลังร้องไห้ แต่สิ่งที่จะกลั่นออกมามันเหือดแห้งไปเสียแล้ว ทิ้งไว้แต่ความเจ็บ และเจ็บ
“จุนซู..หลับอยู่หรือเปล่า”
เสียงคุ้นหูจากคนข้างนอกทำให้จุนซูสะดุ้งสุดตัว รีบเก็บหนังสือวางซ้อนทับและปิดบังของสำคัญไว้บนชั้นวางหนังสืออย่างเดิม เมื่อดูให้เรียบร้อยแล้ว จึงขานตอบพลางข่มน้ำเสียงสะอื้นไว้
“เปล่าครับ พี่ยุนโฮเข้ามาเถอะ” จุนซูเช็ดน้ำตาลวกๆ ก่อนจะเดินมานั่งยังปลายเตียงแสร้งดูทีวีเหมือนเดิม แต่กดเปลี่ยนช่องไปดูรายการอื่นแทน
เมื่อยุนโฮเปิดประตูและก้าวเข้ามาภายในห้อง พลันสายตาได้สะท้อนร่างของใครคนหนึ่งที่นั่งไร้เรี่ยวแรงจ้องมองทีวีด้วยสายตาที่แลดูว่างเปล่า ทำไมกันนะ เพียงแค่เห็นใบหน้าที่ไร้รอยยิ้มของคนตรงหน้าหัวใจก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด
“ไปอาบน้ำแต่งตัวซะ”
“เอ๋~”
“เดี๋ยวพาไปทานมื้อเย็นข้างนอก อยู่แต่ในนี้ กลัวจะเฉาตายซะก่อน” ยุนโฮพูดเสียงเรียบ พลางมองไปรอบห้องก็รู้สึกหดหู่ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก หากไม่มีเสียงทีวีจะค่อนข้างเงียบจนใจมันรู้สึกโหวงๆ ม่านหน้าต่างก็ปิดไว้ไม่เปิดรับแสงอาทิตย์เข้ามาเผื่อจะช่วยให้ห้องทึบดูสว่างขึ้นมาบ้าง ไม่ได้ตั้งใจขังให้ดูเหมือนจุนซูเป็นเด็กเก็บกดแบบนี้ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะเก็บตัวเสียเอง เพราะอุตส่าห์ไม่ได้ล็อกประตูข้างนอกไว้ เจ้าตัวก็ยังไม่คิดหนี
“พี่ยุนโฮ ฮึ่ก ผมขอโทษ” ร่างบางลุกขึ้นมากอดร่างสูงไว้แน่น จนยุนโฮเซไปเล็กน้อยเพราะไม่ทันตั้งตัว จุนซูรู้สึกผิดที่ต่อให้ทำไม่ดียังไง ก็รู้สึกได้ว่าพี่เขยคนนี้ยังเป็นห่วงตนอยู่เสมอ แม้ไม่ได้แสดงออกมาตรงๆ แต่เขาก็สัมผัสได้ เขาอยากกอด อยากขอโทษทั้งที่รู้ว่าความผิดมันไม่อาจลบล้างไปได้ แค่อยากกอดเท่านั้น เขาแค่ต้องการความอบอุ่นจากใครสักคนเท่านั้น
อยากมีที่ยึดเหนี่ยวหัวใจ
“พี่จะขังผมไว้ให้นานเท่าไหร่ก็ได้ ผม..ฮืออ ผมจะไม่ทำอีก ผมจะไม่ทำอย่างนั้นอีกแล้ว ฮึ่กก ไม่ทำอีกแล้ว...” เสียงหวานคอยแต่พูดประโยคเดิมซ้ำๆ ซึ่งมันไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายรำคาญเลยสักนิด หากแต่ยิ่งทำให้ยุนโฮรู้สึกสงสารร่างตรงหน้านี้ขึ้นมาจับใจ ฝ่ามือใหญ่นั้นยกขึ้นลูกกลุ่มผมสีน้ำตาลอย่างอ่อนโยน
“อืม แค่นายอย่าทำให้ฉันกลุ้มใจอีกก็พอแล้ว ไปอาบน้ำแต่งตัวเถอะ” ยุนโฮผละกายออกมา ก่อนจะหันหลังแล้วเดินออกไปจากห้อง ทิ้งไว้แต่ร่างเล็กที่ยกยิ้มกว้างมองตามแผ่นหลังนั้นไปด้วยความรู้สึกดีใจ
“พี่ยุนโฮไม่โกรธเราแล้ว” จุนซูทิ้งร่างลงไปเกลือกกลิ้งกับเตียงพร้อมกอดตุ๊กตาโลมาแสนรักของตัวเองไว้แน่น พลางร้องไห้ออกมาด้วยความรู้สึกดีใจไม่ใช่เพราะเสียใจหรือเจ็บปวดอีกต่อไป
ที่ร้านอาหารหรูแห่งหนึ่งในกรุงโซล
จุนซูสั่งอาหารมาเต็มโต๊ะเพราะยุนโฮบอกไม่ต้องเกรงใจให้เขาได้เต็มที่กับมื้อนี้ ยุนโฮตั้งใจจะเลี้ยงเองเพื่อทดแทนความรู้สึกผิดที่ขังคนตรงหน้าให้อยู่แต่ในบ้านมาเกือบหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ ร่างสูงโปร่งที่นั่งตรงข้ามคอยแต่มองดูใบหน้าอ่อนเยาว์ที่มีสีหน้าตื่นเต้นกับมื้อนี้เสียเต็มประดา
“ทำไมดูนายตื่นเต้นจังเลยนะ”
“ผมดีใจที่ได้อยู่ทานอาหารพร้อมพี่ยุนโฮน่ะฮะ ทานล่ะนะ” ฝ่ามือเล็กทั้งสองถูไปมา ก่อนจะแลบเลียริมฝีปากคล้ายอยากจะฟาดอาหารตรงหน้าให้เรียบภายในพริบตา ท่าทางเหมือนเด็กๆนั้นทำให้ยุนโฮรู้สึกขันในใจ แค่เพียงมองอาหารที่จุนซูตักเข้าปากแต่ละคำก็รู้สึกอิ่มแทน ไม่คิดว่าจะกินจุขนาดนี้ ตัวก็ออกจะเล็ก
อีกมุมหนึ่งในร้านอาหาร มีสายตาคู่หนึ่งกำลังจับจ้องไปยังโต๊ะที่มีจุนซูนั่งอยู่ จะไม่แปลกใจอะไรหากไม่เห็นใครอีกคนที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกัน เป็นผู้ชายที่ดูแล้วคงจะเป็นคู่ขาคนใหม่ของอีกฝ่ายเป็นแน่ แถมยังนั่งหัวเราะร่าอย่างอารมณ์ดีให้กับผู้ชายคนนั้นอย่างกับไม่ใช่จุนซูที่เขาเคยเห็น มีความสุขมากเลยสินะ
นี่น่ะเหรอ เหตุผลที่นายไม่ออกมาเจอฉัน เป็นเหตุผลที่ดีนี่
.....................................
ส่วนใหญ่รีดฯจะเชียร์แต่โฮซูเนาะ >///< เป็นเราก็อยากปันใจให้คนที่หวังดีกับเรา
แต่หัวใจมันบังคับกันไม่ได้หรอก ในเมื่อได้ตกหลุมรักคนเลวๆไปแล้ว
กรุ๊ป b เป็นคนที่เจ็บครั้งเดียวแล้วจำ แต่หากได้เจอได้พบอีกครั้ง...มันก็เริ่มไขว้เขวอ่ะ
เอาแล้วจุนซู....แจมันเห็นแล้ว กรี๊ดดดดดดดดดดด
ไรท์รัก 2 คู่ โฮซู แจซู นี่มันลำบากใจอ่า T[]Y
ความคิดเห็น