คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Chapter 6
Chapter 6
“โทรหาจุนซูติดหรือเปล่าครับ” ยูชอนพูดด้วยน้ำเสียงร้อนรน เป็นห่วงเพื่อนกลัวว่าจะเป็นอะไร อีกอย่าง เขาใช้โทรศัพท์ของตัวเองโทรไปก็ไม่ติดอีกเช่นกัน
“ไม่ จุนซูปิดเครื่องไปแล้ว” ยิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกโมโหตัวเองที่มาช้าเกินไป เส้นทางในกรุงโซลเขาก็ขับผ่านทั่วตัวเมืองแล้ว ทั้งยังจอดรถเพื่อตามหาทุกที่ที่ไปก็ยังไม่พบเห็น นอกจากนี้เขาก็นึกไม่ออกแล้วว่าแจจุงจะพาจุนซูไปที่ไหน
“นายรู้รึเปล่าว่าจุนซูเคยไปโรงแรมที่ไหนกับมัน” จู่ๆก็เอ่ยถามขึ้น ยูชอนรู้สึกตกใจกับคำถามนั้นมาก ถึงกับหันมามองอีกฝ่ายด้วยแววตาผิดหวัง
“นี่คุณไม่ไว้ใจจุนซูขนาดนี้เลยเหรอ”
“ไม่...ไม่ใช่ ฉันไว้ใจจุนซู แต่ฉันไม่ไว้ใจมัน” เกิดความเงียบขึ้นอีกครั้งภายในรถ เกือบจะเที่ยงคืนแล้วที่ได้ใช้เวลาอยู่กับคนแปลกหน้าราวสี่ชั่วโมงกว่า เพราะความที่อยู่เฉยไม่ได้และสงสัยไปเสียทุกเรื่อง ยูชอนจึงเงยขึ้นมองกระจกหน้าเห็นช่อดอกคาร์เนชั่นสีแดงอยู่เบาะหลังรถ ก็รู้สึกแปลกใจจึงเอ่ยถามขึ้น
“คุณน่ะ จะง้อแฟนเหรอ”
“ฉันยังไม่มีใคร ทำไมถึงถามแบบนั้นกัน” ใบหน้าหล่อหันมามองคนข้างๆ แล้วถามย้อนกลับไปด้วยความสงสัยที่จู่ๆอีกฝ่ายก็ตั้งคำถามนั้นขึ้น
“เปล่าหรอก พอดีเหลือบมองดูกระจกหน้าเห็นช่อดอกไม้คาร์เนชั่นสีแดงแล้วเอะใจน่ะ เลยถามคุณเฉยๆ”
“มันเกี่ยวอะไรกับการง้อแฟนล่ะ ไม่จำเป็นหรอก เพราะฉันไม่มี”
“คุณไม่รู้ความหมายของมันเหรอ มันเป็นดอกไม้ที่สื่อว่า เห็นใจในความรักของฉันที่มีต่อเธอบ้าง”
ยุนโฮชะงักไปเล็กน้อย เขาไม่เคยคำนึงเลยว่าความหมายของมันจะออกมาทำนองนั้น
“เหรอ ไม่รู้สิ ฉันเห็นมันสวยก็เลยซื้อมา ไม่มีอะไรหรอก” คำว่าไม่มีอะไร จริงๆแล้วมันสำคัญเหลือเกิน ดอกไม้ช่อนั้นเขาตั้งใจเลือกซื้อเพื่อให้จุนซู หวังปลอบโยนที่อีกฝ่ายต่อสู้กับหัวใจตัวเองกระทั่งเขาเห็นจุนซูเริ่มจะมีความสุขอีกครั้ง แต่ไม่รู้ว่าดอกไม้ช่อนี้จะคงยังสดใหม่หรือเหี่ยวเฉาก่อนที่จะตามจุนซูเจอหรือเปล่า
“คนเรานี่น๊า เห็นอะไรสวยๆก็เลือกซื้อไปหมด ทั้งที่ยังไม่รู้ความหมายของมัน เฮ้ออ”
ไม่ใช่หรอก สำหรับฉันถ้าสิ่งไหนดึงดูดและถูกตาต้องใจจริงๆถึงเลือก ไม่ใช่ทุกอย่างที่สวยงามเสมอไป
“ตายแล้ว เที่ยงคืนแล้วเหรอเนี่ย ลืมดูเวลาเลย” ยูชอนก้มลงมองนาฬิกาที่ข้อมือก็ถึงกับตกใจ เขาไม่เคยกลับบ้านดึกขนาดนี้เลยด้วยซ้ำ ป่านนี้ที่บ้านคงบ่นกันระงม
“จริงสิ ขอโทษทีนะ บอกทางกลับบ้านมาสิ เดี๋ยวฉันขับไปส่ง”
“ฮ่าๆๆ ไม่จำเป็นต้องขอโทษผมเลย ผมต่างหากที่มากับคุณเอง ยังไงคืนนี้กลับไปผมก็นอนไม่หลับเพราะยังตามหาจุนซูไม่เจอ คุณจะเอายังไงต่อไป อืม พรุ่งนี้ค่อยว่ากันอีกทีนะ ผมเชื่อว่าแจจุงไม่ทำร้ายอะไรจุนซูหรอก” ยูชอนพยายามโน้มน้าวให้ยุนโฮสบายใจ ทั้งที่ตัวเองยังคงรู้สึกไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ที่จู่ๆเพื่อนสนิทดันหายตัวไปแบบนี้
“อืม หวังว่าคงเป็นแบบนั้น” เขาไม่กลัวหรอกว่าร่างกายของจุนซูจะโดนทำร้าย เพราะคนอย่างแจจุงดูท่าแล้วน่าจะชอบทำร้ายจิตใจคนมากกว่า ยิงปืนนัดเดียว โดนหัวใจให้ใครเจ็บตั้งหลายคน
สุขสันต์วันเกิดนะจุนซู...ฉันอยากจะอวยพรให้นายมีความสุข แต่ตอนนี้ฉันอยากจะขอให้นายปลอดภัยและกลับมาหาฉันที่บ้าน...ก็พอแล้ว
ยุนโฮขับรถมาส่งยูชอนถึงหน้าบ้าน เมื่อมองดูแล้วบ้านของอีกฝ่ายหลังไม่ใหญ่โตมาก เป็นบ้านขนาดเล็กคล้ายปล่อยเช่าอยู่ซอยแคบๆในชุมชนแออัด ฐานะของอีกฝ่ายคงไม่ค่อยดีนัก แต่เพราะความสดใสและดูเข้มแข็งของยูชอนนั้น ไม่ได้บ่งบอกเลยสักนิดว่ารู้สึกทุกข์ใจและอ่อนแอ แล้วเขาก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจ กลับรู้สึกสงสารและอยากยื่นมือช่วยเหลือ
“ซอยบ้านนายค่อนข้างเปลี่ยวนะ อย่ากลับดึกๆคนเดียวแบบนี้ มันอันตราย ถ้าฉันว่างไปรับจุนซูที่มหาลัย นายก็ติดรถมาด้วยก็ได้ เดี๋ยวฉันขับมาส่ง”
“ขอบคุณนะครับ แต่ผมไม่เป็นอะไรหรอก พวกนักเลงที่เข้ามาเกาะแกะก็โดนผมกระทืบจนเผ่นไปหมดแล้ว แถวนี้ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอก” แววตาสู้คนของอีกฝ่าย พานให้อดนึกถึงจุนซูไม่ได้ ที่แววตามีแต่ความโศกเศร้าและอ่อนแอ หากจุนซูเข้มแข็งได้สักครึ่งหนึ่งของยูชอนก็คงจะดีไม่น้อย
“คนเราก็ไม่ได้โชคดีเสมอไปหรอกนะ” ยุนโฮพูดออกมาแต่มองไปข้างหน้าไม่ได้หันมามองอีกฝ่ายอีกเลย เพราะอุบัติเหตุครั้งนั้นที่พรากชีวิตของหญิงสาวคนรักไป ทำให้เขาไม่เคยรู้จักกับคำว่าโชคดีอีกเลย ใครที่อยู่ใกล้ๆตัว เขาก็ไม่อยากเห็นใครเป็นอะไรอีก
“ผมไปก่อนนะครับ ขอบคุณอีกครั้งที่ขับมาส่งผมที่บ้าน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมเชื่อว่าจุนซูต้องปลอดภัยและกลับมาหาคุณอย่างแน่นอน” ยิ้มให้เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะเปิดประตูรถออกมา พร้อมเดินเข้าไปในบ้าน ยุนโฮมองตามแผ่นหลังบางนั้นจนพ้นสายตา แล้วจึงขับรถออกไป ในใจปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทุกเสี้ยววินาทีนั้นยังคลายความเป็นห่วงจุนซูไม่ได้ จุนซูคือสมบัติมีค่าชิ้นสุดท้ายที่เขาเหลืออยู่ จึงไม่อยากที่จะสูญเสียไป
ชายหนุ่มขับไปยังหน้ามหาลัยอีกครั้งพร้อมทั้งจอดรถทิ้งไว้แต่ยังคงนั่งอยู่ในรถ เกือบตีสองแล้วแต่สมองร่างกายและหัวใจยังไม่ได้พักผ่อน ตราบใดที่ยังหาจุนซูไม่เจอ เขาก็หลับไม่ลง
ฝ่ามือใหญ่ถือโทรศัพท์ไว้ตลอดเวลา เขาโทรหาอีกฝ่ายนับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่ติดเลยสักครั้ง จู่ๆข้อความดันเข้า เขาจึงยกโทรศัพท์ขึ้นดู พร้อมกดอ่านข้อความอย่างรีบร้อนเพราะข้อความนั้น เป็นเบอร์ของจุนซูที่ส่งมา
‘ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง จุนซูอยู่กับฉัน รับรองว่ายุงไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม แต่มันก็มีข้อยกเว้นสำหรับคน’
ข้อความกวนประสาทที่คนบางคนจงใจยั่วโทสะนั้นกรีดใจเขาจนแทบอยากจะปาโทรศัพท์ทิ้ง ยุนโฮกดโทรหาเบอร์ของจุนซูอีกครั้ง ทว่ากลับไม่มีสัญญาณตอบรับเพราะแจจุงกดปิดเครื่องหนีไปเสียแล้ว
“หากนายรักจุนซูด้วยใจจริงฉันไม่ว่า แต่ทำแบบนี้หมายความว่ายังไง นายอยากฆ่าจุนซูให้ตายเลยใช่มั้ย ถึงจะสะใจนาย คิมแจจุง”
เขาพูดเสียงแผ่ว แทบไม่มีเรี่ยวแรงที่จะขับรถไปไหน ท้ายที่สุดฉันก็ไม่สามารถปกป้องนายได้เหรอ คิมจุนซู ฉันขอโทษ....
.
.
.
ทางด้านแจจุงและจุนซู
ร่างแกร่งทิ้งตัวลงนั่งข้างๆร่างที่ยังคงนอนหลับใหล ฝ่ามือใหญ่ยกขึ้นลูบกลุ่มผมสีน้ำตาลอย่างแผ่วเบาเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายตื่นขึ้นมา แจจุงโน้มตัวเข้าใกล้ร่างของอีกฝ่ายมากขึ้นเรื่อยๆโดยไม่รู้ตัว เผลอก้มลงจูบยังแก้มเนียนใสอย่างบรรจงก่อนจะถอนริมฝีปากออกมา บังคับไม่ให้มองไม่ได้ บังคับมือตัวเองไม่ให้สัมผัสร่างกายของอีกฝ่ายไม่ได้ ราวกับขาดสิ่งที่ควบคุมและเริ่มไม่เป็นตัวของตัวเอง หัวใจสั่งให้หยุดไว้เพียงแค่นี้ แต่ร่างกายกลับเข้าไปใกล้อีกฝ่ายมากกว่าเดิม
ตรงกันข้าม...
เป็นเพราะหัวใจเริ่มไม่มีอิทธิพลที่จะสั่งตัวเอง ควบคุมไม่ได้เลย
ริมฝีปากได้รูปจูบซับยังลำคอระหงไล่ขึ้นไปยังปลายคางสวยก่อนจะมาหยุดอยู่ที่ริมฝีปากชวนมอง เรียวปากของจุนซูสวยมาก ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาชอบมองในเวลาที่อยู่ใกล้ มากกว่าการร่วมรัก เขาอยากจูบอีกฝ่ายให้เนิ่นนานจนแทบลืมหายใจ แต่ทุกครั้งสำหรับเขาเป็นเพียงการจูบเพื่อให้อีกฝ่ายมีอารมณ์ร่วมและคล้อยตามก็แค่นั้น เพียงเพื่อความสนุกแต่ไร้ความหมาย
ความหอมหวานซาบซ่านแผ่กระจายไปทั่วร่างเพียงแค่ริมฝีปากได้สัมผัสกัน แจจุงไม่หยุดไว้เพียงแค่นี้อย่างแน่นอน กดริมฝีปากลงบนกลีบปากนุ่มมากกว่าเดิมก่อนจะปรับองศาในการจูบให้ถนัดยิ่งขึ้น คิ้วสวยขมวดมุ่นเพราะรู้สึกว่าถูกรบกวน ดวงตาเรียวเล็กค่อยๆลืมขึ้นอย่างอ่อนล้า ก่อนจะตื่นเต็มตาเมื่อรู้ตัวว่าถูกอีกฝ่ายฉวยโอกาสล่วงเกิน...นานแค่ไหนกันที่แจจุงจูบเขา
ฝ่ามือเล็กยกขึ้นปิดปาก ปิดช่องทางในการสานต่อความสัมพันธ์ที่จะถลำลึกไปมากกว่านี้ ดวงตาคมค่อยๆลืมขึ้นอย่างขัดใจ ก่อนจะค่อยๆผละกายออกมานั่งข้างๆอย่างเดิม
“ไง ตื่นแล้วเหรอ” แจจุงพูดด้วยรอยยิ้มที่เขารู้สึกไม่ชอบสักเท่าไหร่ ไม่ใช่รอยยิ้มอ่อนโยนและจริงใจ มันเป็นรอยยิ้มที่ดูถูกคนเลยต่างหาก
“คุณนั่นแหละที่ทำให้ผมตื่น ฉวยโอกาส” จุนซูลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว พร้อมกระเถิบกายถอยห่างอีกฝ่ายจนแผ่นหลังติดกับหัวเตียง
“หวงเนื้อหวงตัวตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ของเคยๆยังไม่ชินอีกเหรอ”
“ลืมไปแล้ว ไม่อยากจำ”
“อยากทบทวนดูมั้ยล่ะ เผื่อจะจดจำมากขึ้นกว่าเดิม จะได้ไม่ลืมง่ายขนาดนี้”
“คุณพาผมมาเพื่อแค่นี้หรอกเหรอ หนึ่งอาทิตย์นี้ ผมต้องเป็นที่ระบายสำหรับคนไม่รู้จักพออย่างคุณอีกกี่ครั้ง ผมไม่ต้องการ สุดท้ายเรื่องทุกอย่างก็จบลงที่เตียง เหตุการณ์ซ้ำๆแบบนี้มันควรเกิดขึ้นอีกสำหรับคนที่ไม่ได้รักกัน..อย่างนั้นเหรอ?”
แจจุงถึงกับพูดไม่ออก คำตัดพ้อของจุนซูทำเขาเจ็บจุกจนแทบไปไม่เป็น เขาหันหน้าไปทางอื่นเพราะเริ่มเห็นน้ำตาของอีกฝ่ายไหลออกมาจากดวงตาคู่สวย ไม่อยากเห็นเลยสักนิด...
“คุณทำให้ผมเจ็บจนร้องไห้ แต่คุณก็หันหน้าหนีให้กับการกระทำของคุณ คุณมันเห็นแก่ตัว”
“คุณเคยถามว่าผมต้องการอะไรจากคุณ ใช่..ผมต้องการความรักจากคุณ แจจุง ฮึ่ก” แจจุงหันมามองอีกฝ่ายอีกครั้งกับถ้อยคำที่ไม่คิดว่าจะออกมาจากปากของจุนซู
รู้ว่าไม่ควรพูด แต่มันอัดอั้นจนต้องระเบิดออกมาจนได้
“จุนซู” ได้แต่เรียกอยู่อย่างนั้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาจนแทบฟังไม่ได้ยินเพราะเสียงหัวใจของตัวเองที่เต้นแรงขึ้นกว่าเดิม...กับประโยคนั้น
“แต่ตอนนี้ผมไม่ต้องการมันอีกแล้ว ผมเหนื่อยกับการวิ่งไล่ตามความรักที่เป็นไปไม่ได้ เหนื่อยกับการหลบซ่อนกับความสัมพันธ์แบบผิดๆของเราสองคน เหนื่อยกับการกระทำชั่วๆของตัวเองที่ทำให้ใครต้องเจ็บปวด” น้ำเสียงของจุนซูดูโรยแรงดั่งประโยคที่ออกมาจากปาก หัวใจที่เคยเต้นแรงกลับกระตุกวูบคล้ายกับมันจะหยุดเต้นไปเสียดื้อๆ แจจุงรู้สึกเลือดขึ้นหน้า ไม่ใช่เพราะรำคาญถ้อยคำตัดพ้อมากมายของอีกฝ่าย เขาไม่รู้เหมือนกันว่าโมโหเพราะอะไร
“เป็นเพราะพี่เขยของนายนั่นน่ะเหรอ ที่ทำให้นายมีความคิดแบบนี้”
“ไม่มีใครเปลี่ยนความคิดของผมได้ เพียงแต่ก่อนคิดไม่เป็น แต่ตอนนี้แค่คิดได้ ก็เท่านั้นเอง”
เส้นอารมณ์ขาดผึง แจจุงเดือดดาลถึงขีดสุด เขากระชากร่างเล็กให้มานอนอยู่กลางเตียง พร้อมทั้งโถมกายลงมาอย่างรวดเร็ว
“พูดอีกทีสิว่านายไม่ได้รักฉันแล้ว” ฝ่ามือใหญ่บีบข้อมือบางทั้งสองข้างไว้แน่นจนเกิดรอยแดง เขาเกลียดตัวเองที่กล้าถามคำถามเหมือนคนโง่ออกมา เพราะรู้อยู่แล้วว่าคำตอบของมันจะออกมาเป็นอย่างไร แต่จุนซูกลับไม่ตอบ เพียงแค่แววตาว่างเปล่าและเกลียดชังที่ส่งผ่านออกมา แค่นี้เขาก็รับรู้ถึงความรู้สึกจากข้างในหัวใจของอีกฝ่ายได้แล้ว
“ไม่กล้าพูดเหรอ กลัวพูดออกมาไม่เต็มปากสินะ” ยังกล้าคิดเข้าข้างตัวเองอยู่แบบนี้เหมือนคนงี่เง่า กระทั่งได้เห็นอีกฝ่ายมองเขาอย่างเอือมระอา ก็นึกสมเพชตัวเอง
“จะพูดหรือไม่พูดยังไงผมก็ตกเป็นเหยื่อคนเห็นแก่ตัวอย่างคุณอยู่ดี” แจจุงหน้ามืดจนควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ มือแกร่งจัดการกระชากเสื้อของอีกฝ่ายอย่างแรงจนกระดุมขาดออกจากกันราวกับคนบ้า ก่อนจะมองใบหน้าหวานด้วยสายตาเย้ยหยัน พร้อมถ้อยคำที่พูดออกมาด้วยโทสะ
“อ้อ ฉันลืมไป...สุขสันต์วันเกิดนะ คิมจุนซู!”
จุนซูร้องไห้หนักกว่าเดิมสำหรับคำอวยพร ไม่ได้ดีใจเลยสักนิดที่อีกฝ่ายจำได้ กลับเจ็บปวดมากกว่าเดิมหลายหลายเท่าสำหรับของขวัญที่เขา...ไม่อยากได้...
ดวงตาคู่สวยได้แต่มองการกระทำของแจจุงด้วยน้ำตาที่ไหลออกมาไม่ขาดสาย แต่ก็ไม่คิดจะห้าม ปล่อยให้อีกฝ่ายดูถูกร่างกายของเขาให้สาแก่ใจ
..................................
งี่เง่าจริงๆพระเอกเนอะ 555555555555 เอาไปแค่นี้ก่อนนะคะสำหรับตอนนี้ ง่วงนอน ฮ้าววว!
เอาเป็นว่าดึกแล้วล่ะจะตี3แล้ว เริ่มแต่งไม่รู้เรื่อง เริ่มท็อคไม่รู้เรื่อง พูดอะไรไม่รู้เรื่องเลย ควรนอนเนอะ 555
ถ้าเป็นไปได้ อยากขอให้คนอ่านกลับมา....เขาขอโทษที่หายไปนานมากๆๆๆๆ หลายเดือนจนหลายคนตีจากไปไกล
ฮื้ออออออออฮืออออ เหนื่อยกาย ไม่สู้เหนื่อยใจ ขอสารภาพว่าทำงานไม่ต้องใช้สมองแต่หนักกว่าเรียน
บางทีก็เริ่มอยากกลับไปเรียน เพราะการได้เรียนรู้นิสัยเพื่อนร่วมทีมบางคนทำให้รู้สึกไม่ดี
สังคมทุกๆที่...มีคนทุกประเภท มีทำด้วยความจริงใจ หรืออยากได้หน้า ให้คนชม
แม้จะรู้สึกไม่ดีและหงุดหงิดในสิ่งที่มองไป แต่จะพยายามเรียนรู้และอยู่กับสิ่งนั้นๆให้ได้
เพราะบางทีเครียด...พยายามปล่อยวาง จะได้ไม่ทุกข์ ^^
เพราะตัวเราก็อาจจะมีข้อบกพร่องที่คนอื่นรับได้ โดยที่เรามองไม่เห็นเช่นกัน...
พบกันตอนหน้าเด้อออออ จะฝืนสังขารมาต่อให้กับคนที่ลอยคอ เอ๊ยรอคอย
พูดไม่รู้เรื่องแล้วล่ะ ควรไปจริงๆ บ๊ะบายยย
ทำ OPV มาฝากก๊าบบบบบบบบบบบ
ความคิดเห็น