คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 5
Chapter 5
ใบหน้าหวานเสหันไปทางอื่น คอยแต่ชะเง้อมองหาคนที่เฝ้ารออยู่ หากแต่ว่าก็ยังไม่เห็นวี่แววว่ารถของยุนโฮจะขับมาสักที หรือว่ารถติดก็อาจจะเป็นไปได้ เขาอยากจะออกไปจากตรงนี้จะแย่อยู่แล้ว เหมือนขาดอากาศหายใจ เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับคนที่ทำให้รู้สึกอึดอัด
“มองหาใคร”
“ไม่ได้มองหาคุณแล้วกัน” แจจุงหัวเราะหึออกมาเมื่อเจอย้อนเข้า รู้ว่าไม่ได้มองหาเขา แต่อีกฝ่ายเอาแต่ชะเง้อมองหาใครบางคนก็แค่อยากรู้ว่าจุนซูมองหาใคร เลยเอ่ยถาม...ไม่คิดว่าจะตอบกลับมาได้ยั่วโมโหขนาดนี้
RRRrrrRRR
“ฮัลโหลครับ” รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันทีเมื่อพี่เขยโทรมา จึงรีบกดรับอย่างไม่รีรอ แจจุงได้แต่ยืนมองอย่างรู้สึกไม่ชอบใจสักเท่าไหร่ นี่เขากลายเป็นอากาศธาตุในสายตาของอีกฝ่ายไปแล้วอย่างนั้นเหรอ
‘ฉันไปช้าหน่อยนะ พอดีเพิ่งออกจากบริษัทมาน่ะ แต่เดี๋ยวจะรีบขับไปรับ’
“ครับผมรอได้ พี่ยุนโฮมาเร็วๆนะครับ”
‘ทำไมล่ะ มีอะไรหรือเปล่า หืม น้ำเสียงดูไม่ค่อยดีเลยนะ’
“ป..เปล่าครับ คือว่า...อ๊ะ!” โทรศัพท์ที่ยกขึ้นมาแนบหูและกำลังสนทนากับปลายสาย กลับโดนอีกฝ่ายดึงโทรศัพท์ของเขาไปแล้วกดตัดสายทิ้ง
“ใจคอจะไม่สนใจฉันหน่อยเหรอ จะมากเกินไปแล้วนะ”
“คุณอย่าทำตัวเป็นศูนย์กลางของจักรวาลแบบนี้สิครับ คิดว่าคนทั้งโลกต้องมานั่งตามใจและสนใจคุณคนเดียวหรือไง” แจจุงอึ้งไปเล็กน้อยกับประโยคเมื่อครู่ที่หลุดออกมาจากปากของจุนซู เขาไม่มีเคยคิดเลยสักนิด ว่าจะมีวันนี้... วันที่จุนซูจะแข็งข้อกับเขา ดูเหมือนจะมากขึ้นเรื่อยๆเลยด้วยสิ
“ปากกล้าขึ้นเยอะนะเรา” ฝ่ามือหนากระชากแขนเรียวเพื่อดึงอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นยืน ท่ามกลางสายตาตกใจของเหล่านักศึกษาแต่ก็ไม่กล้าเข้ามายุ่ง
“ปล่อยนะครับ คุณมีธุระอะไรก็พูดมาตรงนี้เลยดีกว่า” จุนซูฝืนกายเอาไว้แต่ก็ต้านแรงของแจจุงไม่ไหวอยู่ดี
“ไปคุยที่อื่น แล้วก็เงียบๆซะ ถ้าไม่อยากเป็นจุดสนใจ” จุนซูมองไปรอบๆข้างก็พบกับสายตาหลายคู่จับจ้องมาที่ตนและแจจุง จึงยอมขึ้นไปนั่งในรถของอีกฝ่ายแต่โดยดี หากคุยธุระเสร็จ เขาจะให้แจจุงขับมาส่งที่เดิม ไม่รู้ว่าตอนนี้พี่ยุนโฮขับมาถึงไหน แต่บริษัทก็ไม่ใช่ใกล้ๆมหาลัยของเขาเลยสักนิด อีกนานกว่าจะขับมาถึงที่นี่
ฝ่ายยุนโฮก็ได้แต่สงสัยว่าทำไมจุนซูถึงตัดสายไป พยายามโทรไปกี่รอบ แต่เจ้าตัวก็ไม่รับ หวังว่าคงไม่มีอะไรเกิดขึ้น...ขอให้เป็นอย่างนั้น
ด้วยความเป็นห่วงจึงรีบบึ่งรถมายังหน้ามหาลัยรวดเร็วเท่าใจคิด ทว่ากลับไม่มีวี่แววว่าจุนซูจะยืนรอเขาเลย นักศึกษาก็เริ่มเบาบางลงเรื่อยๆเพราะใกล้ค่ำมืด แล้วจุนซูล่ะ...จุนซูอยู่ที่ไหน
“หรือว่ายังไม่ออกมา” ร่างสูงรีบลงจากรถพร้อมมองไปโดยรอบแต่ไม่เห็นแม้แต่เงาของน้องเขย คงไม่ใช่เพราะจุนซูเถลไถลหรอกนะ ถึงจะทำผิดพลาดมาแล้วหลายครั้ง ก็ไม่ควรจะทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่ใช่เหรอ ขอร้องล่ะ...อย่าทำให้ฉันเสียความรู้สึกไปมากกว่านี้ กว่าความรู้สึกดีๆจะกลับคืนคงยาก
“เอ่อ..นี่คุณ” ยุนโฮหันมามองทางต้นเสียง เด็กหนุ่มน่าตาจิ้มลิ้มเดินเข้ามาทัก แต่แน่ใจได้ว่าเราไม่เคยรู้จักกัน ดูแล้วอีกฝ่ายคงอายุเท่ากับจุนซู เพราะความสูงก็ไม่ได้แตกต่างกันสักเท่าไหร่
“หืม...นายหมายถึงฉันเหรอ”
“ใช่ จุนซูล่ะ อยู่ในรถเหรอ” หนุ่มน้อยเอียงตัวพร้อมทำสีหน้าสงสัยเมื่อมองไปยังรถของอีกฝ่าย กลับไม่พบว่าเพื่อนสนิทนั่งอยู่ในนั้น
“นายเป็นเพื่อนของจุนซู?”
“ก็ใช่ พอดีนึกขึ้นได้ว่าพรุ่งนี้วันเกิดจุนซู ก็เลยนั่งรถกลับมาเพื่อบอกแฮปปี้เบิร์ดเดย์ล่วงหน้า เพราะพรุ่งนี้ผมไม่อยู่ ความจริงจะส่งข้อความบอกก็ได้ คือแบบ...ก็คิดว่าบอกด้วยตัวเองคงดีกว่า แล้วก็...” ยูชอนพูดแทบลืมหายใจ เวลาประหม่าเขาก็มักจะเป็นแบบนี้เสมอ
“พอๆ ฉันก็อยากจะถามนายว่าจุนซูอยู่ที่ไหน แต่ปรากฏว่านายก็ไม่รู้...ใช่มั้ย” ยูชอนขมวดคิ้วมุ่น เขาหันซ้ายทีขวาที และมองไปยังที่ๆจุนซูนั่งรอรถอยู่ก็ไม่เห็น ยุนโฮก็ได้แต่โทรหาจุนซูถี่แต่อีกฝ่ายก็ไม่รับ พอจุนซูจะกดรับก็ถูกแจจุงแย่งโทรศัพท์ในมือไปเพื่อกดปิดเครื่อง
“เฮ้ยๆ จุนซูมันเสน่ห์แรงเนอะกับเพศเดียวกันเนี่ย เช้าผู้ชายอีกคนมาส่ง ตอนเย็นผู้ชายอีกคนก็มารับ อิจฉามันว่ะ หล่อๆทั้งนั้นด้วย” บังเอิญได้ยินเพื่อนในห้องเดินผ่านมาแล้วพูดซุบซิบนินทากับเพื่อนต่างห้องอีกคน ในบทสนทนานั้นมีชื่อของเพื่อนสนิทเขาอยู่ด้วย จึงอดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปถาม
“เฮ้ยพูดไรวะ ใครมารับจุนซูไม่ทราบ” อีกฝ่ายรู้สึกตกใจเล็กน้อยเมื่อจู่ๆยูชอนดันโพล่งออกมา
“นักร้องดังไง คิมแจจุง เห็นข่าวบอกว่าจุนซูเป็นน้องชายคนสนิทของแจจุง แต่เห็นเมื่อเย็นแล้วมันไม่ใช่ว่ะ เหมือนงอนๆกันด้วย เออ อยากบอกว่าตัวจริงของแจจุงแม่งหล่อชิบหาย หล่อจนข้าแทบลืมหายใจเลยว่ะ”
“บ้าเอ๊ย!” ยูชอนไม่เคยสนใจพวกเหล่าศิลปินหรือดาราเลยสักนิด มารู้จักแจจุงผ่านการบอกเล่าของเพื่อนสนิทที่มีใจให้คนนิสัยไม่ดีอย่างมันนี่แหละ
ยูชอนเดินเข้ามาหายุนโฮพร้อมทำสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“คุณ...ผมว่าอันตรายแล้วล่ะ”
“หมายความว่าไง นายรู้แล้วใช่มั้ยว่าจุนซูอยู่ที่ไหน”
“ผมไม่รู้หรอกว่าจุนซูอยู่ที่ไหน แต่ทางที่ดีผมคิดว่ารีบออกตามหาเถอะ ไม่อย่างนั้นเพื่อนผมเสร็จมันแน่ๆ”
“มัน? มันไหน” ยิ่งอีกฝ่ายพูดแบบนี้เขายิ่งรู้สึกกังวล และยิ่งเป็นห่วงจุนซูมากกว่าเดิมหลายเท่า
“คิมแจจุง รีบไปเถอะคุณ ผม..ขอไปด้วยนะ ผมเป็นห่วงจุนซู” หัวใจกระตุกเล็กน้อยเมื่อสิ่งที่เขาหวงแหนอยู่ในเงื้อมือของผู้ชายอันตรายอย่างมัน แม้จุนซูจะไม่โดนทำร้ายร่างกาย แต่หัวใจของจุนซูต่างหากที่จะโดนทำร้ายอีกครั้ง
“ได้สิ ขึ้นรถเถอะ” ทั้งคู่รีบเข้าไปนั่งในรถ ไม่รอช้ายุนโฮรีบออกรถพร้อมมุ่งหน้าสู่ถนนใหญ่ทันที เส้นทางที่กำลังตรงไปแม้จะเป็นทางเดียวกับที่แจจุงขับไป แต่มันก็ไกลเกินกว่าที่ยุนโฮจะตามทัน
.
.
.
ทั้งคู่ได้แต่นั่งเงียบอยู่ในรถ จนเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายขับรถมายังที่ไม่คุ้นตาและดูเหมือนจะขับมานอกตัวเมืองเลยชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจ พร้อมหันไปมองอีกฝ่ายที่ขับรถอย่างสบายใจไม่รู้สึกรู้สาอะไร
“คุณจะพาผมไปที่ไหน ช่วยพาผมกลับไปส่งที่เดิมด้วย เพราะรู้สึกว่าคุณไม่มีเรื่องอะไรจะพูด” ยิ่งเสหันมาทางหน้าต่างรถ ความกังวลก็ยิ่งทวีมากขึ้น แม้จะไม่คุ้นเคยกับเส้นทาง แต่เขามั่นใจว่าเรามาไกลกันเกินไปแล้ว...กว่าจะขับย้อนกลับไป ท้องฟ้ายามโพล้เพล้ก็คงถูกความมืดเข้ามาแทนที่ พี่ยุนโฮป่านนี้คงรอเราอยู่ ทำยังไงดี...
“ช่วยพูดกับผมสักคำนึงเถอะครับ ถ้าไม่พูด ก็ช่วยจอด”
“จอดแล้วนายจะกลับบ้านถูกหรือไง ฮึ” แจจุงพูดพร้อมทั้งยกยิ้มมุมปาก ความสนุกของตัวเองคือความทุกข์ของคนอื่นสินะ
“ก็ใช่น่ะสิ สำหรับคุณผมคงดูเป็นคนโง่ ที่หากไม่เดินตามหลังคุณตลอดก็คงหลงทาง คุณจะหลอกด่าผมแบบนี้ใช่มั้ย”
“เหมือนเราจะไม่ได้พูดเรื่องเดียวกันนะจุนซู” แจจุงพูดด้วยสีหน้านิ่งเฉย จุนซูในวันนี้เปลี่ยนไปมาก คอยแต่พูดไม่เข้าหูและดูก้าวร้าวต่างไปจากเดิม
“เอาเป็นว่าผมขอโทษสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ผมขอโทษที่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับชีวิตของคุณ เรื่องทุกอย่างเป็นเพราะผม ผมผิดคนเดียว และผมขอหยุดแค่นี้ เหลือแต่คุณ...” ใบหน้าหล่อหันขวับ สายตาไม่สื่ออะไร แต่หากมองลึกเข้าไปเขากลับรู้สึกกลัว กลัวที่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไร กลัวคำพูดของเขากำลังทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจหรือเปล่า...มันคงแน่นอนอยู่แล้ว
“นั่นน่ะสิ ฉันจะหยุดได้ก็ต่อเมื่อ... รู้เหตุผลที่นายเคยพยายามเข้าหาฉัน แล้วจู่ๆจะให้หยุดกลางคันดื้อๆ หนึ่งอาทิตย์นี้ก็ช่วยหาเหตุผลดีๆมาตอบคำถามข้อนี้แล้วกัน” จุนซูขมวดคิ้วมุ่น เขาอยากลืมเรื่องเก่าๆ แต่อีกฝ่ายกลับจงใจยัดเยียดและพยายามขุดมันขึ้นมาทั้งที่ฝังรากกลบมันลงไปได้ไม่นาน
“ หนึ่งอาทิตย์นี้ ฉันกับนายก็อยู่ด้วยกันตลอด เพราะฉะนั้นไม่ต้องรีบสำหรับคำตอบ”
“หมายความว่ายังไง”
“อยากให้จบไม่ใช่เหรอ ก่อนหยุดทุกสิ่งทุกอย่างฉันแค่อยากแน่ใจว่านายเลิกคลั้งใคล้ในตัวฉันแล้ว หรือแท้ที่จริง...นายยังขาดฉันไม่ได้ เจ็ดวันนี้ก็ช่วยพิสูจน์ให้เห็นหน่อยแล้วกัน”
นายแค่คลั่งใคล้ฉันในฐานะแฟนคลับ หรือรักฉันด้วยหัวใจ สิ่งไหนกันคิมจุนซู ที่ทำให้นาย...ก้าวเข้ามาในชีวิตของฉัน...อีกครั้ง
“ผมต้องกลับบ้าน ขับไปส่งผมที่เดิมเถอะนะ ผมมีพี่ยุนโฮที่รอผมอยู่ข้างหลัง คุณก็มีใครอีกคนที่รอคุณอยู่ อย่าให้พวกเขาต้องผิดหวังและเสียใจ เพราะเราสองคนอีกเลย” จุนซูพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน แต่ก็ไม่ได้ซึมเข้าไปในจิตใจที่แข็งกระด้างให้อ่อนลงเลย
“ฮโยจูไปยุโรปสองอาทิตย์ ไม่มีเหตุผลอะไรที่ฉันจะออกมาหาเศษหาเลยแล้วต้องห่วงข้างหลัง แต่สำหรับนาย...ฉันไม่รู้”
คนที่เห็นแก่ตัว ยังไงก็เห็นแก่ตัววันยังค่ำ ไม่เคยเห็นหัวคนอื่น ไม่เคยแคร์ความรู้สึกใครทั้งยังเอาตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางของทุกสิ่งแบบนี้...คงไม่เคยรู้หรอก ว่าคนอื่นเจ็บปวดมากแค่ไหน
“ก็ได้...ผมก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าคนเราหากอยู่กับของที่ไม่ได้รัก ก็คงทรมานไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ แล้วคุณจะรู้ ว่าคิดผิด ที่พาผมมา” จุนซูพยายามควบคุมน้ำเสียงไม่ให้สั่น แต่ก็ห้ามไม่ได้ ความรู้สึกมากมายประเดประดังเข้ามาจนแทบหยุดคิดเรื่องใดเรื่องหนึ่งไม่ได้เลย พี่ยุนโฮป่านนี้หากไม่เห็นเขายืนรออยู่หน้ามหาลัยคงไม่เป็นอันทำอะไรแน่ๆ เขาไม่อยากผิดสัญญากับพี่เขยอีก เขาไม่อยากเห็นสายตาผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่เกิดจากการกระทำผิดๆของเขา หนึ่งอาทิตย์เขาไม่สามารถหาเหตุผลมาตอบแจจุงได้ ทั้งยังอ้างเหตุผลไปตอบยุนโฮไม่ได้เช่นกันว่าเขาหายไปไหนมา วันนี้ไม่รู้จะเป็นยังไงต่อไป รู้เพียงว่าพรุ่งนี้เป็นวันเกิดของเขา ยังมองไม่ออกเลยว่าความสุขจะเกิดขึ้นในวันดีๆสำหรับเขาได้อย่างไร กว่าจะถึงวันพรุ่งนี้ เขาไม่กลั้นใจตายไปก่อนเหรอ
แจจุงไม่พูดอะไร ได้แต่มองไปข้างหน้าที่เต็มไปด้วยแสงไฟจากเสาไฟฟ้าข้างถนนที่เปิดขึ้น เพราะในเวลานี้ความมืดของท้องฟ้ายามค่ำคืนก็ได้ปกคลุมไปทั่วทุกพื้นที่ ตึกรามบ้านช่องดูเบาบางลงเรื่อยๆ เริ่มมีทิวเขาและป่าไม้รวมทั้งบรรยากาศธรรมชาติที่เข้ามาแทนที่ความวุ่นวายในเมือง
คิมแจจุงกดเปิดประทุนรถเพราะอยากสัมผัสกับกลิ่นไอดิน กลิ่นหมอกจางๆของธรรมชาติมากขึ้น เมื่อใบหน้าหวานโต้กับลมแรงๆก็ขึ้นสีชมพูระเรื่ออย่างน่าเอ็นดูจนอดหันมามองไม่ได้ สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นตาเบบูญ่าสีชมพูที่ออกดอกสะพรั่งตามกิ่งก้านที่ทอดเอนออกมา ดอกไม้สีชมพูนั้นร่วงหล่นออกจากลำต้นปลิวมาติดยังเรือนผมสีน้ำตาลจนแจจุงที่เหลือบมองดูต้องหยิบออกให้ ดอกของมันสะดุดตาจนปล่อยให้ปลิวไปตามสายลมไม่ได้ เขามองดอกนั้นอย่างพินิจพร้อมหันไปมองอีกฝ่ายที่ดูเพลิดเพลินกับความงดงามราวกับความฝันที่จับต้องได้
“กลีบดอกและสีของมันดูบอบบาง...เหมือนกับนาย” จับเพียงแค่นิดเดียวดอกก็เริ่มเฉา เพิ่งร่วงหล่นออกจากลำต้นไม่นาน จากสีชมพูก็เริ่มหมองหม่นไม่สดใสดั่งเดิม
จุนซูหันมามองแจจุงที่มืออีกข้างจับดอกตาเบบูญ่าไว้อย่างนั้นไม่ปล่อยให้มันปลิวไปอย่างอิสระ แม้จะทะนุถนอมยังไงแต่เมื่อดอกไม้ได้ร่วงหล่นออกจากลำต้นแล้ว ดอกไม้ดอกนั้นก็ไม่สามารถคืนความงดงามได้อีกครั้ง
รถคันหรูมุ่งเข้าสู่ชุนชอน เมืองใหญ่ที่ห้อมล้อมไปด้วยธรรมชาติ แจจุงขับไปยังทางตะวันออกของชุนชอนเพื่อเข้าสู่ทะเลสาบโซยังที่ได้ชื่อว่าสวยงามที่สุดในเกาหลี เขาได้ซื้อที่ไว้แถวๆริมทะเลสาบเพื่อปลูกบ้านพักตากอากาศไว้ส่วนตัว และมักจะหนีความวุ่นวายที่เผชิญมาพักผ่อนที่นี่อยู่บ่อยครั้ง ที่สำคัญเขามักจะมาเพียงลำพัง ยกเว้นครั้งนี้ที่พาใครอีกคนมาด้วย
บ้านพักตากอากาศส่วนตัวของแจจุง
กว่าจะมาถึงก็ราวสองชั่วโมง เมื่อเสหันมาอีกทางก็พบว่าอีกฝ่ายหลับไปแล้ว ด้วยความที่ไม่อยากให้จุนซูตื่นขึ้นมาแล้วงอแงจึงไม่ปลุก แต่ลงไปเปิดประตูรถแล้วช้อนตัวอีกฝ่ายขึ้นแทน หากตอนนี้อยู่ริมทะเลคงได้ยินเสียงคลื่นซัดเข้าหาฝั่ง แต่ที่นี่คือทะเลสาบที่นิ่งสนิท จึงรู้สึกเงียบสงบเหมาะแก่การพักผ่อนยิ่งนัก
“จุนซู...” แจจุงเอ่ยเรียกเบาๆ แต่อีกฝ่ายยังคงหลับสนิท ดวงตาคมพิจมองใบขาวใส ไล่มาตั้งแต่เปลือกตามาหยุดที่ริมฝีปาก เครื่องหน้าของจุนซูดูบอบบางไปหมด แต่เขาก็ไม่เคยคิดจะทะนุถนอมเลย
เขาอุ้มจุนซูเข้ามาภายในบ้านและเดินตรงไปอีกห้องหนึ่ง ก่อนจะค่อยๆวางร่างบางเบาๆบนเตียงนุ่มเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายตื่น พักผ่อนสำหรับวันนี้ พรุ่งนี้ค่อยว่ากันอีกที
เกมส์ของฉัน...ไม่ได้ต้องการทำร้ายนาย เพียงแค่อยากทดสอบความรู้สึกของเราสองคน...ก็เท่านั้น
แต่เกมส์บางเกมส์...ผู้ชนะอาจจะเป็นฝ่ายเจ็บปวดเสียเองก็ได้...ไม่มีอะไรที่แน่นอนเสมอไป
เพราะเกมส์ที่ฉันเป็นคนตั้ง…
อาจเป็นสิ่งที่อ้างขึ้น...เพื่อได้อยู่ใกล้กับนาย
ความคิดเห็น