ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fiction TVXQ] Foxglove : 2Kim

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 2

    • อัปเดตล่าสุด 26 ต.ค. 55


                    
     
     

    Chapter 2

     

    ร่างที่ไร้เรี่ยวแรงเดินเข้ามานั่งยังปลายเตียง สายตาที่เลื่อนลอยจับจ้องไปยังประตูบานใหญ่ด้วยหัวใจที่รู้สึกเหมือนถูกบีบให้แหลกสลาย เวลานี้เขาควรนึกเสียใจที่ทำให้อีกฝ่ายผิดหวัง  แต่หัวใจไม่รักดีดวงนี้กลับโหยหาถึงใครบางคน 


                    คุณแจจุง..ฮึ่กก  นับจากวันนี้เราไม่ควรที่จะพบเจอกันอีก  แม้ว่าผมจะถูกปล่อยให้เป็นอิสระจากห้องนี้แล้ว  แต่ผมก็จะขังตัวเองให้อยู่แบบนี้ตลอดไป แม้ผมจะคิดถึงคุณจนแทบขาดใจก็ไม่เป็นไร ความรู้สึกรักไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้  และคนที่จะต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในหัวใจก็คือเขา ไม่ใช่ใคร

                    พี่ยุนโฮทำถูกแล้ว...ส่วนคุณแจจุงไม่ผิดในเรื่องนี้  เป็นเขาที่ผิดเอง

                    เขาพยายามขับไล่ใครคนหนึ่งให้ออกไปจากหัวใจ แต่จู่ๆเสียงโทรศัพท์กลับดังขึ้นฉุดรั้งให้คนตัวเล็กได้หวนคืนสู่โลกแห่งความเป็นจริง  เมื่อหยิบขึ้นมาก็พบว่าเป็นเบอร์คุ้นเคยโชว์หราอยู่บนหน้าจอมือถือ

                    ใช่สิ...โลกแห่งความจริง  ความจริงที่เขาไม่สามารถเลิกรักคิมแจจุงได้ แม้จะพยายามสักแค่ไหน ก็สุดจะหักห้ามหัวใจ  แต่ใช่ว่าจะทำไม่ได้นี่  ทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องใช้เวลา  และเขาจะต้องกลับมายืนด้วยตัวเองอีกครั้งให้ได้

                    ผมรักคุณนะครับ  รักมากจนคล้ายจะเป็นบ้าเพราะรักคุณมากขึ้นทุกวัน  แต่ถึงอย่างไรซะ  ผมควรที่จะรักตัวเองมากกว่าไม่ใช่เหรอ?

                    เมื่อตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้ว นิ้วเรียวเล็กจึงกดตัดสายไปสร้างความขุ่นเคืองใจต่ออีกฝ่ายไม่น้อย จุนซูหลับตาลงจนม่านตาที่ปิดกลั้นนั้นบีบของเหลวที่เอ่อล้นให้ไหลมาเป็นทางอย่างไม่อาจห้าม ก่อนจะตัดใจกดปิดเครื่องพร้อมวางโทรศัพท์ไว้ข้างตัว

     

    ทางด้านคิมแจจุง

    ทำแบบนี้หมายความว่ายังไงกัน คิมจุนซู นี่นายจะเล่นตลกอะไรกับฉันกันแน่ ฝ่ามือใหญ่บีบพวงมาลัยรถไว้แน่นด้วยความขุ่นเคืองใจ อุตส่าห์โทรหาตั้งหลายรอบยังกล้ากดตัดสายทิ้ง  นายเป็นใคร  แล้วฉันเป็นใคร ทำไมไม่รู้จักเจียมตัวซะบ้าง 

    รถคันหรูขับพุ่งออกไปด้วยแรงโทสะของคนขับ  พร้อมมุ่งตรงสู่ตึกใหญ่ที่ตั้งตระหง่านตา ซึ่งเป็นบริษัทค่ายเพลงต้นสังกัดของนักร้องชื่อดังอย่างคิมแจจุง ชายหนุ่มเปิดประตูรถพร้อมก้าวออกมา  เมื่อเห็นเหล่าแฟนคลับที่ยืนรอเขานับสิบคนแต่ไม่กรูเข้ามาหา  ริมฝีปากได้รูปจึงยกยิ้มน้อยๆ พร้อมกับก้มหน้าเดินตรงเข้าบริษัทไป  ทิ้งความประทับใจให้คนที่มารอเขาเป็นอย่างมากที่ได้เห็นรอยยิ้มของศิลปินอันเป็นที่รัก  แม้คิมแจจุงนั้นจะดูหยิ่ง เย็นชาและวางตัวสูง แต่นั่นก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ทำให้คนมากมายต่างหลงใหลและอยากค้นหาในตัวของชายหนุ่มมากขึ้น

    คิมแจจุงไม่ใช่คนที่มีดีแค่หน้าตา  เขาใช้ความสามารถล้วนๆที่จะก้าวเข้ามาสู่จุดนี้  เขาจะไม่ลืมคนที่คอยสนับสนุนเขามาโดยตลอด แม้จะไม่แสดงออกก็ตาม แต่หากสื่อสารผ่านทางใจ จะรู้ว่าเขานั้นแคร์เหล่าแฟนคลับมากแค่ไหน  ยกเว้นเสียแต่คนพวกนั้น...ซาแซงแฟน ที่ทำตัวคล้ายแอนตี้แฟนเข้าไปทุกที

    นักร้องหนุ่มเดินมาหยุดอยู่หน้าห้องบันทึกเสียง พร้อมทั้งผลักประตูให้เปิดออก ภายในสตูดิโอนั้นเต็มไปด้วยเครื่องบันทึกเสียงใช้สำหรับอัดเสียงร้องและปรับแต่งและใส่ทำนอง เขาเคยโดนสบประหม่าว่าร้องสดคงไม่ได้เรื่อง ดีแต่เสียงที่ปรุงแต่งใส่ลงในซีดีเท่านั้น  เขาเกลียดคำดูถูก  เลยต้องคอยพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆ จนร้องสดได้เหมือนเสียงอัดไม่ผิดเพี้ยน เขาภูมิใจที่กลายเป็นที่ยอมรับเพราะความสามารถของตัวเอง หาได้ใช้เส้นสาย

    แม้จะชินและคุ้นเคยกับห้องๆนี้แล้ว  แต่เขาก็ยังคงรู้สึกตื่นเต้นเหมือนในวันแรกที่มีโอกาสได้เข้าม า เมื่อมีเวลาว่างเค้าก็มักจะเข้ามาห้องนี้เป็นประจำ เพื่อบันทึกเสียงร้องของตัวเองกับเพลงที่ได้เขียนไว้ใส่ไมโครโฟนเสมือนการอัดเสียงจริงๆ  และลบออกเพื่อไม่ให้เปลืองพื้นที่การจัดเก็บข้อมูลในคอมพิวเตอร์  และวันนี้ก็คงจะทำเช่นนั้น

    ไม่เห็นจะต้องจ้างฉันมาเป็นผู้จัดการเลยนะคิมแจจุง ในเมื่อคุณก็ไปไหนมาไหนโดยไม่บอกไม่กล่าวฉันสักคำ หญิงสาวแอบเปิดประตูเข้ามา เมื่อเห็นนักร้องหนุ่มเดินเข้ามาในห้องนี้ก่อนหน้านั้น ใบหน้าสวยหวานระบายยิ้มให้กับชายหนุ่ม ก่อนจะเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าของแจจุง

                    “แต่คุณก็รู้อยู่ดีนี่ ว่าผมอยู่ที่ไหน อีกอย่าง..คุณก็รู้ ว่าผมให้คุณมาเป็นผู้จัดการด้วยจุดประสงค์อะไรแจจุงโอบเอวบางเข้ามาใกล้ ก่อนจะก้มลงหอมแก้มร่างบางในอ้อมกอดเสียฟอดใหญ่ให้สมกับความคิดถึง

                    เดี๋ยวใครมาเห็นเข้านะแจจุง ปล่อยเถอะ หญิงสาวหันหน้าหนี แต่ใบหน้ากำลังขึ้นสีระเรื่อด้วยความเขินอาย

                   
                    “ขอโทษนะที่ไม่ค่อยมีเวลาให้ แต่วิธีนี้ดีที่สุดแล้ว ที่ทำให้เราได้เจอกันบ่อยขึ้นและไม่เป็นที่สงสัย คุณรู้สึกอึดอัดหรอ ฮโยจู


                    เปล่าหรอก แค่รู้สึกว่าคุณ..เปลี่ยนไป

                    “เปลี่ยนไปยังไง ทำไมคุณถึงรู้สึกแบบนั้นล่ะ หื๊มสองฝ่ามือยกขึ้นประคองใบหน้าของหญิงสาวไว้ พร้อมจ้องมองเข้าไปในดวงตาคู่นั้นเพื่อเค้นหาคำตอบว่าเขาเปลี่ยนไปตรงไหน หากแต่อีกฝ่ายกลับหลบสายตา

                    “ไม่รู้สิคะ ช่วงนี้คุณชอบไปไหนไม่ยอมบอก แถมกลางคืนโทรไปหา ก็ชอบตัดสายทิ้ง มันไม่เหมือนเดิม คุณทำตัวออกห่างฉันเรื่อยๆ ทั้งที่..ฮึ่กก ทั้งที่เราก็มีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดกันแบบนี้ฮโยจูพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือพร้อมก้มหน้าลงโดยมีฝ่ามือใหญ่ประคองใบหน้าหวานนั้นไว้พลางใช้ปลายนิ้วไล้คราบน้ำตาที่รินไหลออกจากดวงตาคู่สวยด้วยความรู้สึกสับสน  ก่อนจะดึงหญิงสาวเข้ามาสวมกอด เขาทบทวนเรื่องที่ผ่านมา มันก็จริงอย่างที่คนรักว่า  เขาเพิ่งสังเกตว่าตัวเองเปลี่ยนไปจริงๆ แม้เขาจะมีผู้หญิงหรือผู้ชายมากมายเข้ามาติดพันและยอมนอนกับเขาด้วยความเต็มใจ  เขารู้ว่าฮโยจูนั้นรู้ดี แต่ไม่เคยว่าสักครั้ง  มีบ้างที่รู้สึกสับสน ทั้งรัก ทั้งรู้สึกเหมือนหมดรัก แต่เขาขอยืนยันที่จะจริงใจกับฮโยจูแค่คนเดียว

                    เมื่อตอนที่เขายังไม่มีอะไร ยังไม่มีชื่อเสียงเหมือนวันนี้  ไม่มีใคร...กลับมีหญิงสาวตรงหน้าที่คอยอยู่เคียงข้างและให้กำลังใจจนเขามีแรงฮึดที่จะทำตามความฝัน กี่ปีมาแล้ว ฮโยจูก็ยังคงอยู่ตรงนี้เสมอ  เขารัก..เพราะรับรู้ถึงความรักที่มั่นคงของอีกฝ่ายที่มอบให้เขาอย่างหมดหัวใจ

                    คุณจะไปมีอะไรกับใครฉันไม่ว่า  แต่ความรู้สึกรักนั้น  คุณเก็บไว้ให้ฉันคนเดียวเถอะนะ ฉันขอเพียงแค่นี้ ฉันจะไม่เข้าไปก้าวก่ายชีวิตของคุณ

                    “ผมรักคุณคนเดียว อย่างอแงสิ ริมฝีปากได้รูบจูบซับเรือนผมสีน้ำตาลเข้มอย่างอ่อนโยนพร้อมกระชับกอดให้แนบแน่นกว่าเดิม  เขาไม่กล้าสัญญา เพราะความที่ยังไม่แน่ใจในความรู้สึกเขาตัวเองสักเท่าไหร่  อาจดูเหมือนเลวและเขาก็ยอมรับ แต่จะมีใครทนคนเลวๆอย่างเขาได้เท่าคนๆนี้  คำตอบคือไม่มี

                    หรือมี..แต่คิมแจจุงไม่รู้ต่างหาก

                   

                    3 วันต่อมา

    ร่างเล็กนั่งกอดเข่าอยู่กลางเตียงด้วยใบหน้าที่ไร้รอยยิ้ม สามวันผ่านไป แต่ความขืนข่มในหัวใจยังคงอยู่ หาได้ผ่านไปตามวันเวลา ถือว่าโชคดีที่พี่เขยไม่ใจร้ายถึงขนาดไม่ให้ทานอะไร แน่นอนว่าเขากินอิ่มนอนหลับเพราะอีกฝ่ายให้คนใช้นำอาหารขึ้นมาให้เขาได้ทานครบทั้งสามมื้อ  ในอกรู้สึกเต็มตื้นขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด เมื่อรู้สึกได้ว่าพี่เขยคนนี้ยังสงสารและประณีตนอยู่

    เผลอหลงลืมไปเสียสนิทว่ายังมีใครอีกคน ใครคนหนึ่งที่หัวใจอยากจะลืม เกือบจะสำเร็จแล้ว หากไม่เผลอหยิบมือถือที่อยู่หัวเตียงขึ้นมาแล้วกดเปิดเครื่องทั้งที่ไม่ได้ติดต่อใครมาสามวัน  สิ่งที่คอยผลักดันให้หัวใจกลับมาแข็งแรงอีกครั้งก็คือตัวเขา ทำไมยังจะอุตส่าห์ย้อนกลับมาทำร้ายตัวเองให้อ่อนแอซ้ำๆ

    บนหน้าจอปรากฏยี่สิบกว่ามิสคอลที่ไม่ได้รับ  เขาจะไม่แปลกใจเลยสักนิด หากไม่ใช่เบอร์ของคิมแจจุงล้วนๆ  แถมยังมีจดหมายเข้าเป็นข้อความเสียงอีกหนึ่ง  จุนซูตัดสินใจกดฟังเสียงในข้อความพร้อมกับริมฝีปากที่สั่นระริก ขอบตาเริ่มร้อนผ่าว  ก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นแนบใบหู

    ทำไมถึงปิดเครื่อง โกรธอะไรฉันหรือเปล่า ฉันรู้สึกเหมือนนายกำลังหลบหน้าฉันอยู่  ถ้าได้รับข้อความนี้แล้ว โทรหาฉันด้วย

    เพียงแค่ได้ยินเสียงที่เฝ้าคิดถึง ร่างกายก็รู้สึกอ่อนยวบมือไม้สั่น อยากจะกดโทรหาแต่ดีที่อีกครึ่งหนึ่งในหัวใจยังดึงตัวเองไว้ เขาควรอยู่กับปัจจุบัน อยู่กับความถูกต้อง เขาจะรักแจจุงในฐานะ แฟนคลับหาใช่ ชู้อีกต่อไป  ผมมันอ่อนแอที่วิ่งไล่ตามความรักไม่ทันไร ก็ท้อจนถอดใจ  หากแต่วิ่งไปจนสุดและเหนื่อยจนแทบขาดใจ ผมก็คว้าคุณไว้ไม่ได้  มีแต่เรื่องผิดๆและไม่สมควรยิ่งที่ผมเต็มใจเมื่อคุณหยิบยื่นให้  สิ่งที่ทำได้คงเพียงแค่หยุดอยู่กับที่  เพียงแค่นั้น

    ตัวจริงยังไงก็คือตัวจริง ตัวปลอมอย่างผม ก็แค่หลอกตัวเองไปวันๆ ว่าสักครั้งหวังจะได้หัวใจคุณมา

     “ผมคงมีค่าในเวลาที่คุณไม่มีใคร.....เหงาสินะ  แจจุง   คุณน่ะแค่เหงา  แต่ผมนั้นทรมานกว่าคุณหลายเท่าที่จะต้องจัดการกับความรู้สึกของตัวเองเพียงลำพัง แค่เหงามันไม่ตายหรอกนะ  แต่ผมกำลังจะตาย..เพราะคุณ 

    เสียงทีวีดังขึ้นทำลายความเหงาและอาการรวดร้าวในหัวใจได้เป็นอย่างดี ความบันเทิงช่วยขัดเกลาจิตใจให้กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง เสียงหัวเราะที่ดังขึ้นเป็นระยะเมื่อเห็นตัวตลกในเกมส์โชว์แข่งกันปล่อยมุกออกมา แป้กบ้าง ฮาบ้าง ถือว่าเป็นสีสัน การที่อยู่กับตัวเองควรจะหาอะไรคลายเครียด ไม่อย่างนั้นคงจะคิดฟุ้งซ่าน อยากให้สมองและหัวใจได้หยุดพักเสียบ้าง

    ดูสิ ผมร้องไห้จนปวดตาไปหมดแล้ว ไหนล่ะ...สิ่งตอบแทนที่ร้องไห้ไปแทบตาย ร้องไปก็เปลืองน้ำตาเปล่าๆสินะ ไม่เห็นจะได้อะไรเลยจริงๆน้ำตาได้มาพร้อมกับความทุกข์  เสียงหัวเราะ ได้มาพร้อมความสุข  เขาควรเลือกอย่างหลังดีกว่าเป็นไหนๆ เมื่อถูกปล่อยให้เป็นอิสระแล้ว หัวใจของเขาก็จะเป็นอิสระด้วยเช่นกัน  ขอบคุณพี่ยุนโฮที่ขังผมไว้  ขอบคุณที่ทำให้ผมได้ทบทวนสิ่งที่ผิดพลาดที่สุดในชีวิต  คนเราเมื่อไม่เคยทำผิด ก็คงไม่มีวันได้เรียนรู้  และผมคงอยู่ในช่วงที่กำลังได้รับบทเรียน..อย่างสาสม

    บนใบหน้าหวานกำลังแต้มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขเมื่อสายตาได้มองเห็นทางสว่างไม่มืดบอดอีกต่อไป  เหมือนสวรรค์กลั่นแกล้ง  ดลใจให้มีโฆษณามาแทรก ขณะที่ตนกำลังเสพสมความบันเทิงในรายการโปรดเลยกดเปลี่ยนช่องเพื่อดูรายการอื่นคั่นเวลา หากนั่นคือความบังเอิญ  คงจะเป็นความบังเอิญที่ทำให้หัวใจเต้นแรงจนบีบแน่นอย่างทรมาน

    ใครคนหนึ่ง...ในนั้น

    คิมแจจุง ศิลปินมากความสามารถและดังที่สุดในเกาหลี ประสบความสำเร็จอย่างสูงกับทัวร์คอนเสิร์ตทั่วโลก  พร้อมปิดฉากเวิลด์ทัวร์คอนฯที่บ้านเกิด

    เสียงจากทีวีดังเล็ดรอดออกมาแม้จะเบาสักแค่ไหนเพราะคนตัวเล็กเปิดไว้ไม่ดังนัก หากแต่มันกลับดังกังวานไปทั่วโสตประสาทลามมาถึงขั้วหัวใจ สิ่งที่อัดอั้นมานานไม่อาจเก็บไว้นั้นกำลังกลั่นออกมาเป็นหยดน้ำตาไหลลงมาเป็นทางผ่านร่องแก้ม จุนซูพยายามยกรีโมตขึ้นมาเพื่อกดเปลี่ยนช่อง แต่ก็ทำไม่ได้  มือไม้รู้สึกชาจนปล่อยสิ่งที่อยู่ในฝ่ามือวางไว้กับพื้นเตียง แล้วเปลี่ยนเป็นยกขึ้นปิดหูแทนไม่อยากได้ยิน  แต่สายตาไม่อาจละไปจากหน้าจอทีวีได้เลย

    นอกจากนี้คิมแจจุงยังมีซิงเกิ้ลใหม่จากอเมริกาแถมยังลงมือแต่งเองอีกต่างหาก ถือว่าพิเศษมากสำหรับแฟนเพลงที่รอคอยผลงานของเขา  ขณะนี้กำลังทะยานขึ้นอันดับหนึ่งในชาร์ตบิลบอร์ดอีกด้วย สุดยอดมากๆค่ะ  เพลงมีชื่อว่า Still in love ไปฟังกันเลย ~

    หลงเข้ามาแล้ว ยากที่จะหาทางออก  บนหน้าจอทีวีกำลังฉายชัดเต็มสองตากับภาพใครคนนั้น สองมือที่ปิดหูอยู่ค่อยๆลดลงช้าๆ จากที่ปิดกลั้นแปรเปลี่ยนเป็นซึมซับแทนอย่างเลี่ยงไม่ได้  เมื่อน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยพลังทว่านุ่มนวลและหวานซึ้งบวกกับท่วงทำนองที่ชวนหลงใหลขับกล่อมหัวใจให้ความรู้สึกจมลึกไปกับห้วงภวังค์  แต่ละครั้งที่ได้ยินน้ำเสียงพูดปกติธรรมดาก็ชวนฟัง  ยิ่งได้ยินเสียงร้องจากสวรรค์เป็นใครบ้างจะอาจต้านทานเสน่ห์จากน้ำเสียงนั้นไหว  น้ำเสียงและเนื้อเพลงที่สั่นคลอนหัวใจสาวๆทั่วโลก ป่านนี้คงเคลิบเคลิ้มและซึ้งกินใจกับบทเพลงของศิลปินอันเป็นที่รักของพวกเขาที่แต่งขึ้นมา และคงคิดว่า...คิมแจจุง คงจะร้องให้พวกเขา

    แต่เขาไม่ได้คิดเช่นนั้น...เพราะรู้ดีเสมอมาว่าบทเพลงๆนี้คิมแจจุงนั้นแต่งให้ใคร

    นายลองอ่านสิแจจุงยื่นแผ่นกระดาษที่เป็นโน๊ตเพลงให้กับจุนซู แต่เมื่อสายตาเรียวหลือบเห็นตัวหนังสือที่เป็นภาษาอังกฤษล้วนๆ ก็มีสีหน้าเจื่อนๆ ก่อนจะตอบกลับไปอย่างเคอะเขินว่า

    ผมอ่านภาษาอังกฤษ เอ่อ..ไม่ค่อยออกน่ะครับมือเล็กยกขึ้นลูบต้นคออย่างอายๆ แจจุงเมื่อได้ยินประโยคนั้นรอยยิ้มก็ระบายขึ้นที่มุมปากน้อยๆ ก่อนจะถามกลับไปอีก

    งั้นหรอ...แล้วนายรู้หรือเปล่าว่าฉันแต่งให้ใครจุนซูก้มหน้าลง เขารู้และเจียมตัวเสมอไม่มีทางที่คิมแจจุงจะแต่งเพลงให้กับตน  และรู้มากกว่านั้นว่าอีกฝ่ายแต่งให้ใครหากไม่ใช่...

    คนที่ฉันรักน่ะ

    เจ็บ...เกินจะทานทน  รู้ดีมาเสมอยังจะคิดฝันอยากเป็นเจ้าของหัวใจ ความรู้สึกรักที่มีมานานบัดนี้คงกลัดหนองจนชอกช้ำยากจะสมาน เขาควรตัดขาดกับความรู้สึกนั้นเสียที  เกินพอแล้ว หยุดทำร้ายตัวเองเสียที

    ต่อไปผมจะทำตัวแฟนคลับที่ดี ไม่ใช่ชู้เลวๆที่ปล่อยหัวใจไปกับคุณเสียหมด

    สิ่งที่ผมทำไปได้โปรดเถิดสวรรค์ จะลงโทษด้วยวิธีไหนก็ได้  แต่อย่ากลั่นแกล้งให้ผมให้ได้กลับไปเจอคนๆนั้นอีกเลย

    จุนซูเปิดทีวีทิ้งไว้พลางเดินสำรวจห้องกว้างของตัวเองก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ตรงชั้นวางหนังสือ  หนังสือเรียนมากมายที่วางตั้งอยู่เรียงรายตามชั้นนั้น จุนซูหยิบขึ้นมาทั้งหมดกองไว้ในอ้อมแขนก่อนจะวางบนโต๊ะข้างๆ ไม่ได้นำมาอ่าน หากแต่ร่างบางนั้นหันกลับไป สายตากำลังจับจ้องและวางฝ่ามือลงบนสิ่งที่ตนซ่อนไว้อย่างรักใคร่  สิ่งที่มีหนังสือเรียนปิดบังความโง่เง่าของตัวเอง...เสียมิดชิด

    ทั้งซีดี ดีวีดี อัลบั้มแรกถึงอัลบั้มล่าสุด รวมถึงอัลบั้มพิเศษของคิมแจจุงนับสิบวางตั้งไว้อย่างเป็นระเบียบอย่างกับไม่เคยจับต้อง  สิ่งเหล่านี้ไม่เคยเปิดเผยต้องแอบไว้แบบนี้ เพราะรู้ว่าพี่ยุนโฮไม่ชอบ เดี๋ยวจะหาว่าคลั่งใคล้มากไปจนเกินความจำเป็น และนั่นคือสิ่งผู้ใหญ่พึงห่วงเด็กในปกครอง  ไม่อยากให้เสียการเรียน 

    เพราะความทระนงตนก่อนหน้านั้น แม้จะรักมากสักเพียงไหน หากแต่ไม่เคยมีโปสเตอร์ใหญ่ๆของศิลปินที่รักไว้ติดเต็มห้องเหมือนใครเขา  เพราะรู้ดีว่าได้มากกว่านั้น ได้มากกว่าแค่รูปภาพ ได้ในสิ่งที่พิเศษกว่าใคร คิดได้แค่นั้นน้ำตามันก็พานจะไหล  แต่มันดันไหลย้อนกลับ  สัมผัสได้คือความเจ็บรอบดวงตาและความรู้สึกข้างในกำลังร้องไห้ แต่สิ่งที่จะกลั่นออกมามันเหือดแห้งไปเสียแล้ว  ทิ้งไว้แต่ความเจ็บ และเจ็บ

     

    จุนซู..หลับอยู่หรือเปล่า

    เสียงคุ้นหูจากคนข้างนอกทำให้จุนซูสะดุ้งสุดตัว  รีบเก็บหนังสือวางซ้อนทับและปิดบังของสำคัญไว้บนชั้นวางหนังสืออย่างเดิม  เมื่อดูให้เรียบร้อยแล้ว จึงขานตอบพลางข่มน้ำเสียงสะอื้นไว้

    เปล่าครับ พี่ยุนโฮเข้ามาเถอะ จุนซูเช็ดน้ำตาลวกๆ ก่อนจะเดินมานั่งยังปลายเตียงแสร้งดูทีวีเหมือนเดิม แต่กดเปลี่ยนช่องไปดูรายการอื่นแทน

    เมื่อยุนโฮเปิดประตูและก้าวเข้ามาภายในห้อง พลันสายตาได้สะท้อนร่างของใครคนหนึ่งที่นั่งไร้เรี่ยวแรงจ้องมองทีวีด้วยสายตาที่แลดูว่างเปล่า  ทำไมกันนะ เพียงแค่เห็นใบหน้าที่ไร้รอยยิ้มของคนตรงหน้าหัวใจก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด

    ไปอาบน้ำแต่งตัวซะ

    เอ๋~”

    เดี๋ยวพาไปทานมื้อเย็นข้างนอก อยู่แต่ในนี้ กลัวจะเฉาตายซะก่อนยุนโฮพูดเสียงเรียบ พลางมองไปรอบห้องก็รู้สึกหดหู่ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก หากไม่มีเสียงทีวีจะค่อนข้างเงียบจนใจมันรู้สึกโหวงๆ  ม่านหน้าต่างก็ปิดไว้ไม่เปิดรับแสงอาทิตย์เข้ามาเผื่อจะช่วยให้ห้องทึบดูสว่างขึ้นมาบ้าง  ไม่ได้ตั้งใจขังให้ดูเหมือนจุนซูเป็นเด็กเก็บกดแบบนี้ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะเก็บตัวเสียเอง เพราะอุตส่าห์ไม่ได้ล็อกประตูข้างนอกไว้ เจ้าตัวก็ยังไม่คิดหนี

    พี่ยุนโฮ ฮึ่ก ผมขอโทษ ร่างบางลุกขึ้นมากอดร่างสูงไว้แน่น จนยุนโฮเซไปเล็กน้อยเพราะไม่ทันตั้งตัว จุนซูรู้สึกผิดที่ต่อให้ทำไม่ดียังไง ก็รู้สึกได้ว่าพี่เขยคนนี้ยังเป็นห่วงตนอยู่เสมอ แม้ไม่ได้แสดงออกมาตรงๆ แต่เขาก็สัมผัสได้  เขาอยากกอด อยากขอโทษทั้งที่รู้ว่าความผิดมันไม่อาจลบล้างไปได้ แค่อยากกอดเท่านั้น เขาแค่ต้องการความอบอุ่นจากใครสักคนเท่านั้น

    อยากมีที่ยึดเหนี่ยวหัวใจ

    พี่จะขังผมไว้ให้นานเท่าไหร่ก็ได้ ผม..ฮืออ ผมจะไม่ทำอีก ผมจะไม่ทำอย่างนั้นอีกแล้ว  ฮึ่กก ไม่ทำอีกแล้ว... เสียงหวานคอยแต่พูดประโยคเดิมซ้ำๆ ซึ่งมันไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายรำคาญเลยสักนิด หากแต่ยิ่งทำให้ยุนโฮรู้สึกสงสารร่างตรงหน้านี้ขึ้นมาจับใจ  ฝ่ามือใหญ่นั้นยกขึ้นลูกกลุ่มผมสีน้ำตาลอย่างอ่อนโยน

    อืม แค่นายอย่าทำให้ฉันกลุ้มใจอีกก็พอแล้ว ไปอาบน้ำแต่งตัวเถอะ”  ยุนโฮผละกายออกมา ก่อนจะหันหลังแล้วเดินออกไปจากห้อง ทิ้งไว้แต่ร่างเล็กที่ยกยิ้มกว้างมองตามแผ่นหลังนั้นไปด้วยความรู้สึกดีใจ

    พี่ยุนโฮไม่โกรธเราแล้วจุนซูทิ้งร่างลงไปเกลือกกลิ้งกับเตียงพร้อมกอดตุ๊กตาโลมาแสนรักของตัวเองไว้แน่น พลางร้องไห้ออกมาด้วยความรู้สึกดีใจไม่ใช่เพราะเสียใจหรือเจ็บปวดอีกต่อไป

     

    ที่ร้านอาหารหรูแห่งหนึ่งในกรุงโซล

    จุนซูสั่งอาหารมาเต็มโต๊ะเพราะยุนโฮบอกไม่ต้องเกรงใจให้เขาได้เต็มที่กับมื้อนี้  ยุนโฮตั้งใจจะเลี้ยงเองเพื่อทดแทนความรู้สึกผิดที่ขังคนตรงหน้าให้อยู่แต่ในบ้านมาเกือบหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ ร่างสูงโปร่งที่นั่งตรงข้ามคอยแต่มองดูใบหน้าอ่อนเยาว์ที่มีสีหน้าตื่นเต้นกับมื้อนี้เสียเต็มประดา

    ทำไมดูนายตื่นเต้นจังเลยนะ

    ผมดีใจที่ได้อยู่ทานอาหารพร้อมพี่ยุนโฮน่ะฮะ ทานล่ะนะ ฝ่ามือเล็กทั้งสองถูไปมา ก่อนจะแลบเลียริมฝีปากคล้ายอยากจะฟาดอาหารตรงหน้าให้เรียบภายในพริบตา ท่าทางเหมือนเด็กๆนั้นทำให้ยุนโฮรู้สึกขันในใจ แค่เพียงมองอาหารที่จุนซูตักเข้าปากแต่ละคำก็รู้สึกอิ่มแทน  ไม่คิดว่าจะกินจุขนาดนี้ ตัวก็ออกจะเล็ก

     

    อีกมุมหนึ่งในร้านอาหาร มีสายตาคู่หนึ่งกำลังจับจ้องไปยังโต๊ะที่มีจุนซูนั่งอยู่ จะไม่แปลกใจอะไรหากไม่เห็นใครอีกคนที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกัน เป็นผู้ชายที่ดูแล้วคงจะเป็นคู่ขาคนใหม่ของอีกฝ่ายเป็นแน่ แถมยังนั่งหัวเราะร่าอย่างอารมณ์ดีให้กับผู้ชายคนนั้นอย่างกับไม่ใช่จุนซูที่เขาเคยเห็น  มีความสุขมากเลยสินะ

    นี่น่ะเหรอ เหตุผลที่นายไม่ออกมาเจอฉัน  เป็นเหตุผลที่ดีนี่

    .....................................

    ส่วนใหญ่รีดฯจะเชียร์แต่โฮซูเนาะ >///< เป็นเราก็อยากปันใจให้คนที่หวังดีกับเรา
    แต่หัวใจมันบังคับกันไม่ได้หรอก ในเมื่อได้ตกหลุมรักคนเลวๆไปแล้ว
    กรุ๊ป b เป็นคนที่เจ็บครั้งเดียวแล้วจำ แต่หากได้เจอได้พบอีกครั้ง...มันก็เริ่มไขว้เขวอ่ะ
    เอาแล้วจุนซู....แจมันเห็นแล้ว  กรี๊ดดดดดดดดดดด


    ไรท์รัก 2 คู่ โฮซู แจซู นี่มันลำบากใจอ่า T[]Y



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×