คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1
Chapter 1
ร่างเล็กดูบอบบางเดินไปตามทางฟุตบาท ข้างทางเป็นสวนสาธารณะดูร่มรื่นหากมาเดินเล่นในช่วงเช้าสูดอากาศบริสุทธ์ไปพลาง นั่นคงจะดีไม่น้อย หากแต่เวลานี้ดูเปล่าเปลี่ยวชอบกล เงียบเสียจนได้ยินเสียงลมพัดผ่านคลอเคล้าไปกับเสียงใบไม้ไหว วงแขนเล็กโอบกอดตัวเองเมื่อยามสายลมเย็นพัดปะทะร่างจนรู้สึกหนาวเหน็บ เพราะความที่ดึกมากจึงไม่มีผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาแถวนั้น รถสักคันก็แทบไม่มีวิ่ง ครั้นชะโงกมองหารถแท็กซี่ก็ไม่มีผ่านมาสักคัน ไม่รู้จะกลับบ้านได้อย่างไร
บรื้นน!
เสียงรถจากด้านหลังที่ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ฉุดให้คนตัวเล็กหันหลังกลับไปมอง แสงไฟคล้ายแสงสปอตไลท์จากหน้ารถคันหรูที่ขับเคลื่อนเข้ามาใกล้ส่องแยงตา จนใบหน้าหวานต้องหยีตาน้อยๆด้วยความแสบ
“พี่ยุนโฮ” พอปรับสายตาให้ชินกับความสว่างจากแสงไฟหน้ารถและเพ่งมองให้ชัดๆ ก็ถึงกับทำให้ร่างเล็กยืนแข็งทื่อ ดึกป่านนี้พี่ยุนโฮขับรถออกไปไหน แล้วทำไมต้องบังเอิญขับผ่านมาเจอเขาด้วย
รถคันหรูเคลื่อนเข้ามาช้าๆจนกระทั่งมาจอดข้างๆกับร่างที่ยืนอยู่
“ขึ้นรถ” เมื่อหน้าต่างรถถูกเลื่อนลงต่ำ เสียงจากคนข้างในก็ดังขึ้น เป็นเสียงที่ดูไร้อารมณ์และเย็นชาจนหัวใจเขาสั่นกลัวไปหมด กระนั้นก็ยอมขึ้นมานั่งแต่โดยดี
รถคันหรูเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยความเร็ว จนมือเล็กเอื้อมจับเข็มขัดนิรภัยมาคาดไว้ พลางเหลือบมองใบหน้าหล่อเหลาของคนข้างๆอย่างกล้าๆกลัวๆ
“ทำไมดึกป่านนี้ยังไม่กลับบ้าน”
“ผ..ผมไปทำรายงานบ้านเพื่อนมาครับ” โกหกหน้าด้านๆ หากบอกว่าแท้ที่จริงเขาไม่ได้ไปทำอย่างที่พูดออกมา แต่ไปนอนกับผู้ชาย คงจะโดนด่าและตำหนิว่าหน้าไม่อาย และพี่ยุนโฮคงมองเขาด้วยสายตาเหยียดๆ และรังเกลียดไปในที่สุด เขาไม่ต้องการ..แค่นี้พี่ยุนโฮก็เย็นชากับเขาเกินพอแล้ว
“แล้วทำไมไม่โทรมาบอกก่อน กลับบ้านดึกดื่นแบบนี้ ทางก็เปลี่ยว หากโดนลากไปข่มขืนใครจะช่วยนายได้”
“พี่ยุนโฮขับรถมาตามผม..เพราะเป็นห..” เพราะเป็นห่วงผมอย่างนั้นเหรอ อยากจะพูดให้ครบประโยค แต่ไม่รู้คนข้างๆโมโหอะไรมาถึงได้เหยียบคันเร่งซะมิด เมื่อยามเสมองไปตามทางทุกสิ่งทุกอย่างที่สายตามองเห็น ตึกรามบ้านช่องแม้กระทั่งต้นไม้ที่ปลูกไว้ริมถนนก็เหมือนวูบผ่านไปเพียงชั่วพริบตา พี่ยุนโฮไม่เคยขับรถเร็วแบบนี้เลย กำลังโมโหเขาอยู่ใช่มั้ย? มันก็น่าอยู่หรอก
พี่ยุนโฮได้แต่งงานและใช้ชีวิตคู่กับพี่สาวของเขา และเป็นพี่เขยที่แสนใจดีกับเขามาโดยตลอด กระทั่งอุบัติเหตุไม่คาดฝันได้พรากชีวิตผู้ที่เป็นพี่สาวไปอย่างไม่มีวันกลับ เหตุการณ์ในวันนั้นได้เปลี่ยนแปลงพี่เขยที่ใจดีคนนี้ให้กลายเป็นคนที่เย็นชาไร้หัวใจไปโดยปริยาย
และภาระที่บ้านตนหนักหน่วงเกินจะแบกรับ เล่นหุ้นก็ถูกโกงจนล้มละลายเลยไม่มีปัญญาส่งเสียเขาร่ำเรียนหนังสือ จึงขอให้พี่ยุนโฮรับเขามาเลี้ยงดู และพี่เขยคนนี้ก็ตอบตกลงด้วยความเต็มใจ หากไม่ได้พี่ยุนโฮคอยส่งเสีย เขาก็คงไม่ได้ศึกษาต่อมหาลัยดีๆอย่างปัจจุบันนี้ แสงสว่างในภายภาคหน้าของอนาคตคงริบหรี่และดับวูบ
ผมอยากจะขอบคุณพี่สักพัน สักล้านครั้งแต่คงไม่เพียงพอที่จะตอบแทนบุญคุณอันมากล้นนี้ได้ ผมควรตอบแทนพี่ด้วยสิ่งไหน
รถคันหรูเคลื่อนเข้ามาภายในคฤหาสน์ตระกูลชอง ชายหนุ่มขับเอื่อยๆกระทั่งมาจอดยังที่จอดรถ พร้อมกับคนทั้งสองที่ก้าวลงจากรถมา ก่อนยุนโฮจะเดินนำหน้าร่างเล็กไป จุนซูไล้สายตามองแผ่นหลังกว้างนั้นอย่างเลื่อนลอย ไม่ว่าในเวลาที่เขาทำผิดหรือทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ ก็ไม่เคยโดนด่าโดนว่าตักเตือนอะไร แต่เขาอยากฟังคำพวกนั้น อยากได้ยินคำด่าแรงๆจากปากพี่ยุนโฮให้ซึมลึกเข้าไปถึงจิตใต้สำนึก เพื่อช่วยย้ำเตือนหัวใจในเวลาที่เขาเผลอพลั้งทำผิด อย่างในวันนี้และที่เขากลับบ้านดึกแทบทุกวัน และใช้ข้ออ้างสารพัด ด้วยคำแก้ตัวซ้ำๆ พี่ยุนโฮก็ยังไม่พูดอะไร พี่ยุนโฮเชื่อเขา หรือทำเป็นไม่สนใจกัน
ได้โปรด ช่วยห้ามผมสักครั้ง และใช้ถ้อยคำแรงๆด่าผม ให้ได้เข็ดและหลาบจำเพื่อที่ผมจะได้ไม่กลับบ้านดึกๆเพื่อไปหาใครคนนั้น ผมไม่อยากโกหกพี่อีก...ผมไม่อยากทนเจ็บกับผู้ชายคนนั้นอีก
“ไม่สบายหรือเปล่า ฮึ” เมื่อเห็นคนข้างหลังเงียบไป จึงหันมามอง ก็พบว่าเจ้าตัวเล็กมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก ทั้งยังเดินโงนเงนไปมาแทบจะทรงตัวไม่อยู่ จึงเดินเข้ามาจับไหล่บางทั้งสองข้างไว้ ดวงตาคู่สวยปรือปรอยใกล้จะปิดสนิทเข้าไปทุกที ใบหน้าหวานเงยขึ้นมองคนตรงหน้า ก่อนจะฟุบหน้าลงบนแผงอกแข็งแรงพร้อมดวงตาที่ปิดกลั้นสนิท
“จุนซู..จุนซู” ฝ่ามือใหญ่จับไหล่บางไว้พลางเขย่าเบาๆให้อีกฝ่ายรู้สึกตัวแต่ก็ไร้ผล ร่างสูงโปร่งจึงค่อยๆผละกายออกจากร่างที่สลบใสลนี้ พลางโน้มหน้าเข้าหาใบหน้าหวาน ยกมือขึ้นอังหน้าผากที่ร้อนจี๋ บ่งบอกได้เลยว่าจุนซูกำลังโดนพิษไข้เล่นงาน
แสงจันทร์ส่องกระทบลงบนใบหน้าขาวใสและลามไล้มาถึงต้นคอขาวเนียน ทำให้สายตาคมเหลือบเห็นร่องรอยสีช้ำบนต้นคอของจุนซู และนั่นก็ทำให้หัวใจแกร่งถึงกับกระตุกวูบ ภายใต้หน้ากากที่ฉาบเรียบไปด้วยความเย็นชานั้น ใครเล่าจะรู้ว่าข้างในกำลังร้อนรนเดือดดาลถึงขีดสุด
“พรุ่งนี้..นายควรหาคำตอบที่ดีมาตอบฉัน เกี่ยวกับรอยที่คอนี้นะ คิมจุนซู”
แสงแดดอ่อนๆของเช้าวันใหม่สาดส่องลอดม่านหน้าต่างสีสะอาดตาเข้ามาภายในห้องกว้าง เงาสะท้อนพาดผ่านเปลือกตาบางที่ยังคงปิดกลั้นสนิทบนใบหน้าขาวใส แสงแดดที่ลอดผ่านมานั้นส่องกระทบลามไล้ไปทั่วเรือนกายของร่างเล็กที่ยังคงนอนหลับใหลอยู่บนเตียงนุ่มขนาดใหญ่ ไม่มีท่าทีว่าเจ้าตัวจะตื่นขึ้นจากนิทราง่ายๆ หากแต่มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ฝ่ามือเล็กจึงควานหาบนหัวเตียงพร้อมหยิบมา ก่อนจะหยีตามองหน้าจอมือถือในฝ่ามือด้วยท่าทีงัวเงีย แต่แล้วก็เบิกตาโพลงพร้อมกดรับสายทันที
หายง่วงเป็นปลิดทิ้ง
“ฮัลโหลครับ คุณแจจุง” น้ำเสียงนั้นดูประหม่าไม่น้อย หากแต่จุนซูพยายามควบคุมน้ำเสียงให้แลดูเป็นปกติที่สุด เพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกตื่นเต้นข้างใน
‘ตื่นหรือยังน่ะเรา’ เสียงจากปลายสายนั้นเหมือนเป็นน้ำทิพย์ชโลมหัวใจให้ชุ่มชื้น เขาปฏิเสธไม่ได้ว่ารู้สึกดีแค่ไหน นานครั้งที่คุณแจจุงจะโทรมาหาเขาเช่นวันนี้
“ตื่นแล้วครับ คุณแจจุงมีอะไรหรอ?”
‘อาบน้ำแต่งตัวหรือยัง เดี๋ยวจะแวะไปรับแล้วพาไปส่งที่โรงเรียน’ หรือว่าเขาหูฝาด...หรือยังไม่ตื่นจากความฝันกัน
“ทำไมวันนี้ถึง..”
‘พอดีช่วงเช้าว่างน่ะ พอถึงช่วงบ่ายก็ขยับตัวไปไหนไม่ได้ละ คงเข้าใจนะว่าเพราะอะไร’
“อืมครับ”
‘และคืนนี้ฉันคงไม่ได้กอดนาย คิดถึงแย่เลย’ เหมือนกระแสไฟฟ้าไหลวนไปทั่วร่างลามมาถึงหัวใจจนกระตุกวูบไหว จุนซูเผลอยิ้มออกมาแม้รู้ดีว่าเป็นเพียงคำพูดหว่านล้อมหวังให้เขาหลอมละลายและมันก็สำเร็จ เขาไม่อาจห้ามความรู้สึกตื่นเต้นผสมปนเปไปกับความดีใจนี้ได้ ปล่อยให้หัวใจได้หลงระเริงไปกับคำพูดนั้น “ขอเวลาครึ่งชั่วโมงนะครับ ผมยังไม่ได้อาบน้ำแต่งตัวเลย”
‘เสร็จแล้วโทรมาบอกฉันด้วยนะ แล้วเจอกัน’
“ด..เดี๋ยวก่อนสิครับ”
ตื๊ดๆๆ...
กำลังจะถามว่าหากคุณแจจุงมารับเขาในที่โจ่งแจ้งแบบนี้ไม่กลัวใครเห็นเข้าและเป็นข่าวหรือยังไง แต่ก็ถูกปลายสายชิงตัดสายไปเสียก่อน แต่นั่นก็คงไม่เป็นไรเพราะอีกฝ่ายคงจะบอกว่าเขาเป็นเพียงน้องชายที่รู้จัก เขารู้หากเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นมา คุณแจจุงเป็นคนฉลาดจะต้องตอบคำถามได้ดีเพื่อให้คนฟังซึ่งเป็นนักข่าวได้คล้อยตาม
เพราะทุกถ้อยคำที่ผู้ชายคนนั้นได้เอื้อนเอ่ยออกมานั้น เขาก็พร้อมที่จะเชื่อและคล้อยตามไปได้ทุกครั้ง แม้ใจบอกว่าเกินพอแล้วที่จะต้องแบกรับกับความเจ็บปวดนี้ แต่ทุกครั้งที่ได้ยินเสียง ได้อยู่ใกล้ หัวใจก็พร้อมจะร่ำร้องเรียกหาได้ทุกเวลา สุดท้ายก็ทรยศกับความรู้สึกของตัวเองไม่ได้ คำว่ารักเพียงคำเดียวมันมีอิทธิพลต่อเขาถึงเพียงนี้เลยหรือ?
ร่างเล็กยิ้มร่าอารมณ์ดีอย่างที่ไม่เคยเป็น เจ้าตัวรีบอาบน้ำแต่งตัวพร้อมเดินลงมาจากบันไดอย่างเร่งรีบ เขาไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องรอนาน จึงกดโทรหาแจจุงทันทีพลางยกมือถือขึ้นแนบหู รออีกฝ่ายกดรับด้วยหัวใจที่เต้นระรัวเพราะยังตื่นเต้นไม่หาย
“วันนี้ไม่ต้องไปโรงเรียนนะ มีเรื่องต้องคุยกัน”
ร่างเล็กชะงักงันเมื่อได้ยินต้นเสียงมาจากโซฟาตัวใหญ่ที่มีร่างสูงนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ ใบหน้าหล่อเหลาเงยขึ้นมองคนตัวเล็กที่ก้าวลงมาจากบันได ละความสนใจจากหนังสือพิมพ์ในฝ่ามือพร้อมวางไว้ข้างๆตัว จุนซูยืนตัวแข็งทื่อ รีบลดมือถือลงแนบลำตัว ก่อนจะสอดเข้าไปในกระเป๋ากางเกง
“อาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วหรอ จุนซู..จุนซู ทำไมไม่พูดนะ” บนหน้าจอมือถือปรากฎเบอร์ของจุนซูขึ้นมาจึงกดรับสาย หากแต่ไม่ได้ยินเสียงของอีกฝ่ายเลย สัญญาณขาดหายหรือว่ายังไงกัน...
เล่นตัว?
“ฉันไม่เสียเวลาหรอกนะ” แจจุงกดตัดสายทันทีพร้อมหยิบเรแบรนด์สีดำราคาแพงขึ้นมาสวมใส่ พลางขยับกรอบแว่นตาให้เข้าที่ ดวงตาทรงเสน่ห์ภายใต้แว่นสีดำนั้นกำลังเต็มไปด้วยความไม่พอใจ เขาไม่ชอบให้ใครมาเล่นตัวแบบนี้
แลมโบกินี่คันหรูเคลื่อนตัวไปข้างหน้าโดยละเป้าหมายจากที่จะขับไปบ้านของจุนซูแปรเปลี่ยนเป็นขับไปเส้นทางอื่นแทน เพราะแท็กซี่ที่ขับเข้ามาในระยะประชิด ทำให้สายตาคมเหลือบมองผ่านบานหน้าต่างรถ พร้อมทั้งเหยียบคันเร่งเสียมิด จนเข็มที่หน้าปัดรถยนต์วนมาเกือบสุด แลมโบกินี่คันหรูที่ชายหนุ่มเพิ่งถอยมาหมาดๆ พุ่งตรงไปข้างหน้าด้วยความเร็วชนิดที่ไวกว่าแสงจนรถแท็กซี่ตามไม่ทัน แจจุงเหลือบมองกระจกข้างก็พบว่าแท็กซี่คันนั้นได้ลับสายตาไปแล้ว
ซาแซงแฟน พวกแฟนคลับที่ยอมเสียเงินจำนวนมหาศาลให้พวกแท็กซี่เพื่อที่จะได้ตามติดศิลปินอันเป็นที่รักของตนไปในทุกแห่งหน ไม่มีพื้นที่ให้ศิลปินได้หายใจหรือแม้กระทั่งความเป็นส่วนตัวที่เขาจะต้องสูญเสียเพราะคนพวกนี้ นี่ไม่ใช่ความรักเลยสักนิด หากแต่กลายเป็นความบ้าคลั่งจนเหมือนพวกโรคจิตมากกว่าเป็นแฟนคลับ หมดความอดทนมานานแล้ว และเขาจะต้องอดทนแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน
แม้รู้ดีว่าการที่เขาจะก้าวเข้ามาเป็นศิลปินจนโด่งดังคับฟ้าเป็นที่รักของคนทั่วประเทศและทั่วเอเชียแบบนี้ จะต้องแลกกับหลายๆสิ่งแม้กระทั่งความเป็นส่วนตัวที่จะต้องตัดใจสูญเสียไป แต่นี่มันไม่เกินไปหน่อยหรอ?
.
.
“พี่ยุนโฮมีอะไรจะคุยกับผมหรอครับ” ขาเรียวเล็กก้าวไปข้างหน้า เพื่อเดินตรงเข้าไปหาชองยุนโฮด้วยความรู้สึกแปลกๆเมื่อเห็นสายตาคู่นั้น แน่นอนว่าเป็นสายตาที่แน่นิ่งและเย็นชา หากแต่เหมือนมีบางอย่างซ่อนอยู่ในดวงตาคู่นั้นซึ่งเขาไม่อาจคาดเดาได้เลยว่ายุนโฮต้องการอะไร แค่รู้สึกว่ามันน่ากลัว
ไม่รอให้จุนซูเดินเข้ามาหา ร่างสูงโปร่งยันกายลุกขึ้นยืนพร้อมเดินตรงเข้ามาหาร่างเล็กเสียเอง ฝ่ามือใหญ่ยกขึ้นเปิดคอเสื้อของร่างตรงหน้าเผยให้เห็นรอยแดงสีจางๆบริเวณต้นคอระหงปรากฏแก่สายตาคมเด่นชัด ซึ่งนั่นก็ทำให้จุนซูตกใจเป็นอย่างมาก หัวใจดวงน้อยๆถึงกับเต้นสะดุด รู้สึกวูบชาไปทั้งตัว
“พี่ยุนโฮ..” มือเล็กยกขึ้นจับฝ่ามือนั้นไว้ พลางก้มหน้างุด ทำท่าจะร้องไห้ออกมาอยู่รอมร่อ แต่ก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อเจอเสียงตะคอกจากคนตรงหน้า
“ตอบฉันมาซะ รอยที่คอนี้ได้มาจากไหน ทำรายงานหรอ ฮึ ทำรายงานบ้าอะไรแบบนี้ รายงานเพศศึกษางั้นหรอ!” ยุนโฮตะคอกใส่คนตรงหน้าอย่างเหลืออด เขาทนมานานแล้วที่เห็นเจ้าตัวเล็กกลับบ้านดึกดื่นติดต่อมาหลายวัน ไม่ใช่ไม่เอะใจอะไร เพียงแค่อยากไว้ใจ เพราะหน้าตาใสซื่อและดูขาวสะอาดเหมือนผ้าบริสุทธิ์แบบนี้คงไม่ได้ไปทำเรื่องไม่ดี มาวันนี้..เขาผิดหวัง..เขาผิดหวังในตัวจุนซูมาก
“ฮึ่กก..รอยนั้น..ยุง..”
“ไม่ต้องมาอ้างว่ายุงกัด เมื่อวานฉันเห็นรอยชัดกว่านี้ตอนที่นายสลบไป หลงโง่มาตั้งนานนะ คิดว่าเป็นเด็กดี เงินน่ะ..ฉันส่งให้นายไปเรียนหนังสือ ไม่ได้ให้ไปร่าน!” เส้นอารมณ์ขาดผึงจนยากจะยับยั้งโทสะที่ล้นเหลือนี้ได้ จุนซูไม่เคยเห็นยุนโฮโมโหขนาดนี้มาก่อน สิ่งนี้ไม่ใช่เหรอที่เขาต้องการ เขาต้องการให้พี่เขยตะคอกใส่และใช้ถ้อยคำรุนแรงแบบนี้ไม่ใช่เหรอ? แต่ทำไมตอนนี้แข้งขามันรู้สึกอ่อนล้าไปหมด พอเอาเข้าจริงๆ เขาอยากจะปกปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับตลอดไป ไม่อยากให้พี่ยุนโฮรับรู้ ไม่อยากให้พี่ยุนโฮต้องผิดหวังในตัวเขา...นี่หรือคือสิ่งที่เขาอยากจะตอบแทน ไม่ใช่เลย..
“ ผมขอโทษ ฮืออ พี่ยุนโฮผมขอโทษ” หยดน้ำตาใสไหลอาบแก้มนวลอย่างห้ามไม่อยู่ ริมฝีปากบางพร่ำบอกแต่คำขอโทษต่อหน้าผู้มีพระคุณซ้ำๆ หากแต่มันคงสายเกินไปเสียแล้ว จุนซูร้องไห้จนตัวโยนเมื่อถูกชายหนุ่มจับลาดไหล่ตนไว้แน่นพลางบีบแรงๆด้วยความโมโหจนไหล่บางแทบแตกหักคามือ
“ใคร..ไปนอนกับใครมา!” ยุนโฮคาดคั้นคนที่ตัวเล็กกว่าพลางเขย่าร่างเล็กจนตัวโยน จุนซูจะคบใครเขาไม่ว่าเลย แต่รอให้เรียนจบก่อนไม่ได้เหรอ ใช่สิเขากำลังเป็นห่วง เขาเป็นห่วงจุนซูมาก ไม่อยากให้จุนซูหลงใหลไปกับสิ่งยั่วยุต่างๆจนหัวใจให้ไขว้เขวกระทั่งเสียผู้เสียคนไปในที่สุด เขารู้ดีในนิสัยไม่ค่อยทันคนแบบนี้จะถูกหลอกเอาได้ง่าย เขายอมรับว่าจุนซูเป็นเด็กผู้ชายที่น่ารักมาก ดูเผินๆในคราแรกนึกว่าเป็นเด็กผู้หญิงเสียอีก หากจุนซูจะไปมีอะไรกับใคร ให้เขาเดาต้องเป็นผู้ชายแน่นอน
“เงียบทำไม...ตอบฉันสิ”
“ฮึ่กก พี่ยุนโฮ ป..ปล่อยผมเถอะ ฮืออ จ..เจ็บ”
“ปล่อยแน่ แต่ต้องตอบคำถามฉันมาก่อน!”
“ฮึ่กก..ฮืออ” จุนซูยอมให้ยุนโฮตวาดลั่นอยู่แบบนี้จนกว่าพายุอารมณ์ของอีกฝ่ายจะสงบลง แน่นอนว่าเขาไม่ยอมเปิดปากบอกความจริงว่าผู้ชายที่เขานอนด้วยเป็นคิมแจจุง ต่อให้น้ำตาที่รินไหลมันแห้งเหือดไปและกลั่นออกมาเป็นสายเลือดแทนเขาก็ยอม
นี่เขากำลังทำอะไร..ปกป้องหรอ เขากำลังปกป้องคนที่ทำให้ตัวเองโดนด่าอยู่แบบนี้อย่างนั้นหรอ?
ไม่ใช่สิ...เขายินยอมเอง เขาเต็มใจนอนกับคุณแจจุงตั้งแต่ทีแรก คุณแจจุงไม่ผิด
เขาผิดเอง..ผิดตั้งแต่แรก..คนผิดคือเขา
จุนซูก้มหน้างุดเอาแต่ร้องไห้ไม่พูดไม่จา ไม่ตอบอะไรทั้งสิ้น พร้อมปลดปล่อยหยาดน้ำตารินไหลมาเป็นทางกระทั่งไหลย้อยลงมาจนถึงปลายคางสวยก่อนจะลามมาถึงต้นคอขาวเนียนตรงรอยแดงที่ขึ้นสีจางๆ เหมือนเป็นการชำละล้างตราบาป หากแต่มันก็ออกไม่หมด
“อาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์ไม่ต้องไปโรงเรียน ไม่ต้องออกจากบ้าน เพราะนายคงไม่ได้ไปเรียนอย่างเดียว!” ยุนโฮผละมือออกจากไหล่บางอย่างแรง จนร่างเล็กแทบจะล้มลงไปกองกับพื้น ม่านตาบางกระพริบถี่เพื่อปัดไล่หยาดน้ำตาที่ครอรื้นจนสายตาพร่าเลือนเพื่อที่จะได้มองคนตรงหน้าได้ชัดขึ้น
“พี่ยุนโฮ..พี่จะพาผมไปไหน ฮึ่ก” ร่างเล็กเดินปลิวไปตามแรงกระชากของชายหนุ่ม กระทั่งโดนลากมาถึงห้องนอนของตัวเอง
ปัง!
สิ้นเสียงปิดประตู ร่างทั้งร่างก็โดนผลักเข้ามาภายในห้องกว้างก่อนแผ่นหลังบางจะกระแทกลงไปกับพื้นเตียงอย่างแรง จุนซูใช้มือยันพื้นเตียงไว้เพื่อยันกายลุกขึ้นนั่งพร้อมถอยหลังกรูดจนแผ่นหลังบางชนเข้ากับหัวเตียง
ยุนโฮเข้ามาใกล้เรื่อยๆพลางโน้มหน้าเข้าหาใบหน้าหวานในระยะใกล้แค่ลมหายใจคั่น มือใหญ่ใช้ยันหัวเตียงไว้เพื่อปิดกลั้นช่องทางการหนีรอดของคนตัวเล็กไม่ให้หนีไปไหน
“อยู่แต่ในห้องนี้ไปซะหนึ่งอาทิตย์ ไม่ต้องไปโรงเรียน ไม่ต้องออกไปไหน”
“คงไม่ตายใช่หรอกใช่มั้ย ถ้าไม่ได้ออกไปเจอมันน่ะ ฮึ แต่ถ้าทนไม่ไหวจริงๆก็บอกฉันได้นะ ไม่ต้องออกไปร่านถึงข้างนอก!” พูดจบก็ผละกายออกมาพร้อมหันหลังให้คนตัวเล็กและเดินออกนอกประตูไปก่อนจะปิดประตูลง และไม่ลืมที่จะล็อคไว้
เสียงแกร็กจากด้านนอกบ่งบอกได้เลยว่าพี่เขยกำลังขังตนไว้ภายในห้องนี้ ร่างเล็กผุดลุกออกจากเตียงพร้อมเดินตรงไปเคาะประตูรัวหวังให้คนข้างนอกเปิดออก
ปังๆๆๆๆ
“พี่ยุนโฮ ฮึ่กก...ฮืออ เปิดประตูเถอะนะ ผมจะไม่ทำอีกแล้ว ฮึ่กก อย่าขังผมไว้แบบนี้เลยนะ ฮืออ” ใบหน้าหวานแนบไปกับบานประตูเพื่อรอฟังเสียงและปฏิกิริยาของอีกฝ่ายแต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เงียบ...อีกฝายคงเดินออกไปแล้ว เขาคิดเช่นนั้น
“ฮึ่กก ฮืออ” จุนซูทรุดตัวลงนั่ง ร่างทั้งร่างค่อยๆไหลลงมาเรื่อยๆกระทั่งลงมานั่งกองกับพื้นคล้ายคนไม่มีแรง เข่าทั้งสองข้างชันขึ้น พร้อมใบหน้าหวานฟุบแนบไปกับหัวเข่าตนปลดปล่อยหยาดน้ำตาออกมาให้สาแก่ใจ
เสียงสะอื้นร่ำไห้จากคนข้างใน ใช่ว่าตนจะไม่ได้ยิน หากแต่ทำเป็นใจแข็งจะใจอ่อนไม่ได้ เพื่อดัดนิสัยอีกฝ่ายให้หลาบจำ ไม่รู้ทำแบบนี้จะเข็ดหรือเปล่า
เขาแค่เป็นห่วงอนาคตของจุนซูมากเกินไป มากเกินจนไม่รู้ว่ามีสิ่งอื่นใดนอกเหนือจากความรู้สึกนั้นหรือเปล่า?
..............................
มีใครยังเชียร์โฮซูอีกป่ะคะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ยุนไม่ร้ายนะ เพียงแต่ เป็นห่วง เลยรุนแรงนิดนึง สุขสันต์วันสงกรานต์นะคะ นี่แว่บมาลงเที่ยงคืน อิอิ
นี่ไงความสัมพันธ์ของโฮซู มีใครเดาถึงความสัมพันธ์ของคู่นี้ถูกป่าวว่ามันจะออกมา
แบบนี้ อิอิ ส่วนแจคือ...ก็เหมือนตัวพี่แกนั่นแหละ ไม่ไรมาก
ส่วนพวกซาแซง ก็ตามนั้นแหละค่ะ กร๊ากกกกกกกกกกกก
ความคิดเห็น