ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : เวอร์จิเนียเทควันแรกของการเรียน
“แจค หยุดเดี๋ยวนี้นะเว้ย กรูบอกให้หยุด แกทำอะไรของแกว่ะ” พร้อมกันนั้น เรย์ก็กระชากแจคออกไปด้วย
“เป็นไงว่ะ รู้สึกยังไงบ้างที่กรูลวนลามแฟนมึง ได้ข่าวว่าไร้เดียงสามากนี่นา นี่ท่าทางกรูจะเป็นคนแรกนะที่ได้จูบกันมันตรงนั้นน่ะ” แจคตอบกลับเรย์ไปด้วยความสะใจ พร้อมทั้งสร้างความงงงวยให้กับทั้งฉันและเรย์ แต่ว่าในความงงงวยนั้นฉันก็ตอบคำถามมันอยู่ในใจ ใช่แล้วแกเนี่ยแหละทำอย่างนี้กับฉันคนแรก ตั้งแต่เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ฉันยังไม่เคยให้ใครมาแตะต้องฉันถึงขนาดนี้
“ไม่ใช้เว้ย ยัยคนนี้ไม่ใช่แฟนฉัน แกกำลังทำให้คนที่ไม่รู้เรื่องอย่างเขาแปดเปื้อนนะเว้ย” เมื่อเรย์จับใจความได้เรย์ก็เริ่มโต้ตอบ
“แกโกหก ถ้าไม่ใช่แฟนแกแล้วจะแฟนใคร กรูสืบมาแล้วแถวนี้ไม่มีเอเชี่ยนอยู่เลยสักคน” แจคตอบด้วยหน้าที่เริ่มสับสันเหมือนกัน
“ก็เค้าเพิ่งมาอยู่ใหม่ได้ไม่กี่วัน เค้าย้ายมาอยู่กับโจแอน แกก็รู้โจแอนรับเด็กแลกเปลี่ยนมาอยู่บ้านตลอด”
เรย์ตอบกลับเพื่อเตือนสตินายแจค คราวนี้ดูเหมือนได้ผลเพราะว่านายแจคหันมามองหน้าฉันที่ยื่นสั่นร้องไห้อยู่ด้วยใบหน้าที่เริ่มสำนึกผิด และแล้วในขณะที่ฉันคิดไม่ถึง นายแจคก็ถามฉันขึ้นมา “เธอชื่ออะไร”
“ฉันชื่อสา” ฉันพยายามจะกลั่นคำพูดออกไปอย่างยากเย็นด้วยที่ว่าติดขัดกับการสะอื้นของฉัน
“ไม่........ไม่ใช่... ไม่ใช่ซินดี้หรอฉันขอโทษ โธ่เว้ย ผิดตัวจนได้ นึกว่าสืบมาดีแล้วนะ” หลังจากแจคพูดจบ พร้อมกับเตะฟุตบาท แจคก็หันหลังเดินจากไป
เรย์หันกลับมามองฉันที่ยังร้องไห้และตัวสั่นด้วยความตกใจกลัวแล้วก็ส่ายหัว ทันใดนั้นฉันก็มองเห็นหน้าท้องเขา ฉันเริ่มมองเรื่อยขึ้นไปข้างบนแต่ก่อนที่ฉันจะได้เห็นหน้าเขา สิ่งๆหนึ่งมันก็เข้ามากระทบหน้าของฉัน
สิ่งๆนั้นก็คือ เสื้อ ของเขานั้นเองที่เขาถอดออกมาเพื่อให้ฉันเอามาบังตัวส่วนบนที่เสื้อของฉันตอนนี้ขาดหลุยไม่มีชิ้นดี ฉันได้แต่มองหน้าเขาอย่างอึ้งๆ อึ้งหนึ่งคือยังไม่หายช๊อก อึ้งสองคือเขาไม่ใช่หรอที่บอกฉันว่าอย่ามาใกล้เขา แล้วทำไมเขามาทำดีกับฉันอย่างนี้ล่ะ เขามาช่วยแล้วยังไม่ฉวยโอกาส แถมยังถอดเสื้อให้ เขาคนนี้น่ะหรอ คนที่ทำหน้าตาดุร้ายใส่ฉันเมื่อวาน เขาน่ะหรอที่บอกให้ฉันอยู่ไกล เขาน่ะหรอที่ไปทำอะไรใครให้เขาเจ็บปวดจนถึงกระทั่งที่คนอื่นจะต้องมาแก้แค้นเขาอย่างแสนสาหัสด้วยการทำให้แฟนเขาเจ็บ
แล้วก่อนที่ฉันจะพูดอะไรออกไปก็มีคนๆหนึ่งวิ่งออกมาจากบ้านของเรย์ เธอคนนั้นเป็นผู้หญิงวัน 30 กว่าๆ ผมสีดำยาว หุ่นยังถือว่าดีมาก พร้อมกับหน้าตาที่ตกใจ นี่ถ้าเธอไม่ตกใจนะ หน้าเธอตอนปกติคงจะบ่งบอกว่าตอนเธอสาวนั้นเธอสวยขนาดไหน เธอวิ่งตรงเข้ามาหาฉันที่กำลังร้องไห้และสั่นสะอื้นถามเรย์ว่าเกิดอะไรขึ้นแล้วพยุงฉันพาเดินกลับเข้าบ้านฉันไป
พอเข้าบ้านไปเธอก็ให้ฉันเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ในขณะที่เธอชงช๊อกโกแลตร้อนให้ฉัน พอฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเธอก็พาฉันมานั่งที่โซฟาในห้องนั่งเล่น พร้อมกับส่งช๊อกโกแลตให้ฉัน แล้วเธอก็รอให้สติของฉันกลับมาเธอถึงเริ่มคุยกับฉันเป็นภาษาไทยทำให้ฉันได้รู้ว่าเธอนั่นเองคือโซฟี แม่เลี้ยงของเรย์ที่เป็นคนไทย “เป็นอย่างไงบ้างจ๊ะ รู้สึกดีขึ้นไหม ฉันชื่อโซฟีนะ เป็นแม่เลี้ยงของเรย์ เด็กผู้ชายคนที่ช่วยเธอนั่นแหละ ฉันว่าเธอคงรู้จักเขาอยู่แล้วล่ะนะ” เธอยิ้มให้ฉันอย่างอบอุ่น ทำให้ฉันยิ่งเห็นความสวยของเธอที่เธอเคยเป็นและขณะนี้ที่ยังสวยอยู่
“ค่ะ ก็พอจะทราบแล้วล่ะค่ะตั้งแต่ คุณน้าพูดกับสาเป็นภาษาไทย สาชื่อสานะค่ะ ดีจังที่มีคนไทยอยู่ใกล้ๆอย่างนี้ ถ้ามีอะไรจะได้ขอความกรุณาง่ายๆหน่อย” ฉันที่เริ่มรู้สึกดีขึ้นทั้งกายและใจเริ่มพูดคุยด้วยความรู้สึกที่ดีใจที่ในที่สุดก็ได้เจอคนไทยอีกคนที่ไม่ใช่ยัยพู่แถมยังอยู่ใกล้กันแค่นี้อีก มีอะไรฉันจะได้ขอความช่วยเหลือง่ายๆหน่อย
“หนูเนี่ยมีสัมมาคารวะดีจังเลยนะจ๊ะเนี่ย คุณพ่อคุณแม่คงสอนมาดีนะจ๊ะ” โซฟีพูดออกมาโดยที่ไม่ได้สังเกตุใบหน้าของฉันที่เริ่มหม่นหมองขึ้นมาอีกครั้ง
“ขอบคุณค่ะ แต่ว่าสาน่ะมีแต่คุณพ่อนะค่ะ คุณแม่สาหย่ากับคุณพ่อแล้วไปแต่งงานใหม่กับฝรั่งตั้งแต่สาจำความได้แล้วล่ะค่ะ” ฉันตอบโซฟีไปพร้อมกับฝืนยิ้มอย่างเต็มที่
“อ้าว หรอจ๊ะ น้าขอโทษนะที่ไปพูดถึงคุณแม่หนูน่ะ น้าไม่ได้ตั้งใจ ไม่เป็นไรหรอกนะ อยู่กับน้า น้าจะเป็นเหมือนแม่หนูให้ น้าก็ไม่มีลูกของตัวเองสักคน” โซฟีตอบกลับมาอย่างใจดีพร้อมด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่นอีกครั้ง
“ขอบคุณค่ะคุณน้า อยู่ที่นี่คงมีความสุขดีนะคะที่มีน้าอยู่ใกล้ด้วย แค่นี้สาก็ไม่ต้องเหงาแล้ว” ฉันตอบด้วยอาการที่ดีขึ้นอีกครั้งแล้วเริ่มถามคำถามที่ฉันมีอยู่ในใจมานาน “แล้วทำไมคนๆนั้น คนที่ชื่อแจคน่ะคะ ถึงต้องมาทำร้ายสาล่ะคะ เห็นเกี่ยวกับเรย์ด้วยนี่ค่ะ”
“สาคงต้องไปถามเรย์เอาเองนะจ๊ะ น้าไม่อยากเข้าไปยุ่งกับเรื่องของเขามากเท่าไหร่ มันเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา เอาเป็นว่าสาเห็นหน้านายคนนั้นอีกเมื่อไหร่ก็อยู่ห่างๆเขาไว้ล่ะกัน ส่วนถ้าสาอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นสาคงต้องไปถามเรย์เอาเองแล้วล่ะ” โซฟีตอบกลับมาด้วยหน้าที่ไม่ดีสักเท่าไหร่ แล้วเธอก็เอ่ยลาฉันด้วยเหตุผลที่ว่าเธอจะต้องกลับไปเตรียมข้าวเย็นให้ที่บ้านของเธอแล้วเธอจะได้ปล่อยให้ฉันพักผ่อนตามลำพังด้วย แต่ก่อนจะกลับเธอก็บอกฉันว่าเธอกับเรย์จะไม่บอกใครเรื่องที่เกิดขึ้น เธอยกให้เป็นการตัดสินใจของฉันเองถ้าหากว่าฉันต้องการที่จะบอกใคร
หลังจากโซฟีกลับไปแล้ว ฉันก็นั่งเล่นอยู่คนเดียวสักพักก่อนที่จะเผลอหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย พอฉันมารู้สึกตัวอีกทีก็ 2 ทุ่มเข้าไปแล้ว อะไรน่ะหรอที่ทำให้ฉันตื่น ฉันได้กลิ่นอาหารเย็นน่ะสิ อาหารเย็นที่หอมกลุ่น ฉันเดินออกไปที่ห้องทานอาหารพร้อมกับทักโจแอนแล้วคุยกับเธอด้วยเรื่องทั่วไปตามประสาคนที่อยู่ด้วยกัน โจแอนเล่าให้ฉันฟังเรื่องที่ทำงานของเธอ ในขณะที่ฉันเล่าให้โจแอนฟังว่าฉันกลับมาแล้วก็ผล่อยหลับไปเลย ฉันตัดสินใจที่จะไม่บอกเรื่องที่เกิดขึ้นให้โจแอนต้องคอยลำบอกใจไปด้วย หลังอาหารเย็นฉันก็บอกราตรีสวัสดิ์โจแอนแล้วก็เข้านอน
วันจันทร์แล้ว ฉันจะได้ไปโรงเรียนที่นี่เป็นวันแรกแล้ว ฉันจะได้ไปโรงเรียนเดียวกับเรย์ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะได้เจอกับเขาหรือเปล่า ตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องขึ้นฉันก็ไม่ได้เจอหน้าเขาอีกเลย  กะจะขอบคุณเขาสักหน่อยแท้ๆที่มาช่วย  และแล้วฉันก็ได้มาถึงมหาวิทยาลัยของฉันพร้อมกับยัยพู่นั่งมาข้างๆฉันในรถ และแล้วความวุ่นวายก็เริ่มขึ้นด้วยเสียงของพู่นั่นเอง
“กรี๊ดๆๆๆๆ สาๆๆๆดูดิ มหาลัยพวกเราโคตรสวยเลยว่ะ” ฉันหันไปมองไอ้พู่ด้วยสายตาที่เบื่อหน่าย ทั้งๆที่ฉันเองก็เผลออ้าปากให้แมลงวันเข้าไปแล้วหลายตัว ตอนที่สมัครมาที่นี่เห็นในรูปแล้วก็พอจะรู้ว่าสวยแต่ไม่คิดว่าพอมาเห็นของจริงมันจะสวยขนาดนี้ ตึกที่ใหญ่โตสร้างด้วยอิฐทั้งหมด ดูยุโรปหน่อยๆ มองๆไปก็เหมือนโบส์ถอยู่เหมือนกัน หรูหรา ควาสสิคดีมาก คิดไม่ผิดจริงๆเลยที่เลือกมาเรียนที่นี่
“เงียบสักทีได้ไหมว่ะพู่ ฉันอุตส่าห์ขับรถมาด้วยความสงบเพราะว่าแกนอนหลับน้ำลายไหลตอนมา ไหงมาตื่นพอดีตอนมาถึงมหาลัยว่ะ ฉันอุตส่าห์กะจะปล่อยแกนอนต่อไปเลยในรถซะแล้ว” พอฉันได้ทีก็ด่ามันให้หยุดทันที ไอ้นี่หนิ เสียงดังซะเหลือเกิด “เดี๋ยวฉันก็ถ่ายวิดีโอตอนแก กรี๊ดๆๆไปให้แดเนียลดูซะเลยหนิ เออว่าแต่เป็นไงบ้างว่ะเดทแก ฉันไม่ได้ถามเลย พอดีเหนื่อยๆน่ะ เลยหลับซะส่วนใหญ่เมื่อวานไม่ได้รับโทรศัพท์แก พอจะถามแกตอนขับรถ แกก็นอนหลับน้ำลายไหลใส่เสื้อแกอยู่ ฉันเลยไม่อยากปลุกเดี๋ยวแกตกใจตื่นสะบัดน้ำลายแกทั่วรถฉันหมด” พอฉันคิดเรื่องนี้ขึ้นมาได้ฉันก็เริ่มซักมันอย่างใม่ให้มันตั้งตัวเลย
“ว้าย แกอย่าถามดิ ว้ายๆ พู่เงี่ยอายหมด ไม่เอาอ่ะ แดเนียล เดี๋ยวมีใครมาเห็นนะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ” ว่าแล้วยัยพู่ มันต้องไปทำอะไรที่ไม่ดีมาแล้วแน่ๆเลย หลังจากมันเพ้อเสร็จมันก็อายม้วนต้วน บิดไปบิดมาเป็นตัวบิด แล้วก็ไม่เล่าต่อ บอกให้ฉันใช่ความพยายามซักมันต่อตอนหลังแล้วกัน เดี๋ยวถ้ามันเล่ามันจะไม่มีอารมณ์เรียน เพราะว่าอารมณ์ของมันจะกระเจิงไปหมด มันได้แต่บอกว่าแดเนียลก็เรียนที่นี่เหมือนกัน แล้วมันก็นัดเขาแล้วเพื่อที่จะกินข้าวกลางวันด้วยกันพร้อมกับฉันและก็เพื่อนของเขาอีกคนที่เขาอยากจะแนะนำให้พู่รู้จักเหมือนกัน
หลังจากออกจากห้องเรียนสุดท้ายก่อนพักกลางวันของพวกเรา พวกเราก็รีบตรงไปที่โรงอาหารของมหาลัย ทำไมพวกเราออกหากห้องเดียวกันน่ะหรอ นั่นก็เพราะว่าด้วยความที่พวกเราเป็นเพื่อนรักกันมากถึงแม้จะต่างกันสุดขั้ว แต่เพื่อนรักกันมันก็ต้องมีบางสิ่งบางอย่างที่เหมือนกันบ้าง อย่างหนึ่งในนั้นก็คือ พวกเราสองคนอยากเป็นหมอเหมือนกันก็เลยต้องเรียนชั้นเดียวกัน
เมื่อพวกเรามาถึงโรงอาหารชั้นกับพู่ก็ช่วยกันหาแดเนียล พวกเราหากันตั้งนานก็ยังไม่เห็นใคร จนในที่สุดยัยพู่ต้องโทรหาแล้วยัยพู่ก็เดินนำชั้นไปหาแดเนียล ที่โต๊ะตัวหนึ่ง ที่พู่ทิ้งตัวลงไปนั่งข้างแดเนียลพร้อมกับที่แดเนียลอ้าแขนออกมากอดพู่(แบบทักทายนะ ถ้ามันมาหวานกันมากเกินไปตอนกลางวันฉันคงรับมันไม่ได้ อายเขา) ฉันก็ได้มองเห็นเพื่อนของเขา เพื่อนของเขาได้มองหน้าฉันอยู่อย่างนั้นมาตั้งนานแล้วตั้งแต่ฉันเดินเข้ามาใกล้ๆโต๊ะของพวกเขาแต่ว่าฉันไม่ได้มองเขาเพราะว่ามัวแต่มองแดเนียลกับเพื่อนของฉัน แต่ว่าเมื่อฉันหันกลับไปมองเพื่อนเขาว่าเป็นใคร ฉันก็ได้แต่มองเขาอย่างอึ้งๆอยู่อย่างนั้น พูดอะไรไม่ออก เพราะว่าเขาคนนั้นคือ.............
วันนี้เอาแค่นี้ก่อนนะ รีบแต่งเต็มที่แล้วแต่ว่ามันง่วงอ่ะไปนอนก่อนดีกว่ามีการบ้านที่ต้องทำอีกเยอะ
“เป็นไงว่ะ รู้สึกยังไงบ้างที่กรูลวนลามแฟนมึง ได้ข่าวว่าไร้เดียงสามากนี่นา นี่ท่าทางกรูจะเป็นคนแรกนะที่ได้จูบกันมันตรงนั้นน่ะ” แจคตอบกลับเรย์ไปด้วยความสะใจ พร้อมทั้งสร้างความงงงวยให้กับทั้งฉันและเรย์ แต่ว่าในความงงงวยนั้นฉันก็ตอบคำถามมันอยู่ในใจ ใช่แล้วแกเนี่ยแหละทำอย่างนี้กับฉันคนแรก ตั้งแต่เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ฉันยังไม่เคยให้ใครมาแตะต้องฉันถึงขนาดนี้
“ไม่ใช้เว้ย ยัยคนนี้ไม่ใช่แฟนฉัน แกกำลังทำให้คนที่ไม่รู้เรื่องอย่างเขาแปดเปื้อนนะเว้ย” เมื่อเรย์จับใจความได้เรย์ก็เริ่มโต้ตอบ
“แกโกหก ถ้าไม่ใช่แฟนแกแล้วจะแฟนใคร กรูสืบมาแล้วแถวนี้ไม่มีเอเชี่ยนอยู่เลยสักคน” แจคตอบด้วยหน้าที่เริ่มสับสันเหมือนกัน
“ก็เค้าเพิ่งมาอยู่ใหม่ได้ไม่กี่วัน เค้าย้ายมาอยู่กับโจแอน แกก็รู้โจแอนรับเด็กแลกเปลี่ยนมาอยู่บ้านตลอด”
เรย์ตอบกลับเพื่อเตือนสตินายแจค คราวนี้ดูเหมือนได้ผลเพราะว่านายแจคหันมามองหน้าฉันที่ยื่นสั่นร้องไห้อยู่ด้วยใบหน้าที่เริ่มสำนึกผิด และแล้วในขณะที่ฉันคิดไม่ถึง นายแจคก็ถามฉันขึ้นมา “เธอชื่ออะไร”
“ฉันชื่อสา” ฉันพยายามจะกลั่นคำพูดออกไปอย่างยากเย็นด้วยที่ว่าติดขัดกับการสะอื้นของฉัน
“ไม่........ไม่ใช่... ไม่ใช่ซินดี้หรอฉันขอโทษ โธ่เว้ย ผิดตัวจนได้ นึกว่าสืบมาดีแล้วนะ” หลังจากแจคพูดจบ พร้อมกับเตะฟุตบาท แจคก็หันหลังเดินจากไป
เรย์หันกลับมามองฉันที่ยังร้องไห้และตัวสั่นด้วยความตกใจกลัวแล้วก็ส่ายหัว ทันใดนั้นฉันก็มองเห็นหน้าท้องเขา ฉันเริ่มมองเรื่อยขึ้นไปข้างบนแต่ก่อนที่ฉันจะได้เห็นหน้าเขา สิ่งๆหนึ่งมันก็เข้ามากระทบหน้าของฉัน
สิ่งๆนั้นก็คือ เสื้อ ของเขานั้นเองที่เขาถอดออกมาเพื่อให้ฉันเอามาบังตัวส่วนบนที่เสื้อของฉันตอนนี้ขาดหลุยไม่มีชิ้นดี ฉันได้แต่มองหน้าเขาอย่างอึ้งๆ อึ้งหนึ่งคือยังไม่หายช๊อก อึ้งสองคือเขาไม่ใช่หรอที่บอกฉันว่าอย่ามาใกล้เขา แล้วทำไมเขามาทำดีกับฉันอย่างนี้ล่ะ เขามาช่วยแล้วยังไม่ฉวยโอกาส แถมยังถอดเสื้อให้ เขาคนนี้น่ะหรอ คนที่ทำหน้าตาดุร้ายใส่ฉันเมื่อวาน เขาน่ะหรอที่บอกให้ฉันอยู่ไกล เขาน่ะหรอที่ไปทำอะไรใครให้เขาเจ็บปวดจนถึงกระทั่งที่คนอื่นจะต้องมาแก้แค้นเขาอย่างแสนสาหัสด้วยการทำให้แฟนเขาเจ็บ
แล้วก่อนที่ฉันจะพูดอะไรออกไปก็มีคนๆหนึ่งวิ่งออกมาจากบ้านของเรย์ เธอคนนั้นเป็นผู้หญิงวัน 30 กว่าๆ ผมสีดำยาว หุ่นยังถือว่าดีมาก พร้อมกับหน้าตาที่ตกใจ นี่ถ้าเธอไม่ตกใจนะ หน้าเธอตอนปกติคงจะบ่งบอกว่าตอนเธอสาวนั้นเธอสวยขนาดไหน เธอวิ่งตรงเข้ามาหาฉันที่กำลังร้องไห้และสั่นสะอื้นถามเรย์ว่าเกิดอะไรขึ้นแล้วพยุงฉันพาเดินกลับเข้าบ้านฉันไป
พอเข้าบ้านไปเธอก็ให้ฉันเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ในขณะที่เธอชงช๊อกโกแลตร้อนให้ฉัน พอฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเธอก็พาฉันมานั่งที่โซฟาในห้องนั่งเล่น พร้อมกับส่งช๊อกโกแลตให้ฉัน แล้วเธอก็รอให้สติของฉันกลับมาเธอถึงเริ่มคุยกับฉันเป็นภาษาไทยทำให้ฉันได้รู้ว่าเธอนั่นเองคือโซฟี แม่เลี้ยงของเรย์ที่เป็นคนไทย “เป็นอย่างไงบ้างจ๊ะ รู้สึกดีขึ้นไหม ฉันชื่อโซฟีนะ เป็นแม่เลี้ยงของเรย์ เด็กผู้ชายคนที่ช่วยเธอนั่นแหละ ฉันว่าเธอคงรู้จักเขาอยู่แล้วล่ะนะ” เธอยิ้มให้ฉันอย่างอบอุ่น ทำให้ฉันยิ่งเห็นความสวยของเธอที่เธอเคยเป็นและขณะนี้ที่ยังสวยอยู่
“ค่ะ ก็พอจะทราบแล้วล่ะค่ะตั้งแต่ คุณน้าพูดกับสาเป็นภาษาไทย สาชื่อสานะค่ะ ดีจังที่มีคนไทยอยู่ใกล้ๆอย่างนี้ ถ้ามีอะไรจะได้ขอความกรุณาง่ายๆหน่อย” ฉันที่เริ่มรู้สึกดีขึ้นทั้งกายและใจเริ่มพูดคุยด้วยความรู้สึกที่ดีใจที่ในที่สุดก็ได้เจอคนไทยอีกคนที่ไม่ใช่ยัยพู่แถมยังอยู่ใกล้กันแค่นี้อีก มีอะไรฉันจะได้ขอความช่วยเหลือง่ายๆหน่อย
“หนูเนี่ยมีสัมมาคารวะดีจังเลยนะจ๊ะเนี่ย คุณพ่อคุณแม่คงสอนมาดีนะจ๊ะ” โซฟีพูดออกมาโดยที่ไม่ได้สังเกตุใบหน้าของฉันที่เริ่มหม่นหมองขึ้นมาอีกครั้ง
“ขอบคุณค่ะ แต่ว่าสาน่ะมีแต่คุณพ่อนะค่ะ คุณแม่สาหย่ากับคุณพ่อแล้วไปแต่งงานใหม่กับฝรั่งตั้งแต่สาจำความได้แล้วล่ะค่ะ” ฉันตอบโซฟีไปพร้อมกับฝืนยิ้มอย่างเต็มที่
“อ้าว หรอจ๊ะ น้าขอโทษนะที่ไปพูดถึงคุณแม่หนูน่ะ น้าไม่ได้ตั้งใจ ไม่เป็นไรหรอกนะ อยู่กับน้า น้าจะเป็นเหมือนแม่หนูให้ น้าก็ไม่มีลูกของตัวเองสักคน” โซฟีตอบกลับมาอย่างใจดีพร้อมด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่นอีกครั้ง
“ขอบคุณค่ะคุณน้า อยู่ที่นี่คงมีความสุขดีนะคะที่มีน้าอยู่ใกล้ด้วย แค่นี้สาก็ไม่ต้องเหงาแล้ว” ฉันตอบด้วยอาการที่ดีขึ้นอีกครั้งแล้วเริ่มถามคำถามที่ฉันมีอยู่ในใจมานาน “แล้วทำไมคนๆนั้น คนที่ชื่อแจคน่ะคะ ถึงต้องมาทำร้ายสาล่ะคะ เห็นเกี่ยวกับเรย์ด้วยนี่ค่ะ”
“สาคงต้องไปถามเรย์เอาเองนะจ๊ะ น้าไม่อยากเข้าไปยุ่งกับเรื่องของเขามากเท่าไหร่ มันเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา เอาเป็นว่าสาเห็นหน้านายคนนั้นอีกเมื่อไหร่ก็อยู่ห่างๆเขาไว้ล่ะกัน ส่วนถ้าสาอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นสาคงต้องไปถามเรย์เอาเองแล้วล่ะ” โซฟีตอบกลับมาด้วยหน้าที่ไม่ดีสักเท่าไหร่ แล้วเธอก็เอ่ยลาฉันด้วยเหตุผลที่ว่าเธอจะต้องกลับไปเตรียมข้าวเย็นให้ที่บ้านของเธอแล้วเธอจะได้ปล่อยให้ฉันพักผ่อนตามลำพังด้วย แต่ก่อนจะกลับเธอก็บอกฉันว่าเธอกับเรย์จะไม่บอกใครเรื่องที่เกิดขึ้น เธอยกให้เป็นการตัดสินใจของฉันเองถ้าหากว่าฉันต้องการที่จะบอกใคร
หลังจากโซฟีกลับไปแล้ว ฉันก็นั่งเล่นอยู่คนเดียวสักพักก่อนที่จะเผลอหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย พอฉันมารู้สึกตัวอีกทีก็ 2 ทุ่มเข้าไปแล้ว อะไรน่ะหรอที่ทำให้ฉันตื่น ฉันได้กลิ่นอาหารเย็นน่ะสิ อาหารเย็นที่หอมกลุ่น ฉันเดินออกไปที่ห้องทานอาหารพร้อมกับทักโจแอนแล้วคุยกับเธอด้วยเรื่องทั่วไปตามประสาคนที่อยู่ด้วยกัน โจแอนเล่าให้ฉันฟังเรื่องที่ทำงานของเธอ ในขณะที่ฉันเล่าให้โจแอนฟังว่าฉันกลับมาแล้วก็ผล่อยหลับไปเลย ฉันตัดสินใจที่จะไม่บอกเรื่องที่เกิดขึ้นให้โจแอนต้องคอยลำบอกใจไปด้วย หลังอาหารเย็นฉันก็บอกราตรีสวัสดิ์โจแอนแล้วก็เข้านอน
วันจันทร์แล้ว ฉันจะได้ไปโรงเรียนที่นี่เป็นวันแรกแล้ว ฉันจะได้ไปโรงเรียนเดียวกับเรย์ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะได้เจอกับเขาหรือเปล่า ตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องขึ้นฉันก็ไม่ได้เจอหน้าเขาอีกเลย  กะจะขอบคุณเขาสักหน่อยแท้ๆที่มาช่วย  และแล้วฉันก็ได้มาถึงมหาวิทยาลัยของฉันพร้อมกับยัยพู่นั่งมาข้างๆฉันในรถ และแล้วความวุ่นวายก็เริ่มขึ้นด้วยเสียงของพู่นั่นเอง
“กรี๊ดๆๆๆๆ สาๆๆๆดูดิ มหาลัยพวกเราโคตรสวยเลยว่ะ” ฉันหันไปมองไอ้พู่ด้วยสายตาที่เบื่อหน่าย ทั้งๆที่ฉันเองก็เผลออ้าปากให้แมลงวันเข้าไปแล้วหลายตัว ตอนที่สมัครมาที่นี่เห็นในรูปแล้วก็พอจะรู้ว่าสวยแต่ไม่คิดว่าพอมาเห็นของจริงมันจะสวยขนาดนี้ ตึกที่ใหญ่โตสร้างด้วยอิฐทั้งหมด ดูยุโรปหน่อยๆ มองๆไปก็เหมือนโบส์ถอยู่เหมือนกัน หรูหรา ควาสสิคดีมาก คิดไม่ผิดจริงๆเลยที่เลือกมาเรียนที่นี่
“เงียบสักทีได้ไหมว่ะพู่ ฉันอุตส่าห์ขับรถมาด้วยความสงบเพราะว่าแกนอนหลับน้ำลายไหลตอนมา ไหงมาตื่นพอดีตอนมาถึงมหาลัยว่ะ ฉันอุตส่าห์กะจะปล่อยแกนอนต่อไปเลยในรถซะแล้ว” พอฉันได้ทีก็ด่ามันให้หยุดทันที ไอ้นี่หนิ เสียงดังซะเหลือเกิด “เดี๋ยวฉันก็ถ่ายวิดีโอตอนแก กรี๊ดๆๆไปให้แดเนียลดูซะเลยหนิ เออว่าแต่เป็นไงบ้างว่ะเดทแก ฉันไม่ได้ถามเลย พอดีเหนื่อยๆน่ะ เลยหลับซะส่วนใหญ่เมื่อวานไม่ได้รับโทรศัพท์แก พอจะถามแกตอนขับรถ แกก็นอนหลับน้ำลายไหลใส่เสื้อแกอยู่ ฉันเลยไม่อยากปลุกเดี๋ยวแกตกใจตื่นสะบัดน้ำลายแกทั่วรถฉันหมด” พอฉันคิดเรื่องนี้ขึ้นมาได้ฉันก็เริ่มซักมันอย่างใม่ให้มันตั้งตัวเลย
“ว้าย แกอย่าถามดิ ว้ายๆ พู่เงี่ยอายหมด ไม่เอาอ่ะ แดเนียล เดี๋ยวมีใครมาเห็นนะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ” ว่าแล้วยัยพู่ มันต้องไปทำอะไรที่ไม่ดีมาแล้วแน่ๆเลย หลังจากมันเพ้อเสร็จมันก็อายม้วนต้วน บิดไปบิดมาเป็นตัวบิด แล้วก็ไม่เล่าต่อ บอกให้ฉันใช่ความพยายามซักมันต่อตอนหลังแล้วกัน เดี๋ยวถ้ามันเล่ามันจะไม่มีอารมณ์เรียน เพราะว่าอารมณ์ของมันจะกระเจิงไปหมด มันได้แต่บอกว่าแดเนียลก็เรียนที่นี่เหมือนกัน แล้วมันก็นัดเขาแล้วเพื่อที่จะกินข้าวกลางวันด้วยกันพร้อมกับฉันและก็เพื่อนของเขาอีกคนที่เขาอยากจะแนะนำให้พู่รู้จักเหมือนกัน
หลังจากออกจากห้องเรียนสุดท้ายก่อนพักกลางวันของพวกเรา พวกเราก็รีบตรงไปที่โรงอาหารของมหาลัย ทำไมพวกเราออกหากห้องเดียวกันน่ะหรอ นั่นก็เพราะว่าด้วยความที่พวกเราเป็นเพื่อนรักกันมากถึงแม้จะต่างกันสุดขั้ว แต่เพื่อนรักกันมันก็ต้องมีบางสิ่งบางอย่างที่เหมือนกันบ้าง อย่างหนึ่งในนั้นก็คือ พวกเราสองคนอยากเป็นหมอเหมือนกันก็เลยต้องเรียนชั้นเดียวกัน
เมื่อพวกเรามาถึงโรงอาหารชั้นกับพู่ก็ช่วยกันหาแดเนียล พวกเราหากันตั้งนานก็ยังไม่เห็นใคร จนในที่สุดยัยพู่ต้องโทรหาแล้วยัยพู่ก็เดินนำชั้นไปหาแดเนียล ที่โต๊ะตัวหนึ่ง ที่พู่ทิ้งตัวลงไปนั่งข้างแดเนียลพร้อมกับที่แดเนียลอ้าแขนออกมากอดพู่(แบบทักทายนะ ถ้ามันมาหวานกันมากเกินไปตอนกลางวันฉันคงรับมันไม่ได้ อายเขา) ฉันก็ได้มองเห็นเพื่อนของเขา เพื่อนของเขาได้มองหน้าฉันอยู่อย่างนั้นมาตั้งนานแล้วตั้งแต่ฉันเดินเข้ามาใกล้ๆโต๊ะของพวกเขาแต่ว่าฉันไม่ได้มองเขาเพราะว่ามัวแต่มองแดเนียลกับเพื่อนของฉัน แต่ว่าเมื่อฉันหันกลับไปมองเพื่อนเขาว่าเป็นใคร ฉันก็ได้แต่มองเขาอย่างอึ้งๆอยู่อย่างนั้น พูดอะไรไม่ออก เพราะว่าเขาคนนั้นคือ.............
วันนี้เอาแค่นี้ก่อนนะ รีบแต่งเต็มที่แล้วแต่ว่ามันง่วงอ่ะไปนอนก่อนดีกว่ามีการบ้านที่ต้องทำอีกเยอะ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น