ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เจอกับเรย์ พ่อหนุ่มข้างบ้าน
“อย่าได้คิดมาเข้าใกล้ฉันเป็นอันขาดเลยนะ ฉันไม่อยากจะยุ่งกับใครที่มีเชื้อสายไทยทั้งนั้น พวกเธอน่ะมันไม่มียางอาย” นั่นเป็นคำพูดที่สอง หลังจากที่เขาแนะนำตัว ที่ออกจากปากของเขาหลังจากที่โจแอนเดินไปแล้ว เรย์ หนุ่มขาวที่มีผมสีดำ ตาสีฟ้าเข้มเป็นประกาย รูปร่างสูงส่มส่วน คนที่ทำให้ใจของฉันหวั่นไหวตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบ แล้วเขาก็เดินกลับเขาบ้านไป
“อ้าวกลับมาแล้วหรอ ฉันเพิ่งแนะนำเรย์ให้รู้จักไปเองนี่ ทำไมทักทายกันเสร็จเร็วจังเลยล่ะ” โจแอนทักฉันทันทีเมื่อฉันเดินกลับเข้ามาในบ้านหลังจากเธอไม่ถึง 5 นาที
“อ๋อ พอดีเรย์เขาบอกว่าเขาไม่ว่างน่ะค่ะมีการบ้านเยอะ เอาไว้วันหลังเขาจะมาคุยด้วยใหม่” นั่นคือคำตอบที่ออกจากปากของฉัน อริสา หรือ เรียกง่ายๆว่า สา หญิงไทยจากต่างแดนมาศึกษาต่อที่อเมริกา และมาอยู่กับโจแอน สาวโสดที่รับจ้างเป็นโฮสให้เด็กต่างชาติมาอยู่ด้วยเป็นเพื่อนในยามเหงา
ฉันเรียนจบจากมัธยมเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เมื่อปีที่แล้ว ระหว่างตัดสินว่าจะเรียนต่อที่ไหนดี ยัยพู่เพื่อนตัวดีของฉันก็ชวนฉันมาเรียนต่อที่อเมริกาด้วยกัน ด้วยความที่เราเรียนมาด้วยกันตลอดตั้งแต่ม.1 เราเลยสนิทกันมาก และฉันก็คิดไม่ออกว่าชีวิตที่ขาดจากพู่ไปฉันจะอยู่ยังไง อเมริการึก็เป็นประเทศที่หลายๆคนอยากไปแต่ไม่มีโอกาส ส่วนฉันไปมาแล้วหลายครั้งเหมือนกัน แต่ไม่เคยไปเรียนสักทีได้แต่เที่ยวไปวันๆ ฉันเลยตัดสินใจมาเรียนต่อกับพู่ โดยที่พู่ได้โฮสห่างจากบ้านฉันไปอีก 2 ซอย
ฉันกับพู่มาถึงอเมริกาเมื่อ 2 วันก่อน หลังจากผักผ่อนไปแล้วและแนะนำตัวกับโจแอนไปแล้วันแรก วันนี้ โจแอนเลยบอกว่าจะแนะนำให้รู้จักเพื่อนข้างบ้านซึ่งเป็นคนไทยเหมือนกัน แต่กลับเป็นว่าเขาไม่อยู่บ้านอยู่แต่ลูกชายเขา
“อ้าวเรย์ โซฟีไม่อยู่บ้านหรอ” โจแอนถาม
คนนี้น่ะหรอเพื่อนบ้านชั้น ดูลึกลับยังไงชอบกล จะว่าหล่อหรือก็ไม่ถึงขนาดนั้น แต่ว่าทำไมเขาถึงทำให้ใจฉันหวั่นไหวยังไงไม่รู้ หัวใจฉันเริ่มเต้นอย่างไม่เป็นจังหวะ ท้องไส้เริ่มปั่นปวน
“ไม่อยู่ครับพอดีออกไปข้างนอกกับพ่อ สงสัยคงไปทานอาหารเย็นกันต่อ” เรย์ตอบ “แล้วนี่ใครหรอครับ คนมาอยู่ใหม่กับโจแอนหรอ น่ารักดีนะ” เขายิ้มให้ฉันด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่นที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมา ตาสีฟ้านั้นเป็นประกาย เหมือนฉันมองเข้าไปที่วิวทะเลกระทบแสงแดด
“ใช่จ๊ะพอดีฉันเบื่อแล้วอ่ะนะ พวกนักเรียนเยอรมันน่ะ ควบคุมยากคราวนี้ชั้นเลยขอเอเชี่ยน ไม่คิดว่าจะมาได้ชาติเดียวกับแม่เลี้ยงเธอ” โจแอนเล่าไปอย่างได้รส โดยไม่ได้สังเกตุ แววตาของเรย์ที่มองสาอย่างเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ มันเปลี่ยนไปจากแววตาที่อบอุ่นกลายเป็นแววตาที่หนาวเหน็บและแข็งกร้าวในฉันพลัน
“ว้า งั้นเอาเป็นว่าฉันกลับบ้านก่อนดีกว่าพวกเธอก็แนะนำตัวกันเองแล้วกันละ” โจแอน พูดแล้วก็เดินจากไป
“สวัสดี ฉันชื่อ อริสา นะ เรียกว่า สา ก็ได้” ฉันพูดขึ้นหลังจากโจแอนเดินไปแล้ว “เรียนที่ไหนหรอ เรามาเรียนต่อที่ เวอร์จิเนียเทคน่ะ”
“เราชื่อเรย์ เรียนที่เวอร์จิเนียเทคเหมือนกัน” เขามองหน้าฉันอีกที่อย่างไม่เป็นมิตรก่อนที่จะพูดว่า “อย่าได้คิดมาเข้าใกล้ฉันเป็นอันขาดเลยนะ ฉันไม่อยากจะยุ่งกับใครที่มีเชื้อสายไทยทั้งนั้น พวกเธอน่ะมันไม่มียางอาย” แล้วเขาก็ปิดประตูใส่หน้าของฉัน
สิ้นคำที่เขาพูด จิตใจของฉันเจ็บ และความรู้สึกดีๆที่มีต่อเขาก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง คนอะไร ยังไม่ทันรู้จักกันด้วยซ้ำมาตัดสินกันที่ชนชาติ ฉันหันหลังเดินกลับบ้านและจัดการโทรหาพู่ทันที เผื่อว่าพู่จะช่วยคิดกับฉันหน่อยว่าเป็นคนไทยเนี่ยไม่ดีตรงไหนหรอ หลังจากไม่ถึง 2 กริ๊ง ก็มีคนมารับสาย
“Hello this is Jessica speaking” เจสสิกา โฮสของพู่รับสายขึ้นมา
“Hello Jessica, this is Sa. May I speak with Poo please” ฉันก็ตอบเขากลับไปว่าขอพูดกับพู่ค่ะ
“Of course you can, just a minute” เจสสิกาบอกว่าได้ รอเดี๋ยวนะจ๊ะ
หลังจากที่ฉันรอได้สักประมาณ 5 นาที พู่ก็มารับสาย ฉันเลยเริ่มบ่นทันที
“นี่แม่คุณจะให้ฉันรอสายถึงพรุ่งนี้เช้าเลยไหมล่ะแล้วค่อยมารับ” หงุดหงินแฮะ หงุดหงิด
“ขอโทษจ้า พอดีฉันอาบน้ำอยู่ เลยต้องรีบเช็ดตัวแต่งตัวออกมารับ เป็นไง วันนี้ชีวิตสนุกสนานไหม” นี่พู่ พู่ถามได้ไม่ถูกใจฉันเลยนะวันนี้เนี่ย
“ห่วยแตกมากเลย ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลย เจอตาฝรั่งบ้าว่าฉันจนถึงคนทั้งชาติพวกเราเลย ว่าที่ว่าทั่งชาติเลยว่าคนไทยไม่มียางอาย” ฉันตอบอย่างอารมณ์เสียสุดๆ
“อ้าว ทำไมอ่ะ ใครหรอ กล้ามาว่าคนไทยได้ไงเนี่ย คนไทยของเราออกจะสงบเสงี่ยเรียบร้อย มีด้วยหรอคนที่เกลียดคนไทย มีแต่จะรักกันทั้งนั้นน่ะแหละ” พู่ตอบด้วยอารมณ์ที่เริ่มฉุน เหมือนฉัน ดีมากไอ้เพื่อนรัก ลองไม่รู้สึกด้วยกับฉันสิ ได้เลิกคบแน่ บังอาจมาว่าคนทั้งชาติเลย ฉันเนี่ย เทิดทูน ชาติ ศาสนา พรมหากษัติรย์เป็นที่หนึ่งนะจ๊ะ
“ไม่รู้สิ เห็นโจแอนก็บอกนะว่าบ้านนั้นก็มีคนไทยอยู่ด้วย แต่รู้สึกว่าจะเป็นแม่เลี้ยงเขาน่ะ ไม่ใช่แม่จริงๆ” ฉันตอบ
“สงสัยเขาไม่ถูกกันมั้ง สองแม่ลูกนั่นน่ะ” พู่ตอบทำให้ชั้นเริ่มมีไอเดียขึ้นมาเหมือนกัน
“แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะมาลงใส่คนอื่นอย่างนี้นี่นา เฮ้อ ฉันไม่นึกเลยนะว่าจะมาโดนคนเกลียด แถมบ้านก็ยังอยู่ใกล้กันขนาดนี้ตั้งแต่แรกๆเริ่มเลย ฉันกำลังลังเลแล้วนะเนี่ยว่าตัดสินใจถูกหรือเปล่าที่มาเนี่ย” จริงๆนะ ฉันเริ่มลังเลว่าจะกลับดีไหมเนี่ย กลับไปเรียนเมืองไทยก็ยังทันนะ หมายถึงว่ากลับไปเที่ยวต่ออีกหน่อยนะ แล้วค่อยเริ่มเรียน แหะๆๆๆ
“เฮ้ยไม่ได้นะสา” พู่แหว้ขึ้นมาทำฉันตกใจไปพักหนึ่ง “ไม่ได้นะเสียตังค์ค่าเครื่องบินมาตั้งหลายบาทนะ” สรุปว่าไอ้เนี่ยมันเสียดายตังค์อย่างเดียวใช่ไหมไม่ได้สนใจเลยว่าฉันจะรู้สึกยังไง
“เออๆๆง่วงและ เดี๋ยวไปนอนก่อนดีกว่า ไว้ค่อยคิดใหม่ละกันว่าจะทำยังไงต่อดี” ฉันตอบอย่างเซ็งๆ “เดี๋ยวอีก 3 วันโรงเรียนก็เปิดแล้ว เอออีตานั่นเรียนที่เดียวกับเราด้วยแหละ ฉันเนี่ยไม่อยากจะเจอเลย”
“หรอ น่าตื่นเต้นดีออกนะ ไปเรียนกับคนที่เขาเกลียดเรา ยิ่งถ้าได้เรียนห้องเดียวกันก็ยิ่งดี เธอจะได้เรียนให้เก่งกว่าเขาหยามหน้าเขาไปเลยไงล่ะ” พู่ตอบด้วยอาการตื่นเต้น แต่เอ๊ะ พู่พูดก็เข้าถ้าดีแหะ น่าสนุด อยู่ดีๆมาดูถูกคนไทย เดี๋ยวจะได้รู้กันว่าคนไทยเรียนเก่งขนาดไหน
“อืมตั้งแต่คุยมาพู่เพิ่งพูดเข้าท่าก็ตอนนี้แหละนะ” ฉันตอบพูดไปด้วยอารมณ์ที่ดีขึ้น
“เอ๊ย ยัยสาหมายความว่าไงย่ะ ฉันน่ะพูดเข้าท่าตลอดแหละ จะมีติดงี่เง่านิดๆเป็นครั้งคราวย่ะ นี่จะไปนอนแล้วไม่ใช่หรอ ไปไป๊ เดี๋ยวฉันส่งเธอกลับเมืองไทยซะเองเลยหนิ” ยัยพู่เริ่มแหว้ใส่ฉันต่อ ฉันเลยว่าฉันไปนอนจริงๆดีกว่าง่วงแหละ
“อืมงั้นไนท์นะ ไว้เจอกันอีก 3 วัน” พู่เลย ตอบ “ได้แล้วเจอกัน”
ขณะที่ฉันปิดไฟเตรียมพร้อมจะเข้านอนนั้น ฉันเห็นเงาคนบางคนในความมืดอยู่นอกบ้านถัดไปที่เป็นที่อยู่บ้านของเรย์ แต่ฉันก็ไม่แน่ใจว่าใช่เรย์หรือเปล่า ฉันจ้องเขาไปในความมืด เพ่งพินิจพิจรณาว่าใครกันที่มานั่งตอนกลางคืนดึกดื่นอย่างนี้ ไหล่ของเขาสั่นไหวไปในความมืด
นี่คนๆนั้นกำลังร้องไห้หรือนี่ แล้วคนๆนั้นเป็นใครกันล่ะ ฉันจ้องมองด้วยความสงสัยอีกสักพัก ฉันก็กลับเขาไปนอน เพื่อเตรียมตัวจะไปซื้อรถพรุ่งนี้เช้า เพื่อใช้ขับรถไปโรงเรียน
“อ้าวกลับมาแล้วหรอ ฉันเพิ่งแนะนำเรย์ให้รู้จักไปเองนี่ ทำไมทักทายกันเสร็จเร็วจังเลยล่ะ” โจแอนทักฉันทันทีเมื่อฉันเดินกลับเข้ามาในบ้านหลังจากเธอไม่ถึง 5 นาที
“อ๋อ พอดีเรย์เขาบอกว่าเขาไม่ว่างน่ะค่ะมีการบ้านเยอะ เอาไว้วันหลังเขาจะมาคุยด้วยใหม่” นั่นคือคำตอบที่ออกจากปากของฉัน อริสา หรือ เรียกง่ายๆว่า สา หญิงไทยจากต่างแดนมาศึกษาต่อที่อเมริกา และมาอยู่กับโจแอน สาวโสดที่รับจ้างเป็นโฮสให้เด็กต่างชาติมาอยู่ด้วยเป็นเพื่อนในยามเหงา
ฉันเรียนจบจากมัธยมเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เมื่อปีที่แล้ว ระหว่างตัดสินว่าจะเรียนต่อที่ไหนดี ยัยพู่เพื่อนตัวดีของฉันก็ชวนฉันมาเรียนต่อที่อเมริกาด้วยกัน ด้วยความที่เราเรียนมาด้วยกันตลอดตั้งแต่ม.1 เราเลยสนิทกันมาก และฉันก็คิดไม่ออกว่าชีวิตที่ขาดจากพู่ไปฉันจะอยู่ยังไง อเมริการึก็เป็นประเทศที่หลายๆคนอยากไปแต่ไม่มีโอกาส ส่วนฉันไปมาแล้วหลายครั้งเหมือนกัน แต่ไม่เคยไปเรียนสักทีได้แต่เที่ยวไปวันๆ ฉันเลยตัดสินใจมาเรียนต่อกับพู่ โดยที่พู่ได้โฮสห่างจากบ้านฉันไปอีก 2 ซอย
ฉันกับพู่มาถึงอเมริกาเมื่อ 2 วันก่อน หลังจากผักผ่อนไปแล้วและแนะนำตัวกับโจแอนไปแล้วันแรก วันนี้ โจแอนเลยบอกว่าจะแนะนำให้รู้จักเพื่อนข้างบ้านซึ่งเป็นคนไทยเหมือนกัน แต่กลับเป็นว่าเขาไม่อยู่บ้านอยู่แต่ลูกชายเขา
“อ้าวเรย์ โซฟีไม่อยู่บ้านหรอ” โจแอนถาม
คนนี้น่ะหรอเพื่อนบ้านชั้น ดูลึกลับยังไงชอบกล จะว่าหล่อหรือก็ไม่ถึงขนาดนั้น แต่ว่าทำไมเขาถึงทำให้ใจฉันหวั่นไหวยังไงไม่รู้ หัวใจฉันเริ่มเต้นอย่างไม่เป็นจังหวะ ท้องไส้เริ่มปั่นปวน
“ไม่อยู่ครับพอดีออกไปข้างนอกกับพ่อ สงสัยคงไปทานอาหารเย็นกันต่อ” เรย์ตอบ “แล้วนี่ใครหรอครับ คนมาอยู่ใหม่กับโจแอนหรอ น่ารักดีนะ” เขายิ้มให้ฉันด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่นที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมา ตาสีฟ้านั้นเป็นประกาย เหมือนฉันมองเข้าไปที่วิวทะเลกระทบแสงแดด
“ใช่จ๊ะพอดีฉันเบื่อแล้วอ่ะนะ พวกนักเรียนเยอรมันน่ะ ควบคุมยากคราวนี้ชั้นเลยขอเอเชี่ยน ไม่คิดว่าจะมาได้ชาติเดียวกับแม่เลี้ยงเธอ” โจแอนเล่าไปอย่างได้รส โดยไม่ได้สังเกตุ แววตาของเรย์ที่มองสาอย่างเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ มันเปลี่ยนไปจากแววตาที่อบอุ่นกลายเป็นแววตาที่หนาวเหน็บและแข็งกร้าวในฉันพลัน
“ว้า งั้นเอาเป็นว่าฉันกลับบ้านก่อนดีกว่าพวกเธอก็แนะนำตัวกันเองแล้วกันละ” โจแอน พูดแล้วก็เดินจากไป
“สวัสดี ฉันชื่อ อริสา นะ เรียกว่า สา ก็ได้” ฉันพูดขึ้นหลังจากโจแอนเดินไปแล้ว “เรียนที่ไหนหรอ เรามาเรียนต่อที่ เวอร์จิเนียเทคน่ะ”
“เราชื่อเรย์ เรียนที่เวอร์จิเนียเทคเหมือนกัน” เขามองหน้าฉันอีกที่อย่างไม่เป็นมิตรก่อนที่จะพูดว่า “อย่าได้คิดมาเข้าใกล้ฉันเป็นอันขาดเลยนะ ฉันไม่อยากจะยุ่งกับใครที่มีเชื้อสายไทยทั้งนั้น พวกเธอน่ะมันไม่มียางอาย” แล้วเขาก็ปิดประตูใส่หน้าของฉัน
สิ้นคำที่เขาพูด จิตใจของฉันเจ็บ และความรู้สึกดีๆที่มีต่อเขาก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง คนอะไร ยังไม่ทันรู้จักกันด้วยซ้ำมาตัดสินกันที่ชนชาติ ฉันหันหลังเดินกลับบ้านและจัดการโทรหาพู่ทันที เผื่อว่าพู่จะช่วยคิดกับฉันหน่อยว่าเป็นคนไทยเนี่ยไม่ดีตรงไหนหรอ หลังจากไม่ถึง 2 กริ๊ง ก็มีคนมารับสาย
“Hello this is Jessica speaking” เจสสิกา โฮสของพู่รับสายขึ้นมา
“Hello Jessica, this is Sa. May I speak with Poo please” ฉันก็ตอบเขากลับไปว่าขอพูดกับพู่ค่ะ
“Of course you can, just a minute” เจสสิกาบอกว่าได้ รอเดี๋ยวนะจ๊ะ
หลังจากที่ฉันรอได้สักประมาณ 5 นาที พู่ก็มารับสาย ฉันเลยเริ่มบ่นทันที
“นี่แม่คุณจะให้ฉันรอสายถึงพรุ่งนี้เช้าเลยไหมล่ะแล้วค่อยมารับ” หงุดหงินแฮะ หงุดหงิด
“ขอโทษจ้า พอดีฉันอาบน้ำอยู่ เลยต้องรีบเช็ดตัวแต่งตัวออกมารับ เป็นไง วันนี้ชีวิตสนุกสนานไหม” นี่พู่ พู่ถามได้ไม่ถูกใจฉันเลยนะวันนี้เนี่ย
“ห่วยแตกมากเลย ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลย เจอตาฝรั่งบ้าว่าฉันจนถึงคนทั้งชาติพวกเราเลย ว่าที่ว่าทั่งชาติเลยว่าคนไทยไม่มียางอาย” ฉันตอบอย่างอารมณ์เสียสุดๆ
“อ้าว ทำไมอ่ะ ใครหรอ กล้ามาว่าคนไทยได้ไงเนี่ย คนไทยของเราออกจะสงบเสงี่ยเรียบร้อย มีด้วยหรอคนที่เกลียดคนไทย มีแต่จะรักกันทั้งนั้นน่ะแหละ” พู่ตอบด้วยอารมณ์ที่เริ่มฉุน เหมือนฉัน ดีมากไอ้เพื่อนรัก ลองไม่รู้สึกด้วยกับฉันสิ ได้เลิกคบแน่ บังอาจมาว่าคนทั้งชาติเลย ฉันเนี่ย เทิดทูน ชาติ ศาสนา พรมหากษัติรย์เป็นที่หนึ่งนะจ๊ะ
“ไม่รู้สิ เห็นโจแอนก็บอกนะว่าบ้านนั้นก็มีคนไทยอยู่ด้วย แต่รู้สึกว่าจะเป็นแม่เลี้ยงเขาน่ะ ไม่ใช่แม่จริงๆ” ฉันตอบ
“สงสัยเขาไม่ถูกกันมั้ง สองแม่ลูกนั่นน่ะ” พู่ตอบทำให้ชั้นเริ่มมีไอเดียขึ้นมาเหมือนกัน
“แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะมาลงใส่คนอื่นอย่างนี้นี่นา เฮ้อ ฉันไม่นึกเลยนะว่าจะมาโดนคนเกลียด แถมบ้านก็ยังอยู่ใกล้กันขนาดนี้ตั้งแต่แรกๆเริ่มเลย ฉันกำลังลังเลแล้วนะเนี่ยว่าตัดสินใจถูกหรือเปล่าที่มาเนี่ย” จริงๆนะ ฉันเริ่มลังเลว่าจะกลับดีไหมเนี่ย กลับไปเรียนเมืองไทยก็ยังทันนะ หมายถึงว่ากลับไปเที่ยวต่ออีกหน่อยนะ แล้วค่อยเริ่มเรียน แหะๆๆๆ
“เฮ้ยไม่ได้นะสา” พู่แหว้ขึ้นมาทำฉันตกใจไปพักหนึ่ง “ไม่ได้นะเสียตังค์ค่าเครื่องบินมาตั้งหลายบาทนะ” สรุปว่าไอ้เนี่ยมันเสียดายตังค์อย่างเดียวใช่ไหมไม่ได้สนใจเลยว่าฉันจะรู้สึกยังไง
“เออๆๆง่วงและ เดี๋ยวไปนอนก่อนดีกว่า ไว้ค่อยคิดใหม่ละกันว่าจะทำยังไงต่อดี” ฉันตอบอย่างเซ็งๆ “เดี๋ยวอีก 3 วันโรงเรียนก็เปิดแล้ว เอออีตานั่นเรียนที่เดียวกับเราด้วยแหละ ฉันเนี่ยไม่อยากจะเจอเลย”
“หรอ น่าตื่นเต้นดีออกนะ ไปเรียนกับคนที่เขาเกลียดเรา ยิ่งถ้าได้เรียนห้องเดียวกันก็ยิ่งดี เธอจะได้เรียนให้เก่งกว่าเขาหยามหน้าเขาไปเลยไงล่ะ” พู่ตอบด้วยอาการตื่นเต้น แต่เอ๊ะ พู่พูดก็เข้าถ้าดีแหะ น่าสนุด อยู่ดีๆมาดูถูกคนไทย เดี๋ยวจะได้รู้กันว่าคนไทยเรียนเก่งขนาดไหน
“อืมตั้งแต่คุยมาพู่เพิ่งพูดเข้าท่าก็ตอนนี้แหละนะ” ฉันตอบพูดไปด้วยอารมณ์ที่ดีขึ้น
“เอ๊ย ยัยสาหมายความว่าไงย่ะ ฉันน่ะพูดเข้าท่าตลอดแหละ จะมีติดงี่เง่านิดๆเป็นครั้งคราวย่ะ นี่จะไปนอนแล้วไม่ใช่หรอ ไปไป๊ เดี๋ยวฉันส่งเธอกลับเมืองไทยซะเองเลยหนิ” ยัยพู่เริ่มแหว้ใส่ฉันต่อ ฉันเลยว่าฉันไปนอนจริงๆดีกว่าง่วงแหละ
“อืมงั้นไนท์นะ ไว้เจอกันอีก 3 วัน” พู่เลย ตอบ “ได้แล้วเจอกัน”
ขณะที่ฉันปิดไฟเตรียมพร้อมจะเข้านอนนั้น ฉันเห็นเงาคนบางคนในความมืดอยู่นอกบ้านถัดไปที่เป็นที่อยู่บ้านของเรย์ แต่ฉันก็ไม่แน่ใจว่าใช่เรย์หรือเปล่า ฉันจ้องเขาไปในความมืด เพ่งพินิจพิจรณาว่าใครกันที่มานั่งตอนกลางคืนดึกดื่นอย่างนี้ ไหล่ของเขาสั่นไหวไปในความมืด
นี่คนๆนั้นกำลังร้องไห้หรือนี่ แล้วคนๆนั้นเป็นใครกันล่ะ ฉันจ้องมองด้วยความสงสัยอีกสักพัก ฉันก็กลับเขาไปนอน เพื่อเตรียมตัวจะไปซื้อรถพรุ่งนี้เช้า เพื่อใช้ขับรถไปโรงเรียน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น