ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    FIC [KKM] Yuuram เงากระจก จ้า ^^

    ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 8 หนีตาย

    • อัปเดตล่าสุด 18 ก.ย. 51


    ขณะนี้ผีอยู่ที่โรงเรียนคะ - - แอบใช้คอมโรงเรียนอัพคะ จุ๊ๆอย่าบอกครูผีน้า
     
    *              *              *              *              *              *              *              *              *              *              *              *             
     
    หลังจากที่ตกลงจะหาที่พักกินข้าวกันแล้วเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน พวกยูริก็ยังคงหาร้านอะไรไม่เจอเลยแม้แต่ร้านเดียว ไม่มีวี่แววบ้านของคนเลยสักหลัง และดูเหมือนว่าที่แย่กว่านั้นก็คือ ดูเหมือนว่าจะหลงทางเสียแล้ว ตอนนี้ทุกคนอยู่ในป่าที่เหมือนกับเขาวงกตที่ไม่มีทางออก
     
    "นี่เราผ่านทางนี้มาแล้วนิ" ยูคิชี้ให้ดูรอยมีดที่ทำเป็นสัญลักษ์เพื่อกันหลงแต่ยังไงมันก็ยังหลงอยู่ดี ทุกคนก็ทำหน้าเหนื่อยๆ ยูริก็บ่นว่าเมื่อไหร่จะได้กินข้าวสักทีเนี่ย "ดูเหมือนว่าเราจะเดินมาเป็นวงกลมตลอดเลยนะ"
     
    "และนี่นายตอนขามามาได้ยังไงละเนี่ย" วอลฟรัมที่ตอนนี้หิวจนแทบที่จะไม่มีแรงบ่นแล้วเริ่มหมดความอดทน
     
    "ก็ตอนขามาเจ้าพวกเคออสมันนำทางให้เลยไม่รู้นะ" คราวนี้ลองเปลี่ยนทิศทางดูเพื่อจะเจอทางออก แต่พอเดินไปเดินมาก็รู้สึกว่าแผนดินมันขยับได้ก็นึกว่าแผ่นดินไหวแต่ที่ๆอยู่ตรงหน้าคือฝูงเสือเขี้ยวดาบที่ดูท่าทางน่าจะสุญพันธุ์ไปแล้วในโลกมนุษย์ ทุกคนก็ตะลึงและก็มองไปที่หัวหน้าใหญ่ (ยูคิ) ว่าจะเอายังไงต่อไปดี เพราะตอนนี้มันแค่เดินมาหยุดตรงข้างหน้าเท่านั้น
     
    "ลองคุยกับมันดูดิ" มุราตะบอกและยูริก็ออกไปข้างหน้าและก็ยิ้มแบบไม่เต็มใจ
     
    "หวัดดี?" ทุกคนก็พากันอยากเอาหัวเขกต้นไม้จนตายกันใหญ่กับยูริ
     
    "เขาหมายถึงให้ยูคิแปรงร่างเป็นมันก็คุยกับมันตะหากเจ้าไก่อ่อน" วอลฟรัมเห็นแล้วอยากทุบหัวยูริด้วยกำปั้นเปล่าให้โนเป็นมะนาวปูดเต็มที่ ยูคิก็จอมจำต้องแปรงกายเป็นเสือตามและก็คุยกันประสาสัตว์ไปเรื่อยๆ และก็ค่อยกลับร่างเดิม
     
    "เขาพูดว่าไงยูคิ" ทุกคนก็พากันลุ้นกันใหญ่ แต่ยูคิก็ยังคงทำสิหน้ที่เย็นชาเช่นเดิม
     
    "ก็ไม่มีอะไรมากหรอกก็แค่อยากกินเราเท่านั้นเอง" พูดได้ทั้งที่ยังคงทำหน้าตาเย็นชาเป็นน้ำแข็งและทุกคนเมื่อได้ยินอย่างนี้ก็หัวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม "โดยเฉพาะเขาบอกว่าพวกรัตติกาลคู่นะน่าอร่อยที่สุด" แล้วก็มีสามในสี่ที่ดันเป็นรัตติกาลคู่อีก ทุกคนก็ต่างกันหน้าซืดแล้วก็ทำเรื่องที่ทุกคนถนัดมากที่สุดก็คือ
     
    "เฮ้ ทุกคนคิดเหมือนที่ชั้นคิดหรือเปล่า?" ยูริถามขึ้นและทุกคนก็พยักหน้าจ้องตาเมื่อรู้ว่าต้องทำอย่างไรต่อ
     
    "เผ่นโลด!!!!!" ต่างฝ่ายต่างวิ่งไปทางเดียวกันไม่สนว่าทางไหนและไม่กลัวว่าจะหลงหรือป่าวบวกกับความหิวโหยที่ไม่ได้กินข้าวอีกแต่ก็อย่างพึ่งห่วงกินเลยเดี๋ยวตายซะก่อน
     
    "ยูคิทำไมไม่กำจัดพวกมันดูละ!" ยูริที่กำลังเผ่นสุดชีวิตหันหน้าไปถามยูคิที่กำลังวิ่งเอาเป็นเอาตายเหมือนกัน
     
    "เจ้าบ้ามันเป็นสัตว์สงวนนะเฟ้ยฆ่าไปมีหวังโดนข้อหาเพิ่มอีกแค่ลักพาตัวพวกนายมาก็โดนไปเยอะแล้ว" โชคมันไม่เข้าข้างพวกฝ่ายดีอีกแล้วเมื่อพวกเสือเขี้ยวดาบมันดันเป็นสัตว์สงวนอีก
     
    "และนี่พวกนายตามมาทำไมมันเล็งพวกนายอยู่นะเดี๋ยวข้าก็ซวยไปด้วยหรอก" วอลฟรัมบ่นแต่ก็ยังคงติดสปีดวิ่งต่อไป
     
    "งั้นก็สลายโต๋!"
     
    ต่างคนก็ต่างไปคนละทิศคนละทางและไม่กี่นาทียูริก็เป็นคนแรกที่ออกมาจากป่าวงกตนี้ได้โดยที่ข้างหน้าเป็นทุ่งหญ้าเขียวขจีคนต่อมาก็ยูคและก็มุราตะ
     
    "วอลฟรัมละ" ยูคิเป็คนแรกที่ถาม ยูริก็หันไปดูรอบๆเพื่อหาตัววอลฟรัมคนรักของตัวเอง
     
    "หรือว่ายังอยู่ข้างใน?"มุราตะหันไปมองข้างหลังตัวเองที่มีแต่ป่าไม้และเสือเขี้ยวดาบ ยูคิที่ได้ยินอย่างนั้นก็ไม่รีรอรีบวิ่งไปข้างในป่าและตามหาวอลฟรัมทันที
     
    "วอลฟรัม!" ยูคิกะโกนเสียงสนั้นหวังว่าจะมีเสียงตอบกลับ ในนะเดียวกัน วอลฟรัมที่กไลังโดนไล่ต้อนจนถูกล้อมนั้นกำลังพยายามหาทางหนีอยู่
     
    "ทำไงดีถูกมันล้อมแล้ว" ยูริช่วยข้าด้วย ในใจของวอลฟรัมร้องขอให้ยูริช่วยที แต่คนที่กลับกระโดดออกมาจากพุ่มไม้และอุ้มวอลฟรัมไว้ในอ้อมแขนกลับเป็นยูคิแทน
     
    "ปลอดภัยใช่ไหม มีแผลหรือเปล่า" สายตาสีดำสนิทที่ดูลึกลับราวกับจะดึงดูดเข้าไปในความคิดและด้วยหน้าตาที่ดูเหมือนยูรินั้นยิ่งทำให้วอลฟรัมหน้าแดงไปอีก ยูคิรีบอุ้มวอลฟรัมกระโดดออกจากวงล้อมของศัตรูทันที วอลฟรัมที่ไม่ชินกลับการถูกอุ้มแบบนี้ก็จับเสื้อของยูคิเอาไว้ซะแน่น ยูคิมองไปหาวอลฟรัมและก็ขอสาบสนเลยว่าขอยอมให้แขนของตัวเองหักเลยดีกว่าปล่อยให้วอลฟรัมตกลงพื้น
     
    "จับให้แน่นๆอย่าปล่อยเชียวละ" ยูคิพูดและก็กระโดดไปทางออกที่เข้ามาเมื่อกี้ ออกมาข้างนอกปุปก็เห็นยูริที่ทำหน้าตาเป็นห่วงแทบตายและก็วิ่งมาหาวอลฟรัมทันทีแต่พอเห็นสถาพวอลฟรัมในอ้อมแขนของยูคิและก็หยุดชงัก
     
    "ปะ ปล่อยข้าลงได้เแล้วละ ข้าเดินเองได้น่า" และยูคิก็ปล่อยวอลฟรัมลงแต่ก็ไม่ได้ปล่อยมือและดึงวอลฟรัมเข้ามากอดทันทีวอลฟรัมเองก็อยู่ในอาการช๊อกเมื่อถูกคนอื่นที่ไม่ใช่ยูริกอดแบบนั้น ยูริเมื่อเห็นแบบนั้นก็อยากจะเดินไปฉุดตัววอลฟรัมกลับมาเหลือทน
     
    "วันหลังถ้าต้องวิ่งหนีอีกก็ให้วิ่งไปกับข้านะ ข้าจะปกป้องเจ้าเอง" ยูคิกระซิบข้างหูของวอลฟรัมทำให้วอลฟรัมอายจนบอกไม่ถูกเมื่อโดนไออุ่นจากลมหายใจของยูคิผ่านหูไป แต่ก็พยายามรวบรวมสติและพลักยูคิออกไป
     
    "ขอบคุณที่หวังดีกับข้าแต่ว่าคนที่ข้าจะวิ่งไปด้วยนั้นต้องเป็นยูริเท่านั้น เพราะข้ามีหน้าที่ต้องปกป้องเขาต้องขอโทษด้วย" วอลฟรัมพูดจบยูริก็ยิ้มในความซื่อสัตว์ของวอลฟรัม ระหว่างที่วอลฟรัมปลดมือของตัวเองออกจากมือของยูคิช้าๆ และเดินไปหายูคิพร้อมกับส่งยิ้มให้อย่างอบอุ่น ยูคิรู้สึกว่าเหมือนกับมีมีดมาแทงหัวใจตัวเองเมื่อได้ยินคำปัฏติเสธของวอลฟรัมอย่างนั้น ทำไม ทั้งๆที่เขาอยู๋ไกล้ข้าขนาดนี้ กลับรู้สึกว่าเขาอยู่ไกลเราเหลือเกิน
     
    *           *           *           *           *           *           *           *           *           *           *
     
    ในเมื่อหาร้านอาหารไม่ได้ซักแห่งก็จำใจต้องหาอาหารกันเอง และก็ตั้งแคมปทำอาหารซะเลย และนักฆ่า มาโอ นักปราชญ์ และ ว่าที่ราช์ชินีก็ต้องมาเป็นคนทำอาหารเพราะงานนี้นี่เอง และแต่ละคนอย่างกับว่าจะทำอาหารเป็น
     
    "มันว่ายทางนู่นแล้วยูริจับเลย!" ตอนนี้ทั้งสี่กำลังพยายามที่จะจับปลาอยู่ตรงแม่น้ำเล็กๆ มีปลาว่ายอยู่มากมายแต่ถึงจะมีเยอะก็จริง ก็ยังจับไม่ได้สักตัว
     
    "แว๊กก เร็วจริง อะ มุราตะเอาเลยมันไปทางนายแล้ว" ยูริที่กระโจนไปจับตัวปลาแต่ก็ดันไม่โดนตัวปลาเลย และตอนนี้ทุกคนก็หวังว่ามุราตะจะทำให้ได้อาหารเช้าที่กำลังจะกลายเป็นอาหารกลางวันมากินซักที
     
    "ตั้งแต่สี่พันปีที่แล้วชั้นก็ไม่เคยจับปลาอีกเลย เอาละว้าแคาะสนิมหน่อย" และมุราตะก็จับปลาที่กำลังจะหนีอยู่ทันที แต่ปลาที่ดิ้นอยู่บวกกับตัวลื่นๆของมันแล้วไม่ใช้เรื่องง่ายเลย แต่ว่า "เย้~ ได้แล้ว!" ทั้งสามก็ต่างกันเฮกันใหญ่กับปลาตัวแรก
     
    "ฮึ สิบนาทีจับได้แค่ตัวเดียวเองเหรอ?" ยูคิเดินมาพร้อมปลาประมานหกเจ็ดตัวเล่นเอาทุกคนตะลึงบวกกับรู้สึกอายที่จับได้แค่ตัวเดียว และต่างคนก็มองแต่ละคนราวกับว่าจะโยนความผิดให้อีกคน
     
    "จริงสิคือว่าอยากจะถามนายมานานแล้วแหละแต่ว่า ท่านผู้นั้นคือใครเหรอ เป็นคนแบบไหนเหรอ" ยูริถามยูคิหวังว่าจะกลบกลื่นความอับอายของตัวเอง
     
    "ไม่ใช้คนแต่ดป็นเทพตะหาก"
     
    "อ๋อ เป็น...หา!? เทพ!?"
     
    "เป็นเทพที่คอยปกป้องป่าทางด้านเหนือนะแต่เพราะเกิดมาจากหมาป่าเลยเรียกว่าเทพีหมาป่า" พออธิบายจบยูริก็ท้องร้องละต่างคนก็ต่างจ้องไปที่ปลากัน
     
    "เอาละไปย่างปลากัน" ระหว่างทางกลับทุกคนก็เก็บฝืนคนละไม้คนละมือและก็เตรียมตัวก่อไฟ ยูคิเลยเอาไม้มาถูจนร้อนแต่มันก็ยังไม่มีควันเลยสักนิดเดียวจนคนที่รอกินเขาจะไส้ขาดกันอยู่แล้ว ไฟยังไม่ติดปลาก็ไม่ได้ย่าง ท้องของแต่ละคนต่างร้องด้วยความหิวโหย โครกครากไปตามๆกัน
     
    "โอ๊ยย เมื่อไหร่จะได้กินละเนี่ย หิวจนท้องจะร้องไม่ไหวแล้ว มานี่ถอยไป!" วอลฟรัมที่หมดความอดทนก็ตะโกนขึ้นมาแล้วบอกให้ยูคิหลบไป และยกมือขึ้นมา "ธุลีแห่งอัคคีทั้งมวล จงเชื่อฟังเผ่าปีศาจผู้สยบพระเจ้า จงอ่านเจตนาในใจข้าและเชื่อฟัง" ทันใด้นั้นลูกไฟลูกใหญ่ๆก็ปรากฏและกำลังลุกโชนในอากาศแต่ว่าก็ดับลงทันที วอลฟรัมที่ใช้เวทย์ไม่ได้รู้ก็ตัวดีว่าตัวเองไม่ได้ท่องคาถาผิดแน่นอน
     
    "เอ๋? ทำไมนะก็ไม่ได้ทำอะไรผิดซักหน่อยแล้วทำไมถึงได้..."
     
    "คงเป็นเพราะออกจากอนาเขตแล้ว ธาตุที่เชื่อฟังคงมีน้อยนะไม่ใช้เรื่องแปลกหรอก แต่ถ้าจะให้เชื่อฟังได้ละก็ต้องมีพลังสูงหน่อยนะ" มุราตะอธิบายให้ฟังอย่างเคยและดันแว่นที่กำลังจะตกขึ้นไป ยูริก็เลยจับมือของวอลฟรัมเอาไว้
     
    "งั้นก็ใช้พลังของชั้นสิ ถ้าเป็นของชั้นคงเหลือเฝืออยู่แล้วละ" มุราตะเองก็จับมือของยูริต่อกันเพื่อพลังไม่พอ
     
    "อ้าวยูคิมัวยืนทำอะไรอยู่นะรีบมาเร็ว!" ยูริเรียกยูคิที่อยู่ข้างหลังมาร่วมวงด้วยแต่ยูคิกลับส่ายหน้าและตอบเศร้าๆไปว่า
     
    "ข้านะไม่มีพลังเวทย์หรอก ข้าใช้เวทย์อย่างอื่นไม่เป็นนอกจากกลายร่างไม่ได้หรอก ถ้าจะมีก็คงได้มาจากเขี้ยวหมาป่านี่แหละ"
     
    "ถึงจะไม่มีก็มาจับมือด้วยกันก็ได้ เพราะว่าพลังที่เหนือกว่าพลังเวทย์ก็คือพลังใจไงละ" วอลฟรัมพูดด้วยรอยยิ้มและชักชวนให้ยูคิที่ดูเหงาให้มาด้วยกัน
     
    "อะ อืม" ยูคิที่เจอวอลฟรัมพูดแบบนั้นก็ปัฏติเสธไม่ได้และยอมแต่โดยดี แต่ไม่ได้จับมือของมุราตะเพราะหันไปจับมือของวอลฟรัมที่ยูริจับอยู่ด้วย
     
    "เอาละนะ" วอลฟรัมสูดลมเข้าปอดฝอดใหญ่และรวบรวมสมาธิก่อนท่องมนต์ "ธุลีแห่งอัคคีทั้งมวล จงเชื่อฟังเผ่าปีศาจผู้สยบพระเจ้า จงอ่านเจตนาในใจข้าและเชื่อฟัง!" ลูกไฟก่อตัวอีกครั้งและก็กำลังจะดับอีกรอบแต่วอลฟรัมก็ไม่ยอกแพ้ "จงเชื่อฟังข้า!" และไฟก็ติดในที่สุดทุกคนก็พากันเฮฮากันใหญ่
     
    "ยูคิ" วอลฟรัมเรียกยูคิ "ถึงจะแค่นิดหน่อยแต่ข้าก็รู้สึกนะ ถึงพลังเวทย์ของยูคิ เอาละมากินกัน!" ทุกคนก็ต่างคนต่างย่างปลาของตัวเองระหว่างที่ยูคิยังนึกถึงคำพูดของวอลฟรัม พลังใจงั้นเหรอ ยูคิยังคิดถึงคำนั้นอยู่ หารู้ไม่ว่าคำๆนั้นเป็ฯเพราะยูริที่ทำให้วอลฟรัมรู้ถึงพลังใจได้
     
    *              *              *              *              *              *              *              *              *              *              *              *          
     
    หุหุ นับวันพี่จะยิ่งทำให้คนเริ่มเกลียดยูคิคุงมากขึ้นนะเนี่ย น่าสงสารยูติคุงจัง ^^'' แว๊กครูมาเผ่นเคอะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×