ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Once Upon a time]

    ลำดับตอนที่ #3 : ดาวตก

    • อัปเดตล่าสุด 28 ก.ค. 53


    /> /> />

    ตั้งแต่เกิดมา ผมไม่เคยใช้เวทย์มนต์ได้สำเร็จเหมือนคนอื่นๆ ทั้งๆที่เป็นพี่โต และลูกของนักเวทย์ที่มีชื่อเสียง แต่กลับใช้เวทย์มนต์ไม่ได้ มันเป็นเรื่องที่นี่แปลกสิ้นดี แม่บอกว่าคงเป็นเพราะผมคลอดก่อนกำหนดแน่ๆเลย การที่เราจะร่ายมนต์สักคาถา เราต้องเปลี่ยนกำลังกายพร้อมด้วยใจให้เป็นพลังงานเพื่อการร่ายมนต์ (คำพูดอธิบายจากครูแอตริสมีประโยชน์จริงๆ) แต่ดูเหมือนว่า ร่างกายผมทำสิ่งนั้นไม่ได้ ยังโชคดีที่ลาทิเอลยังใช้ได้ อย่างน้อยก็ยังมีคนคอยกู้ชื่อเสียงมาหน่อย

     

    วันนี้มีคนมารอที่บ้านด้วยแหละ แม่พูดก่อนที่จะเปิดประตูเผยให้เห็นเพื่อนสนิทของพ่อ (ที่แม่เคยถีบลงน้ำตก) ทีเบีย เป็นหมดประจำหมู่บ้านนี้ และยังคอยช่วยดูแลพวกเราตอนที่พ่อไม่อยู่อีกด้วย (เพราะพ่อสั่ง) ทีเบียนอกจากจะเชื่ยวชาญทางด้านสมุนไพรแล้วยังสามารถรักษาคนด้วยเวทย์อีกด้วย

     

    วันนี้เจ้าตัวแสบของเราไปมีเรื่องกับเขาอีกแล้วใช่ไหมเนี่ย ทีเบียเปรียมเสมือนอาของพวกเรา เพราะอายุพอๆกับคุณพ่อคุณแม่ และยังเป็นเพื่อนสมัยเด็กด้วยกันอีกด้วย พวกเขาทั้งสามเจอกันเมื่อตอนที่คุณพ่อพึ่งเรียนจบ ที่จริงแล้วคุณพ่อกับทีเบียแย่งกันจีบคุณแม่ด้วยซ้ำและทีเบียก็กินแห้วไปตามปริยาย

     

    ช่วยไม่ได้นิฮะก็มันเริ่มก่อนเองนิ ผมวางกระเป๋าลงก่อนที่จะเข้าไปในห้องตัวเองเพื่อล้างหน้าล้างตาก่อนมารับประทานอาหารของคุณแม่ด้วยกัน เราสั้งสี่เล่าเรื่องต่างๆของตัวเองบนโต๊ะอาหารเหมือนครอบครัวทั่วไป มันเป็นช่วงที่ดีที่สุดในแต่ละวัน และผมก็หวังว่ามันคงจะเป็นอย่างนี้ตลอดไป และผมก็ได้รู้ตัวทีหลังว่าผมคิดผิดแค่ไหน

     

     

    คืนนี้พระจันทร์สวย ห้องของผมอยู่ชั้นสองทำให้สามารถเปิดหน้าต่างออกมาเพื่อปีนหลังคาดูดาวได้อย่างสบาย แต่จะทำได้ก็ต่อเมื่อแม่หลับไปแล้วเท่านั้น ผมปีนออกมาแล้วขึ้นหลังคาและก็ต้องตกใจเมื่อเห็นลาทิเอลนั้งอยู่บนหลังคงพร้อมกล้องส่องทางไกล และตะเกียงข้างกาย ลมตอนกลางคืนพักผ่านทุ่งหญ้าของอาเดน ทำให้บรรยกาศในตอนนี้น่านอนเป็นอย่างมาก ปรกติลาทิเอลจะไม่ออกมาตอนดึกแบบนี้ (เพราะน้องเขาออกจะเป็นเด็กดี) ผมจึงแปลกใจเล็กน้อย

     

    วันนี้อยากซ่าส์ซักวันหรือไงเนี่ยออกมากลางดึกแบบนี้ผมถามน้องที่กำลังจ้องท้องฟ้าอย่างเพลิดเพลินด้วยกล้องส่องทางไกล ดูเหมื่อนว่าจะเขาจะรออะไรบางอย่าง

     

    ครูบอกว่าถ้าโชคดีวันนี้จะได้เห็นดาวตกด้วยแหละ

     

    ดาวตกเหรอ จะขออะไรละ ผมถามน้องด้วยความสงไส เพราะมันต้องเป็นอะไรที่สำคัญมากขนาดทำให้ลาทิเอลออกมากลางดึกอย่างนี้ (หมอนี่กลัวความมึดจะตาย)

     

    ขอให้พ่อกลับมาทำไมนะพอผมได้ยินคำนี้ผมกลับไม่สงไสเลยว่าน้องถึงยอมอยู่ดึกขนาดนี้ ขอเป็นเพราะว่าตอนที่พ่อหายไปนั้นลาทิเอลยังเด็กมากจนจำพ่อไม่ได้ ก็เลยอยากเจอมากกว่าคนอื่นเป็นว่าได้

     

    อ๊ะ เห็นแล้ว ผมได้ยินเสียงของลาทิเอลตะโกนเรียกขนะชี้ไปยังทิศทางที่ตัวเองกำลังส่องกล้องอยู่ ดูเหมือนว่าลาทิเอลจะเจอดาวตกตามที่ตัวเองหวังเอาไว้ นี่ไงพี่ดูสิ

     

    ลาทิเอลยื่นกล้องส่องทางไกลมาให้และชี้ไปยังทิศทางที่ตัวเองเห็นดาวตกเมื่อครู่ เมื่อส่องกล้องไปแทนที่จะได้เห็นเส้นแสงสีขาวของดาวตก ผมกลับเห็นท้องฟ้าที่ว่าเปล่า ดำมืดสนิทของกลางคืนธรรมดาทั่วไป แถมแสงจันทร์ที่สว่างไสวก็ทำให้เห็นดาวตกยากขึ้นด้วย ผมมองไปสักครู่ก็เห็นกางหันลมเหล็กเก่าๆที่กำลังหมุนอยู่ เมื่อโดนแสงสะท้อนของพระจันทร์แล้วทำให้มันดูเหมือนดาวที่กำลังเคลื่นไหวนั้นเอง

     

    ไม่ใช่สะหน่อยนั้นมันกังหันลมนะ ผมหันกลับไปหาน้องที่จ้องมาผมด้วยหน้าตาที่ดูผิดหวัง นายจำผิดวันหรือเปล่า วันนี้วันพุธนะ ผมมองผ่านกล้องไปที่ภูเขาที่ล้อมรอบหมู่บ้านเราอีกทีละก็ยังไม่เห็นอะไรจนกระทั้ง...

     

    นั้นมันอะไรนะ... ผมได้ยินเสียงของน้องผมร้องขี้น เมื่อน้องของผมชี้ไปยังกลุ่มเมฆกลุ่มหนึ่งที่มีแสงแลบออกมาเหมือนฟ้าแลบ ทั้งๆที่ไม่มีทีท่าว่าจะมีฝนตกเลยแม้แต่น้อย และจู่ๆก็มีลำแสงพุ่งออกมาจากก้อนเมฆนั้น และจากที่เห็นดูเหมือนว่าจะมีสองชนิด อันแรกเปนแสงสีขาวเหมือนดาวตกที่เคยหวังเอาไว้แต่อีกอันกลับเป็นลำแสงสีดำสนิท ดาวทั้งสองดวงนั้นเค ลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงละตกไปยังหลังเขาที่อยู่นอกหมู่บ้าน

     

    “ว้าว! ดาวตกจริงๆด้วย” ลาทิเอลที่ได้เห็ฯดาวตกก็รีบประกบมือขอพรทันที แต่ผมกลับไม่ทำเช่นนั้น ดาวตกครั้งนี้ทำไมมันถึงดูแปลกประหลาดกว่าดาวตกธรรมดาอย่างแน่นอน

     

     

    เช้าวันต่อมาซึ่งเป็นวันหยุดผมรีบอาบน้ำอย่างรวดเร็วและออกไปจากบ้านก่อนใคร มันเป็นเรื่องน่าแปลกเพราะว่าผมจะตื่นเร็วในวันหยุดกว่าวันธรรมดาเสียอีก (นิสัยของเด็กที่ชอบเล่นมากกว่าเรียน) ปกติผมละลาทิเอลจะต้องไปด้วยกันเสมอ แต่ว่าวันนี้ผมรู้สึกว่าวันนี้ไปคนเดียวจะกว่าเพราะว่าถ้าน้องมาด้วยมิหวังโดนดุทั้งคู่แน่

     

    ตามกฏของหมู่บ้าน พวกเด็กๆห้ามออกไปจากเขตของหมู่บ้านโดยที่ไม่มีผู้ใหญ่ไปด้วย แต่วาดาวตกเมื่อคืนมันน่าสงไสจริงๆ ผมจึงจำเป็น(ย่างเต็มใจ)แหกกฏของหมู่บ้าน แตว่าในคติของผม กฏเขาก็สร้างเอาไว้ให้คนแหกกฏอยู่แล้ว

     

    เวลาใหมู่บ้านตอนนี้คือตีหกโมงกว่าๆ ท้องฟ้าเริ่มสว่างบ้างแล้ว ผมถือตะเกียงออกไปจากบ้านและเดินตามทางแต่แทนที่จะออกไปทางประตูใหญ่ของหมู่บ้า (และโดนจับได้) ผมกลับออกไปทางพุ่มไม้หลังโรงเรียน ด้านหลังของโรงเรียนจะเป็นพุ่มไม้หนาทึบและยังเป็นที่เดียวที่ไม่มียามมาเฝ้าอยู่เพราะพุ่ไม้และดงหญ้าหนาเกินกว่าที่พวกผู้ใหญ่จะลอดเข้าไปได้แต่สำหรับพวกเด็กๆแล้วมันเป็นเรื่องง่ายมากๆ

     

    กว่าจะถึงตรงที่ดาวตกลงก็เกือบแปดโมงเช้าแล้ว สภาพตรงที่ดาวหรือว่าจะให้พูดใหม่ก็คืออุกบาตตกนั้น ไม่ต่างกับป่าที่พึ่งโดนไฟไหม้ ต้นไม่ ทุ่งหญ้าที่หลังภูเขาถูกไฟไหม้ไปหมด และยังมีรอยหลุมขนาดใหญ่สองหลุมซึ่งผมเองก็เดาได้เลยว่าเกิดจากอุกบาตสองลูกนั้นแน่ๆ ถึงไฟจะดับหมดแล้วแต่ก็ยังมีควันลอยออกมาบ้าง ตอนนี้แหละที่ทำให้ผมคิดว่าโชคดีจริงๆที่ไม่ได้พาน้องออกมาด้วย

     

    ผมเดินเข้าไปไกล้หลุมหนึ่งที่ดูไม่ค่อยลึกเท่าอีกอัน ตรงกึ่งกลางของหลุมนั้นมีเงาของอะไรบางอย่าง ดูเหมือนก้อนหิน อาจจะเป็นเศษอุกบาตก็ได้ ถ้าเอาไปฝากน้องได้ก็คงดี แต่พอเข้าไปไกล้มากขึ้น ควันที่เกิดมาจากไฟก็เยอะขึ้น จนสุดท้ายพอไปเรื่อยๆผมก็ไม่เจออุกบาตเสียแล้ว บางทีผมอาจจะตาฟาดไปก็ได้

    และสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อผมเดินออกมาจากหลุมนั้น ชายชราคนหนึ่งนอกอยู่กับพื้นข้างๆหลุมนั้น ทำไมผมถึงไม่เห็นเขาในตอนแรกนะ

     

    “เป็นอะไรไหมครับ” ผมถามเขาและยื่นมือให้ด้วยความห่วงใย เขาอาจจะเป็นนักเดินทางก็ได้

     

    แต่สิ่งที่เขาทำกลับไม่ใช่จับมือแต่กระโจนมาใส่และพลักผมลงพร้อมกับจับหัวผมเอาไว้ สิ่งที่ผมรู้หลังจากนั้นก็คือความเจ็บปวดทะลักเข้ามาในร่างกายราวกับว่ามีไฟลุกอยู่ทั่วตัวของผมอยู่อย่างไรอย่างนั้น ผมไม่รู้ว่าผมดิ้นอยู่กับพื้นมานานเท่าไหร่และเกิดอะไรขึ้น เหมือนกับว่าความเจ็บปวดมันทำให้สมองของผมมัวหมองไปหมด มีเสียงกรีดร้องดังก้องมาในหูผมจึงรู้ว่านั้นคงเป็นเสียงของผมแน่ๆ ทั้งๆที่มันดูเหมือนจะไม่มีวันสิ้นสุดแต่มันก็จบลง ผมหอบราวกับปลาขาดน้ำ ชายชราที่อยู่ข้างหน้าผมไม่ใช่ข้างหน้าผมไม่ใช่ชายชราอีกต่อไปแล้ว แต่กลายเป็ฯชายหนุ่มแทน

     

    “เอาละชั้นจะเอายังไงกับเธอดี” ชายคนนั้นจ้องลงมาที่ผมด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความกระหายเลือด ดวกตาของเขาสีดำสนิทมีรูปร่างเหมือนกับดวงตาของงูพิษไม่มีผิด  ผิวขาวราวกับผิวของคนตาย ผมของเขายังเป็นสีเทาเหมือนเดิม มือของเขายื่นตรงออกมายังผม และสิ่งที่ผมคิดตอนั้นก็คือผมตายแน่ๆ และแสงสีขาวก็ส่องสว่างลงบนใบหน้าของผม

     

    “พี่ฮะจะนอนไปถึงไหนฮะ! วันนี้สัญญาว่าจะไปตกปลาด้วยกันไม่ใช่เหรอ”

     

    พอรู้สึกตัวอีกทีผมก็อยู่บนเตียงนอนเสียแล้ว หรือว่าผมอาจจะไม่ได้ออกจากเตียงก็ว่าได้ มองไปข้างๆเตียงผมเห็นน้องชายของผมที่อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะเป็ฯความฝันทั้งหมด ซึ่งผมเองก็คิดได้อย่างเดียวว่า เรานี่โชคดีจริงๆ พอดูนาฬิกาที่ฟาพนังผมก็รู้เลยว่าผมคงฝันไปจริงๆแหละ ก็เวลามันยังแปดโมงอยู่เลย

     

    เราเนี่ยชอบฝันอะไรแปลกๆอยู่เรื่อยเลยแฮะ

     

     

    “คุณหนู”

     

    “เราไม่เป็นไรแล้ว ไปกันต่อเหอะ ส่วนเธอก็กลับไปจะดีกว่า เราจะจัดการทางนี้เอง”

     

    ในระหว่างที่เลทิโอกำลังตกปลากับน้องอย่างสบายใจนั้น ทั้งคู่ก็ไม่ได้สังเกตุหรือรู้สึกเลยว่ามีใครบางคนจ้องมองเขาอยู่ตลอดเวลา เด็กหญิงน้อยผู้มีในตาสีแดงราวกับสายโลหิตจ้องมองสองพี่น้องด้วยสายตาอันเย็นชา

     

    “จัดการกับสองคนนั้นนะไม่ยากหรอก”

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×