คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ลูกของนักเวทย์
ทุกอย่างเริ่มต้นที่บ้านเกิดของผมซึ่งมีชื่อว่าอาเดน เป็นหมู่บ้านที่อยู่ไกลจากเมืองหลวงทางตอนใต้มากที่สุดซะด้วย นับได้ว่าบ้านนอกมากๆเลยทีเดียว ถึงอย่างนั้นที่นี้ก็ดีอยู่อย่างเพราะชมชุนที่นี่ไม่แอร์อัด และที่สำคัญคืออากาศที่นี้ไม่หนาวเหมือนทางตอนเหนืออีกด้วย ผมเกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะทั่วไปครับ ไม่รวยแต่ก็ไม่จน โรงเรียนในหมู่บ้านนี้ก็มีแค่ที่เดียว คุณครูจึงสอนเด็กทุกคนในห้องเดียวกันหมด โดยไม่แยกชั้น นั้นก็เพราะที่นี้มีเด็กน้อยมากนั้นเอง ผมมีน้องชายแค่คนเดียวครับ ชื่อลาทิเอล เราห่างกันสองปี และใช้ชีวิตอยู่กับแม่กันแค่สามคน สิ่งเดียวที่พวกเราพอจะพูดถึงอย่างภูมิใจได้ก็คือคุณพ่อ คุณพ่อเป็นหนึ่งในสมาชิกของนักเวทย์ชั้นสูงของอาเดนาเดีย เป็นคนที่ทุกคนบ้านับถือ รวมทั้งผมและน้องกับแม่ด้วย ถึงแม้ว่า พ่อจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อผมอายุได้หกขวบ
ผมยังจำได้ดีฮะ ผมเองก็อยู่ในเหตุการณ์เมื่อตอนที่พวกเขาพาตัวคุณพ่อไป พอถามแม่ แม่ก็พูดด้วยเสียงที่สั่นเครือว่า “พ่อไปรบนะลูก” ผมจึงเข้าใจว่าคุณพ่ออาจจะไม่มีวันกลับมา
ถ้าคุณถามว่า สงครามครั้งสุดท้ายยุติเมื่อไหร่ ผมก็คงต้องบอกว่ามันยังไม่ยุติหรอกครับ อาเดนนาเดียในตอนนี้ก็คงยังอยู่ในช่วงสงคราม สงครามที่ผมยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าจะลงเอยด้วยฝ่านไหนเป็นผู้ชนะ ในวิชาประวัติศาตร์ที่โรงเรียน เรื่องแรกที่ผมได้เรียนก็คือเรื่องนี้นี่แหละ เหตุของสงครามไม่ได้เกิดจากผู้บุกรุกนอกประเทศด้วยซ้ำ แตเป็นคนในประเทศนี้แหละ อาเดนาเดียถูกแบ่งออกเป็นสองภาคครับ ภาคเหนือและภาคใต้ ส่วนที่พวกเราอยู่ก็คือภาคใต้ครับ สองภาคนี้ถูกแยกโดยแม่น้ำสายใหญ่ที่ไหลเชี่ยวจนไม่สามารถนำเรือข้ามไปได้ สองภาคนี้จึงสามารถติดต่อกันด้วยสะพานแห่งเดียวที่ปล่อยให้ผู้คนข้ามมาหากันได้ตอนกลางวันเท่านั้น ทางภาคเหนือมีความชำนาญเกี่ยวกับเวทย์มนต์มากกว่าภาคใต้ด้วยซ่ำ อันที่จริงพวกเขานี่แหละที่สอนพวกเรา แต่ทางเราทีกำลังทางด้านทหารมากกว่า ทางเราเองก็เป็นผู้ที่ผลิดปืนเช่นกัน ถึงอย่างนั้นทางภาคเหนือก็ไม่ใช้ปืน เพราะอย่างนั้น เมื่อมีเหตุที่เด็กอายุสิบขวบของภาคเหนือโดนยิงตายคาบ้านทั้งๆที่เป็นช่วงที่สะพานปิด ทางภาคเหนือจึงกล่าวหาว่าคนทางภาคใต้เป็นผู้กระทำ การประทะกันเล็กน้อยก็คงไม่สร้างปัญหามากมายแต่ว่าเมื่อพวกคนใหญ่คนโตเริ่มเอากองกำลังเข้ามาเกี่ยวด้วยเพื่อยุติปัญหาทางด้านความขัดแย้ง มันก็ยิ่งทำให้เกิดเป็นชนวนที่สร้างความขัดแย้งมากขึ้น และสุดท้ายเมื่อเจ้าหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยเริ่มทำร้ายกันเอง และในที่สุดมันก็เกิดสงครามขึ้น ในท้ายที่สุดเมื่อผู้นำแห่งกลุม อริสโตแครท (Aritocrat) ซึ่งก็คือกลุ่มนักเวทย์ที่มีอิธิพลมากที่สุดของภาคเหนือถูกฆ่าตาย สงครามจึงยุติลงแค่ช่วงหนึ่งเพราะหลังจากสงบได้ไม่นานก็มีคนกลุ่มเล็กกลุ่มน้อยคอยมาสร้างความก่อกวนเพื่อหวังจุดชนวนสงครามใหญ่อีกรอบ จึงนับได่ว่าเป็นสงครามเล็กๆ ในประเทศนี้
“และคนที่ทำคะแนนได้มากที่สุดในข้อสอบของเมื่ออาทิตย์ที่แล้วก็คือเลทิโอ” ผมหลุดออกจากโลกส่วนตัวทันทีเมื่อผมได้ยินชื่อของผมถูกประกาศออกมาหน้าห้อง สำหรับในกลุ่มของคนอายุเท่าผม (สิบสองปี) ผมได้คะแนนสอบภาคเขียนเยอะที่สุด ในฐานะลูกคนโตของนักเวทญืชื่อดัง ผมจึงคิดเสมอว่าจะให้ตัวเองทำให้ชื่อเสียงของพ่อถูกย่ำยีไม่ได้ ผมจึงตั้งใจเรียนมาตลอด แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม...
“หลังจากที่ได้ข้อสอบแล้วขอให้ทุกคนไปรวมตัวที่สนามหญ้าด้วยนะ วันนี้จะสอบภาคปฏิบัติ” ครูแอตริส ซึ่งเป็นครูที่สอนของที่นี้กล่าวก่อนที่จะแจกข้อสอบให้ทุกคน ถึงแม้ทุกคนในห้องจะดูสระสับกระส่ายและตื่นเต้นกับกิจกรรมวันนี้ คนๆเดียวที่ไม่อยากให้มีการสอบในวันนี้กลับเป็นผม
“พี่ฮะ” ผมได้ยินเสียงน้องข้างหลังผม ลาทิเอลมองผมด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความเป็นห่วง ผมจึงตอบกลับน้องว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวมันก้ผ่านไปเอง เพราะถึงการสอบยังไม่ได้เริ่มผมก็รู้ทันทีเลยว่าผลที่ออกมาจะเป็นอย่างไร
แน่นอนว่าเมื่อถึงสนามหญ้าแล้วคุณครูก็หยิบกระดาษซึ่งรายชื่อของเด็กทุกคนในห้องออกมา การสอบครั้งนี้ซึ่งเป็นภาคปฏิบัติ เป็นการสอบแบบสู้หนึ่งต่อหนึ่ง ถ้าหากใครถูกบีบจนออกนอกวงแหวนต่อสู้หรือจนหมดสภาพหรือไม่ก็ครูสั่งให้หยุด คู่แรกซึ่งจบด้วยการเสมอ “คู่ต่อไปคือเลทิโอกับเดอริส” บางครั้งผมก็รู้สึกว่าพระเจ้ามันไม่ยุติธรรมเอาซะเลย ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนที่จะเดินออกจาก กลุ่มนักเรียน แถมคู่แข่งยังเป็นคู่แค้นซะด้วย เจ้าหมอนี้นะมันชอบลอกข้อสอบผมแต่ก็ไม่เคยสอบได้คะแนนเหนือกว่าผมเลย
“นี่ครูดูถูกผมหรือเปล่าเนี่ยจับผมมาแข่งกลับหมอนี่นะ” น้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความหยิ่งยะโสของมันนี่ทำให้ผมรู้สึกงุดหงิดยังไงชอบกล มือของผมเริ่มคันๆซะและสิ เฮ้ออยากต่อยคนชะมัดเลย
“ถ้าไม่อยากตกก็สู้ต่อไป เริ่มได้” ครูยังคงไม่สนใจคำพูดของเดอริสและ ให้สัญญานเริ่มทีนที
เดอริสเชี่ยวชาญการใช้เวทย์ที่มีธาตุดินเป็นหลัก (แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะเป็นคนติดดิน) เพราะทันทีที่สัญญานเริ่ม ก้อนหินมากมายก็ถูกทำให้ลอยออกจากพื้นละตรงเข้ามาหาผม การโจมตีแบบนี้ใครๆก็หลบได้ทั้งนั้นและ ก็แค่ขยับซ้ายขวาเล็กน้อยก็หลบได้แล้ว ก่อนที่ฝนหินจะมาอีกรอบผมก็รีบวิ่งไปในระยะประชิดตัวและปล่อยหมัดซ้ายซึ่งก็โดนหลับก่อนที่จะหมุนตัวเตะกลางลำตัวของเดอริสอีกรอบ แน่นอนว่าเดอริสซึ่งมีร่างกายใหญ่โตกว่าผมนั้นเคลื่อนไหวช้ากว่าผมอย่างมาก (ข้อดีพวกตัวเล็ก) พอผมลงหมัดสุดท้ายกลางหน้าของเดอริส ทำให้เขาล้มลงกลางสนามอย่างสวยงาม (เอ เวลาคนเข้าล้มนี้เขาเรียกว่าสวยได้หรือเปล่าน้า) ผมก็หันหลังให้กับเขาและหันไปหาครูเพื่อรอการตัดสิน
“โอเคไหมครับ-” ผมหยุดพูดกระทนหันเมื่อรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างเคลื่อนที่มาหาผมด้วยความไวสูง มันคือก้อนหินของเดอริสนั้นเอง และมันก็พุ่งมาหาผมใส่เข้าหน้าราวกับราหูอมจันทร์ จนผมกระเด็นอย่างกับตุ๊กตาที่ถูกคว้างทิ้งโดยไม่เหลียวแล เมื่อผมลืมตาเพื่อก้มมองพื้นผมก็พบว่ามือของผมเกินเส้นวงแหวนที่ครูขีดเอาไว้เสียแล้ว
“เลทิโอ แพ้ เดอดริส ชนะ ยินดีด้วยนะ” ผมน่าจะรู้ว่าหมดนั้นของไม่สลบด้วยหมัดเดียว ละผมก็น่าจะรู้ว่าไม่ควรหันหลังให้ศัตรู ผมจึงลุกขึ้นมาและเดินเพื่อกลับในฝูงเด็กก่อนที่ผมจะได้ยินเสียงของเดอริสตะโกนมาข้างหลัง
“เป็นไงละ ถึงแกจะสอบเขียนได้ที่หนึ่งแต่ในสนามรบจริงแกก็เอาตัวรอดไม่ได้หรอกเฟ้ย ไอขี้ขลาด ไอขี้แพ้” อ่านั้นไงคำต้องห้ามของผม ผมรู้สึกว่าหน้าของผมร้อนขึ้นเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ผมเองก็มั่นใจนะว่าผมไม่ได้มีไข้ แต่สิ่งที่รู้ก็คือตอนนี้ผมปล่อยหมัดใส่เดอริสไม่ยั้งเลย จนกระทั้งครูมากแยกผมไป ทันทีที่ผมใจเย็นลงผมก็รู้ตัวว่าคืนนี้ ผมโดนแม่สวดยับแน่ๆเลย
“คุณลิซ่า ครับผมนะเคารพคุณแอนโทนิโอมากเลยนะครับ เขาเป็นนักเวทย์ที่เก่งที่สุดของหมู่บ้านนี้ และเลทิโอก็เก่งมากๆด้วย ในข้อสอบเขียนเขาก็ได้ที่หนึ่งตลอด แต่ว่าพอมาถึงภาคปฏิบัติเมื่อไหร่เขากลับไม่ผ่านทุกครั้งเลย ผมไม่ได้ไม่สนใจเขาด้านนี้นะครับแต่ว่า นี่มันครั้งที่สี่ในเดือนเดียวกัน แล้วนะครับที่เขามีเรื่องกับเดอริส แถมตอนนี้ยังกลางสอบอีกด้วย” ผมไม่เข้าใจว่าทำไมโรงเรียนเขาไม่สร้างให้กำแพงมันหนากว่านี้นะแล้วถ้ารู้ว่ารกำแพงมันบางอย่างน้อยก็ให้ผมไปอยู่ทีอื่นได้ไหมไม่ใช้หน้าห้องแบบนี้ ผมนั่งฟังครูพูดถึงการกระทำของผมในวันนี้ให้แม่ฟังแล้วก็ยิ่งโมโหเจ้าเดอริสนั้น ลาทิเอลนั่งอยู่ข้างๆผมและคอยให้กำลังใจผมตลอด ทั้งๆที่เป็นน้องแท้ๆแต่กลับมีนิสเป็นผู้ใหญ่กว่าสะอีก ผมสีน้ำตาลอ่อนจนเกือบเป็นสีบลอนและดวงตาสีเขียนมรกตทำให้ผมนึกเสมอเลยว่าลาทีเอลนี้เหมือนกับพ่อจริงๆเลย ผมนั้นได้เชื้อแม่มาเต็มๆจึงมีสีตาเหมือนแม่ (เวอร์ชั่นผู้ชาย)
“คุณครูคะชั้นเข้าใจคะ ว่าการกระทำของลูกชั้นเป็นที่ไม่น่าพอใจแต่ว่าเรื่องสอบภาคปฏิบัติครูก็รู้นิคะว่าทำไมเขาถึงตกทุกครั้ง” แม่คงไม่รู้หรอกนะว่าผมดีใจแค่ไหนเมื่อแม่พยายามปกป้องผมนะ ถึงแม้ว่าข้อแก้ตัวจะเป็นสิ่งที่ทำให้จิตใจของผมหวั่นไหวก็เหอะ
“เรื่องนั้นผมรู้ครับ แต่ว่าผมคงต้องฝากให้คุณตักเตือนเขาเรื่องการทะเลาะวิวาทด้วยนะครับ”
“เข้าใจแล้วคะ ขอบคุณมากคะคุณครู” แม่เปิดประตูเพื่อพาพวกเรากลับบ้านระหว่างแม่ไม่พูดอะไร ไม่ต่อว่าหรือตักเตือน หรือ ทำโทษผมเลย ผมมองผมสีน้ำตาลเชสนัทของแม่ที่ถักเอาไว้เป็นเปียหลวมๆของแม่ที่ปลิวไปตามลมอ่อนๆที่พัดตลอดในหมู่บ้านเรา ดวงตาสีฟ้าทะเลของแม่จ้องมองไปยังทางข้างหน้า แม่เป็นคนที่เดาอารมณ์ยากที่สุดที่ผมเคยเจอมาในชีวิตเลย บางครั้งผมก็สังไสเสมอว่าแม่คิดอะไรใรอยู่
“คราวนี้เขาด่าลูกว่าอะไรอีกละ” แม่ถามด้วยน้ำเสียงอันแสนธรรมดาที่คนเป็นแม่จะพูดกับลูก ไม่มีความโกรธอยู่ในน้ำเสียงของแม่เลยแม้แต่นิดเดียว
“เขาด่าผมว่าไอขี้แพ้ฮะ”
“งั้นเหรอ” แม่หยุดเดิน ทำให้ผมและน้องหยุดเดินไปด้วย เราทั้งคู่ต่างมองหน้ากันด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่า “แม่จะทำอะไรต่อ จะตีหรือเปล่าเนี่ย” แต่สิ่งที่แม่ทำก็ทำให้เราแปลกใจกับแม่ทุกครั้ง แม่หันมาและยิ้มอย่างมีเลห์ในพร้อมกับพูดว่า “คราวหน้าเอาให้น่วมเลยนะ แค่ดั่งหักไม่พอหรอกจ๊ะ”
นั้นแหละครับแม่ที่ผมรักตลอดแม่ แม่ถึงจะเป็นแม่แต่ก็ห้าวเกินชายครับ มีแม่คนเดียวนี่แหละครับที่ถีบเพื่อนของพ่อตกน้ำตกต่อหน้าลูกๆได้ และเป็นคนเดียวที่นังเลงวัยรุ่นแทบนี้ยังเรียกเจ๊
เราทั้งหมดเดินกลับบ้านพร้อมกับเสียงหัวเราะและรอยิ้มแต่คำพูดของแม่ยังคงอยู่ในหัวของผมตลอดมา
“คุณครูคะชั้นเข้าใจคะ ว่าการกระทำของลูกชั้นเป็นที่ไม่น่าพอใจแต่ว่าเรื่องสอบภาคปฏิบัติครูก็รู้นิคะว่าทำไมเขาถึงตกทุกครั้ง”
สาเหตุที่ผมไม่สามารถสอบผ่านการสอบภาคปฏิบัติได้นั้นไม่ใช่เพราะผมใช้เวทย์มนตไม่เป็ฯแต่เป็นเพราะว่าผมไม่สามารถเวทย์มนต์ได้ตั้งแต่กำเนิดไม่ว่าจะพยายามสักเท่าไหร่ก็ตาม ผมก็ไม่เคยใช้เวทย์มนต์ได้เลยแม้แต่น้อย
ความคิดเห็น