ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    FIC [KKM] Yuuram เงากระจก จ้า ^^

    ลำดับตอนที่ #13 : ตอนที่ 13 พี่ชาย...

    • อัปเดตล่าสุด 28 ต.ค. 51


    แว๊กกก ขอโทษมากมายคะทั้งที่สัญญาแท้ๆว่าจะอัพเยอะในวันหยุดแต่พอดีไปเจอเรื่องยุ่งมาเลยทำให้ไม่ได้อัพเลยT^T ด้วยว่าหมาที่บ้านคลอดลูกมา5ตัวคะแต่ว่าตายไป 4 ตัว เหลือแค่ 1ตัวคะ และตอนนี้แม่มันก็ดันไม่สบายหนักด้วยผีเลยต้องดูแลมันแทน ตอนกลางคืนต้องตื่นทุก2ชั่วโมงมาป้อนนมมัน เหนื่อยมากเลย - -

    ------------------

    "ชิโระกับคุโระ?" ที่นั่งอยู่ตรงหน้าของยูริคือ โมริมียะ ชิโระและคุโระ ที่เคยเป็นเพื่อนหรือศัตรูร่วมห้อง และที่สำคัญที่สุดคือน่าจะเป็นแค่เด็กธรรมดากลับมาเป็นเทพไปได้ แถมยังดูสูงกว่าตอนที่อยู่ที่โลกด้วย ชิโระตอนนี้ใส่เสื่อโคทสีขาวมีแขนยาวและบานออก และเข็มขัดสองอันที่คาดอยู่ที่เอวเป็นตัวX คุโระเองก็ใส่ชุดแบบเดียวกันแต่เป็นสีดำ

    "อะไรกันหน้าซีดเป็นไก่ต้มเชียว ไม่ต้องตกใจหรอก ยังไงชั้นก็ยังคงเป็นชิโระคนเดิม" ชิโระพูดและลุกขึ้นจากที่นั่ง ทั้งสองเดินลงมากหายูริที่ยังคงงงและสับสนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

    "แปลว่าที่ผ่านมาโกหกหมดเลยใช่ไหม" มุราตะถามเป็นคนแรก และคุโระก็หัวเราะเบาๆ

    "ใช่ และ ไม่ใช่ คงต้องตอบแบบนั้นนะ เรื่องที่เราเป็นเด็กกำพร้าและใช้ชีวิตโดยอาศัยเงินบริจากนั้นเป็นเรื่องจริง เพราะเราก็แค่ปลอมตัวเป็นเด็กน่าสงสารที่ไม่มีที่จะอยู่และไปขอที่อาศัย แค่นี้นะก็จะดูเหมือนว่าเรามีตัวตนจริงๆแล้ว ใครจะถามว่าเป็นใครมาจากไหนก็จะได้ตอบได้ แต่ที่โกหกจริงๆนะคงจะเป็นอายุและนามุสกุลก็เท่านั้นแหละ" คุโระอธิบายสั้นๆ วอลฟรัมที่ฟังอยู่ตลอดก็ถามไปอีกคำถามหนึง

    "เรื่องพี่ชายก็โกหกด้วยใช่ไหม" เมื่อคุโระและชิโระได้ยินเรื่องนี้ก็ทำสีหน้าตกใจและเปลี่ยนเป็นหน้าเศร้าทันที

    "นั้นนะ...ก็เรื่องจริง พี่ของเรานั้นหายตัวไปมา100กว่าปีแล้ว แต่เรื่องที่พวกเราเห็นวอลฟรัมเป็นพี่นั้น อันนั้นนะมาจากใจจริงนะ อ๊ะเรียกพี่ไม่ได้แล้วสินะ ก็ดันแก่กว่าเป็นหมื่นเป็นแสนเลยนิ"

    "ไม่หรอก..เรียกว่าพี่ก็ได้ เป็นพี่เป็นน้องอายุไม่สำคัญ มันอยู่ที่จิตใต้สำนึกตะหาก" เมื่อทั้งคู่ได้ยินแบบนั้นก็อุ่นใจและยิ้มทันที และก็เดินไปหายูคิที่ไม่กล้าแม้แต่สบตามองหรือแสดงท่าทีอะไร

    "ส่วนนาย ยูคิ..." ชิโระพูดและก็เอามือไปชกหน้าของยุคิอย่างแรง โดยทิ้งรอยห้อเลือดเอาไว้ให้เห็นอย่างชัดเจนเป็นรอยใหญ่ ยูคิเองก็ไม่ได้คิดหลบหรืออะไรเลย เหมือนว่าเต็มใจยอมรับผิด "นายกล้ามากเลยนะที่กลับมา"

    "ผม...ผมขอโทษครับผมผิดไปแล้ว" ยูคิพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูแล้วไม่เหมือนที่ผ่านมาก เพราะมันเป็นเสียงที่แสดงถึงการอ้อนวอนและขอโทษ

    "โฮชิ เอาตัวไปขังเอาไว้ก่อน รอตัดสิน" และก็เหมือนเดิมญุคิไม่ได้แสดงท่าทีขีดขืนหรืออะไรเลยและยอมจำนนแต่โดยดี ยูริที่เห็นยูคิในสภาพแบบนั้นก็รีบไปขวางทันที

    "เดี๋ยวก่อนสิเขาช่วยพวกเรานะ"

    "แต่เขาก็คิดจะฆ่านายนะ" เมื่อสถานการณ์มันบังคักแบบนี้ วอลฟรัมและมุราตะก็พยักหน้าก็เข้าไปร่วมด้วยช่วยกันปกป้องยูคิ

    "ชิโระ อะไรที่มันเป็นอดีตก็ปล่อยมันไปเหอะนะ หรือถ้าจะจับยูคิไปขังละก็จับพวกเราไปขังด้วยคน" วอลฟรัมยื่นคำขาดและก็ทำให้ชิโระและคุโระอ่อนใจและถอนหายใจยาวๆก่อนสั่งให้ทุกคนถอย

    "ตามมาสิ ถึงแผลข้างนอกจะหายแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าข้างในจะไม่เป็นไรนะ ที่กระท่อมมียาอยู่" พูดแล้ว โฮชิก็ช่วยยูคิเดินแล้วพาไปกระท่อมที่อยู่ข้างในสุดของป่าทันท

    ---------------------------

    กระท่อมที่ชิโระพูดกถึงนั้นอยู่ลึกเข้าไปถึงสุดของเขตป่า เพราะป่าที่นี้โดนภูเขาล้อมรอบเอาไว้จึงตัดจากโลกภายนอก กระท่อมนั้นอยู่ติดกับทะเลสาบเล็กๆ ตัวกรัท่อมพอดูจากภาบนอกแล้วก็เล็กพอสมควรแต่ข้างในนั้นกับกลับกันอย่างสิ้นเชิง ข้างในมีทั้งห้องนั่งเล่น ห้องนอน ห้องครัว และ ห้องน้ำ (อันนี้ไม่มีก็แปลกแล้วละ) ห้องนอนนั้นมีถึงสามห้อง และยูคิก็เข้าไปนอนในหนึ่งของห้องนั้นโดยมีโฮชิตามไปช่วย

    "อ่าคงเหนื่อยกันมากเลยสินะเดี๋ยวจะไปชงชาให้" และชิโระก็วิ่งเข้าไปในห้องครัวทันที ท่าทีของเธอดูเปลี่ยนไปจากเมื่อกี้มากจนคนอื่นอึ้ง คงเพราะไม่ได้ถูกลูกน้องกดดัน คุโระเลยถึงโอกาศนี้แฉความลับซะ

    "ต้องขอโทษด้ววจริงๆ คงลำบากมากเลยสินะโดนหมอนั้นหมายชีวิตเอาไว้แต่พอเห็นนายบอกว่าช่วยเอาไว้แค่นี้ชั้นก็วางใจหน่อย ที่จริงแล้วเด็กคนนั้นนะน่าสงสารมากเลยละตอนที่ไปเจอที่โลกนะเขานะอยู่ในสภาพที่แย่มากเลยละ ชิโระนะดูแลยูคิเหมือนน้องชายคนเล็กคนหนึ่งเลย ชั้นเองก็มีโฮชิเป็นน้องนะ ตั้งแต่ตอนที่ยูคิวิ่งหนีไป ชิโระนะร้องไห้ทุกคืนเลย ชั้นเลยยกโทษให้เขาไม่ได้ไงละ" และทันทีที่เล่าจบชิโระก็โผล่พร้อมกับชาร้อนๆและเสริฟให้คนแต่ดูเหมือว่ายูริลแมราตะจะลังเลที่จะกินเพราะว่ากลัวว่าจะโดนใส่อะไรพิเศษลงไปด้วยเหมือนตอนอยู่ประถม

    "จะว่าไปแล้วทำไมเทพอย่างเธอถึงได้มาอยู่ที่นี้และ" ตามที่ยูรินึกจินตนาการเอาไว้ เทพนั้นน่าจะเสพสุขอยู่บนสวรรค์นี่นาแล้วทำไมสองคนนี้ไม่สิ สามคนเมื่อรวมพี่ชายเข้าไปด้วยถึงได้มาอยู่บนพื้นดินแบบนี้ด้วย แถมยังไปโลกอีก

    "คงสงไสสินะที่ว่าทำไมเทพอย่างชั้นถึงได้มาอยู่ในสภาพแบบนี้ นี่นะเป็นบทลงโทษไงละ เมื่อ4000ปีก่อนนะพวกเราเองนี่แหละ ที่เป็นคนปล่อยให้โซชูออกมาอาลวาด" เมื่อได้ยินแบบนั้นมุราตะก็วางน้ำชาลงทันที โซชูที่ตัวเองพยายามปราบมากตลอด4000ปี โซชูที่เป็นต้นเหตุทำให้ชินโอต้องพลีชีพเพื่อเป็นร่างเส้นให้ยูริทำลายตัวมัน นั้นที่แท้คนพวกนี้นี่เองที่ต้องรับผิดชอบ

    "จะโกรธก็โกรธไปเถอะนะ เพราะยังไงซะมันก็ควรอยู่แล้วก็นายต้องเสียคนที่ตัวเองรักไปก็เพราะมัน ถึงยังไงก็ช่วยเก็บอาการเอาไว้จนกว่าทุกอย่างจะลงตัวละกัน เอก่อนเพราะมีแต่คนคิดจะมาเผาป่านี้เพื่อสร้างหมู่บ้าน ตอนนั้นเทพอย่ง" มุราตะจ้องมองไปที่ถ้วยชาสักครู่

    "แต่ถ้าไม่มีมันชินมาโกคุก็จะไม่ถึงกำเนิน ชินโอกับข้าก็จะไม่ได้เจอกันและทุกคนที่อยู่ที่นี่ก็จะไม่เกิดมาด้วยซ้ำเพราะฉะนั้นอย่าดทษตัวเองเลย" ชิโระกับคุโระแปลกใจกับคำตอบ และทุกคนก็หยิบถ้วยชาขึ้นมาดื่มแต่พอจิบได้อึกเดียวก็สำรอกออกมาเป็นแถว และก็ทำหน้าแปลกๆ

    "นะ-น้ำชาบ้านอะไรวะหวานบรรลัยเลยยัยบ้า!!!!!!!" ยูริตะโกนออกมาอย่างดังและสี่เพื่อนเก่าก็เปิดศึกเหมือนเคย

    "เจ้าบ้าเดินทางมาเหนื่อยๆก็ต้องกินอะไรหวานๆดิจะได้มีแรง" ชิโระตอบโต้ทันที คงเป็นเพราะว่าตัวเองเป็นคงชง  "อีกอย่างมันหวานตรงไหนเนี่ยใส่ไปแค่สองช้อนเอง"

    "แล้วไอช้อนที่ใช้นี่มันช้อนอะไรเล่า" มุราตะพูดปุ้ป ชิโระก็ทำหน้าแปลกๆและก็ถือช้อน...ทัพพีตักข้าวขึ้นมาเล่นเอาทุกคนหน้าซีดไปตามๆกัน

    "นี่เธออยากให้ชั้นเป็นเบาหวานตายหรือไงห๊า"

    "เบาหวานนะเป็ฯโรคที่สะสมจนถึง40ปีตะหากเล้า"

    "ก็เดี๋ยวตอนที่ชั้นอายุ40ชั้นก็ตายไงเล่า"

    "ชั้นกินแบบนี้มาตลอดชีวิต ผ่าน40ปีแล้วยังไม่เห็นเป็นไรเลย"

    "ก็เธอมันเทพที่หว่า"

    "นายก็ปีศาจนี่หว่า"

    "แล้วมันเกี่ยวกันไหมมมมมมมมม"

    แล้วทั้งสี่ก็ทะเลาะกันตามเคยทิ้งเอาวอลฟรัมงงไปตามๆกัน
    -----------------

    ยามเย็นมาถึงแล้ว ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสำดำ มีแสงดาวและพระจันทร์คอยเป็นแสงสว่างนำทางให้ ที่ป่าแห่งนี้ยังคงสงบเหมือนเดิม ชิโระบอกกับยูริว่าที่นี้คือป่าไร้เสียงเพราะว่า จะเงียบตลอดไม่ว่าวันไหนเมื่อไหร่ฤดูอะไร ถึงแม้หลายชั่วโมงจะผ่านไปแล้วแต่ว่า ยูคิก็ยังคงนอนหลับอยู่ ตอนนี้คนที่คอยดูแลยูคิไม่ใช่โฮชิแต่เป็นชิโระแทนแล้ว ยูริและคนอื่นคอยเฝ้าอยู่ข้างนอก เพื่อลุ้นดูว่าเมื่อยูคิตื่นแล้วชิโระจะทำอะไร และในที่สุด ยูคิก็ลืมตาขึ้นมา
     
    “ตื่นแล้วเหรอ” สิ่งแรกที่ยูคิเห็นนั้นคือชิโระที่นั่งดูแลอยู่ข้างเตียงนอนด้วยสายตาเย็นชาไม่แสดงท่าทีอะไร
     
    “ท่านชิโระ...คือว่าผม -” แต่ก่อนที่จะได้พูดต่อชิโระก็กระโดดเข้าไปกอดยูคิเต็มแขนอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน
     
    “หายไปไหนมารู้ไหมว่าชั้นเป็นห่วงนายขนาดไหนนะ” ชิโระร้องไห้ออกมาเหมือนได้ปลดปล่อยสิ่งที่ตัวเองได้เก็บกดมาตลอดหลายปี
     
    “...” ยูคิพูดอะไรไม่ออกเมื่อเห็นชิโระในสถาพแบบนี้
     
    “นายมันบ้า ถึงจะไม่มีอะไรอย่างที่หมอนั้นมี แต่นายก็ยังมีชั้น มีคุโระ มีโฮชิและทุกคนที่นี้เป็นเพื่อนนาย ไง เราทุกคนที่นี้ก็เหมือนครอบครัวไง” คำพูดของชิโระสะเทือนใจของยูคิแล้วยูคิเองก็กอดชิโระกลับแบบครอบครัว สำนึกผิดที่ตัวเองต้องทำให้คนที่สำคัญคนหนึ่งต้องร้องไห้เพราะความโง่ของตัวเอง และใช่ว่าชิโระนั้นร้องไห้คนเดียวซะเมื่อไหร่ ไอพวกที่อยู่ข้างนอกก็ร้องไห้ด้วยควมซึ้งใจ น้ำตาไหลพรากๆเหมือนในละคร
     
     
    หลังจากที่เหตุการณืของยูคิและชิโระผ่านไป ยูริก็เข้าไปข้างในเพื่อไปหาชิโระ พร้อมกับคนอื่นๆที่อยู่ข้างานอก
     
    “จะว่าไปแล้วขอถามอะไรอย่างหนึงเหอะ อาโอะนี่ใครเหรอ” และชิโระกับคุโระก็มองฟน้ากันพยักหน้าเพื่อเป็ฯการส่งสัญญานว่าให้บอกไป
     
    “อาโอะนี่ก็คือ เทพแห่งป่าไร้เสียงเช่นกัน เป็นพี่ชายคนโตของเราเอง”
    ---------------------------------------------------

    Soushu ที่จริงอ่านว่า โซชูนะคะ ที่ผ่านมานี่ผีเขียนผิดหมดเลย -- ในที่สุดโน๊ตบุกก็ซ่อมเสร็จ ^^ เขียนได้สะดวกมาเลยคะ เดี๋ยวขอตัวไปดูแลลูกชายก่อนนะคะ

    และก็

    Happy Birthday คะคุณข้าวปั้น ขอให้มีสุขภาพแข็งแรง การเรียนก็ดีการเงินก็รวย ^^

    อัพสดๆจากโรงเรียนนะเนี่ย

    ตัวอย่างตอนต่อไป

     

    ถึงร่างของ มุราตะ เคน นี้จะเป็นแค่ร่างของเด็กธรรมดาซึ้งไม่มีเรี่ยวแรงอะไรเลย แต่ถ้ามันถ่วงเวลาให้พวกนั้นได้ละก็ละนะ มุราตะหยิบดาบที่ชิโระทิ้งเอาไว้ให้ขึ้นมาแล้วตั้งท่ารับทันที สายตาจ้องไปที่ลูเซีย ชั้นจะเป็นคู่ต่อสู้ให้เธอเอง เข้ามาเลย อีนังซาดิส

     

     

    ยูริระวัง เหล็กแหลมของเข็มที่อาโอะปล่อยออกมาพุ่งเขาไปตรงที่ยูริที่กำลังยืนอยู่ และทันใดนั้นเองยูริก็หลับตาลงคอยถึงวินาทีที่ตัวเองจะตายแต่กลับไม่รู้สึกถึงมันเลย เมื่อลืมตากลับมีเงาที่มาขวางอยูข้างหน้าแทน เลือดของคนๆนั้นหยดลงบนพื้นย้อมพื้นให้เป็นสีแดงฉาน

     

    เจ้าบ้า...

    ------------------------

    แว๊กกกกก   ใครตายละเนี่ยยยย

    ในที่สุดก็ถึงจุดไคลแม็กแล้วววว จะจบแล้วนะเนี่ย หึหึ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×