คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : อดีต
เสียงทุ้มตัดสินใจเอ่ยขึ้น "ถ้าเด็กคนนี้จะกลับไปกับท่าน ข้าคงต้องขอรบกวนท่านด้วยแล้วกัน"
“พี่เนเน่...” เนียร์กระซิบ เธอยังคงเกาะแขนของพี่สาวไว้แน่น “ทำไมพ่อต้องเชิญพวกเขาไปที่บ้านเราด้วยล่ะค่ะ คนพวกนี้น่ากลัวจะตายไป”
“ท่านพ่อคงมีเหตุผลของท่านน่ะ” เนเน่ตอบเบาๆ พลางครุ่นคิดอยู่ในใจเช่นกัน “เราไปกันเถอะ”
สี่ชีวิตเดินตามนักบวชแห่งรีลลีซออกจากป่าช้า ชายชรากับแม่มดสาวอยู่ด้านหน้า ในขณะที่เนียร์กับเนเน่อยู่รั้งท้าย มือเล็กๆของเนียร์เกาะกุมพี่สาวไว้แน่น เธอพยายามเหลียวหลังไปมองหลายครั้งจนเนเน่ได้แต่อมยิ้มเล็กๆ กับสายตาขอโทษคู่นั้น
ความวุ่นวายมาเยี่ยมเยือนห้องโถงใหญ่ของบ้านดังขึ้น ทันทีที่นักบวชมาถึง เด็กๆ รีบวิ่งมาล้อมหน้าล้อมหลังนักบวชกับเนเน่ด้วยความคิดถึง แต่เสียงจอแจก็พลันหายไปเมื่อเห็นคนแปลกหน้าสองคนก้าวตามเข้ามาด้วย
คนหนึ่งนั้น...เป็นหญิงสาว รูปร่างสะโอดสะอง มีใบหน้าชวนมอง ผิวขาวผุดผ่อง ตัดกับเส้นผมหยิกหนาสีน้ำตาลแดง ส่วนอีกหนึ่งคน...เป็นชายชรา เจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาลอมแดง ท่าทางเคร่งขรึมและองอาจ
"พี่เนเน่ พี่เนียร์....สองคนนี้เป็นใครเหรอ" เสียงเล็กๆ หนึ่งกระซิบถาม
เนียร์ได้แต่ยิ้มเฝื่อนๆแทนคำตอบ เธอเองก็อยากรู้เหมือนกัน...
"เนเน่...พาเนียร์ไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนไป..เดี๋ยวจะได้ลงมาทานข้าวพร้อมกัน" นักบวชเอ่ย แต่ยังไม่ทันที่เนียร์กับเนเน่จะเดินไป เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
"...กรี๊ดดดดดดดด"
"แมลงสาบ!!"
เสียงโวยวายไร้เดียงสา ตามมาด้วยการไล่ตะครุบแมลงสีดำอย่างเมามันของเด็ก ๆ ทำลายบรรยากาศตรึงเครียดภายในพริบตา
"พี่ เนเน่ ช่วยด้วย หนูเกลียดมันอ่า~~" เนียร์ร้องเสียงแหลมเพราะความตกใจกลัวเป็นเหตุ แต่ดูเหมือนเนเน่เองก็ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะเธอก็รู้สึกขยะแขยงขึ้นมาเหมือนกัน..
ในขณะนั้นเอง..เจ้าแมลงตัวสีดำน่ารังเกียจนั้นก็ทำท่าทีจะเข้ามาหาเนียร์!!
"กรี๊ดดดด ไม่เอาน้า~~~"
"บอมเบอโร เฟอเซ่" เสียงอันเยือกเย็นของแม่มดสาวดังขึ้น..ทันใดนั้นเจ้าแมลงก็ระเบิดกลายเป็นเถ้าธุลีไป...
ทิ้งไว้แต่ร่องรอยความหวาดกลัวบนใบหน้าของเด็กๆ
แม้ว่าพวกเขาจะเติบโตมาในดินแดนแห่งเวทมนต์ และคุ้นเคยกับสายเวทที่แบ่งเป็นเวทดิน น้ำ ลม ไฟ แสงสว่าง และความมืด แต่พวกเขาก็ไม่เคยเห็นใครใช้เวทมนต์แรงๆ กับสิ่งมีชีวิตเล็กๆ แบบนี้มาก่อน
"ระมัด ระวังหน่อย คุณผู้หญิง ถึงจะทำไปเพราะรำคาญ ข้าเองก็คงจะห้ามคุณไม่ไหว แต่สิ่งที่มีชีวิตเหมือนกัน ไม่ควรฆ่าเพียงเพราะรำคาญเช่นนั้นนะ" เวลไทน์พูดขึ้นมา ก่อนจะหันไปพูดกับหญิงสาว ที่ดูเป็นผู้นำของเด็กๆ "เนเน่ ช่วยจัดการพาน้องๆไปด้านหลังทีนะ"
"คะ คุณพ่อ" หญิงสาวตอบคุณพ่อของพวกเธอ ก่อนจะพาน้องๆที่ไม่เกี่ยวข้องทางสายเลือดใดๆออกไป
"เป็นผู้หญิงก็อย่างนั้นละ ทำอะไรตามใจตัวเอง ไม่ชาวบ้านเขาเลย" ชายชราผู้คล้ายซ่อนบางสิ่งบางอย่างเอาไว้ด้วย
"ถึงข้าจะไม่ดูกาลเทศะเท่าไร แต่ข้าคาดว่าท่านต่างหากที่ไร้มนุษยธรรมมากกว่าข้านะ" หญิงสาวจับบางสิ่งที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของชายชราได้ แต่จะตอบกลับไปแบบเดียวกัน
"เท่าที่ข้ามอง พวกท่านคงไม่ค่อยจะเป็นมิตรต่อกันเท่าไร่เลยนะ" นักบวชแห่งรีลลีซพูดขึ้นมา
ทั้งสองเขยิบห่างจากกันไปอีกแทนคำตอบ
"ตอน นี้เด็ก ๆ ก็ไม่อยู่แล้ว เรามาเข้าเรื่องกันเถอะ" นักบวชพาทั้งคู่เดินออกไปทางด้านหลัง ถึงจะเป็นสวนเปิดกว้าง แต่ก็ดูจะเป็นส่วนตัวมากกว่าห้องโถงที่ติดกับห้องนอนของพวกเด็ก ๆ "ถึงจะพูดว่าข้ารับเลี้ยงเนียร์มาตั้งแต่เด็ก แต่อย่างที่ท่านน่าจะทราบแล้ว เด็กทุกคนที่นี่เป็นเด็กกำพร้า ถ้าพวกท่านกล่าวอ้างว่ารู้จักเธอ ข้าก็อยากจะทราบเรื่องราวของพวกท่าน"
“งั้นคงต้องเริ่มจากข้าสินะ” แม่มดสาวเอ่ยขึ้นก่อน “ก่อนอื่น ข้าคงต้องแนะนำตัวก่อน ข้ามีชื่อว่า เวียนนาร์ แต่ผู้คนมักเรียกข้าว่า แม่มดแห่งความพังพินาศ เพราะเวทของข้าที่มีมาแต่กำเนิดเป็นเวททำลายที่มีอานุภาพรุนแรง แถมข้ายังสามารถใช้เวทได้ทุกสาย ต่างจากเวทของพวกท่าน
ข้าไม่รู้ตัวเลยว่า เกิดมาพร้อมความสามารถอันน่ากลัว แต่นั่นละคือ จุดเริ่มต้นที่ทำให้ข้ารู้จักกับเรเลียส เพราะเมื่อข้ามีอายุมากขึ้น คนอื่นๆในหมู่บ้านต่างก็พากันเกรงกลัวข้า มีแต่เรเลียสที่มาอยู่เป็นเพื่อนข้า ในตอนนั้น นางคงจะอายุพอๆ กับเนียร์ในตอนนี้นั่นแหละ นางทำให้ชีวิตของข้าไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไป
ข้ากับเรเลียสอายุไล่เลี่ยกัน นางอ่อนกว่าข้าแค่เดือนเดียว เราจึงเติบโตมาด้วยกัน และเป็นเพื่อนรักกันตั้งแต่เด็ก เราทั้งสองใฝ่ฝันไว้ว่า หลังเรียนจบจากโรงเรียนในหมู่บ้าน จะออกเดินทางด้วยกันเพื่อไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในดินแดนต่างๆ แล้วจึงกลับมาเปิดร้านค้าเล็กๆ ซักร้าน ใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบ
ทุกอย่างน่าจะเป็นไปได้ดี จนกระทั่ง...คนคนนี้ก้าวเข้ามาในชีวิตของเรเลียส” แม่มดสาวเอ่ยพลางชี้ไปทางชายชรา
สายตาของชายชรายังคงดูสงบนิ่ง ขณะที่เวียนนาร์เล่าเรื่องไปเรื่อยๆ
“วันนั้นเป็นวันฉลองวันเกิดครบรอบอายุ 17 ปี ของเรเลียส...”
ดวงตาของเวียนนาร์ดูเศร้าสร้อยลงทันใด เมือ่หล่อนก็จำใจนึกถึงอดีตอันแสนเจ็บปวด...ซึ่งมันทำให้หัวใจที่เย็นเฉียบ ของนางสั่นสะท้าน " วันนั้นข้ากำลังออกไปซื้อเค้กไวท์ช็อกโกแลต..เรเลียสชอบมันมาก แต่ว่า..ข้าประมาทไป คือข้าไม่คิดว่า...เรเลียสจะ... "
ชายชราหัวเราะเบาๆ "ใช่ และในขณะที่เจ้าหมกมุ่นอยู่กับเค้กก้อนโต ข้าก็ได้มาพบเรเลียสจนได้..." เขายิ้มกว้าง และดูน่ารังเกียจเมื่อเขายิ้มกว้างขึ้นจนเห็นฟันที่น่าขยะแขยง "เรเลียสเป็นเด็กที่พิเศษกว่าใครๆที่"เรา"เคยค้นพบมา พลังเวทของเธอนั้นแกร่งกล้า ! "
“อ้อ..ข้ายังไม่ได้แนะนำตัวเลยสินะ ชื่อเต็มๆ ของข้าน่ะยาวมาก แต่จะว่าไป..ก็ไม่มีใครเรียกชื่อข้าหรอก ทุกคนเรียกข้า โซล อาชีพของข้า คือ การทำลูกแก้วเวทมนตร์และอุปกรณ์เวทมนตร์อื่นๆ
ในการทำลูกแก้วเวทมนตร์ ข้าจำเป็นต้องดึงพลังเวทออกมาจากนักเวทเพื่อกักเก็บไว้ในเวทมนตร์ ดังนั้น ข้าเดินทางรอนแรมไปทั่วแคว้นต่างๆ เพื่อค้นหานักเวทผู้มีพลังแกร่งกล้า และคนคนนั้นต้องมีจิตใจที่เข้มแข็งด้วย อีกอย่าง การดึงเวทมนตร์ในช่วงวัยหนุ่มสาวเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด เพราะคนหนุ่มสาวจะฟื้นพลังเวทได้ง่าย
ข้าพบเรเลียสตอนที่นางเลือกกุหลาบขาวมาประดับงานวันเกิด แค่ได้เข้าใกล้นาง ข้าก็สัมผัสถึงพลังเวทที่รุนแรงและบริสุทธิ์ยิ่ง แม้กระทั่งข้า ก็สัมผัสถึงพลังเวทที่รุนแรงและบริสุทธิ์ยิ่ง แม้กระทั่งดอกไม้ธรรมดา ๆ ที่ถูกตัดออกมาก็ยังดูสดใสเมื่ออยู่ในมือของนาง ข้ารู้ทันทีว่าได้เจอคนที่เหมาะสมแล้ว
ข้ายื่นข้อเสนอของข้าให้เรเลียส แค่แบ่งพลังเวทเล็กน้อยมาเก็บในลูกแก้ว แลกกับสิ่งที่นางปรารถนามากที่สุด นั่นคือ การได้ไปผจญภัยในโลกกว้าง....
“จริงเหรอคะ...ท่านจะพาข้ากับเพื่อนไปเที่ยวดินแดนต่างๆ ได้จริงๆ เหรอ” เสียงสดใสของเด็กสาวตากลมโตเอ่ย
“ได้สิ...ข้าเดินทางมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว เจ้าอยากจะดูแผนที่ที่ข้าทำขึ้นไหมล่ะ” โซลยิ้มอย่างอ่อนโยน พลางหยิบแผนที่ที่เขาพกติดตัวกางออก
“ว้าว....โอ้โห นี่เมืองอะไรคะ แล้วเมืองนี่ล่ะ” เรเลียสดูตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก
“เจ้าถามเยอะอย่างนี้ แล้วข้าจะตอบทันได้ยังไงล่ะ” โซลหัวเราะอย่างอารมณ์ดี แค่เห็นปฏิกิริยาของเด็กสาว เขาก็รู้ว่าชัยชนะในการตกลงแลกเปลี่ยนครั้งนี้เป็นของเขาแน่นอน
“ว่าแต่เจ้าตกลงเงื่อนไขของข้าหรือเปล่า ข้าจะพักอยู่ที่นี่ไม่นานหรอกนะ หากเจ้าจะไปกับข้า เจ้าก็ต้องตัดสินใจเดี๋ยวนี้เลย”
เรเลียสเกิดลังเลขึ้นมาเล็กน้อย
“ข้าอยากถามเวียนนาร์ เพื่อนข้าก่อน แล้วยังมีพ่อ กับ แม่ เอ่อ...คือ ข้าไม่คิดว่าจะได้ออกเดินทางเร็ว ๆนี้ น่ะค่ะ”
“ข้าจะรอคำตอบของเจ้าในเช้าวันพรุ่งนี้ ส่วนวันนี้ ข้าจะให้เจ้ายืมแผนที่นี้ไปดูก่อน ถือเสียว่าเป็นของขวัญวันเกิดก็แล้วกัน”
ชายชราหลับตาลงครู่หนึ่ง เมื่อนึกถึงวันแรกที่เขาเจอกับเรเลียส ในตอนนั้น เขามีความคิดเพียงว่าจะชักชวนเด็กสาวผู้นี้อย่างไร “เรเลียสตกลงตามข้อเสนอของข้าด้วยความเต็มใจ หลังจากวันเกิดผ่านไปได้ห้าวัน เรเลียส เวียนนาร์ และข้าจึงออกเดินทางไปด้วยกัน”
“หึ เจ้าเลือกเล่าแต่ส่วนดีๆ เลยนะ ไม่บอกด้วยล่ะว่า เจ้าได้ฉายา ผู้ใช้ซากศพ มาจากไหน ?” เวียนนาร์ค่อนแคะ
“นั่นไม่ใช่ฉายาของข้า แต่เป็นคำดูถูกอย่างร้ายกาจของคนที่ทำหน้าที่อย่างเรา ! ข้าจำเป็นต้องกักเก็บพลังเวทจากลมหายใจสุดท้ายของนักเวท หรือแม้แต่ซากศพของคนเหล่านั้น ก็เพื่อทำลูกแก้ว“ นัยน์ตาของโซลแข็งกร้าวขึ้นมาทันที “เจ้าไม่รู้หรอกว่า ลูกแก้วเวทมนตร์มีประโยชน์กับผู้ที่ไร้เวท หรือนักเวทที่อ่อนแอมากแค่ไหน...เพราะเจ้าเกิดมาเพราะกับความสามารถในการทำลายยังไงล่ะ นังแม่มดแห่งความพังพินาศ!”
เวียนนาร์ถลึงตาใส่โซลอย่างไม่กลัวเกรง นางคงจะร่ายเวทใส่ไปแล้วถ้าไม่ติดว่านักบวชกระแอมขึ้นมาเบาๆ เป็นการห้ามทัพ
“สรุปว่าพวกท่านออกเดินทางไปด้วยกัน และหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นต่อมา” นักบวชถามเสียงเรียบ
“ตอนที่เรเลียสมาบอกข้าว่าอยากออกเดินทางไปกับโซล ข้าตกใจและเป็นห่วงเรเลียสมาก แต่เมื่อนางตัดสินใจแล้ว ข้าจึงยอมเดินทางไปด้วยเพราะเห็นแก่นาง ช่วงแรกๆไม่มีอะไรเกิดขึ้น การกักเก็บเวทไว้ในลูกแก้วก็ผ่านไปด้วยดี เรเลียสจะอ่อนแรงลงทุกครั้งที่ถูกดูดพลังเวท แต่แค่พักฟื้นซักคืนหนึ่งก็หายดี แต่ถึงอย่างนั้นข้าเองไม่เคยไว้ใจโซลเลย ข้าสัมผัสได้ถึงความชั่วร้ายที่แอบแฝงมาตลอด”
“เวียนนาร์ระแวงข้ามากเกินไป” โซลเล่าต่อ ก่อนหันไปทางแม่มดสาว “ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ค่อยมีเพื่อน และคนในหมู่บ้านก็คงไม่ค่อยทำดีกับเจ้าเท่าไหร่ ข้าอาจจะไม่ใช่คนดีเด่นอะไร แต่ข้าสาบานได้ว่า ข้าไม่เคยคิดทำร้ายเรเลียสและผลักดันนางไปสู่ความตาย”
“แต่เจ้าก็พานางไปที่เคียร่า...” เวียนนาร์แทรกขึ้นมาอีกครั้ง และเหมือนว่าชื่อของอาณาจักรแห่งความมืดจะมีผลต่อชายชราซึ่งตีสีหน้าไม่พอใจเป็นครั้งแรก
เคียร่า...นครแห่งความมืด อาณาจักรของเจ้าแห่งรัตติกาล เมืองเพียงเมืองเดียวในทวีปแห่งนี้ที่มีผู้ใช้เวทแห่งความมืดซึ่งมีอานุภาพทำลายล้างรุนแรงยิ่งกว่าสายเวทใดๆ จนหลายคนเรียกขานว่าเป็นเวทของปีศาจ
“เจ้ารู้ดีกว่าใครว่าขั้นตอนในการดูดพลังเวทนั้นซับซ้อนและยากยิ่ง” เวียนนาร์ “และเรเลียสก็อ่อนแออย่างมากเพราะถูกเจ้าดูดพลังเวทไป เจ้าจะบอกข้าหรือว่าเจ้าไม่รู้ว่ายิ่งนางเข้าใกล้สถานที่ที่เต็มไปด้วยเวทแห่งความมืด นางจะยิ่งฟื้นตัวช้ามากขึ้นเท่านั้น”
“ข้าตั้งใจพาพวกเจ้าไปเคียร่าก็จริงและข้ายอมรับว่าข้าอาจจะผิดที่พาเรเลียสไปที่นั่น แต่ข้าไม่เคยรู้มาก่อนและไม่เคยคิดว่าจะมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น”
“เรื่องร้ายแรงที่ว่าคืออะไรหรือ” นักบวชเอ่ยถามเสียงเบา
“เรเลียสหายตัวไป” ชายชราตอบ “ตอนนั้นข้ากับเวียนนาร์กำลังทะเลาะและต่อสู้กันอยู่ เราไม่ได้สังเกตเลยว่าเรเลียสหายไปตั้งแต่เมื่อใด ทั้งข้า เวียนนาร์และคนอื่นๆ พยายามตามหาเรเลียสอย่างสุดความสามารถ แต่ก็พบเพียงร่องรอยการโจมตีของเคียร่า และเครื่องประดับของเรเลียสบนกองเลือด”
“เครื่องประดับชิ้นนั้นเป็นของขวัญที่ข้าให้แก่เรเลียส..นางไม่เคยเอาห่างจากตัว” เวียนนาร์เล่าต่อด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย “ชาวบ้านบอกพวกเราว่าเรเลียสคงจะตายไปแล้ว ข้าไม่เชื่อ แต่ในที่สุดข้ากับโซลก็จำต้องยุติการค้นหาที่เคียร่า เราสร้างสุสานให้เรเลียสที่เมืองรีลลีซนี้ เพราะนางเคยบอกไว้ว่าอยากหลับชั่วนิรันดร์ท่ามกลางหมู่ดอกไม้ นางชอบกุหลาบขาวเสมอ...”
“พวกเราแยกทางกันตั้งแต่วันนั้น แต่ข้าไม่มีวันยอมแพ้ง่ายๆ ตราบใดที่ไม่เห็นศพของเรเลียส ข้าตามหาเบาะแสของเรเลียสในทุกเมืองที่ข้าไป จนข้าได้ทราบว่า ยังมีเวทมนตร์โบราณบทหนึ่งที่สามารถทำให้คนกลายเป็นเด็ก และสูญเสียความทรงจำได้ ดังนั้น พอข้าได้พบเนียร์ ข้าก็มั่นใจว่าเนียร์คือเรเลียสไม่ผิดแน่”
“ข้าเองก็มั่นใจ...แต่คงต้องขอให้เนียร์ไปกับข้า ข้ารู้จักคนที่สามารถฟื้นความทรงจำได้ นางจะกลับมาเป็นเรเลียสคนเดิม และข้าจะไม่ยอมให้นางถูกชายคนนี้แย่งตัวไปอีกเด็ดขาด”
“ไม่จริง...เจ้าต่างหากแย่งเรเลียสไปจากข้า ” โซลเถียง “ข้ารู้ว่าเจ้าพยายามเก็บนางไว้คนเดียวมาตลอด ข้ากลัวว่าเรเลียสจะรักข้ามากกว่าเจ้า แล้วทอดทิ้งเจ้าให้อยู่ทึนทึกขึ้นคานคนเดียว”
“เรเลียสไม่ได้รักเจ้า นางไม่มีวันรักคนอย่างเจ้า!!”
“เจ้าแน่ใจได้ยังไง เรเลียสเคยบอกเจ้าหรือไงว่าไม่ได้รักข้า”
แม่มดสาวได้แต่กัดฟันด้วยความโกรธ ดวงตาสีแดงก่ำตัดกับผิวสีซีดทำให้นางดูน่าสะพรึงกลัวมากขึ้น
“เอาละ...ข้าพอเข้าใจเรื่องราวของท่านแล้ว” เวลไทน์กล่าวตัดบท ใบหน้าสูงวัยกำลังคิดใคร่ครวญตามเรื่องราวที่แสนซับซ้อน“ข้าได้ให้คนจัดเตรียมห้องพักไว้ให้แล้ว เชิญท่านทั้งสองไปพักผ่อนก่อนเถอะ เราจะคุยถึงเรื่องนี้กันอีกวันพรุ่งนี้”
เวียนนาร์ถลึงตาใส่โซลอย่างไม่พอใจนัก แต่นางก็ยอมเดินกลับไปแต่โดยดี ชายชราโค้งเคารพนักบวชก่อนเดินตามออกไปเช่นกัน นักบวชยืนมองตามทั้งคู่อยู่ครู่หนึ่งก่อนเลื่อนสายตาไปที่ต้นโอ๊คต้นใหญ่
“พวกเจ้าออกมาได้แล้ว”
ร่างเล็กของคนแอบฟังทั้งสองโผล่ออกมาอย่างกล้าๆกลัวๆ มือเล็กๆของเนียร์เกาะกุมแขนของเนเน่ไว้แน่น เนเน่บีบมือเล็กๆของเนียร์อย่างให้กำลังใจ
“ข..ข..ขอโทษค่ะ หนู...หนูแค่อยากรู้” เนียร์ระล่ำระล่ำคำขอโทษด้วยเสียงอันแผ่วเบา
“หนูผิดเองแหละค่ะ ที่ยอมให้เนียร์มาด้วย ขอโทษด้วยนะคะ” เนเน่พูดแทนเนียร์ที่ตอนนี้เริ่มตัวสั่น
“เจ้าคงได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้วสินะ...เจ้าคิดยังไง”
“หนูจะเป็นคนที่ชื่อเรเลียสไปได้ยังไงกันคะ...หนูคือเนียร์ ถึงหนูจะจำพ่อกับแม่ไม่ได้ แต่หนูจะเป็นคนที่ชื่อเรเลียสไปได้ยังไง เรื่องเวทมนต์ย้อนกลับอะไรนั่น มันไม่มีจริงใช่ไหมคะ” เด็กหญิงพูดอย่างหวาดๆ “ใช่ไหมคะ..พี่เนเน่”
เนเน่สบตากับพ่อของเธออย่างมีความหมาย “เนียร์...” เนเน่เอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยน “จำที่พี่เล่าเรื่องของเจ้าชายคาซัสแห่งนครลอยฟ้าไหม”
“จำได้ค่ะ”
“ตอนนั้น..เจ้าถามพี่ว่า ‘มีแม่มดในโลกนี้จริงๆเหรอคะ’ ใช่ไหม”
เนียร์พยักหน้ารับเบาๆ
“แล้วยังถามด้วยว่า ‘มียาที่ทำให้เจ้าชายอยู่ในร่างเด็กได้จริงๆเหรอคะ’ ”
คราวนี้เนียร์ไม่ได้ตอบอะไร
เนเน่จ้องตาน้องสาวต่างสายเลือดของตน พลางเอ่ยต่ออย่างหนักแน่น “เนียร์...ในโลกเวทมนตร์แห่งนี้ มีอะไรที่หลายอย่างที่เราไม่รู้ และบางอย่างก็เป็นสิ่งที่ไม่น่าเชื่อหรือเป็นสิ่งที่คิดไปว่ามีแต่ในตำนานเล่าขาน โดยที่เราเองก็ลืมไปว่า...ทุกตำนานล้วนเกิดจากความจริงเสมอ”
เด็กหญิงคิดใคร่ครวญสิ่งที่ท่านพ่อและพี่สาวพูด
ใช่สินะ...ไม่เคยพบเห็น..ไม่ได้แปลว่าสิ่งนั้นเป็นไปไม่ได้ ก็แม้แต่ตัวเธอเองเพิ่งจะแน่ใจตอนนี้เองว่ามีแม่มดอยู่จริง
“ท่านพ่อกับพี่เนเน่คิดว่าข้าเป็นเรเลียสหรือคะ คิดว่าข้าควรจะไปกับสองคนนั้นหรือคะ”
“พ่อกับพี่ไม่ได้บอกว่าเจ้าคือเรเลียส เพราะพ่อกับพี่เองก็ไม่รู้ นั่นเป็นเพียงความเป็นไปได้อย่างหนึ่งเท่านั้น...พ่อเพียงไม่อยากให้เจ้าปิดกั้นใจของตัวเองเพียงเพราะความคิดง่ายๆ ส่วนเรื่องเจ้าคือเรเลียสหรือไม่นั้น หากเจ้าอยากรู้คงต้องไปพิสูจน์เอง”
“เนียร์...”นักบวชเอ่ยขึ้น “ ไม่ว่าอดีตจะเป็นอย่างไร ไม่ว่าเจ้าจะเคยเป็นหญิงสาวที่ชื่อเรเลียสหรือไม่ เจ้าก็คือ เนียร์ สำหรับพวกเราเสมอ และที่นี่ คือ “บ้าน” ที่ยินดีต้อนรับเจ้าเช่นกัน
และถ้าเจ้าอยากไปกับสองคนนั้น หรือคนใดคนหนึ่ง ไปเพื่อค้นหาอดีตและฟื้นความจำของตัวเอง พ่อก็จะไม่ขัดขวาง ถึงสองคนนั้นจะดูน่ากลัวไปบ้าง แต่พ่อสัมผัสได้ว่าทั้งสองคนจริงใจกับเจ้า พวกเขาคงไม่ทำอะไรที่เป็นอันตราย พ่อถึงได้วางใจให้เป็นการตัดสินใจของเจ้า”
“หน..หนู..ไม่รู้จริงๆค่ะ หนูจำอะไรไม่ได้เลย”
“ไม่ต้องรีบร้อนหรอกนะ...พรุ่งนี้เราถึงจะให้คำตอบกับสองคนนั้น คืนนี้ดึกแล้ว เจ้าสองคนไปนอนเถอะ”
เด็กหญิงพยายามนอนให้หลับ แต่ในหัวสมองคิดวกวนอยู่ตลอดเวลา สัมผัสอบอุ่นตอนที่เวียนนาร์กอดเธอไว้นั้นยังไม่จางหาย เธอเป็นใครกันแน่นะ หญิงสาวที่เคยชื่อว่าเรเลียส..หรือเธอจะเป็นแค่เนียร์...เด็กหญิงกำพร้าธรรมดา
ตึ้ก...
เสียงกุกกักดังขึ้น เนียร์หยุดความคิดของตัวเอง หันไปมองนอกหน้าต่างอย่างสงสัย
ฟิ้วววว....วุบบบ
ความคิดเห็น