ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Rozeria] White Rose Memory

    ลำดับตอนที่ #1 : เรเลียส

    • อัปเดตล่าสุด 28 มิ.ย. 54



    ณ ป่าช้าแห่งหนึ่งอันมีนามคุ้นหูคุ้นตาว่า ป่าช้า...

    ถึงจะถูกเรียกขานว่าป่าช้า หากแต่ป่าช้าของเมืองรีลลีซไม่เหมือนป่าช้าอื่นใด หากมองไปรอบด้านจะเห็นดอกไม้นานาพันธ์ชูช่ออวดสีสวย นกบินโฉบไปมาระหว่างต้นไม้ที่ขึ้นอยู่ประปราย ที่นี่ดูเหมือนป่าโปร่งมากกว่าจะเป็นป่าช้า มีแต่ศิลาหินหน้าหลุมศพเท่านั้นที่ยืนยันการเป็นสถานที่หลับใหลชั่วนิรันดร์

    เด็กหญิงคนหนึ่งกำลังเดินมุ่งหน้าไปในทิศทางที่เริ่มซับซ้อนมากขึ้นทุกที ลึกเข้าไปในป่า...

    ร่างเล็กกำลังรออะไรบางอย่าง...อะไรสักอย่างที่เธอกำลังเฝ้ารอคอย...

    รองเท้าของเธอเปรอะเปื้อนทั้งดินและโคลนตม...เสื้อผ้ายับยู่ยี่ แต่สีหน้ากลับยิ้มเริงร่า ในมือเล็กๆ ของเด็กหญิงถือดอกกุหลาบขาวดอกหนึ่งถือไว้อย่างทะนุถนอม

    ไม่มีใครรู้หรอกว่า...ดอกไม้นี้มีความหมายต่อเธออย่างไร เฉกเช่นเดียวกับที่ไม่มีใครรู้ว่า ทำไมเธอจึงมีที่ป่าช้านี้ตามลำพัง

     แต่แล้วบรรยากาศก็หนาวเย็นลงทุกที ริมฝีปากของเด็กหญิงเริ่มสั่นระริก มือน้อยๆของเธอจับดอกไม้แน่นขึ้นเพราะเธอนึกกลัวว่าสายลมจะพัดสิ่งสวยงามนั้นไปจากเธอ...

    และแล้ว เธอก็ได้ยินเสียง...แกร่ก แกร่ก..ตึก..ตึก..

    เสียงใครซักคนกำลังเดินมาข้างหลัง เด็กหญิงตัดสินใจวิ่งไปหลบหลังแผ่นหินใหญ่หน้าหลุมศพแห่งหนึ่ง มือน้อยๆ ยังกุมดอกกุหลาบไว้แน่น ในขณะที่เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แม้ดวงตาสีแดงอ่อนจะมองไม่เห็นเจ้าของฝีเท้า แต่เธอก็รู้ว่าร่างนั้นหยุดอยู่ตรงด้านหน้าของหลุมศพที่เธอซ่อนตัวอยู่พอดี

    "เรเลียส..." "เรเลียส..." เจ้าของเสียงฝีเท้าพูดซ้ำอีกครั้ง จนเด็กหญิงพอจะรู้ได้ว่าเรเลียสคงเป็นชื่อของผู้ที่หลับไหลอยู่ใต้หลุมศพนี้ พอคิดแบบนั้นเธอก็รู้สึกหนาวขึ้นมาเสียเอง

    เธอกำลังเงี่ยหูฟังคนแปลกหน้าคนหนึ่ง ที่ไม่รู้จะทำอันตรายกับเธอหรือเปล่า...

    "เรเลียส...ข้าเฝ้ารอวันที่ข้าจะได้พบกับเจ้าอีกครั้ง แม้จะเป็นในฝัน.."เสียงทุ้มนั้นดังขึ้นตลอดเวลา เขาเล่าถึงแต่ช่วงเวลาอดีตที่เคยอยู่ร่วมกับผู้ที่หลับใหลผู้ใต้ผืนดินนั้น
    ทั้งความสุขและความทุกข์ ที่ทั้งสองทำร่วมกัน


    เด็กหญิงชักอยากรู้ว่าใครกันที่พร่ำพรรณาหาผู้ที่อยู่ใต้ผืนดิน เมื่อคิดลังเลอยู่สักพัก ร่างเล็กก็เริ่มมองออกมาจากที่ซ่อน หวังว่าจะได้เห็นใบหน้าของคนคนนั้น...เจ้าของเสียงทุ้มที่แสนเศร้าโศก

    แต่ก่อนที่เธอจะหันได้เห็นเจ้าของเสียง ร่างอีกร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นทันทีในทิศตรงข้าม เจ้าของร่างมีใบหน้าที่เรียวงาม ผิวที่ขาวผุดผ่อง ริมฝีปากที่ซีดเผิอด และเส้นผมหยิกหนาสีน้ำตาลแดง

    ...แม่มด.....


    นั่นคือความคิดแรกของเด็กหญิง

    เธอได้ยินมานานแล้วว่า ในดินแดนที่แสนห่างไกล ไกลจากเมืองดอกไม้ที่เธออาศัยอยู่
    ยังมีเผ่าพันธ์หนึ่งที่มีเวทมนต์อยู่ในสายเลือด ผู้สามารถใช้เวทได้นับแต่อ้าปากพูดคำแรก ผู้มีทั้งความงามและความน่ากลัวดุจดั่งหิมะ

    ร่างเล็กรีบเบี่ยงกายให้พ้นจากสายตาของหญิงสาว เจ้าของร่างงามเดินเข้ามาใกล้หลุมศพเรื่อยๆ คิ้วเรียวขมวดขึ้นเล็กน้อยเมื่อสังเกตช่อดอกไม้วางอยู่หน้าแผ่นหิน ก่อนกวาดสายตาไปรอบๆ มองหาผู้ที่มาถึงก่อน เด็กหญิงเริ่มหวาดกลัวมากขึ้นเรื่อยๆ จนไม่ทันสังเกตว่า เสียงทุ้มนั้นเงียบหายไป!!

     "ในที่สุดข้าก็เจอเจ้า นังแม่มดแห่งความพินาศ"  เสียงทุ้มดังขึ้นอีกครั้ง ชายสูงวัยคนหนึ่งยืนอยู่ข้างบันใดที่อยู่ด้านหลังของหลุมศพ

    " เจ้า ..." คราวนี้เป็นเสียงหญิงสาวพูดอย่างหนักแน่น "ทำไมคนอย่างเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ !?”

     เด็กหญิงสะดุ้งจนแทบจะส่งเสียงร้องออกมา โชคดีที่ยังเอามือปิดปากตัวเองไว้ทัน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงจะรู้ว่าเธออยู่ตรงนี้แน่ๆ

    "การที่เจ้าแย่งเรเลียสไปจากข้า มันทำให้ข้าทรมานแทบตาย เวลาเกือบ 30 ปี ข้าเฝ้าภาวนา ให้ได้เจอเจ้า ในที่สุดข้าก็จะได้ล้างแค้นเจ้าเสียที " ชายชราพูดขึ้นอย่างเคียดแค้น

    ชายชราหัวเราะเสียงดัง แล้วก็มีเสียงกระทืบเท้าดังๆตามมาอีกหลายครั้ง จากที่เด็กหญิงได้ยิน...ชายชราคนนั้นไม่ได้มาเพียงคนเดียว...เงามืดบดบังจนทำให้ร่างใหญ่เบื้องหลังชายชราเป็นเพียงภูเขาดำทะมึน

    "หึ เจ้าเองยังมีหน้ามากล่าวหาข้าอีกเรอะ ในเมื่อผู้ที่บีบคั้นเธอไปสู่หนทางแห่งความมืดมิดนั้นคือเจ้าเองแท้ๆ" แม่มดกล่าวด้วยน้ำเสียงที่โกรธแค้นไม่แพ้กัน "เอาเลย ถ้าคิดว่าฆ่าข้าได้ก็ลองดู ผู้ใช้ซากศพ!"

    บรรยากาศรอบด้านเย็นลงอีกจนน่ากลัว ก่อนสายลมหนาวบาดผิวหนังจะพัดกลีบดอกไม้สีชาดปลิวว่อน

    ไม่สิ

    นี่มัน...

    หิมะ... สีแดง... หิมะเลือด!

    ร่างเล็กเบื้องหลังแผ่นหินใหญ่สั่นสะท้านขึ้นมาทันที นัยน์ตาสีแดงอ่อนกวาดไปทั่วเพื่อหาทางหนี แต่ก่อนที่เด็กหญิงจะทันได้พบทางนั้น ก็บังเกิดเสียงดังราวฟ้าผ่า


    เปรี้ยง !

    แผ่นหลังเล็กถูกกระแทกอย่างแรงจนเจ้าของร่างลอยไปไกลเกือบสามเมตร พร้อมๆกับที่ทั้งสองสังเกตเห็นเธอ

    "เป็นไปไม่ได้!"

     "เร..เลียส......"  เสียงเบาๆดังขึ้นจากปากของทั้งสอง พร้อมกับเวทที่ทั้งสองรายออกมาต่างไร้ซึ่งการเคลื่อนไหว ดังไม่อาจตามคำสั่งของผู้ร่ายเวทได้ทัน

    เด็กหญิงตกใจ ก่อนนึกขึ้นได้ว่าคนทั้งสองต่างเรียกเธอด้วยชื่อของผู้ที่อยู่ใต้ผืนดืน ร่างของชายแก่และแม่มดสาวก็เข้ามาประชิดตัวเธออย่างรวดเร็วก่อนที่เด็กหญิงจะรู้ตัว อันที่จริง...ต้องบอกว่า ทั้งสองพยายามแย่งกันสวมกอดเธอด้วยซ้ำ

    "เรเลียส...เจ้า คือ เรเลียส ใช่ไหม  โอ....ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน"

    "ข้าเฝ้ารอเจ้ามานานเหลือเกิน เรเลียส...ข้าบอกไม่ถูกว่าดีใจแค่ไหนที่เจอเจ้าอีกครั้ง"

    "ข..ข้า ข้าไม่ใช่.."เด็กหญิงพยายามปฏิเสธ แต่เสียงที่ออกจากลำคอนั้นแผ่วเบาจนไม่มีใครได้ยิน

    "เรเลียส.." เจ้าของใบหน้างามที่ถูกเรียกว่า "แม่มดแห่งความพินาศ" เอ่ย "ไปกับข้านะ..ทุกคนต้องดีใจมากแน่ๆ ถ้าได้เจอเจ้าอีกครั้ง"

    "ไม่..."เสียงทุ้มของชายชราแย้ง "ข้าไม่มีวันยอมปล่อยให้เจ้าไปกับนังแม่มดนี่อีก เจ้าจะไปกับข้าใช่ไหม...เรเลียส"

     "เอ๊ะ...เอ่อ..ข้าไม่.." เด็กหญิงพูดด้วยเสียงที่แหบแห้งขึ้นมาดื้อๆ ดวงตาแน่วแน่ของทั้งสองที่จ้องมองมานั้นทำให้เธอตัวสั่นไปทั้งตัว

     " ข้าไม่ใช่...เรเลียส..ข้า...ข้าไม่รู้ว่าพวกท่านคิดว่าข้าเป็นใคร..แต่ข้า ไม่รู้จัก...ค..คนที่ชื่อเรเลียส..พวกท่านคงจำผิดคนแล้ว.."

    กว่าเธอจะเอ่ยขึ้นมาได้แต่ละคำนั้นแสนจะยากเย็นเสียเหลือเกิน มือน้อยๆที่สั่นระริกของเธอกุมดอกไม้เอาไว้แน่น แน่นจนเธอคิดว่าดอกไม้สีขาวดอกนั้นจะขาดอากาศหายใจแล้วจะตายไปดั่งเช่น มนุษย์...

    ทั้งแม่มดสาว ทั้งชายชรา ได้แต่เงียบงันอยู่แบบนั้นหลังจากที่ได้ยินคำพูดของเด็กหญิง แววตาที่เคยเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขและความดีใจ บัดนี้มีเพียงความผิดหวังและเศร้าหม่น

     "เจ้าบอกว่าเจ้าไม่ใช่เรเลียส แล้วเจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร มาจากไหน" ชายชราเป็นฝ่ายถามขึ้นก่อน

    เด็กหญิงรู้สึกแปลกๆ กับคำถามนิดหน่อย แต่ก็ยอมตอบแต่โดยดี "ข้า..ชื่อ เนียร์  ข้ามาจากรีลลีส เมืองแห่งดอกไม้"

    ชายชรายังคงถามต่อ "ใครเป็นพ่อแม่ของเจ้า"

    "ข้าเป็นเด็กกำพร้า ท่านนักบวช กับพี่ๆ เลี้ยงข้ามาตั้งแต่เล็กๆ"

    แม่มดสาวเริ่มหันมาสนใจ และซักถามบ้าง "ปีนี้ เจ้าอายุเท่าไหร่"

    "ส..สิบเอ็ด ค่ะ"

    ทั้งคู่สบตากันชั่วขณะหนึ่ง ก่อนชายชราจะพึมพำเบาๆ "ไม่นึกเลยว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น โธ่...ข้าจะทำยังไงดี"

    สายตาที่จ้องมองมาอย่างเศร้าๆ ปราศจากการคุกคามของทั้งคู่ ทำให้เด็กหญิงรวบรวมความกล้าพูดขึ้น "ขอโทษนะคะที่ทำให้ท่านผิดหวัง แต่ข้าไม่ใช่คนที่ชื่อ เรเลียส ที่ท่านพูดถึงจริงๆ"

    ชายชราและแม่มดมองเธออย่างแปลกใจ

    "เปล่า เลย...เจ้า คือ เรเลียส ไม่ผิดแน่นอน เพียงแต่เจ้าคงถูกเวทมนตร์หรือคำสาป จึงกลายเป็นเด็กและสูญเสียความทรงจำเท่านั้นเอง"

     

    "ข้าไม่เข้าใจสิ่งที่ท่านพูด แม้ข้าจะไม่มีพ่อแม่ จำเรื่องราวเกี่ยวกับท่านพ่อท่านแม่ไม่ได้ แต่ข้ามั่นใจว่าข้าคือตัวข้า ไม่ได้เป็นเรเลียสที่พวกท่านตามหาแน่นอน"


    แม่มดสาวถอดหายใจก่อนพูดขึ้น "เร.....เอ่อ..เนียร์ ข้ามั่นใจ แม้เจ้าจะไม่เหลือความทรงจำในตอนที่เจ้าเป็นเรเรียส แต่ข้าและเขามั่นใจแน่นอนว่าเจ้าคือเรเลียส"


    ชายชราพยักหน้าเห็นด้วยกับแม่มด "แม้เจ้าจะไร้ซึ่งความทรงจำ แต่ดวงตา เส้นผม ริมฝีปาก โครงหน้า และจิตวิญญาณของเจ้า ข้าแน่ใจว่าเจ้าคือเรเลียสอย่างแน่นอน"

     
    "แต่ข้าไม่ใช่!!"เด็กสาวเริ่มแสดงอาการไม่พอใจ ท่าทางของร่างเล็กเหมือนเด็กกำลังงอแงไม่มีผิด  

     

    "ข้าคือ เนียร์! เป็นแค่เด็กหญิงธรรมดาๆจากรีลลีซเท่านั้น!! ไม่ใช่...ไม่ใช่ใครอื่น!!" เธอโวยวาย น้ำเสียงเหมือนจะร้องไห้

    แม่มดสาวถอนใจเสียงดัง ใช้มือเรียวงามสัมผัสที่ใบหน้าที่คุ้นเคยของเนียร์.. "แต่ว่าเจ้า...เจ้าน่ะ.."

    เด็กหญิงเงียบไป เมื่อสังเกตเห็นความอ่อนโยนบนใบหน้าของแม่มดสาว แล้วเธอก็นึกถามตัวเองในใจว่าทำไมความอ่อนโยนเช่นนี้ถึงทำให้เธอรู้สึกคุ้นเคยขึ้นมา...

    ความอบอุ่นแบบนี้...


    ที่ไหนกันนะ...

    ใช่แล้ว....ในความฝันนั่นเอง

    เธอเคยฝัน ฝันถึงใครคนหนึ่ง ความฝันที่เลือนรางจนจำไม่ได้ แต่กลับจำความรู้สึกอบอุ่นแบบนี้ได้ดี

     

    "ไม่ทราบว่าพวกท่านมีธุระอันใดกับเด็กน้อยผู้นั้นกันหรือ ข้าไม่ทราบว่าพวกท่านเป็นใคร แต่อย่างน้อยช่วยปล่อยเด็กผู้นั้นก่อนจะได้หรือเปล่า" เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านหลัง ชายสูงวัยในชุดคลุมสีขาวท่าทางใจดีเดินมาพร้อมกับหญิงสาวอ่อนวัยผู้หนึ่ง ทันทีที่เห็นทั้งสอง เด็กสาวตัวน้อยก็ยิ้มขึ้นได้

    "ท่านพ่อ พี่เนเน่" .......

     

    "ดูเสื้อผ้าของเธอสิ เนียร์!" หญิงสาวรีบเดินตรงเข้ามาหา "ทำไมถึงได้ปล่อยให้ขาดรุ่งริ่งแบบนั้นได้ล่ะ??"

    แม่มดสาวเงียบไป รีบมองไปที่ชายกระโปรงของเด็กหญิงที่ตนเชื่อว่าเป็นเรเลียส...มันขาด แล้วก็สกปรก...ดูมอมแมมเหมือนขอทานในชนบทไม่มีผิด...


    "พี่เนเน่ ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะคะ?”

     

    "พี่ต้องถามเธอมากกว่านะ ว่ามาทำอะไรที่นี่" เนเน่ตอบ

    แก้มของเนียร์เรื่อสีขึ้นเล็กน้อย เหมือนทุกครั้งที่เธอแอบปกปิดเรื่องอะไรไว้ มือน้อยๆ แอบเอากุหลาบขาวไปซ่อนไว้ด้านหลัง ในขณะที่นักบวชกับสองชายหญิงกำลังหยั่งเชิงท่าทีกันอยุ่

    "เอ่อ.."เด็กหญิงพยายามเบี่ยงเรื่อง "จริงสิคะ ท่านพ่อ มาที่นี่ก็ดีแล้ว ช่วยอธิบายให้พวกเค้าเข้าใจหน่อยสิคะ ว่าหนูคือเนียร์ คนพวกนี้ บอกว่าหนูเป็นคนที่เค้ารู้จักมาก่อน เอ่อ..ที่ชื่อ เรเลียส..น่ะค่ะ"

    นักบวชมีสีหน้าผิดปกติเพียงเล็กน้อย เมื่อได้ยินชื่อนั้น แต่ท่านก็กลบเกลื่อนมันได้อย่างรวดเร็วจนเนียร์ไม่ทันสังเกตเห็น ทว่า ไม่พ้นสายตาของสองชายหญิง และเนเน่ไปได้

    "ข้าเป็นนักบวชแห่งเมืองรีลลีซ ชื่อ เวลไทน์ มาลาคีรัส ข้าขอรับรองว่าเด็กหญิงคนนี้ คือ เนียร์ เป็นเด็กที่ข้ารับเลี้ยงไว้ตั้งแต่เล็กๆมา แต่ถ้าท่านทั้งสองยังติดใจสงสัยและอยากรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับเธอ ข้าขอเชิญไปที่บ้านของข้าดีกว่า" นักบวชเอ่ยด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน

    แม่มดสาวกับชายชรามองหน้ากันอย่างชั่งใจ นึกรู้ว่าเรื่องราวคงไม่จบง่ายๆ นัก ลำพังเพียงนักบวชคงไม่เท่าไหร่ หากแต่หญิงสาวที่มาด้วยนี่สิ หล่อนอายุราวๆยี่สิบปี ใบหน้าหมดจด ผมสีน้ำตาลอมแดง และนัยน์ตาสีเขียวมรกต ท่าทางอ่อนโยนสุภาพแต่แววตาแฝงความเด็ดเดี่ยวและกล้าหาญ ที่สำคัญ...พวกเขาสัมผัสได้ถึงพลังเวทที่ไม่ธรรมดา

     

    เนเน่...หรือว่าจะเป็นเนเน่ มอร์เรน... ชายชราพึมพำกับตนเอง

     

    เนเน่ มอร์เรน แห่งเมืองรีลลีซ บุคคลที่ถูกเล่าขานไปทั้งอาณาจักร หากเรื่องเล่าขานนั้นเป็นจริง เธอก็คือบุคคลในตำนาน...




    ***************************
    หมายเหตุท้ายเรื่อง
    - เรื่องนี้มีผู้แต่ง 4 คนนะคะ ในช่วงแรกๆ สำนวนอาจจะต่างกันและต่างมากขึ้นในช่วงหลัง  ตอนอมาธาร์เรียบเรียงใหม่ก็แก้ไปเยอะอยู่ แต่ก็พยายามคงของเดิมไว้ให้มากที่สุดค่ะ
    - ชื่อตัวละครทุกตัวในเรื่องนี้ อมาธาร์เป็นคนคิดค่ะ  ส่วนลักษณะตัวละคร Dorothy เป็นคนคิด
    - Number seven เคยบอกว่า ตั้งใจจะให้เป็นชิงรักหักสวาทแต่สุดท้ายก็ออกมาแบบนี้จนได้
    - เนื้อเรื่องช่วงนี้ เคยรีไรท์เสร็จไปแล้วรอบหนึ่งใส่ใน Thumb drive แต่แล้วไฟล์ดันเสียหาย จนต้องรีไรท์ใหม่อีกรอบ แถมรีไรท์กี่ครั้งก็จะเปลี่ยนความคิดไปทุกครั้งซะด้วย เหอๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×