คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เหตุแห่งเพลิงแค้น
ดมิสากำลังยืนรอหน้าร้านวิวาห์ด้วยความเบื่อหน่าย เธอยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลาอย่างไม่สบายใจ เมื่อดราณีผู้เป็นพี่สาวบอกว่าจะเข้าไปรับชุดวิวาห์ที่สั่งไว้เพียงครู่ หากตอนนี้กลับกินเวลาไปนาน เธอมองไปรอบๆเพื่อฆ่าเวลา ด้วยรู้นิสัยพี่สาวดีว่าคงอีกนานกว่าจะออกมา
จนกระทั่งเธอหันไปเจอสายตาคมดุของชายหนุ่มคนหนึ่งที่ยืนพิงรถกระบะอยู่ฝั่งตรงข้ามเขามองจ้องมาที่เธอราวกับโกรธแค้นกันมาแต่ชาติปางก่อน พิลึกคนจริงเชียว
เมื่อมองดูใบหน้าคมคายที่ส่งสายตาดุมาให้แล้ว ดมิสาก็อดยอมรับไม่ได้ว่า เขาดูเป็นคนที่หล่อเหลาเอาการ หากแววตาที่เขามองมาทางเธอนี่สิ มันชวนให้สงสัยยิ่งนัก จะว่าเธอรู้จักเขาหรือก็เปล่า เธอมั่นใจว่าไม่เคยรู้จักชายหนุ่มเป็นอันแน่
แต่ถ้าเป็นดราณีพี่สาวคนสวยของเธอก็อีกเรื่องหนึ่ง เพราะพี่สาวเธอนั้นมักจะรู้จักสนิทสนมกับชายหนุ่มหน้าตาดีเป็นประจำ เพิ่งจะมาเลิกเอาก็เมื่อไม่กี่อาทิตย์ หลังจากที่ตกลงจะแต่งงานกับธนาดลว่าที่พี่เขยของเธอซึ่งเป็นถึงนักธุรกิจใหญ่
ดมิสารู้ดีว่าดราณีพี่สาวของเธอนั้นแต่งงานกับธนาดลด้วยเหตุผลที่ดมิสาไม่ชอบใจนัก หากก็ไม่อาจทักท้วงได้ เนื่องจากมารดาของเธอก็เห็นดีเห็นงามด้วยในเรื่องนี้
แน่ละ ในเมื่อพี่ดราณีนั้นเป็นลูกรักของมารดา ไม่ว่าจะทำอะไรก็ถูกก็ต้องไปหมดอยู่แล้ว ผิดกับเธอที่ท่านบ่นอย่างระอาใจกับการที่เธอไม่ยอมทำตามคำสั่งของท่านในเรื่องคู่ครอง เธอถึงกับประกาศต่อหน้าท่านว่า หากจะแต่งเธอจะแต่งกับคนที่เธอรักเท่านั้นไม่ใช่เพื่อเงิน ทำให้ท่านถึงกับโกรธและไม่ใส่ใจเธออีกเลยนับจากนั้นมา
ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ ดมิสาก็ไม่เคยคิดอิจฉาพี่สาวเลยสักนิด ตรงกันข้ามเธอกรักพี่สาวเอามาก เพราะนับจากบิดาเสียไปและมารดาที่เหินห่างไม่ใส่ใจเธอแล้ว ก็มีแต่ดราณีผู้เป็นพี่สาวที่คอยดูแลเอาใจใส่เธอเป็นอย่างดี ดมิสาคิดเพลินจนเกือบลืมแววตาคมกล้าที่มองมาทางเธออย่างไม่กระพริบ
เมื่อนึกได้ดมิสาทำใจดีสู้เสือส่งยิ้มไปให้ หากสิ่งที่ได้รับกลับมาก็คือแววตาที่วาวโรจน์ที่ราวกับจะแผดผาเธอให้มอดไหม้กลายเป็นจุณ อารมณ์ดีของเธอชักจะหดหาย ปกติแล้วดมิสาเป็นคนอารมณ์ดีมาก เว้นเสียแต่ว่าจะเกิดกรณีเช่นนี้ขึ้น
ดมิสาจึงมองไปยังชายหนุ่มตรงๆ อย่างไม่ปิดความโกรธที่เขาบังอาจมายืนจ้องเธอนิ่งอย่างกับนักโทษที่กำลังจะถูกเขาประหาร ทั้งที่เธอไม่เคยรู้จักเขาเลยสักนิด แล้วเรื่องอะไรที่เธอจะยอมให้เขารุกรานอยู่ฝ่ายเดียวละ คนอย่างเธอถือคติ ใครดีมาดีใครร้ายมาก็ร้ายกลับอยู่แล้ว
ดังนั้นเธอจึงไม่กลัวเลยสักนิดที่จะเดินไปหาชายหนุ่มที่กำลังยืนซุกมืออยู่ในกระเป๋ากางเกง และมองจ้องเธอที่กำลังเดินเข้าไปหาอย่างไม่วางตา
“โรคจิตหรือไงนะ ตาบ้านี่ จ้องเอา จ้องเอา อยู่ได้” ดมิสาพึมพำในลำคอ พลางเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าชายหนุ่ม ยกมือขึ้นเท้าสะเอวเตรียมจะประกาศสงครามเต็มที่
“นี่คุณขอโทษเถอะนะ ฉันไปทำอะไรให้หรือไง จ้องอยู่ได้” ดมิสาเปิดศึกทันที เธอเห็นริมฝีปากหนาที่ยกขึ้นอย่างท้าทายแล้วก็อยากจะตั้นหน้าหล่อๆ นั้นลงไปนอนกลางถนนยิ่งนัก
“ฮึ” ชายหนุ่มยิ้มเย็น และกวาดตามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนที่สายตาคมจะมองเธอด้วยท่าทีดูถูก จนทำให้ดมิสาแทบเต้นด้วยความโกรธตั้งแต่เกิดมายังไม่มีใครใช้สายตาดูถูกเธอเช่นนี้เลยแล้วเขาเป็นใคร ถึงช่างกล้านัก
“สา”
ราวกับเสียงระฆังห้ามทัพที่ดังขึ้นมา เมื่อได้ยินเสียงดราณีผู้เป็นพี่สาว ดมิสาหันไปมองทางต้นเสียง เห็นร่างระหงในชุดเปรี้ยวทันสมัยเดินตรงมาที่เธอ แม้ใบหน้าจะแต่งด้วยเครื่องสำอางค่อนข้างหนา แต่ก็ดูสวยสะดุดตา
“พี่ณี” ดมิสาเรียกชื่อพี่สาวอย่างดีใจ
“ไปกันเถอะจ๊ะ สาพี่เสร็จธุระแล้ว” ดราณีเรียกน้องสาวโดยไม่ทันสังเกตชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างหลังแม้แต่น้อย
“ก็ได้ค่ะ” ดมิสาตอบรับก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเธอยังไม่ได้จัดการชายหนุ่มเจ้าปัญหา ดมิสาหันหน้ามามองและสังเกตเห็นว่าชายหนุ่มเหมือนจะแววยินดีที่ได้พบพี่สาวของเธอ นั่นไงละเธอนึกแล้วไม่เคยพลาด เขาต้องรู้จักกับพี่สาวเธอเป็นอันแน่
ดราณีมองน้องสาวที่หันกลับไปมองใครบางคน จึงเอ่ยเรียกอีกครั้ง “สาเร็วซิจ๊ะ พี่ต้องรีบไปที่อื่นอีก” ดราณีเอ่ยอย่างเร่งร้อน เนื่องจากเธอต้องไปเข้าคอร์สเจ้าสาวเพื่อเตรียมตัวให้พร้อมกับงานแต่งงานของเธอที่ใกล้จะมาถึง
“เดี๋ยวก่อนซิค่ะ พี่ณี ขอสาจัดการกับผู้ชายคนนี้ก่อน” ดมิสาจ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างจะกินเลือดกินเนื้อและเมื่อเห็นสายตาอ่อนหวานที่เขาส่งไปให้พี่สาวเธอแล้วก็อดจะหมั่นไส้ไม่ได้ เชอะ ทีเราละจ้องเอาเป็นเอาตาย สงสัยตานี่ต้องเป็นหนึ่งในพวกหนุ่มๆที่พี่ดราณีสละทิ้งเพื่อมาแต่งงานเป็นแน่
“ใครอีกละ” ดราณีพูดอย่างหงุดหงิด สายตาคมคู่สวยตวัดมองไปยังชายหนุ่มต้นเหตุที่น้องสาวพูดถึง พลัน ความตระหนกตกใจก็เกิดขึ้นทันที ริมฝีปากบางที่แต่งแต้มด้วยลิปสติกชั้นดีอ้าค้าง ตาคมเบิกกว้างอย่างตกใจ
“คุณวี”
ดราณีครางออกมาอย่างตกใจ ไม่คาดคิดว่าจะได้พบกับชายหนุ่มตรงหน้าอีก หลังจากที่เธอสลัดรักเขาอย่างไม่มีเยื่อใยเพื่อจะมาแต่งงานกับธนาดล
“ยังจำผมได้อีกเหรอครับ” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างประชดประชัน
“เอ่อ” ดราณีอึกอัก พยายามรวบรวมสติที่กระเจิดกระเจิงของตัวเองให้เข้าที่ เมื่อหายตกใจแล้ว เธอก็รีบคว้าแขนน้องสาวเดินหนีกลับไปยังอีกฟากฝั่งถนนทันที
“พี่ณีรู้จักผู้ชายคนนั้นด้วยหรือค่ะ”
ดมิสาถามพี่สาวหลังจากที่รถคันสวยราคาล้านหลายที่ธนาดลผู้เป็นว่าที่พี่เขยซื้อให้แล่นออกมาไกลจากจุดเกิดเหตุ หลังจากที่พี่สาวเธอเอาแต่เงียบกริบมานานอย่างไม่ใช่นิสัย
“เอ่อ สาจะรู้ไปทำไมหรือจ๊ะ”
“ก็ เห็นตานั่นทำท่าดีใจที่เจอพี่ณีนี่ค่ะ อีกอย่างพี่ณีรู้ไหมค่ะว่าตานั่นนะน่ากลัวขนาดไหน คนอะไรไม่รู้ตาดุยังกับจะฆ่าจะแกง ไม่รู้เป็นบ้าอะไรเอาแต่มองจ้องสาแบบนั้นอยู่ได้ สาเลยทนไม่ไหวต้องข้ามไปเอาเรื่องฝั่งนู้น สาเดาว่าตานั่นต้องเป็นคนที่พี่ณีสลัดทิ้งใช่ไหมค่ะ” ดมิสาเอ่ยเล่าต้นเหตุอย่างยืดยาว
“เอ่อ ประมาณนั่นละจ๊ะ” ดราณีตอบน้องสาวอย่างอ้อมแอ้ม “พี่ว่าสาอย่าไปสนใจเขาดีกว่า เขาก็เป็นคนแบบนี้แหละจ๊ะ พี่ถือเลิกกับเขาไงจ๊ะ”
“ดีแล้วละค่ะ ผู้ชายน่ากลัวอย่างนั้นไม่เหมาะกับพี่ณีของสาหรอก พีณีไม่ต้องห่วงนะค่ะถ้าเขามาวุ่นวายกับพีณี สานี่แหละจะจัดการเอง” ดมิสาพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ เธอไม่เคยกลัวใครอยู่แล้ว
“ขอบใจจ๊ะสา พี่ว่าเราเลิกพูดเรื่องนี้กันดีกว่า ถึงยังไงเราก็คงไม่ได้เจอเขาอีกหรอก” ดราณีตัดบทและหันไปพูดคุยอย่างอื่นแทน
…………………………….
ภายในบ้านของดมิสาตอนนี้วุ่นวายจนเธอลืมเรื่องพบเจอกับชายหนุ่มไปเสียสนิท ด้วยเรื่องงานแต่งของดราณีพี่สาวของเธอในวันรุ่งขึ้นจึงทำให้มีคนจำนวนมากเข้าออกบ้านเธอเป็นว่าเล่นเพื่อเตรียมพิธีการอันมากมายให้สมเกียรติ์กับฝ่ายเจ้าบ่าว
งานนี้จึงเป็นงานใหญ่อย่างยิ่งเพราะทางฝ่ายเจ้าบ่าวหรือคุณธนาดลนั้นนับว่าเป็นนักธุรกิจแถวหน้าของเมืองไทยเลยทีเดียว ความร่ำรวยของเขานั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง ไม่เช่นนั้นพี่สาวของเธอคงไม่ยอมสละโสดเป็นอันแน่
ทำให้หลายวันมานี้ดมิสาแทบจะไม่ได้เห็นหน้าพี่สาวเลย เนื่องจากพี่สาวของเธอต้องเก็บตัวเสริมความงามอย่างเต็มที่เพื่อให้สมกับเป็นเจ้าสาวของนักธุรกิจใหญ่อย่างธนาดล บวกกับการที่เธอต้องช่วยมารดาเตรียมงานให้วุ่นจนเธออกจะเปรยออกมาไม่ได้
“ทำไมเราจะต้องทำอะไรให้วุ่นวายด้วยละค่ะ คุณแม่ ฝ่ายจัดงานเราก็จ้างมา”
“เอ๊ะ แกนี่ยังไงยัยสา ฉันอุตส่าห์ใจดีกับแกด้วยแล้ว เห็นแก่งานแต่งพี่แกหรอกนะ อย่าเซ้าซี้ให้มากความ ฉันสั่งยังไงก็ทำทำไปเถอะ จะมัวแต่พึงพวกฝ่ายจัดงานที่จ้างมาได้ไง แกก็เห็นนี่ว่ามันไม่ถูกใจฉัน”
“ค่ะ ค่ะ” ดมิสารับปาก และยกแจกันดอกไม้ที่มารดาเห็นว่าควรจะตั้งไว้อีกฝั่งหนึ่งเดินเอาไปวางไว้ตามที่ท่านบอก แต่พอเธอกำลังจะวางเท่านั้นท่านก็เกิดเปลี่ยนใจเห็นว่าไม่สวยและให้เธอเอาวางไว้ที่เดิมแทน ดมิสาถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายหากก็ไม่พูดอะไรอีก เพราะคร้านที่จะกวนอารมณ์ของมารดาให้ขุ่น
“แหมทำตามง่ายๆอย่างนี้ ค่อยสมเป็นลูกฉันหน่อย” คุณเดือนนภายิ้มหวาน เอ่ยเสียงนุ่ม พลางมองคนงานที่กำลังจัดโต๊ะอาหารด้วยความภูมิใจที่ในที่สุดลูกสาวคนโตสุดรักของนางก็จะได้แต่งงานกับชายหนุ่มที่นางพึงพอใจ
“แค่งานแต่งเอง ไม่รู้จะต้องทำอะไรให้วุ่นวายขนาดไหน” ดมิสาแอบบ่นเงียบๆ หากก็ไม่วายเข้าหูมารดา
“เหอะ งานแต่งพี่แกนี่แหละสำคัญนัก ขืนบกพร่องไปฉันก็ได้ขายหน้าเขาตายซิ ลูกแต่งกับเศรษฐีทั้งที จะไม่ให้มันยิ่งใหญ่ได้ยังไง”
“สาว่าความจริงแต่งกันเงียบๆ มีคนน้อยก็ดีออก”
“แกนะ ก็มัวแต่คิดแบบนี้ เห็นไหมพี่สาวแกเขาจะได้สบายแล้ว แทนที่แกจะเอาอย่างบ้าง ฉันก็อุตส่าห์หาคนรวยๆมาให้รู้จัก ก็เรื่องมากไม่เอาอยู่ได้ คอยดูเถอะหาเพชรให้ไม่เอาจะไปคว้าก้อนกรวดแทน”
คุณเดือนนภาตวัดหางเสียงใส่ลูกสาวคนเล็กอย่างไม่พอใจ ที่ไม่ยอมแต่งงานกับชายหนุ่มฐานะดีที่นางหามาให้ ทั้งที่หน้าตาดมิสาลูกสาวคนเล็กของนางนั้นก็จิ้มลิ้มพริ้มเพราเป็นที่ถูกใจชายหนุ่มยิ่งนัก
“โธ่คุณแม่ค่ะ สาอยากอยู่กับคุณแม่นานๆนะค่ะ” ดมิสาออดอ้อน พลางเลี่ยงชวนมารดาให้ดูอย่างอื่นแทน
“แกว่าควรจะเติมดอกไม้หน้าซุ้มถ่ายรูปอีกไหมยัยสา” คุณเดือนนภาหันมาถามความเห็นลูกสาวคนเล็ก
“สาว่ามันก็สวยแล้วนะค่ะ ขืนเติมไปอีกมันก็ล้นออกมาไม่สวยนะซิค่ะคุณแม่”
“เออ จริงของแก” คุณเดือนนภาพยักหน้าอย่างจำยอม ถอนหายใจออกมาอย่างมีความสุข อีกนิดเดียวลูกสาวคนโตของแก จะได้ออกเรือนไปอย่างเพียบพร้อมและอีกไม่นานดราณีก็จะเฉิดฉายอยู่ในวงสังคมไฮโซมีหรือที่คนเป็นแม่อย่างนางจะไม่ดีใจ แน่ละในเมื่อลูกได้ดีคนเป็นแม่อย่างนางก็จะพลอยได้ดิบได้ดีไปด้วย
“แกนะหัดเอาพี่ณีเขาเป็นตัวอย่างบางนะยัยสา จะได้สบายไปอีกคน”
ดมิสาเบือนหน้าหนี เธอไม่ชอบที่จะต้องถูกบังคับฝืนใจใครกับใครเพื่อความร่ำรวยอย่างพี่สาวเลยสักนิด พี่สาวเธออาจจะชอบและมีความสุขกับเงินทอง ต่างจากเธอต่อให้รวยแค่ไหน ถ้าเธอไม่รักก็อย่าหวังจะมากล่อมให้ซะให้ยาก
“ให้พี่ณีคนเดียวก็พอละค่ะ คุณแม่ สาแค่อยากได้คนที่รักสาจริงก็พอ ไม่ต้องถึงขั้นรวยอย่างคุณธนาดลหรอกค่ะ”
“ฉันขี้เกียจจะสอนแกละ”คุณเดือนนภาพูดอย่างปลงตก ด้วยรู้ถึงความหัวแข็งและดื้อดึงของลูกสาวคนเล็กดี
“แกอยากจะแต่งกับใครก็ตามใจ แต่ถ้าจนนักละก็ไม่ต้องพามาให้ฉันเห็นหน้านะ ฉันอายชาวบ้านชาวช่องเขา”
“แหมคุณแม่ค่ะ ถึงเขาจะจนจริง ถ้าเป็นคนดีคุณแม่ก็ต้องชอบนั่นแหละค่ะ” ดมิสาพูดติดตลก เพราะคิดว่าถึงยังไงเธอก็ยังคงจะไม่เจอคนที่เธอจะรักง่ายๆ หรอก หากมารดาเธอกลับทำสีหน้าเข้มและพูดจริงจัง
“ถึงยังไง ฉันก็ไม่ยอมให้แกมีสามีจนหรอก ผู้ชายโสดๆรวยเยอะไป แกก็ใช่ว่าจะหน้าตาขี้เหร่ซะหน่อย ถ้าลุกขึ้นมาแต่งเนื้อแต่งตัวบ้างก็คงดูดีกว่านี้อีกเยอะ อย่างคุณหิรันต์เพื่อนคุณธนาดลเขาก็มีท่าทีสนใจแกอยู่นี่ยัยสา” คุณเดือนนภาวาดฝันอย่างมีความหวัง หากก็ต้องถูกเบรกจากลูกสาวคนเล็กทันควัน
“ ไม่ค่ะ สาไม่แต่งกับเขาหรอก คนอะไรล่องลอยไปวันๆ ใช้แต่เงินพ่อเงินแม่ไม่รู้จักหาเงินใช้เองบ้าง แถมยังเจ้าชู้อีกตั้งหาก ถ้าสาแต่งกับเขามีหวังน้ำตาเช็คหัวเข่าเข้าทุกวันแน่”
“เอ๊ะแกนี่ไปว่าคุณหิรันต์เขาอย่างนั้นได้อย่างไร เอาน่า เขาก็รวยออกถึงแม้จะไม่ทำงาน เขาก็อยู่ได้ เรื่องเจ้าชู้มันก็ธรรมดาของผู้ชายแกก็ทนๆเอาเถอะ”
ดมิสากรอกตาขึ้นฟ้าอย่างเบื่อๆ ด้วยรู้ว่าเถียงไปตอนนี้ก็ไร้ประโยชน์ และหากตาเธอก็เหลือบมองไปเห็นหิรันต์ชายหนุ่มที่มารดาเธอผู้ถึงเดินเข้ามาพอดีเธอจึงรีบขอตัวจากมารดาไปหาพี่สาว
“สาขอตัวไปหาพี่ณีก่อนนะค่ะคุณแม่” ดมิสาบอกอย่างรวดเร็วและรีบเดินออกไปทันที เพราะไม่อยากจะอยู่พูดคุยกับหิรันต์
ดมิสาเคาะประตูห้องตามมารยาทก่อนจะเปิดเข้าไปเมื่อได้ยินเสียงขานรับของพี่สาว
“เข้ามาได้”
“พี่ณี” ดมิสาตะลึงอยู่กับที่จับจ้องพี่สาวที่ยืนอยู่ท่ามกลางช่างแต่งตัวและช่างแต่งหน้าที่กำลังบรรจงสรรสร้างความงามให้พี่สาวเธออย่างเต็มที่ ซึ่งก็ไม่ผิดหวังกับค่าจ้างอันสูงลิ่ว เมื่อตอนนี้พี่สาวเธองดงามราวกับเทพธิดาในชุดแต่งงานสีขาวบริสุทธิ์
“แน๊ะ จ้องพี่อย่างนี้พี่เขินนะสา” ดราณีหัวเราะเสียงหวานพลิ้ว ทำให้ช้างแต่งหน้าและทำผมซึ่งเป็นหญิงเทียมพากันหัวเราะตาม
“แหมจะไม่ให้น้องสาวตะลึงได้ยังไงละค่ะ คุณน้องณี สวยออกอย่างนี้ ขนาดพี่สองคนแต่งกันกับมือยังตะลึงเลยนะค่ะ” ช่างต่างหน้าสาวเทียมหัวเราะอย่างมีจริต
“ใช่ค่ะ คุณพี่เนี่ยรู้สึกปลื้มมากๆ เลยละค่ะ ตั้งแต่แต่งตัวให้เจ้าสาวมานี้คุณน้องณีสวยที่สุดแล้วนะค่ะ” สาวเทียมอีกคนจีบปากจีบคอพูด
“พี่สองคนก็พูดเกินจริงไป มานี้ดีกว่าสา พี่ไม่อยากฟังคำยอไปมากกว่านี้แล้วเดี๋ยวตัวจะลอยเอา”
“ค่ะ” ดมิสารับคำและเดินตามพี่สาวไปนั่งยังโซฟาสีครีมที่อยู่ในห้อง
“หนีคุณแม่มาหรือไงจ๊ะ” ดราณียิ้มอ่อนๆ ดักคอน้องสาวอย่างรู้ทัน ถึงสาเหตุที่เข้ามาหาเธอในห้อง
“ไม่ใช่สักหน่อยพี่ณี สาแค่อยากจะเจอหน้าพี่สาวคนสวยสิค่ะ พ้นคืนนี้ไปสาก็จะไม่ค่อยได้เจอกับพี่ณีแล้ว”
“พูดอะไรนะเรา” ดราณีลูบผมน้องสาวเล่น “สาคิดถึงก็ไปหาพี่ที่บ้านคุณธนาดลซิ ไม่ได้ไกลจากบ้านเราซักหน่อย”
“ค่ะ” ดมิสารับคำ เธออยากจะไปอยู่หรอกถ้าไม่ติดว่าจะต้องเลี่ยงพบกับหิรันต์ที่ตามตื้อเธอเสียจนน่ารำคาญ
“ทำหน้ามุ่ยอย่างนี้ไม่น่ารักเลยนะจ๊ะสา ยิ้มซิจ๊ะพี่สาวจะแต่งงานทั้งที่” ดราณีเอื้อมไปจับแก้มน้องสาวให้ฉีกยิ้มออก สองพี่น้องหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน พูดคุยถึงเรื่องที่ไม่ได้เจอกันเกือบอาทิตย์ ซึ่งส่วนมากก็เป็นดมิสาที่พูดเป็นส่วนใหญ่จนกระทั่งถึงเวลาพักผ่อนเพื่อเตรียมความงามของเจ้าสาวในรุ่งขึ้นเธอจึงขอตัวกลับห้อง
ดมิสายิ้มอย่างชื่นชมที่เห็นดราณีพี่สาวในชุดเจ้าสาวสวยยืนรับแขกอยู่บริเวณหน้างานกับธนาดลผู้เป็นเจ้าบ่าว พิธีตอนเช้าผ่านไปอย่างเรียบร้อยสมกับการลงทุนมหาศาลที่มารดาเธอลงทุนไป เสียงแขกเหรื่อที่กล่าวชื่นชมทำให้มารดาเธอไม่หุบยิ้มเลยทีเดียว
“สองคนนี้ เหมาะสมกันมากเลยนะค่ะคุณเดือนนภาขา เจ้าบ่าวก็หล่อ เจ้าสาวก็สวย” ญาติคนหนึ่งที่ดมิสาไม่รู้จักกล่าวขึ้นกับมารดา ดมิสาที่ยืนข้างมารดาถึงกับอดเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้ไม่ได้ ลองพี่สาวเธอไม่ได้แต่งกับเศรษฐีสิพวกนี้คงไม่ประจบประแจงเช่นนี้หรอก
“แหมจะว่าไปคนน้องก็สวยไม่แพ้คนพี่เลยนะค่ะ อีกไม่นานก็คงมีข่าวดีตามมาสินะค่ะ”
“แน่นอนซิค่ะ” คุณเดือนนภาขานรับ พลางมองดมิสาลูกสาวคนเล็กอย่างปลื้มปิติที่วันนี้สลัดคราบของเด็กกะโปโลมาเป็นสาวสวยอย่างน่าประหลาดใจ เรือนร่างระหงในชุดราตรีสีชมพูเปลือยไหล่เผยให้เห็นผิวขาวราวน้ำนมบวกกับ ดวงหน้าหวานที่แต่งเติมอย่างบรรจง กลายเป็นจุดสนใจของชายหนุ่มน้อยใหญ่ทั่วงานซึ่งทุกคนในที่นี้ก็นับว่ามีฐานะกันทั้งนั้น แล้วจะไม่ให้คนเป็นแม่เช่นนางปลื้มได้อย่างไร
ดมิสาขยับตัวอย่างอึดอัดกับสายตาพวกผู้ชายในงานที่จ้องมอง เธอไม่อยากจะใส่ชุดนี้เลยให้ตายสิ นี่ถ้าไม่ใช่งานแต่งของพี่สาวสุดที่รักแล้วละก็เธอจะไม่มีวันแต่งชุดพวกนี้อย่างเด็ดขาด ชุดบ้าอะไรก็ไม่รู้โชว์เนื้อหนังเต็มไปหมด
“ยัยสาไปต้อนรับคุณหิรันต์กับแม่หน่อยซิจ๊ะ” ยังไม่ทันที่ดมิสาจะอ้าปากปฏิเสธ แขนเรียวก็ถูกเดือนนภาลากเข้าไปหาชายหนุ่มท่าทางกรุ้มกริ่มทันที ดมิสาตีหน้าเฉยใส่อีกฝ่ายทันที เมื่อได้ยินคำชม
“วันนี้คุณสาสวยจังนะครับ” หิรันต์จ้องมองร่างบางด้วยสายตาแพรวพราวอย่างไม่ปิดบังความเจ้าชู้ของตนเอง
ดมิสายืนนิ่งจนถูกมารดาแอบหยิกที่ต้นแขนเธอจึงต้องยกมือไหว้อีกฝ่ายตามมารยาททางสังคม แม้ที่จริงแล้วเธออยากจะหนีหิรันต์ไปไกลๆก็ตาม
“อุ๊ยตายจริงมีแขกมาใหม่อีก แม่ขอตัวไปรับแขกก่อนนะยัยสา ดูแลคุณหิรันต์ให้ดีๆละ” คุณเดือนนภารีบเข้าไปรับแขกที่มาใหม่ เปิดโอกาสให้สองหนุ่มสาวได้อยู่กันตามลำพัง
นับว่าเป็นโชคดีของดมิสาอีกครั้งที่มีบริกรของงานคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเธอด้วยท่าทีแปลกๆ ทำให้เธอรอดพ้นหิรันต์จอมเจ้าชู้ได้อย่างหงุดหงิด ดมิสาแอบยิ้มอย่างอารมณ์ดีเมื่อเห็นใบหน้าที่ถูกขัดใจของหิรันต์
“มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ” ดมิสาหันมาถามเด็กหนุ่มที่เป็นบริกร
“เอ่อ มีใครก็ไม่รู้ครับ มาคอยพบคุณดราณีที่หน้าบ้าน บอกว่ามีเรื่องด่วน ต้องการพบคุณดราณีให้ได้ครับ”
ใครกัน ดมิสาขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “แล้วเชิญเขาเข้ามาในงานหรือเปล่าจ๊ะ”
“เชิญแล้วครับ แต่เขาไม่ยอมเข้ามา บอกว่ามีธุระด่วนมาก ต้องรีบไป ไม่อยากเสียเวลาเข้ามาในงาน”
“ตอนนี้นะหรือ” ดมิสาหันไปมองพี่สาวที่กำลังวุ่นกับการเดินต้อนรับแขกตามโต๊ะ เห็นทีว่าพี่สาวเธอคงจะออกไปตอนนี้ไม่ได้เป็นแน่ “พี่ณีไม่ว่างหรอกจ๊ะ เอาเป็นว่าเดี๋ยวฉันจะออกไปบอกเขาดีกว่านะจ๊ะ”
“ครับ” เด็กหนุ่มที่เป็นบริกรรับคำและเดินนำเธอไปยังบริเวณหน้าบ้านที่มีรถกระบะคันหนึ่งจอดอยู่
“เธอเข้าไปช่วยในงานก่อนเถอะจ๊ะ เดี๋ยวเสร็จธุระแล้วฉันจะตามเข้าไป” ดมิสาหันไปบอกเด็กหนุ่มบริกร เมื่อเด็กหนุ่มไปแล้วเธอจึงกลับมาสนใจที่รถกระบะต่อ คราวนี้มีชายหนุ่มรูปร่างสูงคนหนึ่งก้าวลงมาจากในรถ
ดมิสาพยายามเพ่งสายตามองว่าเป็นใครกัน ถึงมีท่าทีแปลกๆเช่นนี้ และท่าทางที่เขาเดินเข้ามาหาเธอนั้นก็ชวนให้พรั่นพรึงยิ่งนัก รามกับว่าเธอเป็นกระต่ายตัวน้อยที่กำลังจะโดนขย้ำ
เมื่อเขาเดินเข้ามาหยุดยืนตรงหน้าเธอที่มีแสงไฟสาดส่อง ดมิสาก็อดร้องออกมาเบาๆอย่างตกใจไม่ได้ แม้ใบหน้าคมคายวันนี้จะเต็มไปด้วยหนวดเครารกรุงรังหากเธอก็จำได้อย่างไม่ผิดพลาด ว่าเขาคือผู้ชายคนที่เธอมีเรื่องด้วยอาทิตย์ที่แล้วและเป็นคนที่พี่ดราณีสลัดทิ้งนั่นเอง
“คุณมาที่นี่ทำไม”
“ฉันไม่จำเป็นต้องตอบเธอ ไปตามดราณีมาพบฉันด้วย” เขาสั่งอย่างวางอำนาจเสียจนดมิสาอดจะหมั่นไส้ไม่ได้ คิดว่าเป็นเจ้านายใหญ่มาจากไหนกันพ่อคุณ
“เรื่องอะไรฉันต้องตามพี่ณีมาพบคุณด้วย พี่ณีกับคุณจบกันแล้วนี่ อย่ามาวุ่นวายกับพี่สาวฉันอีก อ้อ หรือคุณความจำไม่ค่อยดี ให้ฉันย้ำอีกรอบไหมว่าคุณกับพี่ณีจบกันแล้ว” ดมิสายิ้มเยาะ
ใบหน้าคมจ้องมองเธอเขม็งหลังจากเธอพูดจบ แววตาคมแฝงด้วยความโกรธคุกรุ่น เขานิ่งเงียบไปอึดใจก่อนจะกล่าวอะไรเบาๆ
“ดี ในเมื่อเธอทำฉันเจ็บได้ ฉันก็จะทำให้เธอเจ็บไม่แพ้กันดราณี”
แม้เสียงนั้นจะเบาจนดมิสาจับใจความไม่ได้ แต่เธอก็อดขนลุกซู่ด้วยความกลัวไม่ได้ กับน้ำเสียงเหี้ยมโหดและแฝงเล่ห์กลบางอย่างไว้
ดมิสามองอย่างระวังเมื่อเขาเดินเข้ามาหา “คุณจะทำอะไรนะ” เธอถามเสียงสั่น ทันใดนั้นเองเขาก็เขาประชิดตัวเธอพร้อมกับอาวุธสีดำปลาบ เขาจ่อมันเข้ากับแผ่นหลังของเธอ ดมิสาตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว
“คุณทำบ้าอะไรนะ” เธอถามเสียงสั่น
“ก็แก้แค้นพี่สาวคนสวยเธอไง ช่วยไม่ได้นะที่เธอดันเป็นน้องสาวสุดที่รักของดราณี เอาละไม่ต้องพูดมากขึ้นรถไป”
เขาสั่งเสียงเข้ม ดมิสาตัวเย็นเฉียบ พยายามจะร้องตะโกนขอความช่วยเหลือจากผู้คนภายในงาน หากเขาก็รู้ทันเอื้อมมือมาปิดปากเธอเอาไว้เสียก่อน และดันร่างของเธอเข้าไปภายในรถ
“ถ้าไม่อยากตายนะคนสวยอยู่นิ่งๆ แล้วก็หุบปากของเธอเอาไว้เสียด้วย เพราะถ้าฉันรำคาญขึ้นมาเมื่อไหร่ละก็ เธอคงรู้นะ” เขาขู่ก่อนจะรีบไปยังฝั่งคนขับรถ ดมิสานั่งเงียบด้วยความเกร็ง พลางมองสีหน้าถมึงทึงของชายหนุ่มที่มีสภาพราวกับโจร
“คุณจะพาฉันไปไหนไม่ได้นะ”
“หยุดพูดเถอะน่า เดี๋ยวถึงแล้วเธอก็รู้เอง ที่จริงไม่ใช่แค่เรื่องพี่สาวเธออย่างเดียวหรอก ถ้าเธอไม่ปากเก่งตั้งแต่แรก ฉันก็ไม่อยากจับตัวเธอมาให้เป็นภาระหรอก” เขาตวาดอย่างไม่สบอารมณ์
ดมิสาจึงต้องสงบปากสงบคำไม่กล้าที่จะพูดอะไรอีก ขณะที่ในใจกำลังคิดหาทางหนีทีไล่ที่จะไปจากผู้ชายโรคจิตคนนี้ให้ได้ คอยดูเถอะถ้าเธอไปได้เมื่อไหร่นะ เธอจะตอบแทนอย่างสาสม
.....................................................................................................................................................................
เพิ่งเริ่มเขียนฝากทุกคนติดตามและติชมด้วยนะค่ะ
ความคิดเห็น