คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 4 : First Day Of School สวัสดี ม.5
Chapter 4 : First Day Of School สวัสดี ม.5
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าตอนนี้ฉันอยู่หน้าโรงเรียนแล้ว นี่คือสถิติใหม่ล่ะ ที่ฉันมาโรงเรียนตั้งแต่เช้าแบบนี้ -..- ก่อนฉันออกมา ฉันได้แปะกระดาษโน้ตสีชมพูแปร๊ดไว้ที่ตู้เย็น ถ้าพอจะจำได้ มันเขียนว่า…
-----------To Mama----------
หนูไปโรงเรียนก่อนนะคะ ไม่ต้องรอหนู
----------------------------------
ทำไมฉันต้องมาก่อนน่ะเหรอ? ไม่ใช่เพราะว่าจะมาจองที่นั่งคนแรกหรอกนะ แต่มาก่อนเพราะฉันกลัวว่าจะมีใครคนใดคนนึงรู้เข้าว่าฉันเป็นโฮสอีตาบรูคลิน (ยกเว้นบรีกับเด็กแลกเปลี่ยนอีกคนที่เจอวันก่อน) แหงล่ะสิ วันแรกของทุกเทอมใหม่ แม่ฉันจะขับรถมาส่งด้วยตัวท่านเอง หากเด็กๆ ม.ต้น เห็นฉันเดินลงมาพร้อมกับหนุ่มตาฟ้า ผมทอง จมูกโด่ง เนี่ยนะ มีหวังฉันได้ตำแหน่งเป็นสะพานข้ามน้ำ ข้ามไฟ ข้ามภูเขาให้กับเด็กๆ พวกนี้แน่ ‘พี่เนล พี่บรูคเค้ามีแฟนยังคะ’ ‘พี่เนล พี่บรูคชอบกินขนมอะไรอ่ะคะ’ ‘พี่เนล ฝากจดหมายนี่ไปให้พี่บรูคได้ไหมคะ’ ‘พี่บรูคมีเฟซบุ้คไหมคะ’ บรึ๋ยยยย หากฉันถึงวันนั้นนะ หัวฉันได้ระเบิดแน่ ดูได้จากเมื่อสองปีก่อน มีเด็กเยอรมันที่เป็นผู้ชายมาแลกเปลี่ยนที่โรงเรียนฉัน โฮสซิสของฮีก็เรียนอยู่โรงเรียนนี้แหละ(รุ่นพี่ ม.6 ของฉันในตอนนั้น) โหยยย พี่คนนั้นหัวแทบจะระเบิด พวกเด็กๆ ม.ต้นชอบไปเกาะแกะ ไปถามพี่เค้าอยู่นั่นแหละว่าฮีชอบกินอะไร ฮีชอบผู้หญิงแบบไหน บางคนหนักหน่อยก็ถึงกับไปเรียนพิเศษภาษาเยอรมันเลย เพื่อที่จะได้คุยกับฮี อยากจะบอกพวกเธอว่าภาษาอังกฤษเอาให้รอดก่อนไหมลูก -..-
ฉันค่อยๆ เดินไปในโรงเรียนที่เงียบ(สงัด) ถามว่ากลัวไหม? ไม่อ่ะ -0- พระอาทิตย์เมืองไทยขึ้นไวจะตาย 6:30 ก็สว่างแล้วมั้ง นี่ก็ปาไป 6:50 ละ นักเรียนก็เริ่มทยอยกันมา ฉันคิดว่าควรจะรีบไปจองที่นั่งซะแล้วล่ะ เดี๋ยวไม่ทัน อ้อ! เมื่อวานบรีพึ่งโทรมาบอกฉันน่ะว่าเลือกนั่งหน้าๆ เธอจะนั่งกับฉัน เพราะเด็กแลกเปลี่ยนที่ครอบครัวเธอรับมาเลี้ยงนั้น อยู่คนละห้องกับเธอ
ฉันค่อยๆ เดินเข้ามาในตึก อืม…ฉันอยู่ห้อง 11 นี่นา ห้อง 11 นี่ก็อยู่ตั้งชั้นสาม พอดีเลยน้ำหนักฉันจะได้ลดบ้าง ปิดเทอมใหญ่นี่ฉันเอาแต่กินเที่ยวเล่น น้ำหนักขึ้นตั้ง 5 โลแหนะ ToT
เมื่อถึงชั้นสาม ฉันรู้สึกได้ถึงความเงีบยสงัด ฉันเดินไล่ห้องไปเรื่อยๆ
“ห้อง 10……ห้อง 11……” อ้า นี่ไงฉันเจอแล้ว ฉันค่อยๆ เปิดประตูบานกระจกหนาเข้าไป (โรงเรียนฉันติดแอร์ทุกห้องเรียนน่ะ ประตูก็เลยหนาแบบนี้) อืมม…ไม่มีใครอยูเลยแฮะ เสร็จโจรล่ะทีนี้ >0< ฉันเลือกนั่งโซนกลางแถวสาม ปกติฉันก็เลือกโซนนี้เป็นประจำตั้งแต่ ม.1 โดยยึดคติประจำใจจากแม่ว่า ‘อยากเรียนรู้เรื่องต้องเลือกที่นั่งโซนกลางแถวหน้าๆ’ แล้วมันก็ได้ผลจริงซะด้วยสิ เห็นฉันเล่นๆ แบบนี้ พอถึงเวลาเรียนฉันสู้ตานนะ จะบอกให้ :P
นี่ก็จะ 7:20 แล้ว อีก 10 นาทีก็จะเข้าแถว เพื่อนหน้าเดิมๆ ก็มากันเกือบจะครบแล้ว แต่ยัยบรีนี่สิไม่มาเลย ส่ง iMessage ไปหาดีกว่า
ฉัน : อยู่ไหนเนี่ย
บรี : ฉันอยู่ที่ห้องธุรกาจฝ่ายนักเรียน พาธัญญ่ามาลงทะเบียน
ฉัน : อ่าวเหรอ ให้ฉันไปหาไหม
บรี : มาได้ก็ดีนะ แม่เธอกับไอ้หนุ่มวันนั้นนั่งอยู่ข้างๆ ฉันเนี่ย
ฉัน : อือ ฉันไม่ไปหรอก ขี้เกียจจจ
บรี : เออแก ฉันเห็นเด็กแลกเปลี่ยนอีกคนแล้วนะ >0< อย่างหล่ออ่ะ เห็นว่ามาจากสวีเดน เรียนห้องเดียวกับเราด้วยนะเว่ย
ฉัน : จริงดิ เรียนเยอรมันกับเราเนี่ยนะ
บรี : ก็ใช่อ่ะดิ เออนี่เจอกันที่แถวนะ ฉันเสร็จธุระและ
ฉัน : เคเบยย
ฉันรีบเดินลงไปที่สนามบอล เพื่อรอเข้าแถว เอ่อ….ว่าต่นายบรูคล่ะ? นายนั่นมันจะเดินมาที่แถวถูกไหมวะนั่น =[]=
“เฮ้ย!!!!” ใครมาจ๊ะเอ๋ฉันที่ข้างหลังนะ -_-
“อ้าว แกเองเหรอบรี”
“เยสสสส”
“แล้วธัญญ่าอ่ะ?”
“นู่น อยู่หลังเวทีนู่น พอเข้าแถวเสร็จ เค้าก็จะให้พวกเด็กแลกเปลี่ยนแนะนำตัว บวกกับ ผ.อ. ที่ต้องพล่ามนานแสนนานอีก ฉันว่าช่วงเช้าเราคงไม่ได้เรียนอ่ะแก” บรีทำหน้าหงุดหงิด
“ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ วันแรกฉันไม่อยากมีการบ้าน”
“ก็คงงั้น”
ระหว่างที่ฉันสวดมนต์อยู่นั้น ก็มีคุณครูวัยกลางท่านหนึ่งเดินมาแถวๆ แถวห้อง 5/11 (ห้องฉันเอง) ถ้าเดาไม่ผิดครูคนนี้คือ หัวหน้าระดับชั้น ม.5 ‘ครูวิภาวี’ สอนภาษาอังกฤษ
“ใครชื่อสาวิตตรีกับบรีแอนน่า”
นิ้วของเกือบทุกคนในแถวชี้มาทางฉันกับบรี งงนะเนี่ยนี่มันเรื่องอะไรกัน? เมื่อครูวิภาวีพอจะรู้แล้วว่าบุคคลที่ตามหานั้นอยู่ตรงไหน เธอก็รีบเดินมาหาฉัน
“สาวิตตรี” ครูหันหน้ามาทางฉัน “บรีแอนน่า” ทีนี้หันไปทางบรี “เธอสองคนเป็นโฮสแฟมมิลี่ใช่ไหม”
“ชะ….ชะ…ใช่ค่ะ” เราสองคนพูดแบบมีน้ำเสียที่สั่นคลอ
“ตามฉันมาทั้งสองเลย” พูดจบคุณครูก็เดินนำหน้าฉันสองคนไปยังหลังเวที ไปยังที่ที่มีฝรั่งรุ่นราวคราวเดียวกันกับฉันยืนอยู่ 4 คน (รวมถึงบรูคลินและธัญญ่า) อีกคนที่เป็นผู้ชาย น่าจะเป็นคนที่ยัยบรีบอกนะ ว่าหล่อนักหล่อหนา (ก็หล่อจริงๆ แหละ -.,-) แต่มีอีกหนึ่งคนที่ฉันยังต้องมองแล้วมองอีก เพราะเธอเด่นและสวยมาก เด่นเพราะอะไร? เธอไม่ได้แต่งชุดนักเรียนมาน่ะสิ เธอใส่ชุดไพรเวทมา ของแบรนด์ทั้งนั้น ตั้งแต่หัวไปยันเท้า หน้าตานี่ก็ดูไม่เป็นมิตรซะด้วยสิ
“เดี๋ยวเธอต้องขึ้นไปบนเวทีพร้อมกับเด็กแลกเปลี่ยนที่เธอนำมาอุปการ” เสียงของครูวิภาวีทำให้ฉันเลิกสนใจพวกฝรั่งนั่น เฮ้! เฮ้! เดี๋ยวก่อน ต้องขึ้นไปพร้อมกับไอ้บรูคเนี่ยนะ ไปทำไรอะ
“เอ่อ…ครูคะขึ้นไปทำไมคะ =[]=” ฉันเปิดปากถามออกไป
“ประกาศให้ทั้งโรงเรียนรู้ไง ก็แค่นั้นเอง” เอิ่ม ช่างสมเหตุสมผลจริงๆ ค่ะ -*-
“ไม่บอกได้ไหมคะครู” ฉันกำลังขอร้องอ้อนวอนเธออย่าไป…ทิ้งตัวล…(ไม่ใช่และๆ)
“ตามธรรมเนียนหลายๆ ปีที่ผ่านมาก็เป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอ” ครูวิภาวีทำหน้าดุ
“เข้าใจแล้วค่ะ -/\-”
“โอเค ไปยืนข้างพาร์ทเนอร์เธอได้แล้ว ไปได้” ครูวิภาวีพูดจบพร้อมเดินออกไป
“มีอะไรจะพูดส่งท้ายไหม” ฉันหันหน้าแหยๆ ไปถามบรี
“เด็กวัยคอซอง ได้รุมแกแน่ -_-” บรีพูดแล้วเดินไปหาธัญญ่า ช่างเป็นคำพูดตบท้ายได้ดีจริงๆ =_=
ตอนนี้ฉันก็ได้อยู่ข้างๆ บรูคลินแล้ว นายนี่ใส่ชุดนักเรียนไทยแล้วดูดีนะเนี่ย ดูเหมือนว่าเราจะเป็นคู่สุดท้ายนะ ดีเลย ฉันจะดูปฏิกิริยาของพวก ม.ต้นรวมถึง ม.ปลาย ว่ามีท่าทางอย่างไรกับนายสวีเดนสุดหล่อนั่น ฉันจะได้เตรียมใจ พนันได้เลยถ้านายสวีเดนนั่นพูดภาษาไทยล่ะก็…เด็กทั้งโรงเรียนได้กรี๊ดแน่จ้า -..-
E “เออนี่ ชื่อเธอพูดยังไงอ่ะ ฉันฝึกพูดมาตั้งแต่ก่อนขึ้นเครื่องแล้ว จนถึงป่านนี้ฉันยังพูดไม่ได้เลย” บรูคลินถามฉันแบบหน้านิ่ง
“สาวิตตรี สา-วิต-ตรี” ฉันเน้นคำหลังแบบชัดเจน
“ซา-วีท-ทรี” บรูคลินพูดพร้อมทำหน้าให้ฉันประมาณว่า ‘ถูกไหม?’
E “อือ แบบนั้นแหละ =_=” ฉันล่ะเหนื่อยใจกับนายนี่จริงๆ “เออ ว่าแต่นายรู้จักผู้หญิงคนนั้นไหมอ่ะ” ฉันพูดพลางหันหน้าไปทางฝรั่งผู้หญิงที่ใส่ชุดไพรเวทมาโรงเรียน
E “อ๋อ คนสวยๆ นั่นเหรอ เธอเป็นคนปารีส มาจากโครงการเดียวกับฉันเอง ฉันได้รู้จักเธอตอนเข้าค่ายก่อนบินมาไทยน่ะ ฉันพึ่งได้ข่าวมาว่าเธอพึ่งลงจากเครื่องเมื่อเที่ยงคืน ชุดนักเรียนยังปักไม่พร้อมเลยใส่ชุดไพรเวทมาก่อนน่ะ” หึ ไม่น่าล่ะ แบรนด์ทั้งตัวเลย -_- คนฝรั่งเศส(โดยเฉพาะในปารีส) ส่วนใหญ่เสพติดแฟชั่นกันทั้งนั้นแหละ แต่เอ๊ะ! สองสามวันก่อนบรีพึ่งบอกฉันเองว่ามีเด็กแลกเปลี่ยนมาแค่ 3 คนหนิ ไหงติดยัยเด็กฝรั่งเศสมาด้วยล่ะ?
ไม่กี่นาทีต่อมา พิธีการในตอนเช้าก็สิ้นสุดลง ผู้อำนวยการโรงเรียนก็พูดตามเดิมเหมือนกับทุกปี จนมาถึงช่วงสำคัญ…
“เอาล่ะนักเรียนทุกคน และเช่นเคย โรงเรียนเราจะมีนักเรียนแลกเปลี่ยนมาเรียนที่นี่ทุกปี อย่างน้องก็ปีละ 1 คน อย่างมากก็ปีละ 3 คน แต่ปีนี้จะพิเศษหน่อย เพราะเรามีนักเรียนแลกเปลี่ยนมากันถึง 4 คน จริงๆ ปีนี้เรามีแค่สามคน แต่คนล่าสุด คนที่สี่ พึ่งลงจากเครื่องมาเมื่อเที่ยงคืนของวานนี้ เอาล่ะ เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา เรามารู้จักกับพวกเขาและโฮสของพวกเขากันดีกว่า” เมื่อผู้อำนวยการพูดจบ ยัยฝรั่งเศสนั่นก็เดินขึ้นไปบนเวที รู้สึกว่าพวกผู้ชาย (โดยเฉพาะม.ปลาย) ที่จากคุยๆ กันอยู่นั้น สายตาจับมามองเธอผู้นี้เป็นตาเดียวเลยล่ะ -_-
“Hello everybody in this school. I’m Shelly Mulshine 17 years old girl form Paris,Franch I’ll be here for 1 years to learn cultures and anything about Thailand. I can speak Thai just a little bit,So if I wrong at please,correct me. Thank you all” เธอพูดจบพร้อมส่งจูบตอนท้าย โหยยยย ช่างมีเสน่ห์จริงๆ ต่อมาเป็นตาของโฮสเธอแล้วล่ะ เอ๊ะ! นั่นมันเด็กห้อง EP01 สายวิทย์นี่นา ยัยเชลลี่กับโฮสห้อง 1 นี่ช่างต่างกันจริงๆ แฮะ -_- เชลลี่ค่อนข้างมั่นใจและดูหยิ่งทะนงตน แฟชั่นครบ แต่โฮสเธอนี่สิ ใส่แว่น ติ๋มๆ กระโปรงนี่แทบจะคลุมหน้าแข้ง เหอะๆ =_=
ทีนี้เหมือนจะถึงคิวพ่อหนุ่มสวีเดนรูปหล่อแล้วนะ ทันทีที่นายนั่นเดินขึ้นเวทีไป เสียงกรี๊ดจากเด็กผู้หญิงมากันตรึม โดยเฉพาะเด็กๆ เพศที่สาม -*- กว่านายสวีเดนจะได้พูด ฉันว่าคงหมดไปสิบนาทีอ่ะมั้ง เสียงกรี๊ดดังกระหึ่มซะขนาดนี้
“Okay so, Sar-wad-dee-krub” เมื่อนายนี่เริ่มพูด เสียงกรี๊ดก็เริ่มดังอีกครั้งเหมือนที่คิดไม่ผิดจริงๆ -*- แหม่ ฝรั่งพูดภาษาไทย ใครๆ ก็ต้องเขินทั้งนั้นและ ดูฉันสิตัวแทบจะบิดแล้วเนี่ย -////-
“I’m Tobia from Sweden” อ่า ชื่อโทเบียนี่เอง “I can speak Thai fluent because I’m half Swedish-half Thai, Do you wanna hear me speak thai?” โทเบียถามพร้อมทำหน้ากวนๆ
“YES!!!” เสียง(ผู้หญิง)ทั้งโรงเรียนดังกระหึ่มรวมถึงฉันกับบรีด้วย >0<
“สวัสดีคร๊าบบ” โทเบียพูดแนวกวนประสาทพร้อมไหว้ “ผมชื่อโทเบีย แมคซีเรีย จากสวีเดน พ่อเป็นคนสวีเดน แม่เป็นคนไทย….” จากเสียงที่ดูวุ่นวายกลับเงียบลง เมื่อโทเบียพูดภาษาไทย “ผมเกิดที่สวีเดนและย้ายมาอยู่ประเทศไทยตอนอายุ 2 ปีจนถึง 10 ขวบผมย้ายไปอยู่สวีเดนอีกครั้ง เมื่ออายุ 13 ผมใฝ่ฝันจะมาแลกเปลี่ยนที่ประเทศไทย ถามว่าทำไมไม่ย้ายมาอยู่ก็ในเมื่อมีแม่เป็นคนไทย? แม่ผมไม่กลับมาไทยแล้วล่ะครับ เพราะแม่ผมได้เสียชีวิตไปแล้ว” ทุกคนถึงกับอึ้งเมื่อโทเบียพูดถึงแม่ของเขา โทเบียกลับมายิ้มอีกครั้งพร้อมพูดต่อ “โฮสที่ผมมาอยู่ด้วยเนี่ย ไม่มีลูกเลย ผมจึงเหมือนเป็นลูกทูนหัวของพวกเขาเลยล่ะ…ผมจะมาเรียนที่นี่ 1 ปีในฐานะเด็กแลกเปลี่ยนที่ห้อง 5/11 สายศิลป์-เยอรมัน อ้อ แล้วอีกอย่างนึงที่จะบอก ผมมีชื่อภาษาไทยด้วยนะครับ ‘วันเฉลิม’ คือชื่อภาษาไทยของผมที่โฮสตั้งให้ ฝากตัวด้วย ขอบคุณครับ” เมื่อเขาพูดเสร็จ เสียงกรี๊ดจากแหล่งเดิมจึงตามมา โทเบียยิ้มกว้าง ก่อนจะเดินเดินลงไปข้างล่างเวที ฉันว่าโฮสของนายโทเบียนี่คงอินกับละครทองเนื้อเก้าแน่ๆ -_- ดูตั้งชื่อภาษาไทยเข้าให้สิ
ถึงคิวของยัยบรีกับธัญญ่าแล้วล่ะ ^0^ ธัญญ่าเปิดตัวด้วยการพูดภาษาไทย ถึงจะไม่ชัดมากแต่ก็ดูน่ารักใสๆ ต่างจากเชลลี่มากกก
“สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ ถุกโคน…ฉันชื่อธัญญ่า ไบรท์ จากเยอรมันนีค่ะ ฉันจะมาเรีย…เรียนที่นี่ 1 ปีค่ะ..ฉันรักปะเทคไทยมากค่ะ...ฉันจะเรียนที่ห้อง 12 ค่ะ อัมมม…มมม…สายเยอรมันค่ะ ขอบคูณค่ะ” เธอยิ้มแห้งๆ ให้ก่อนเดินออกไป ทีนี้ถึงคิวยัยบรีบ้างล่ะ
“สวัสดีเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกคน พี่ชื่อบรีแอนน่า จาก 5/11 ครอบครัวพี่ได้เป็นโฮสแฟมมิลี่ให้กับธัญญ่า ไบรท์ ฝากตัวธัญญ่าด้วยนะค้า ^0^” บรีพูดจบพร้อมเดินลงไปข้างล่าง มันหมายถึงจะถึงคิวฉันกับบรูคลินแล้วสินะ T^T จากที่ดูนายโทเบียขึ้นไปเมื่อกี้ เด็กก็กรี๊ดกันจะตายอยู่แล้ว อันตรายมาหาฉันแล้วสินะ โอ้ มาย ลอร์ด ToT
เมื่อบรีเดินลงมาถึงข้างล่างเวที นายบรูคลินก็จับมือที่สั่นคลอนของฉันเดินไปยังบันไดเวที
E “นี่ ไม่ต้องจับมือฉันก็ได้ ปล่อยมือฉันเลยนะ”
E “ไม่ให้จับได้ไงล่ะ เธอตื่นเต้นซะขนาดนี้ นี่ เชื่อฉันจับมือฉันไว้ แล้วเธอจะไม่ตกใจ”
E “ไอ้บ้า ปล่อยเลยนะ” ฉันห้ามเท่าไรนายนี่มันก็ไม่ฟัง กลับบีบมือฉันแน่นเข้าไปอีก โฮฮฮ T^T ตายล่ะ ตายๆ ฉันได้มีปัญหากับเด็กวัยคอซองก็คราวนี้แหละ แต่ดีนะที่ก่อนจะถึงง่ามเวที ฉันสลัดมือเขาออกไปก่อนได้ เขามองหน้าฉันดูเหมือนราวว่า ‘ปล่อยมือฉันทำไม’
“กรี๊ดดดดดดดดด!” เสียงกรี๊ดเด็ก ม.ต้น ทำให้ฉันกับบรูคลินหันกลับมาเดินต่อ จนตอนนี้เราอยู่บนเวทีกันแล้ว
“Morning you guys J I’m Brooklyn Charlott or you can call me Brook or Brookie I’m from St.Paul ,Minnesota ,USA. I want you guys to know that I cannot speak thai. Actually I can speak just only simple sentences like Sawaddee and Phom luk khoun ” เท่านั้นแหละ เสียงกรี๊ดมาเลย -*- บรูคลินยิ้มเล็กๆ แก้เขินอายและพูดต่อ “Khob khun krub, bye” เสียงกรี๊ดทำให้บรูคลินยิ้มกว้างแทบเห็นฟันหน้าครบ พร้อมยิ้มและชูนิ้วโป้งให้ฉันราวกับจะบอกว่า ‘สู้ๆ’ จากนั้นจึงเดินลงไปข้างล่างเวที ทีนี้ถึงตาฉันแล้วสินะ T^T
“สวัสดีค่ะ” เสียงกรี๊ดได้หยุดลงเมื่อฉันพูดขึ้นมา “ฉันสาวิตตรี ศิริวารินทร์ นักเรียนชั้นม. 5/11 ฉันเป็นโฮสซิสของบรูคลิน ชาร์ล็อตค่ะ อย่างที่ได้ยินกัน บรูคลินพูดไทยไม่ได้ค่ะ เขาจึงได้เรียนห้อง EP04 สายศิลป์-เยอรมัน ฝากตัวบรูคลินด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ” ฉันรู้สึกได้ถึงสายตาริษยาจากเด็กๆ ม.ต้นก็คราวนี้แหละ T^T ฉันไหว้และเดินมาล่างเวที
เหตุการณ์บนเวทีในตอนนี้ ท่าน ผ.อ. ได้ทำการพูดพล่ามต่อไปค่ะ -*- ส่วนฉันและพวกเด็กแลกเปลี่ยนคนอื่นๆ ก็ได้แต่ยืนอยู่ข้างหลังเวที
E “เดี๋ยวพอ ผ.อ. พูดเสร็จ เราจะถ่ายรูปรวมกัน รอแป๊บนะ” ครูวิภาวีได้แงะความสามรถของครูเองออกมาแล้ว สำเนียงใช้ได้เลยแฮะ
เมื่อผู้อำนวยการได้ทำการพูดบนเวทีและปล่อยนักเรียนให้เดินแถวขึ้นห้องเสร็จแล้ว ท่านจึงเดินมาถ่ายรูหมู่กับพวกเราหน้าเวที บรรดาสาวๆ และชาวสีม่วงที่ยังไม่เดินแถวนั้นก็ได้เอาแต่กรี๊ดกับเรียกชื่ออยู่ 2 คน เท่าทีฉันฟังออก
“บรูคลิน! โทเบีย! วันเฉลิม! กรี๊ดดดดดด” ต่างคนก็ต่างหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายเจ้าสองคนนี้ ฉันล่ะเบื่อจริงๆ เมื่อไรฉันจะได้ขึ้นห้องงงงง =[]=
E “เอาล่ะๆ ขึ้นห้องไปเรียนกันได้” ครูวิภาวีพูดขึ้น “พวกเธอก็เหมือนกัน ขึ้นไปเรียนได้แล้ว จะมาถ่ายอะไรล่ะเนี่ย พวกเธอได้เห็นบรูคลินกับโทเบียอีกตั้ง 1 ปีอยู่แล้วล่ะ ไปๆ” ทีนี้ครูหันไปไล่เด็กๆ ที่ตามมาถ่ายรูปไอ้สองคนนั้น
ตอนนี้ฉันก็กำลังเดินไปยังตึก ม.5 เพื่อเข้าเรียน ส่วนบรีพาธัญญ่าไปห้องวิชาการ เพราะเหมือนยังจะลงทะเบียนไม่เสร็จล่ะมั้ง ห่างออกไปฉันเห็นเชลลี่ยืนคุยอยู่กับครูวิภาวี สงสัยเป็นเพราะว่าเธอใส่ชุดไพรเวทมาโรงเรียนมั้ง ส่วนนายบรูคน่ะเหรอ? ฉันไม่สนนายหรอกย่ะ -*- ฉันรู้จักนายนั่นไม่ถึงอาทิตย์ กล้ามาจับมือฉันได้ไงอ่ะ ฉันเกือบตายแล้วรู้ไหม T^T
“นี่สาวิตตรี” อ๊ะ! ใครเรียกฉันนะ? ฉันค่อยๆ หันหลังไปก็พบกับโทเบีย
“เรียกฉันทำไม แล้วรู้จักชื่อฉันได้ไง”
“ไม่เอาน่า ก็เธอพึ่งขึ้นไปประกาศบนเวทีนี่นา” เออ จริงด้วย =_=
“แล้วมีอะไรกับฉันไม่ทราบ”
“ก็แค่อยากเดินด้วยน่ะ เธอเรียนห้องเดียวกับฉันไม่ใช่เหรอ ห้อง 11”
“เรียนห้องเดียวกับฉันแล้วไง นายเดินไปเองไม่เป็นเหรอ”
“ไม่อ่ะ วันนี้ฉันเห็นโรงเรียนครั้งแรก พ่อแม่ฉันไม่ว่างพามาดูก่อนเปิดเทอมน่ะ”
“…………..”
“เงียบทำไมเนี่ย” ฉันไม่สนอ่ะ และก็คงจะเงียบต่อไป… :P
เราเดินกันมาถึงหน้าห้องแล้ว เออ จะว่าไป ฉันลืมนายบรูคลินเลยอ่ะ -..- แต่นายนั่นคงไปห้องเรียนถูกอยู่แล้วล่ะ ฉันพามาดูก่อนแล้วนี่
“lady first” โทเบียให้สัญญาณประมาณว่า ‘เธอก่อน’
“ขอบคุณ” ฉันเดินเข้ามาในห้องตามด้วยโทเบียพร้อมกับเสียงฮือฮาของคนในห้อง ฉันไม่สนอะไรทั้งนั้น ฉันค่อยๆ เดินไปยังจุดที่นั่งที่จองไว้ พร้อมกับนั่งลง คนข้างๆ ฉันยังไม่มาสักที เมื่อไรยัยบรีจะมาสักที
“ขอฉันนั่งด้วยสิ ที่อื่นมันเต็มแล้วอ่ะ” โทเบียเดินมาถามฉัน
“ถ้านายนั่งที่นี่ แล้วเพื่อนฉันจะนั่งที่ไหนล่ะ”
“ก็มันไม่มีโต๊ะแล้วอ้ะ นี่ขอฉันนั่งหน่อยชั่วคราว แล้วถ้าเพื่อนเธอมาฉันจะลุกให้” โทเบียทำหน้าตาขอร้อง
“อือ”
อ๊ะ มีคนทัก iMessage มาหาฉัน จากบรีนี่เอง
บรี : แก ฉันมีเรื่องจะบอกว่ะ ฉันถูกย้ายห้องกะทันหันอ่ะ เด็กห้อง 12 มันออกไปสองคนเมื่อตอนปิดเทอม เขาเลยเอาฉันไปแทนอ่ะ เพราะว่ามันลงตัวพอดี
ฉัน : ฮะ แล้วทำไมเขาต้องเอาแกไปด้วยวะ ไอ้โทเบียพึ่งมาใหม่ แทนที่จะเอาไปใส่แทน
บรี : ครูเขาอธิบายว่าถ้าเอาเด็กแลกเปลี่ยนสองคนไปรวมในห้องเดียวมันก็เกินไปปะ ห้องอื่นก็เสียเปรียบที่ไม่ค่อยได้มีโอกาศคุยกับเพื่อนต่างชาติ แล้วศิลป์เยอรมันแบบธรรมดาก็มีแค่สองห้องเอง ถ้าจับยัดไปเรียน EP ก็ไม่ได้ใช้ภาษาไทย
ฉัน : ถึงแกย้ายไปมันไม่เป็นปัญหาเท่าไรหรอก แต่ไอ้โทเบียมันนั่งอยู่ข้างฉันนนนนน
บรี : อ้าวจริงดิ ที่ที่แกจองใก้ฉันอะนะ
ฉัน : เออดิ เฮ้ย เจอกันพักเที่ยงนะ ครูมาแล้ว
บรี : งือ
ครูประจำชั้นของห้อง 11 ไม่ใช่ใครที่ไหน นั่นคือครูวิภาวีนั่นเอง บางคนสงสัยทำไมมีครูประจำชั้นแค่คนเดียว? นั่นเป็นเพราะ ม.ปลาย โรงเรียนฉันค่อนข้างจะคล้ายเมืองนอกน่ะ (แต่ยังยึดหลักตามกระทรวงศึกษา) เด็กในห้องจะมีแค่ 26 คน และก่อนปิดเทอมใหญ่ จะมีงานพรอมสำหรับ ม.5 และ ม.6 เห็นโรงเรียนฉันเป็นแบบนี้ ม.ต้น ก็ใช่ย่อยนะจ้ะ -..- หน้าขาว คอดำ ปากแดงก็ยังมีหลงเหลืออยู่จ้า -*-
เมื่อครูวิภาวีได้แนะนำตัว เลือกหัวหน้าห้อง และแจกตารางเรียนให้พวกเราแล้ว จะมีครูคนไหนที่จะไม่สนใจเด็กฝรั่งนั่งหน้าตาบ้องแบ้วอยู่นี่ล่ะ โทเบียได้ถูกแนะนำตัวอีกครั้งกับเพื่อนในห้อง พอโทเบียแนะนำตัวเสร็จก็เป็นฟรีไทม์ล่ะ ฉันนั่งฟังเพลงตลอดฟรีไทม์ในช่วงเช้า ส่วนโทเบียก็คุยกับเพื่อนคนอื่นๆ ในห้อง อ้อ สำหรับใครที่งงว่าทำไมฉันเจาะจงแต่เด็ก ม.ต้น ก็เพราะพวกนางเรียนกันที่ไหนล่ะคะ ห้องแรกๆ ก็เรียนสุดๆ ส่วนห้องหลังๆ ก็เลวสุดๆ -*- ส่วนที่ไม่เจาะจง ม.ปลาย ก็เพราะว่า เราทุกคนเข้ามาเรียนในโรงเรียนแห่งนี้ได้เพราะการสอบคัดเลือก และแทบจะทุกคนก็มีแฟนแล้ว พวก ม.ปลาย ไม่ค่อยสนใจเรื่องรักกับฝรั่งหรอก ส่วนเด็กๆ ม.ต้น จับฉลากเอา พวกนางถึงได้ทำตัวเหลวไหลไง
“กริ๊งงงงงงง!!” อ่า เสียงสวรรค์ฉันมาแล้วล่ะ มันคือสัญญาณพักเที่ยงน่ะ เราทำความเคารพคุณครูเสร็จแล้วก็เดินออกไปนอกห้อง ฉันชะเง้อเข้าไปดูห้อง 12 เพื่อหาบรี ก็พบว่าครูห้อง 12 ยังไม่ปล่อยน่ะ อ่า ฉันเห็นบรีแล้วล่ะ เธอนั่งข้างธัญญ่า และบรีก็เห็นฉันแล้วด้วย เธอทำสัญญาณมือประมาณว่า ‘ไปก่อนก็ได้’ ฉันจึงพยักหน้าและทำมือรูปโทรศัพท์เพื่อสื่อว่า ‘โทรมานะ’ แล้วจึงเดินไปโรงอาหาร
“สาวิตตรี” เสียงใครที่ไหนอีกล่ะเนี่ย ฉันหันหลังเพื่อหาเจ้าของเสียงนั่น ก็พบว่าเป็นโทเบียนั่นเอง
“อะไร”
“ฉันไปกินข้าวด้วยได้ไหม”
“ฮะ! ทำไมต้องเป็นฉันอ่ะ =[]=”
“ก็ฉันรู้จักเธอดีคนแรก” รู้จักฉันดีงั้นเหรอ -..-
“ทำไมไม่ไปกินกับพวกผู้ชายที่นายคุยด้วยในชั่วโมงอ่ะ”
“คุยด้วยในชั่วโมงก็จริง แต่พวกนั้นไม่ชวนฉันไปกินข้าวด้วย”
“แล้วไมไม่ชวนอ่ะ ทีฉันยังกล้าชวนเลย”
“บอกแล้วไงฉันรู้จักเธอดีคนแรก” มีอะไรที่ให้ฉันต้องเถียงกับไอ้นี่หรือเปล่าเนี่ย? =[]= ขนาดไอ้บรูคที่นอนบ้านเดียวกับฉัน มันยังไม่กล้าพูดแบบนี้เลยนะ
“อือ แต่แค่วันนี้วันเดียวนะ” ฉันพูดพลางชี้หน้าโทเบีย
“โอเค”
ตอนนี้ฉันก็ได้มาถึงโรงอาหารแล้ว ฉันกับโทเบียแยกกันไปซื้ออาหาร ว่าแต่จะกินอะไรดีล่ะเนี่ย ระหว่างที่กำลังยืนคิดอยู่นั้นก็มีเด็กม.2 กลุ่มนึงเดินเข้ามาทัก ฉันจำได้คนนึงในกลุ่มล่ะ ‘น้องคิตตี้’ นางเป็นกระเทยและนางชอบแหกปากร้องเพลงชาติค่ะ -_- เรียกได้ว่าใครไม่รู้จักน้องคิตตี้ นี่พลาดมากก
“พี่เนลคะ” น้องคิตตี้พูดพร้อมโพสท่าและสะบัดหัวยังกับจะถ่ายนิตยสาร “พี่บรูคลินมีแฟนยังคะ?”
ความคิดเห็น