ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : สุดทรายปลายฟ้า ตอน 2
สุดทรายปลายฟ้า ตอนที่ 2
พ.ต.คเชนทร์ออกจากหน่วยบัญชาการด้วยความหนักใจ ภารกิจที่ได้รับมอบหมายยิ่งทวีความยากเมื่อมีผู้หญิงมาเกี่ยวข้องกับกรอบเวลา เขาไม่ชินกับการติดตามพลเรือนโดยเฉพาะสาวๆ คุ้นเคยแต่กลิ่นดินและไอทะเลยามต้องลาดตระเวนหรือเข้าจู่โจม ยิ่งกันดารก็ดูยิ่งผ่อนคลายขึ้นเท่านั้น ดังนั้น เพียงแค่นึกว่าจะต้องหาวิธีการเข้าถึงสาวสวยแสนเปรี้ยวอย่างคนในภาพถ่าย สมองก็ตีบขึ้นมาเฉยๆ
ความคิดที่จะปลอมตัวเป็นคนไข้นั้นตัดทิ้งได้เพราะหมอทรายเป็นกุมารแพทย์ หรือจะยืมบุตรหลานของลูกน้องดี วิธีการหลังน่าจะเข้าถึงตัวหล่อนง่ายกว่า แต่แค่เป็นผู้ปกครองพาเด็กไปพบแพทย์ คงทำให้รู้จักกันได้เพียงผิวเผินเท่านั้น มันต้องมีวิธีซิน่า ชายหนุ่มขบคิดระหว่างขับรถคันเก่าไปยังสถานที่ตามนัด
ก่อนหน้าที่ต้องไปปฏิบัติภารกิจเสี่ยงตายครั้งที่ผ่านมา พ.ต.คเชนทร์เข้าประจำการในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้หลายปี ห่างเหินจากกรุงเทพฯไปพักใหญ่ ข่าวการปฏิบัติภารกิจลับเพื่อรวบพ่อค้าความตายที่กลางทะเลคืนนั้นไม่ได้อยู่ในบันทึกของหน่วยงานใด ทุกคนจึงคิดว่าเขายังประจำอยู่สามจังหวัดชายแดนและเพิ่งกลับมาได้สองสามวัน รุ่นพี่ที่สนิทกันสมัยฝึกรบพิเศษโทร.หาตั้งแต่เช้า ทั้งสองนัดกันที่โรงแรมหรูใจกลางเมือง ธรรมดาแล้วคเชนทร์ไม่ค่อยมายังสถานที่แบบนี้นักเนื่องจากมันแพงเกินเงินเดือนข้าราชการ แต่รุ่นพี่ยืนยันเพราะสะดวก ซึ่งคเชนทร์ไม่ขัดข้อง
สิ่งที่แพงเกินไปสำหรับเขากลายเป็นชีวิตธรรมดาสามัญของอดีตนายทหารที่ผันตัวไปทำธุรกิจด้านขนส่งเมื่อห้าปีที่ก่อน ทั้งโชคช่วยและมือขึ้น ธุรกิจจึงเติบโตขยับขยายจนกลายเป็นเสี่ยกระเป๋าหนัก แต่ยังไม่ลืมน้องที่เคยลำบากด้วยกันมาอย่างเขา
นึกถึงเรื่องเก่าๆ ใบหน้าคล้ำก็มีรอยยิ้มปรากฏ การฝึกปฏิบัติการรบพิเศษสามมิตินั้นสุดโหดจนเป็นที่เลื่องลือด้วยการฝึกเข้มเป็นเวลาติดต่อกันนานนับเดือน ผู้ฝึกกดดันนักเรียนในทุกวิธีที่คิดได้ เคี่ยวกรำสารพัน ถ้ามีเวลาพักผ่อนเพียงพอก็ยังพอทน แต่นี่ กลับลดเวลานอนให้เหลือเพียงวันละสามชั่วโมงยาวต่อเนื่องเกือบอาทิตย์ จนเหล่านักเรียนกลายร่างเป็นผีดิบ นัยน์ตาขวาง และสติใกล้หลุดลอยเต็มแก่ แม้จะอยู่ในสภาพที่ทั้งหิวที่สุด เหนื่อยที่สุด และล้าที่สุด แต่เหล่าผู้เข้าฝึกก็ต้องฟันฝ่าปัญหาทุกอย่างให้ได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด เพราะถ้าไม่สามารถผ่านปัญหาให้ลุล่วงได้ ความพยายามที่ผ่านมาทั้งสิ้นก็อาจต้องจบลง
การฝึกที่แสนยาก ทวีโอกาสแห่งความพ่ายแพ้ต่อใจตัวเองด้วยการเปิดโอกาสให้ผู้ฝึกเดินออกจากการฝึกหนักหนาสากรรจ์นี้ได้ง่ายแสนง่าย เพียงแค่ไปเคาะระฆัง ในขณะที่แต่ละปัญหาที่ถูกมอบภารกิจนั้น มีแรงกดดันจากรอบด้าน
นอกจากร่างกายที่แข็งแกร่งและทักษะที่ดีแล้ว ผองเพื่อนร่วมรุ่นที่ฝึกด้วยกันเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้การฝึกสามารถผ่านพ้นไปได้ และคนที่ช่วยเขามาโดยตลอดก็คือพี่เอกคนนี้
ในวันนั้น เขาต้องว่ายน้ำจากเกาะกลางทะเลเข้าหาฝั่งกลับไปกลับมาเพราะโดนผู้ฝึกทำโทษจากภารกิจที่ล้มเหลว ระยะทางเกือบ 20 กิโลเมตรทำให้ร่างกายที่กรากกรำอย่างหนักมานับเดือนเริ่มต่อต้านแข็งขืน สายน้ำเชี่ยวกรากทอนกำลังให้ล้าลงทุกที ผู้ร่วมชะตากรรมล้วนกำลังโรยแรงทำให้ชายหนุ่มกัดฟันเรียกเรี่ยวแรงที่ยังเหลือเพียงน้อยนิดพาตัวเองฝ่ากระแสน้ำเชี่ยวกรากไปให้ได้ แต่ ณ วินาทีนั้น ร่างกายของเขาเริ่มเป็นปฏิปักษ์กับใจ เขาเกือบต้องจบชีวิตลงในสายน้ำเย็นเฉียบเมื่อร่างกายกระตุกเกร็ง น้ำอึกแรกพุ่งผ่านลำคอแสบร้อนสิ้นดี กลบเสียงร้องขอความช่วยเหลือให้มลายอย่างง่ายดาย หากพี่ชายคนนี้ไม่ช่วยพยุงเขาไว้และแบกร่างหนักอึ้งของเขาว่ายน้ำพาเข้าหาฝั่งโดยปลอดภัย ร.ท.คเชนทร์คงเหลือเพียงแค่ชื่อ
พี่เอกเป็นคนที่เกิดมาเพื่อเป็นทหารโดยแท้ ทรหด อดทนและแข็งแกร่งทั้งร่างกายและจิตใจ จึงถูกมอบหมายให้เป็นประธานรุ่นโดยมีเขาเป็นรองประธาน รุ่นพี่มีทักษะการต่อสู้ดีเยี่ยม เป็นทั้งมวยไทยและยูโดขั้นสายดำ เคยมีคนเล่าให้ฟังว่าพี่เอกนั้นอาจจะได้เป็นถึงนักกีฬายูโดทีมชาติไปแล้วถ้าไม่สอบติดนายร้อยเสียก่อน เขาไม่ทราบแน่ว่าทำไมเจ้าตัวถึงลาออกจากการเป็นนายทหารที่รักหนักหนามาเป็นพ่อค้า เพราะเจ้าตัวไม่ยอมเผย เดาว่าคงเพราะภาระทางครอบครัว
“เฮ้ย! ช้าง” เสียงทักดังมาแต่ไกล คนที่เขากำลังคิดถึงนั่นเอง ผิวขาวอมชมพูเปล่งปลั่งตัดกับผิวดำเกรียมแดดของเขาจนเห็นได้ชัด คเชนทร์ยิ้มกว้างรับคำทักและทำความเคารพเรียบร้อย พี่เอกท้วมขึ้นเล็กน้อยแต่งตัวภูมิฐานกว่าเดิม นาฬิกาข้อมือเปล่งประกายตามสนนราคาซึ่งคงเป็นหลักแสน
“ผิวช้างนี่ดำได้อีกหรือวะเนี่ย” รุ่นพี่วิจารณ์ “เป็นไงบ้าง สถานการณ์ทางโน่น”
คเชนทร์ยิ้มกว้างอีกคราก่อนนั่งลงอย่างเรียบร้อยตรงกันข้าม ถึงรุ่นพี่จะกลายเป็นพลเรือนไปแล้ว แต่ชายหนุ่มก็ยังมอบความเคารพยิ่งตามระเบียบนายทหาร
“แย่ครับพี่ ยิ่งกว่าข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์เสียอีก โหดเหี้ยมขึ้นทุกที เหยื่อกลายเป็นผู้บริสุทธิ์ไม่เว้นเด็ก สตรี คนชรา ชาวไทยพุทธหรืออิสลาม”
“งานยากแต่เบี้ยเลี้ยงนิดเดียว ไหวหรือ” เอกเตือนอย่างหวังดี ร่างล่ำสันของคเชนทร์หนาขึ้นมาอีกแล้ว กล้ามเนื้อมั่นคงแข็งแรงเพราะการออกกำลังกายอย่างหนักหน่วง ทั้งยังศิลปะการต่อสู้ที่ฝ่ายนั้นยังคงฝึกฝนไม่ทิ้ง สิ่งที่คนตรงหน้าทุ่มเทเวลาและแรงกาย เทียบกับเงินพิเศษที่ได้แล้วทำให้เอกต้องถอนใจออกมาดังๆ
“บอกแล้วให้ไปทำงานด้วยกันก็ไม่เชื่อ ลาออกไหม ไปช่วยพี่ ช้างยังไม่มีครอบครัวไม่ใช่หรือ เดินทางได้ไม่มีห่วง พี่ให้เบี้ยเลี้ยงพิเศษมากพอนะ”
เอกกล่าวถึงเงินจำนวนหนึ่งที่ทำให้คนฟังยิ้มอวดฟันสีขาวสะอาดขัดกับผิวสีเข้มจัด เขาตอบอย่างสุภาพว่า
“ขอบคุณมากครับพี่ แต่ผมทำธุรกิจไม่เป็นจริงๆ เป็นแต่อาชีพทหารนี่ล่ะ จะให้ไปทำงานบริษัทอย่างคนอื่นเขาคงไม่ไหว”
“คิดถึงอนาคตบ้าง” เอกรู้คำตอบก็อดผิดหวังไม่ได้ เขาเคยชวนคเชนทร์มาแล้วครั้งหนึ่ง ตอนนั้น นายทหารแห่งหน่วยปฏิบัติการพิเศษกำลังไฟแรง เวลาผ่านมาหลายปีจนคิดว่า คเชนทร์จะซึมซับกับความจริงบางอย่าง
แต่เจ้าตัวทรหดกว่าที่คิด
“ผมตัวคนเดียวครับพี่ กินอยู่ประหยัดก็พออยู่ได้ แต่ต้องขอบคุณพี่เอกอีกครั้ง จริงๆ นะครับ ผมรู้ว่าพี่เอกหวังดี”
“เออ...เออ” คนถูกปฏิเสธส่งเสียงขัดใจแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ
“รู้อยู่แล้วว่าคงชวนช้างไม่สำเร็จ เลือดทหารเข้มข้นเหลือเกิน นี่จะอยู่กรุงเทพฯ อีกนานเท่าไหร่”
“ผมพัก 2 อาทิตย์แล้วต้องกลับไป” คเชนทร์ตอบแค่นี้ ถึงเอกจะเป็นรุ่นพี่ที่เคารพรัก แต่งานของเขาคือความลับ จึงอยากให้เข้าใจว่าเขากลับลงใต้แทนที่จะต้องรอคำสั่งตามความจริง
รุ่นพี่พยักหน้าเข้าใจพลางหยิบเมนูเพื่อชวนรุ่นน้องสั่งอาหาร แต่พอเหลือบจะหาบริกรก็เปลี่ยนใจเป็นสะกิดรุ่นน้องยิกๆ
“เฮ้ย ดูนั่นซิ สวยชิบ”
คเชนทร์ปรายตาตาม ใจคิดล่วงหน้าว่าคงจะเป็นสาวสะคราญทั่วไปตามเคยที่ผู้ชายมักชี้ชวนกันให้ได้เจริญหูเจริญตาตามประสา แต่เมื่อเห็นว่า คนสวย’ ของเอกหรือใคร เขาก็ชะงัก
“อ้าปากค้างเลยหรือช้าง แต่แหม สวยจริง”
คำพูดของรุ่นพี่ไม่ได้เกินจริงเลย คนที่ถูกลอบมองถ่ายรูปไม่ขึ้นด้วยซ้ำถ้าจะว่าไป ใบหน้าได้รูปของหล่อนถูกขับให้เด่นด้วยผมที่รวบตึงเปรี๊ยะ ทิ้งเส้นไหมสีน้ำตาลที่เคยเห็นหยิกให้เหยียดตรงมาถึงกลางหลัง ชุดหนังสีเดียวกับผมไม่ดูขัดตา เพราะเข้ารูปในแบบกระโปรงหรูเหนือเข่าเกือบคืบ เผยให้เห็นปลีน่องกลมกลึง
“สวย รวย เก่ง การศึกษาดีอย่างนี้ครบสูตรสาวไฮโซยุคใหม่ ที่ต้องระดับลูกท่านหลานเธอกระเป๋าหนักเท่านั้นถึงจะทาบติด ไอ้พวกเราลูกตาสีตาสา หาเงินแต่ละบาท เลือดตาแทบกระเด็น คงได้แค่มองหรอกวะ”
คนอ้าปากค้างเริ่มรู้สึกตัว เสยกเครื่องดื่มขึ้นจิบแต่สายตายังไม่ละจากสาวผู้นั้น ใจเต้นระรัวขึ้นด้วยซ้ำเพราะเขาจำหล่อนได้แม่นตั้งแต่ได้เห็นผ่านภาพถ่ายเมื่อเช้าแล้ว
แพทย์หญิงทราย... ภารกิจใหม่ของเขา
--------------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------------
แสงแฟลชวูบวาบประกอบกับกองทัพนักข่าวที่ยืนออบริเวณหน้างานเพื่อถ่ายภาพแขกสำคัญที่เข้าร่วมการประมูลเครื่องเพชรสมทบทุนสร้างอาคารใหม่ของโรงพยาบาลรัฐชื่อดัง ทำให้สตรีร่างท้วมในชุดผ้าไหมสีชมพูเข้มระบายผ้าแก้วสีเดียวกันรอบตัวยืดร่างเล็กน้อย กระชับกระเป๋าหนังจระเข้สีน้ำตาลขนาดย่อมที่ดูไม่เข้ากับชุดไว้ในวงแขนด้วยความมั่นใจ ก่อนจะคว้าแขนบุตรชายที่ตั้งท่าจะผละจาก
“เอ้ จะไปไหน อยู่กับแม่ก่อน” ผู้เป็นมารดากระซิบปรามเมื่อเห็นอาการหันรีหันขวางของลูกชาย จับต้นแขนได้ก็ดึงเข้ามาใกล้แล้วเดินนำไปยังบริเวณที่มีกองทัพนักข่าวยืนออ ก่อนหันมาฉีกยิ้มสู้กล้องอย่างผู้เจนจัดสังคม
“คุณหญิงเถาวรรณค้า หันมาทางนี้หน่อยค้า” เสียงนักข่าวประสานกันเซ็งแซ่ แล้วแสงแฟลชก็วาบขึ้นชุดใหญ่ ส่งผลให้สตรีร่างท้วมฉีกยิ้มกว้างอีกสองเท่า มือขยับเป็นระวิงเพื่อให้แน่ใจว่า เฟอร์นิเจอร์ที่ประดับกายทุกชิ้นจะได้มุมกล้องดีที่สุด
“ท่านนายพลเอิบศักดิ์ไม่ได้มาด้วยหรือค่ะ” หนึ่งในผู้สื่อข่าวยิงคำถามแรก ทั้งที่เห็นว่าผู้ถูกสัมภาษณ์มาถึงงานพร้อมกับลูกชาย ไร้วี่แววท่านที่ว่า
“ท่านไม่ได้มาค่ะเพราะต้องลงไปดูพื้นที่ ช่วงนี้งานท่านมากอย่างที่เรารู้กัน ปัญหาทางภาคใต้ ท่านลงไปเป็นขวัญและกำลังใจให้กับชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ วันนี้เลยจำเป็นต้องควงลูกชายมาแทนค่ะ” คุณหญิงหัวเราะน้อยๆ ก่อนตอบคำถามทุกคำถามด้วยความบรรจงและให้ความร่วมมืออย่างดียิ่ง
“เครื่องเพชรนี้หรือคะ” คุณหญิงหัวเราะร่วนเมื่อเจอคำถามถูกใจ “เป็นของเก่า ไม่ใช่ของใหม่หรอกค่ะ ท่านนายพลท่านให้เป็นของขวัญครบรอบแต่งงานหลายปีมาแล้ว ถึงเพชรจะหลายสิบกะรัต แต่คุณค่าของมันอยู่ที่คนให้ไม่ใช่มูลค่า” แสงแฟลชรัววาบอีกครั้ง คราวนี้ คุณหญิงหมุนสร้อยเพชรให้เห็นชัดขึ้น ผู้สื่อข่าวยังยิงอีกหลายคำถามซึ่งคุณหญิงก็เอื้อเฟื้อเป็นอย่างดี จนกระทั่งเสียงร้องบอกจากนักข่าวที่ยืนอยู่แถวหลังว่าคุณหญิงสายทิพย์ซึ่งเป็นภรรยารัฐมนตรีพรรคคู่แข่งเดินทางมาถึง ทำให้กองทัพนักข่าวกรูเข้าไปรอทำข่าว ริมฝีปากสีสดที่แย้มอย่างพึงใจเมื่อครู่ก็ค่อยๆ คลี่หุบ เจ้าหน้าที่ของงานเข้ามารับรองอย่างรู้จังหวะทำให้คุณหญิงเถาวรรณจำต้องเดินเข้าไปในงาน ใจที่เริ่มขุ่นเหมือนตะกอนโคลนในแอ่งน้ำขังก็ฟุ้งขึ้นเมื่อเห็นลูกชายคนเดียวตั้งท่าจะผละไปอีกแล้ว
“อย่าเพิ่งไปไหนนะเอ้ ไปทักทายผู้ใหญ่ในงานกับแม่ก่อน จำที่คุณพ่อบอกใช่ไหมว่าเลือกตั้งคราวหน้าจะดันให้เอ้เป็นตัวแทนพรรค ควรจะทำตัวให้เป็นที่รู้จักโดยเฉพาะกับผู้ใหญ่ จะได้ง่ายขึ้น”
สีหน้าผู้เป็นลูกชายอ่อนลงแม้จะมีอาการขัดใจให้เห็นเลือนราง เพราะใจลิ่วไปยังบริเวณห้องแต่งตัวด้านหลัง
จริงอย่างที่บิดาคาด คนสำคัญในสังคมล้วนมารวมตัวกันอยู่ในงานการกุศลงานนี้
“นั่นคุณอรชร ภรรยาเลขาธิการพรรค ลูกสาวคงร่วมเดินแบบการกุศลด้วย เอ้ไปสวัสดีท่านกับแม่” พูดจบ มือข้างที่ปลอดจากกระเป๋าถือหนังจระเข้ของคุณหญิงเถาวรรณก็ยึดต้นแขนลูกชายแล้วเดินลิ่ว นายอดิเทพกวาดมองไปรอบๆ เผื่อจะได้พบคนที่ทำให้เขาอยากมางานนี้ แต่ก็ต้องผิดหวัง เพราะในบรรดาผู้โด่งดังทางสังคมรวมถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงของโรงพยาบาลนั้น ไม่มีวี่แววของผู้ที่เขาจดจ่อ
-----------------------------------------------------------------------------------------
-----------------------------------------------------------------------------------------
“ต๊าย นั่นใครหยิบกระเป๋าฉันไปไหน หาเดี๋ยวนี้นะพวกเธอ ฉันบอกแล้วใช่ไหมยะว่าของพวกนี้ให้จัดไว้เป็นชุดๆ อย่าย้ายที่” เสียงแปดหลอดทำให้ภายในห้องแต่งตัวที่วุ่นวายหนักอยู่แล้วชุลมุนขึ้นเป็นอีกเท่าตัว ทีมช่างแต่งหน้าที่กำลังบรรจงละเลงสีบนใบหน้าผู้เดินแบบกิตติมาศักดิ์ต่างก้มหน้าก้มตาเร่งลงมือกันยิก เสียงกระเซ้าเย้าแหย่ถูกกลืนหายลงคอพร้อมๆ กับลูกนัยน์ตาที่คอยเหลือบแลต้นตอเสียงแปดหลอดอย่างระแวงภัยเจ้าหน้าที่จัดเสื้อผ้ามองตากัน หายใจยาวหลายเฮือก ก่อนทำทีกุลีกุจอละมือจากงานที่กำลังทำอยู่อย่างพร้อมเพรียงเพื่อมาช่วยกันหาไอ้กระเป๋าเจ้าปัญหา
ทรายมองความวุ่นวายของเจ้าหน้าที่อย่างเพลิดเพลิน หล่อนเห็นความวุ่นวายตรงหน้าเหมือนเด็กที่เคยชินกับสีพื้นฐานจากวงจรสี เมื่อมีโอกาสเห็นสีสันแปลกตากว่าวงจรสีกลมเกลี้ยงที่เรียงความสัมพันธ์ของสีที่เดาได้ง่าย เป็นสีเลื่อมสลับลายจัดจ้านผสมผสาน ก็นึกติดใจอย่างไม่รู้ตัว ห้องกว้างก็จริงแต่เต็มไปด้วยผู้คนเดินพล่านขวักไขว่ ทำให้ห้องดูแคบไปถนัด ผู้เดินแบบกิติมาศักดิ์หลายท่านใช้ห้องที่โรงพยาบาลจัดรับรองต่างหากเพื่อแต่งตัว แต่แขกคนสำคัญที่สุดของการแสดงคืนนี้ซึ่งเป็นนางเอกสาวไฮโซชื่อดัง แจ้งเจ้าหน้าที่ว่า ห้องรับรองพิเศษนั้นเล็กเกินไป ไม่เหมาะกับจำนวนแขก หญิงสาวซึ่งถือว่าตัวเองเป็นคนใน เนื่องจากเป็นลูกจ้างประจำของโรงพยาบาล จึงมาใช้ห้องนี้รวมกับนางแบบอาชีพที่ทางผู้จัดงานจ้างมาร่วมงานด้วยความเต็มใจ
ทรายส่องกระจกเงาสำรวจความเรียบร้อยเป็นครั้งสุดท้าย กระโปรงยาวสีนกคีรีบูนรัดจีบรอบอกขับให้ผิวอมชมพูบริเวณเนินไหล่เนียนกระจ่างขึ้น ตัวกระโปรงยาวแนบลำตัวพลิ้วไหวกรอมเท้า ดูเรียบและหรูหรา ยิ่งเน้นให้บริเวณหน้าอกเปิดเผยจัดแจ้งกว่าควร
ทรายไม่ใช่คนหัวเก่า แต่ก็ไม่ใช่คนหัวใหม่ล้ำหน้าอย่างที่คนอื่นคิด การแต่งกายที่เปรี้ยวนำสมัยไม่เคยออกนอกกรอบที่ตนขีดไว้ ดังนั้น ชุดจีบรัดด้านหน้าเป็นรูปตัววีลึกลงมาจนเกือบถึงฐานทรวงอกทำให้หญิงสาวไม่ชอบใจเลย ด้วยหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายทำให้หล่อนไม่กล้าจะขอให้เจ้าหน้าที่เปลี่ยนชุดให้ใหม่ ได้แต่คิดว่า ถ้ามีคราวหน้าอีกเห็นจะต้องขอดูชุดจากทางทีมงานก่อน
“จะมีสร้อยคอบุษราคัมน้ำง๊ามงามระย้าเป็นพวงเด่นเลยนะคะหมอทราย ซ้วยสวยค่ะ รับรองว่าใส่สร้อยแล้วไม่ดูโป๊อย่างที่กังวล” เจ้าหน้าที่ที่เคยปลอบกำลังหัวหมุนหากระเป๋าใบที่ว่า ปล่อยให้หญิงสาวยืนรออยู่บริเวณนั้น นาฬิกาแขวนผนังบอกเวลาที่ทำให้ทรายเริ่มกระสับกระส่าย จนบัดนี้หล่อนยังติดต่อพ่อไม่ได้ทั้งที่ฝ่ายนั้นสัญญาแล้วว่าจะมาร่วมงานในคืนนี้ มาชมลูกสาวเดินแฟชั่นการกุศลและร่วมประมูลอัญมณีที่หล่อนสวม หญิงสาวนึกภาวนาว่า คนสนิทพ่อจะไม่ติดต่อมาในสิบนาทีก่อนงานเริ่มเพื่อแจ้งข่าวร้ายว่าพ่อติดงานอย่างที่เคยเกิดขึ้นบ่อยครั้งในระยะหลัง ตั้งแต่หล่อนเริ่มโตเป็นสาว พ่อเดินทางเป็นว่าเล่นเพื่อขยายงานที่เจริญรุดหน้ารวดเร็ว บริษัทขนส่งของพ่อเปิดสาขาไปหลายประเทศครอบคลุมทั่วเอเซียและดึงเวลาส่วนใหญ่ของพ่อไปจากหล่อน
“ต๊าย! หายไปทั้งกระเป๋าได้ยังไง ใครมันบังอาจเคลื่อนย้ายของๆ ฉัน อย่าให้รู้น่ะว่าเป็นฝืมือใคร แม่จะจัดการให้เดินไม่ได้ฉี่ไม่ออกเลยคอยดู ฉันจำได้แม่นว่าวางไว้ตรงเก้าอี้ข้างประตูนี่ เอ้า! นิ่งเป็นเบื้อใบ้ให้มันผุดมาจากดินเองหรือไง หากันเดี๋ยวนี้เลยนะ” คราวนี้ เจ้าของเสียงแปดหลอดเริ่มเต้นเพราะเวลาใกล้เข้ามาแล้ว แต่กระเป๋าบรรจุเครื่องตกแต่งประกอบของการแสดงแต่ละชุดกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย เจ้าหน้าที่หลังเวทีสองสามคนมองตากัน หนึ่งในนั้นเข้าไปช่วยสมทบคุณลูกอ๊อด เจ้าของเสียงแปดหลอดสะท้านทรวงที่กำลังประสาทเสียอย่างหนัก ในขณะที่อีกสองวุ่นวายกับการแชทบีบีและบลูทูธโดยเลี่ยงออกไปยืนห่างๆ แทน
“คุณหนู” เสียงเรียกทำเอาหญิงสาวสะดุ้งเพราะกำลังเพลินกับขบวนการล่าสมบัติของคุณลูกอ๊อด ตาสีน้ำตาลเข้มเป็นประกาย เมื่อเห็นว่าคนเรียกคือใคร
ทอมมี่ คนสนิทของคุณพ่ออยู่ในชุดสูทสากลเรียบร้อย แต่ใบหน้าโครงเหลี่ยมกลับครึ้มด้วยหนวดเคราผิดเคยทั้งที่เจ้าตัวเคยเอี่ยมเรี่ยมไรตามประสานักธุรกิจที่ต้องพบปะผู้คนแทนบิดาอยู่เสมอ หล่อนเบิกตากว้างเมื่อเห็นป้ายเจ้าหน้าที่คล้องคอเพราะรู้ว่า เจ้าตัวไม่มีทางเกี่ยวพันกับงานแบบนี้แน่ ในอุ้งมือทอมมี่มีดอกกุหลาบก้านแข็งสีขาวช่อใหญ่ส่งกลิ่นหอม หญิงสาวยิ้มอย่างถูกใจทั้งที่กำลังกังวล
“คุณพ่อมาไม่ได้นะครับ” คนส่งดอกไม้ให้กระซิบบอกอย่างรวดเร็ว แววตาเห็นใจแย้มให้เห็นเพียงชั่วครู่แล้ววับหายจนหญิงสาวไม่แน่ใจว่า ได้เห็นจริงหรือคิดไปเองกันแน่ ทอมมี่ยัดกระดาษแผ่นเล็กใส่มือพร้อมดอกไม้ได้ก็คำนับจากไปโดยไม่ทันที่หล่อนจะได้ทักท้วง
ทรายยืนอึ้งไปพัก ไม่ได้ยินเสียงโหวกเหวกของคุณลูกอ๊อดและหมู่คณะหรือแม้แต่ใส่ใจกับเจ้าหน้าที่ที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งผ่านหน้าหล่อนไปตามทางที่ทอมมี่ผละจาก ในวินาทีต่อมาก็คิดได้จึงรีบตามหลังไวๆ ของผู้ช่วยพ่อไม่สนใจคำทักท้วงของเจ้าหน้าที่ว่า ใกล้เวลาแล้ว
ท่าทางของทอมมี่แปลกเกินกว่าที่ทรายจะละเลย รีบตามเขาไป แต่กระโปรงยาวรุงรังบวกกับรองเท้าส้นสูงปรี๊ดไม่เป็นใจเลยแต่น้อย ยิ่งเหตุการณ์ระยะหลังทำให้หล่อนเดาท่าทางแปลกของเขาไปในทางร้าย
เรือเดินสินค้าของพ่อถูกปล้นเมื่อเดือนก่อน เรือและสินค้าทั้งลำถูกเผาวอดเพราะคนบนเรือต่อสู้ สินค้าล๊อตใหญ่เสียหายทำให้พ่อคร่ำเคร่งและต้องเดินทางบ่อยจนเรียกว่านอนไม่เป็นที่
“ระวังตัวนะทราย คู่แข่งการค้าดุเดือดขึ้นทุกที พ่ออาจจะไม่ค่อยอยู่บ้านเพราะต้องตรวจเส้นทางสินค้าอย่างรัดกุม ไว้ใจลูกน้องไม่ได้หรอก เสียหายขึ้นมาจะแย่” พ่อกล่าวเมื่อเดินทางกลับบ้านกะทันหันในค่ำวันหนึ่งแล้วก็จากไปอีกอย่างรีบร้อน ทิ้งให้หล่อนอยู่ตามลำพังกับป้าเหม่ยและคนดูแลบ้านอีกสามสี่คนที่พ่อหามาให้ หลังจากนั้น พ่อโทรหาน้อยครั้งมาก ศูนย์กลางการติดต่อจึงตกเป็นของทอมมี่ซึ่งพูดสั้นตอบสั้นจนน่าโมโห
ผละจากแนวระเบียงอาคารที่แขกผู้มาร่วมงานกำลังยืนรับลมอย่างเบาบาง บางคนเหลียวมองหล่อนแต่ทรายไม่ใส่ใจ ทอมมี่กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปทางด้านหลังกลุ่มอาคารจัดงาน บริเวณนั้นค่อนข้างมืดเนื่องจากเป็นพื้นที่สำนักงานที่ไม่มีใครแล้วในเวลานี้ บนตึกแต่ละตึกปิดไฟมืด เหลือเพียงไฟตามจุดสำคัญสว่างแค่รำไรเท่านั้น เมื่อทิ้งห่างบริเวณอาคารจัดงาน หล่อนจึงเริ่มร้องเรียกเขา แต่เสียงแรกก็หยุดแค่ริมฝีปากเมื่อมีเงาคนวิ่งตัดหน้า
“ทอมมี่” หล่อนตะโกนอีกครั้งด้วยสัญชาติญาณทำให้เจ้าตัวหันกลับมามอง เมื่อเห็นร่างชายในชุดสีเข้มสะดุดตาวิ่งผ่านหน้าหญิงสาว คนที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งก็เปลี่ยนเป็นกวด แต่แรกทรายไม่แน่ใจว่าทอมมี่กำลังทำอะไร จวบจนเมื่อเห็นชายนิรนามอีกคนตัดหน้าหล่อนแล้วกวดตามเขา ทรายก็เริ่มประมวลเรื่องได้ลางๆ
หล่อนสลัดรองเท้าส้นสูงคู่งามทิ้งอย่างไม่ไยดี กวดตามไปอย่างไม่คิดชีวิต แต่แรงหล่อนสู้ชายพวกนั้นไม่ได้ ทั้งสามค่อยๆ ห่างออกไปทุกที ประกอบกับแนวตึกลดเลี้ยวทำให้การตามยากขึ้น กว่าจะรู้ตัว หญิงสาวก็ตกอยู่ในวงล้อมของตึกเก่าและความมืดสลัว
ทอมมี่! ทรายตะโกนเรียกแต่ในใจ หันรีหันขวางอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดีจนหางตาเหลือบเห็นความเคลื่อนไหวบางอย่าง ลมหายใจหอบกระชั้นก็สะดุดอยู่แค่นั้น
บ้าจริง หญิงสาวนึกตำหนิตนเอง หล่อนถูกรายล้อมด้วยกลุ่มอาคารก็จริง แต่เวลาค่ำเยี่ยงนี้คงไม่มีใครเหลืออยู่ตามอาคารอีกแล้ว เพราะแรงงานที่มีถูกเกณฑ์ไปที่ช่วยงานด้านหน้าหมด
เงาทะมึนบิดเบี้ยวผิดส่วนค่อยๆ เผยตนผ่านกำแพงและพื้นซีเมนต์หยาบ เหงื่อเม็ดเล็กผุดชื้นอุ้งมือ แต่ในไม่กี่วินาทีต่อมา ลมหายใจที่หยุดไปก็เริ่มอีกครั้ง
รปภ.ของงานนั่นเอง เขาแจ้งว่าเห็นหล่อนวิ่งมาทางนี้ จึงเข้ามาดูว่ามีอะไรให้ช่วย
ทางเดินระหว่างตึกโดยรอบเงียบเชียบราวกับไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆ เหลืออยู่อีกนอกจาก รปภ.ร่างผอมและหล่อนเอง บางสิ่งลึกๆ ข้างในบอกให้หล่อนปิดปากเรื่องที่เกิดขึ้น หญิงสาวตัดสินใจในวินาทีนั้น แจ้งให้รปภ.ทราบแค่ว่า หล่อนเดินมาเอาของบนตึก และจะเดินกลับไปที่งานเอง
ไร้เงาของทอมมี่ เกิดอะไรขึ้นกับเขากัน
เป็นครั้งแรกที่ทรายเริ่มคิดว่า คนที่หล่อนรู้จักกว่าสิบปี กลายเป็นคนที่หล่อนเริ่มไม่รู้จักเสียแล้ว
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น