ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เล่ห์รัก...อลเวง

    ลำดับตอนที่ #2 : เล่ห์รัก...อลเวง 2

    • อัปเดตล่าสุด 15 ส.ค. 50


    51 คน หุหุ มีคนคลิกเข้ามา 51 คน นาดีใจ ที่ยังคงไม่ร้าง

    หลังจากนอนป่วยมาหลายชัวโมงพอหายปุ๊ปเกิดอาการนอนไม่หลับ หุหุ งั้นก็แต่นิยายๆๆ จะได้เอามาอัพ เน๊าะ ^^

    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------


                     ประตูลิฟท์เปิดออก ร่างบางกว้าขาออกเมื่อถึงที่หมาย แต่ก้าวต่อไปได้ไม่กี่ก้าว ก็มีมือหนามารั้งแขนบอบบางไว้ ร่างบางหัน
    ขวับด้วยความตกใจที่จู่ๆก็มีมือใครไม่รู้มาจับ

                     "นี่คุณตามมาจับฉันไว้ทำไม ปล่อย"

                     "คุณ ช่วยพูดดีๆกับผมหน่อยได้มั๊ย ผมแค่จะบอกคุณว่า คุณลืมของครับ" เขากล่าวกับหญิงสาวด้วยน้ำเสียทะเล้นนิดๆ มือ
    หนายื่นกระเป๋าเงินส่งคืนให้ มือบางรีบกระชากของกลับมาแล้วรีบจะเดินหนี

                     "ไม่คิดจะขอบคุณผมซักนิดเลยหรือครับ คุณ สตางค์"เธอชะงักลง เขารู้ชื่อเธอได้อย่าไรกัน

                     "คุณรู้ซื่อฉันได้ยังไง"

                     "บัตรประชาชนคุณโชว์หลาซะขนาดนั้น" นี่ อีตาคนนี้ไร้มารยาทถึงขนาดเปิดกระเป๋าเงินเธอเลยหรือเนี๊ย ทุเรศที่สุด!
                    
                     "ก่อนที่คุณจะคิดไปซะจนผมเสียหาย ผมไม่ได้รื้อกระเป๋าคุณนะ" เขารีบดักคอ เพราะรู้ว่าเธออาจจะคิดไปไกลว่าเขาเสีย
    มารยาทไปแล้วก็ได้

                     "แต่กระเป๋าคุณมันร่วงซะแผ่หลาขนาดนั้น ต่อให้ไม่ตั้งใจมองก็ต้องเห็นครับ" เขาพูดจบก็ทำท่าจะเดินจากไป

                     "ขอบใจ หวังว่าเราคงไม่เจอกันอีก" เธอพูดใส่หลังขณะที่ชายหนุ่มตรงหน้ากำลังจะเดินจากไป

                     "คงยากหล่ะมั้งครับ เราคงต้องได้ร่วมงานกันอีกนาน" เขาหันมาบอกเธอด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ เธออดที่จะคิดไม่ได้ว่ามัน
    หมายความว่าอย่างไร 

                     "อีกอย่างนะครับ รูปคุณในบัตรคุณดูสวยจัง แต่ตัวจริงสวยกว่า แล้วก็น่ากอดกว่าด้วย" สตางค์แทบจะกรีดออกมากับคำพูดนั้น แต่ก็ทำได้แค่แม้มปากจนเลือดห้อ นอกจากเธอจะไม่ได้แก้แค้นเขาแล้ว เธอยังทำขายหน้าให้เขาเย้ยเล่นอีก คิดแล้วเธอก็ได้แต่เจ็บใจ

    ...................................................................

                     "สวัสดีค่ะท่าน" มณีรัตน์ เลขาหน้าห้องของเขา กล่าวแล้วยกมือไหว้ รณภพ ยกมือไหว้กลับแทบไม่ทัน

                     "ผมบอกแล้วไงครับคุณมณี ว่าอย่ายกมือไหว้ แค่กล่าวทักทายก็พอครับ" ถึงแม้จะเป็นเจ้านายแต่เขาก็ไม่อยากให้คนเก่แก่
    หรืออายุเยอะกว่าเขาหลายเท่าอย่างคุณมณี มายกมือไหว้เขา ซึ่งอายุอ่อนกว่า  

                     "ก็ดิฉันติดมาตั้งแต่คุณรณชัยแล้วหนิค่ะ จะให้เลิกก็คงยาก" มณีรัตน์บอกเจ้านายหนุ่มด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ใครหนอ ช่าง
    นินทาว่าเจ้านายคนนี้ว่านิสัยเสีย เจ้าชู้เรื่องหญิง หยิงยโส แต่แท้จริงแล้วออกจะสุภาพปานนั้น

                     "เดี๋ยวจะมีเลขาคนใหม่มานะครับ ยังไงช่วยดูแลเขาด้วยนะครับ"

                     "ว้า แค่มณียกมือไหว้ ถึงกลับเบื่อมณีหาคนใหม่มาแทนเลยหรือค่ะ" เลขาหน้าห้องพูดด้วยน้ำเสียงล้อเลียนนายหยุ่ม

                     "ใครจะให้คุณมณีไปหล่ะครับ เก่งซะขนาดนี้ แถมรู้ใจผมอีกต่างหาก ผมแค่หาคนมาเบาภาระชั่วคราวหน่ะครับ แค่ชั่วคราว
    จริงๆ"

                     "ใช่คนที่ท่านให้มณีไปติดต่อหรือเปล่าค่ะ" มณีรัตน์บอกด้วยเสียงล้อเลียนชายหนุ่มอีกครั้ง เห็นมั๊ยหล่ะ บอกแล้วว่าเลขาคน
    นี้ช่างรู้ใจเขาซะเหลือเกิน

                     "ใช่ครับ ฝากดูแลด้วยนะ" 

                     ประตูห้องทำงานเปิดและปิดลง รณภพ เดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ประจำตำแห่นงของเขา รอคอยหญิงสาวที่จะเขามาทำงานเป็น
    เลขาที่แสนจะส่วนตัวให้กับเขา หึ สตางค์ ถ้าคุณรู้ว่าผมคือนายรณภพที่คุณอ้างเมื่อกี้ คุณจะว่ายังไงนะ ชายหนุ่งนั่งยิ้มคนเดียเมื่อคิดถึงใบของสตางค์ ว่าจะทำหน้าอย่างไรเมื่อรู้ความจริง

    .............................................................................


                     "สวัสดีค่ะ" เสียงทักทายจากมณีรัตน์ดังขึ้นเมื่อเห็นสาวงามเดินผ่านเข้ามา ซึ้งคาดว่านี่แหละคือเป้าหมายของเจ้านายหนุ่มในห้อง

                     "สวัสดีค่ะ"

                     "เออ คุณสตางค์ใช่มั๊ยค่ะ"

                     "ใช่ค่ะ ดิฉัน สตางค์  ไพบูลย์วิริยะ"

                     "ดิฉัน มณีรัตน์ค่ะ เรียกมณีก็ได้ มาเร็วดีจังเลยค่ะ ยังไม่ได้เวลาเข้างานเลย ขอให้ตรงต่อเวลาตลอดไปนะค่ะ"

                     "ค่ะ คุณมณี อืม... แล้ว สตางค์ จะเริ่มทำงานได้เมื่อไหร่ค่ะ" 

                     "เริ่มได้เลยค่ะ ตอนนี้คุณรณภพรออยู่ในห้องแล้วค่ะ เดี๋ยวดิฉันแจ้งท่านซักครู่นะค่ะ" มือของสาวใหญ่ล่ะไปหยิบโทรศัพท์ติดต่อคนที่เป็น 'ท่าน'ในห้อง

                     "คุณสตางค์มาแล้วค่ะ จะให้เข้าพบเลยมั๊ยค่ะ"

                     "......."

                     "ค่ะ ได้ค่ะท่าน"

                     "เดี๋ยวเข้าไปได้เลยนะค่ะ ท่านพร้อมแล้ว" มณีรัตน์กล่าวขึ้นหลังจากวางโทรศัพท์ลงเรียบร้อยแล้ว

                     "นี่ขนาดคุณมณีบอกว่าสตางค์มาเร็วนะค่ะ คุณรณภพยังมาเร็วกว่าอีก"

                     "ไม่หรอกค่ะ ท่านก็เพิ่งจะมาถึงเมื่อซักครู่นี่เอง"

                     "เหรอค่ะ ที่จริงสตางค์น่าจะมารอท่านมากกว่าให้ท่านมารอสตางค์นะค่ะ เป็นเพราะอีตานั่นคนเดียวแท้ๆ" น้ำเสียงบ่งบอกถึงความแค้นนิดๆที่มีต่อคนลามก

                     "อีตานั่น ตาคนไหนค่ะ"

                     "ช่างมันเถอะค่ะ เรื่องรกสมองหน่ะค่ะ"

                     "งั้นถ้าพร้อมแล้วเดินเข้าไปได้เลยค่ะ ท่านรอที่จะพบคุณอยู่" แม้จะสงสัยในน้ำเสียงของประโยคสุดท้าย แต่เธอก็ก้าวผ่านมณีรัตน์เดินเข้าห้องไป 

                     ประตูไม้ถูกเปิดและปิดลงโดยคนๆเดียวกัน  

                     "สวัสดีอีกครั้งครับคุณสตางค์" แค่เพียงเงยหน้าขึ้นมองผู้ทักทายหญิงสาวก็ถึงกับชะงัก ก็อีตาบ้าจอมลามกทีทำมิดีมิร้ายหล่อนเมื่อกี้ มาปรากฏกายอยู่ตรงหน้า

                     "นี่...นาย"

                     "ผม รณภพ เกษมศานตนันท์ ครับ" นี่เป็นไปได้ยังไงกัน เธอจะต้องพบเจอคนอย่างเขาทุกวันเลยเขียวหรือ  แล้วอย่างนี้ชีวิตเธอในที่ทำงานจะสงบสุขได้อย่างไร

                     "นี่หมายความว่า คุณคือ..."

                     "ผมว่าคุณเข้าใจถูกนะครับคุณสตางค์ เรามาดูกันซิว่า คุณจะสั่งให้เจ้านายคุณไล่ผมออกด้วยวิธีไหน" สายตาเจ้าเล่ห์มองร่างบางอย่าเหนือชั้น
    หนอยเห็นว่าเธอไม่มีทางทำอะไรได้ก็คิดจะเอาใหญ่ หญิงสาวคิดอย่างแค้นใจมองหน้าชายหนุ่มอย่างเคืองนิดๆ 

                     "ฉันคงไม่สามารถที่จะไล่เจ้าของบริษัทออกได้หรอกค่ะ เอาเป็นว่าฉันขอลาออกเองจะดีกว่า" สตางค์พูดด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว แม้ในใจจะนึกหวั่นที่เธอได้มาทำงานวันแรกก็ต้องออกจากงานทั้งๆที่สัญญากับตัวเองไว้แล้วแท้ๆว่าจะต้องทำให้ได้

                     "ผมว่าเรามาตกลงกันก่อนดีกว่านะครับ คุณเองก็คงไม่อยากจะเสียประหวัติหรอก ใช่มั๊ย" รณภพพูดออกไปเพื่อที่จะโน้มน้าวใจแม่เจ้าประคุณตรงหน้า

                     เขาพอจะรู้จักนิสัยใจคอสาวงามตรงหน้ามาบ้าง ไม่อย่างนั้นจะได้ตัวเธอมาทำงานด้วยได้ย่างไร หญิงสาวเป็นคนที่หัวแข็ง ดื้อรั้น ถ้าจะบอกว่าจะขอลาออกต่อให้เอาอะไรมาฉุดก็ไม่อยู่ นับเป็นวิธีที่ฉลาดทีเดียวที่เอาเรื่องงานที่เธอยังด้อยต่อประสบการณ์มาอ้าง เพื่อให้เธอยอมเขา

                     "คุณมีอะไรก็ว่ามา"

                     เป็นตามที่รณภพคาดการณ์ หญิงสาวตรองหน้าเธอยอมใจอ่อนที่จะฟังเขาจนได้

                     "ก่อนอื่นเลยผมคงต้องอธิบายให้คุณเข้าใจถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อเช้า ระหว่าคุณ และตัวผม"

                     "ดิฉันจำเป็นต้องรับฟังคำแก้ตัวใช่มั๊ยค่ะ" 

                     "ผมคิดว่าจำเป็นนะเพื่อความสงบสุขในการอยู่รวมกันระหว่าเรา"

                     "........" หญิงสาวนั่งนิ่งไม่ตอบโต้กลับเพื่อรอฟังเหตุผลของเขา

                     "ข้อแรก ผมไม่ได้ตั้งใจล่วงเกินคุณ เพียงแต่ผมแค่ช่วยรับคุณไว้เท่านั้นตอนที่คุณล้ม ถ้าคณุจะกรุณา ช่วยเข้าใจผมใหม่หน่อยนะครับ" ชายหนุมกล่าวด้วยวาจาเรียบง่าย มีรอยยิ้มบางๆส่งมาให้

                     "ข้อสอง ผมคิดว่าข้อนี้ดีสำหรับคุณนะครับ ตลอดเวลาที่คุณทำงานกับผม ผมจะสอนงานให้คุณและจะรับรองคุณให้กับคุณลุง โชติพ่อของคุณ ว่าคุณเป็นผู้ที่มีความสามารถอย่างแท้จริง สมกับเป็นลูกของท่าน"

                     "หมายความว่าคุณรู้..." สตางค์มีสีหน้าตกใจเล็กน้อยที่เขารู้จักครอบครัวเธอ

                     "แหม่คุณ ผมหาเลขาส่วนตัวนะครับ หมายความว่าเขาจะต้องอยู่กับผมรู้ทุกเรื่องของผม ผมก็ต้องพอจะรู้ประวัติบ้าง" ไอ้คำว่าบ้างของเขาถ้าเธอรู้ความจริงหล่ะก็ คำๆนี้อาจฆ่าเขาเลยก็ได้

                     ก็เพราะรู้ประวัติดีนี่แหละ ทำให้เขารู้ว่าเธอดื้อรั้นแค่ไหน ทั้งๆที่พ่อของเธอมีกิจการใหญ่โต แต่เธอต้องการออกมาทำงานรับจ้างเป็นลูกจ้างเขาก่อนเหตุผลก็คือเพิ่งเรียนจบและอยากจะหาประสบการณ์ และมีหรือที่เขาจะพลาดโอกาส เขาก็รีบคว้าตัวเธอมาให้อยู่ข้างกายเขาซะเลยจะได้พิชิตใจได้ง่ายขึ้น

                     "เอาเป็นว่าฉันตกลงที่จะทำงานกับคุณต่อ และ ฉันจะลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเช้า"

                     "งั้นก็ดีครับ เอาเป็นว่ายินดีที่ได้ร่วมงานกันนะครับ" สองมือยื่นออกมาประสานกันเป็นสัญญาการตกลงสำหรับสตางค์นั่นคือการตกลงการทำงานแต่สำหรับรณภพมันมีอะไรที่มากกว่านั้น

                     การทำงานระหว่างสองหนุ่มสาวเริ่มขึ้นหลังจากศึกของทั้งคู่สงบลงจนถึงเวลาเย็น ตลอดการทำงานทั้งวันนั้น รณภพไม่แสดงท่าทีอะไรให้สตางค์ไม่พอใจเลยแม้แต่น้อย แถมทัศนคติของเธอที่มีต่อเขาในแง่ลบ เริ่มที่จะหมดไปแล้วด้วยซ้ำ

                     "นี่คุณสตางค์ คุณยังไม่กลับบ้านอีกเหรอครับ" รณภพถามด้วยความสังสัยเมื่อเห็นว่าเย็นแล้วและได้เวลาเลิกงานแต่หญิงสาวตรงหน้ากลับไม่รีบร้อนกลับบ้าน

                     "อ้าว ก็หน้าที่เลขาคือติดตามเจ้านายไมใช่เหรอค่ะ คุณยังไม่กลับจะให้ชั้นกลับได้ยังไงกัน"

                     "อืม อย่านี้ก็ดีสินะครับ คืนนี้ผมจะได้ไม่ต้องนอนคนเดียว" เขาบอกด้วยน้ำเสียงที่แฝงบางอย่าง

                     "ห๊ะ คุณหมายความว่ายังไง ที่ฉันบอกนี่หมายถึงที่ทำงานนะ ไม่ใช่ 24 ชั่วโมง" เธอรีบแก้ต่างคำที่พูดออกไป

                     "ครับผมก็เข้าใจถูก ที่ทำงานไง อ้อ...ผมลืมบอกคุณไป"

                     "......."

                     "ปรกติแล้วหลังจากทำงานเสร็จผมจะค้างที่นี่นะครับ จะกลับบ้านเป็นบางวันเท่านั้น"

                     "ค้างที่นี่..." น้ำเสียงของสตางค์บ่งบอกถึงความงุนงงเล็กน้อย

                     "ครับ ห้องทำงานของผม เปิดประตูไปอีกฝั่งจะเป็นห้องพัก มีเอาไว้สำหรับพักค้างคืนเวลาที่ต้องทำงานแล้วไม่ได้กลับบ้าน" ชายหนุ่มพูดพล่างชี้มือไปที่ประตูข้างหญิงสาว

                     "อ๋อ งั้นหรือค่ะ" ศีรษะพยักขึ้นลงบ่งบอกถึงความเข้าใจได้เป็อย่างดี

                     "คุณสนใจจะอยู่กับผมมั๊ยหล่ะคืนนี้" 

                     "นี่คุณ อย่ามาบ้าน่ะ เอาเป็นว่านี่ก็หมดเวลาแล้ว ฉันขอตัวนะคะคุณเจ้านาย" อุตส่าห์ว่าเขาน่าจะเป็นคนดีแล้วเชียว ไม่วายมีนิสัยทะลึ่งลามก

                     "งั้นก็เชิญครับ แหม่ นึกว่าวันนี้จะมีคนให้นอนกอดซะแล้วคืนนี้ โชคดีนะครับ"

                     "ค่ะ" พูดจบสตางค์ก็คว้ากระเป๋าเดินออกจากห้องชายหนุ่มไป วันนี้เธอเจอเรื่องไร้สาระมาากพอแล้ว คืนนี้เธอจะฉลองกับเพื่อนให้สนุกไปเลย


    ....................................................


                     รณภพได้แต่มองตาามร่างระหงที่เดินออกจากห้องไป รอยยิ้มเผยขึ้นมาให้เห็นถึงความพอใจ

                     ตืดด ตืด ตืดด ตืด 

                     เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น หน้าจอโทรศัพท์มือถือของเขาแสดงถึงเบอร์ที่คุ้นเคย ใชาใครที่ไหนแต่เป็น อินทัช เพื่อนของเขาเอง

                     "ว่าไงไอ้อิน"

                     "แหม่ๆๆ คุณภพครับ เดี๋ยวนี้เพื่อนโทรหาต้องมีธุระด้วยเหรอ"

                     "ชั้นมันนักธุรกิจโว้ย มีอะไรก็พูดมา"

                     "โธ่เพื่อน ทำใจร้อนไปได้ คืนนี้จะชวนมาเที่ยว" เพื่อนเขาคนนี้โทรมาเวลานี้ทีไรเป็นต้องชวนเที่ยวทุกครั้ง ทั้งๆที่ก็มีแฟนเป็นตัวเป็นตน ก็ยังไม่วายเลิกนิสัยนี้ซักที

                     "เดี๋ยวเอ็ง เดี๋ยวข้าจะฟ้องคุณพิม"

                     "เห้ยๆ หยุดคิดได้เลย ก็ที่โทรมาชวนนะ เพราะคุณพิมเขาสั่งข้าหรอก"

                     "อ๋อ ไอ้พวกกลัวเมีย ทำตามคำสั่ง" เขาได้ทีขอแซวเพื่อนตัวดีซะหน่อย

                     "ไอ้เสือผู้หญิงอย่างแกไม่มีเป็นตัวเป็นตนมั่งก็แล้วไป แล้วจะรู้ว่ามันไเป็นยังไง "

                     "เออ เอาก็ได้ เดี๋ยวคืนนี้เจอกัน ที่เดิมใช่มั๊ย"

                     "ใช่ ไอ้ภพ เอ็งนี่ช่างเป็นเพื่อนที่รู้ใจดีจริงๆ เดี๋ยวเจอกันโว้ย" 

                     การสนทนาจบลง ชายหนุ่มวางโทรศัพท์ลงข้างกาย ทำไมคนรอบข้างถึงได้มองว่าเขาเป็นเสือผู้หญิงนะ เพียงแค่เขาไปเที่ยวกลางคืนกับเพื่อนเขาบ่อย หรือเป็นเพราะเขาไม่มีผู้หญิงข้างกายเป็นตัวเป็นตน จึงถูกมองว่ามีผู้หญิงมากหน้าหลายตาเขามาในชีวิตให้เขาเลือกเฟ้นงั้นหรือ ทั้งๆที่เขารอผู้หญิงที่เขาต้องการมา 5 ปี และมันคงใกล้จะถึงวันที่เขาจะได้ครอบครองเธอซักที


    ---------------------------------------------------------------------


     สโลแกนเดิม E-มอร์ รักคนอ่านเจ้าค่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×