ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เล่ห์รัก...อลเวง

    ลำดับตอนที่ #1 : เล่ห์รัก...อลเวง 1

    • อัปเดตล่าสุด 11 ส.ค. 50


                             ก๊อก ก๊อก ก๊อก ...  
                      
                      "ตื่นได้แล้วยัยตังค์ เดี๋ยวเถอะ ไปทำงานวันแรกถ้าสายเสียประวัติแย่เลย" เสียงหญิงสาววัยกลางคนตะโกนพูดอยู่หน้าประตู ที่มี
    ป้ายบ่งบอกให้รู้ถึงชื่อของผู้เป็นเจ้าของว่า 'สตางค์' อีกทั้งสีของป้ายยังสื่อให้ผู้พบเห็นรู้ได้อีกว่าเจ้าของห้องหลังประตูบานนี้เป็นเพศหญิงแน่นอน

                      "ตื่นแล้วคะแม่" เสียงหญิงสาวในห้องตะโกนกลับมา พร้อมกลับบานประตูถูกเปิดโดยเจ้าของห้องรอยยิ้มทะเล้นโผล่ออก
    มาต้อนรับ

                      "โธ่ แม่ค่ะ หนูไม่ทำให้เสียหรอกค่ะ หนูตื่นตั้งแต่เช้าแล้ว ขอแต่งตัวแป๊ปนะค่ะ เดี๋ยวหนูลงไป" ดวงตาแพรวพราวออดอ้อนผู้
    เป็นแม่ 

                      "งั้นเดี๋ยวแม่ไปรอที่โต๊ะนะตังค์ อย่าช้าหล่ะลูก คุณพ่อก็รออยู่" ผู้เป็นแม่กล่าวแล้วเดินจากไป

                      "คะ" หญิงสาวเอยรับคำก่อนจะปิดประตูลง

    .........................................................

                      "อ้าว แม่ไหนบอกจะไปตามยัยตังค์" ชายวัยกลางที่นั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะอาหารเอยขึ้น เมื่อเห็นภรรยาเดินกลับมา

                      "แม่ไปมาแล้วหล่ะ เดี๋ยวแม่ตัวดีก็ลงมา" ผู้เป็นภรรยาตอบกลับด้วยน้ำเสียงปนเอ็นดูผู้ที่กำลังกล่าวถึงอยู่

                      
                      ตึง ตึง ตึง...

                      "พ่อค่ะ แม่ค่ะ ตังค์หิ้ววว หิว" เสียงฝีเท้ากระทบพื้นเสียงดัง พร้อมกับเห็นภาพหญิงสาววิ่งกระโดดมาแต่ไกล

                      เพี้ย!!!
     
                      เสียงฝ่ามือกระทบเนื้อนิ่ม จนเจ้าตัวร้องครางออกมา

                      "แม่ค่ะ ตีตังค์ทำไม พ่อช่วยหนูด้วยซิ" หญิงสาวที่มีนามว่าสตางค์ ร้องโอดโอยใส่มารดา แล้วหันไปอ้อนบิดา

                      "แม่บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าวิ่งในบ้าน ตั้งแต่เด็กจนโตจนจะทำงานแล้วยังไม่รู้เรื่องอีก" เสียงผู้เป็นเป็นแม่ดุลูกสาวของตน ใบ
    หน้าสายไปมาอย่าเอือมระอา

                      "เอาเถอะน่าแม่ มายัยตังค์มากินข้าว ก่อเรื่องให้พ่อช่วยแต่เช้าเชียวนะเรา"

                      "ไม่ต้องเลยทั้งพ่อ ทั้งลูก"

                      "เอาเถอะค่ะแม่ ตังค์หิวแล้วค่ะ ทานข้าวเถอะ เดี๋ยวไปทำงานสาย" หลังสิ้นเสียงของสตางค์ ทุกคนจึงเริ่มทานอาหารที่ คุณทิพาภรณ์  ไพบูลย์วิริยะ เป็นผู้ทำ

                      "แม่ค่ะ ฝีมือแม่นี่ไม่ตกเลย อร่อยมากเลยค่ะ" หญิงสาวชมมารดาของตัวเองเป็นการใหญ่

                      "เข้าใจชมนะ แม่ลูกสาว จะอ้อนเอาอะไรอีกหล่ะ" ผู้เป็นแม่บอกอย่างรู้ใจ

                      "แม่อ่ะ รู้ทันหนูทุกที วันนี้หนูจะขอนอนค้างที่คอนโดยัยพิมค่ะ"

                      "อ้าวทำไมหล่ะลูก"

                      "ก็วันนี้เพื่อนๆ จะฉลองที่หางานทำได้ แล้วมันดึก หนูไม่อยากกลับบ้านคนเดียวอ่ะค่ะ จะให้คุณพ่อไปรับ ขับรถตอนกลางคืนก็
    อันตราย คุณพ่อจะได้พักผ่อนด้วย กลับไปนอนที่ห้องยัยพิมแหละค่ะดีที่สุดเพราะมันใกล้"

                      "แต่แม่ว่า..." ทิพาภรณ์กำลังจะอาปากค้านด้วยความเป็นห่วง ไม่อยากให้ยัยตังค์ของเธอจากไปอยู่ไกลตา

                      "นะค่ะแม่ค่ะ" สตางค์ขอร้องมารดา พร้อมกับเสียงออดอ้อน ที่ทำให้ ทั้งบิดามารดา ของเธอ ต้องยอมเธอทุกครั้งไป

                      "จ๊ะ  ก็ได้จ๊ะ"

                      "ขอคุณค่ะแม่"

                      "แต่ว่า ลูกก็ต้องดูแลตัวเองด้วยนะลูก" ทิพาภรณ์ยังคงกล่าวต่อด้วยความเป็นห่วง

                      "ค่ะแม่ ตังค์ซะอย่าง สบายอยู่แล้ว"

                      "เลิกโม้เถอะยัยตังค์ รีบทานเข้า เดี๋ยวพ่อก็ไปส่งที่ทำงายสายหรอก"

                      "อิ่มแล้วหล่ะค่ะคุณพ่อ"

                      "อืม งั้นไปกันเลยดีกว่าลูก เดี๋ยวรถจะติดเอา"

                      "ค่ะ" ทั้งสามคนพากันเดินออกมาหน้าบ้านเพื่อขึ้นรถไปทำงาน

                      "ไม่ลืมอะไรนะยัยตังค์ เช็คของให้เรียบร้อยนะ ยิ่งขี้ลืมอยู่"

                      "ตังค์เช็คแล้วค่ะแม่ แม่ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ"

                      "ไปลูกไปขึ้นรถได้แล้ว"

                      "งั้นหนูขอตัวนะค่ะแม่"สตางค์ยกมือไห้วผู้เป็นมารดาอย่างนอบน้อม แล้วกระโดด หอมแก้มไปหนึ่งฟอดใหญ่ๆ จากนั้นก็วิ่ง
    ไปขึ้นรถที่บิดาของตนจอดรอ

                      รถเคลื่อนตัวออก หญิงสาวนั่งอยู่ในรถพินิจพิจารณาบ้านของตนเอง บ้านหลังนี้หล่อนอยู่มาตั้งแต่จำความได้ บ้านสองชั้นหลังกระทัดรัด ตั้งอยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้ แม้จะไม่ใหญ่โตนัก แต่นับว่าเป็นบ้านที่น่าอยู่มาก 

                      หล่อนเคยสงสัยแล้วถามมารดาเรื่อง
    บ้านว่าไม่คิดจะอยู่บ้านหลังใหญ่กว่านี้เหรอ ทั้งๆที่ก็มีเงินซื้อบ้านให้อยู่สบายกว่านี้ แต่คำตอบของผู้เป็นมารดาทำให้สตางค์ถึงเข้าใจ มารดาของหล่อนบอกว่า บ้านหลังนี้ แม่กับพ่อใช่มันเป็นเรือนหอตั้งแต่ก่อร่างสร้างตัว และก็จะอยู่ด้วยกันสองคนตายายจนถึงวันตายที่บ้านหลังนี้ และยังบอกอีกว่าไม่จำเป็นต้องอยู่บ้านหลังใหญ่โตเราก็มีความสุขได้ สู้เก็บเงินไว้ใช้ยามจำเป็นจะดีกว่า ด้วยเหตุนี้ทำให้สตางค์จะเป็นคนเก็บออมมากขึ้น และไม่ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย เหมือนเด็กสาวบ้านอื่นๆ


    ....................................................

                      "นี่ สตางค์ ถ้าจะเปลี่ยนใจมาทำงานกับพ่อก็ได้นะ" นี่เป็นครั้งที่ร้อยก็ว่าได้ ที่บิดาชักชวนให้หล่อนทำงานด้วย

                      "พ่อคะ หนูยังไม่มีประสบการณ์การทำงานเลย จะให้หนูเข้าไปรับตำแห่งไหนหล่ะค่ะ"

                      "แต่พ่อก็สอนให้ได้นะลูก"

                      "หนูอยากเรียนรู้ก่อนนะค่ะพ่อ รับรองค่ะว่าหนูจะเข้าไปช่วยงานคุณพ่อที่บริษัทของเราแน่"

                      "แต่ถ้าใครรู้เข้า ว่าคุณโชติ ไพบูลย์วิริยะ เจ้าของบริษัทนำเข้าคริสตัลชั้นนำของเมืองไทย ปล่อยให้ลูกสาวคนเดียวไปเป็นลูกจ้างคนอื่นเขา"

                      "ไม่มีใครรู้หรอกนะค่ะพ่อ ถ้าพ่อไม่บอก หนูไม่พูดก็ไม่มีใครรู้ จริงมั๊ยค่ะ"

                      "เฮ้ออ จนได้นะเรา หลุดจากพ่ออีกจนได้" โชติตำหนิบุตรสาวเล็กน้อย

                      "หนูต้องทำได้ค่ะ ก็หนูลูกพ่อนี่ค่ะ" หญิงสาวออดอ้อนบิดาเหมือนครั้งที่เคยทำกับมารดา แล้วมันก็ได้ผลทุกครั้งสิ

                            รถคันงามจอดเทียบกับตึกสูงตระการตา  'เกษมศานตนันท์ 'ป้ายตัวอักษรใหญ่ตั้งอยู่หน้าตึกสูง ชื่อป้ายนี้ในวงการธุรกิจ ถ้ากล่าวถึงใครต่อใคร ก็ต้องรู้จัก เพราะเป็นชื่อของ ตะกูล เกษมศานตนันท์ ผู้มีชื่อเสียงทางด้านธุริกจนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ และมีบริษัทลูก ในเครือมากมาย และที่นี่ จะเป็นที่ทำงานแรกของ สตางค์  ไพบูลย์วิริยะ

                      "พ่อค่ะ หนูไปทำงานก่อนนะค่ะ เดี๋ยวจะสาย สวัสดีค่ะพ่อ" เธอกล่าวลาบิดา พร้อมยกมือไหว้

                      "ตั้งใจนะลูก อย่าให้เสียชื่อพ่อหล่ะ"

                      "ค่ะพ่อ รับรองค่ะ" เธอกล่าวตอบ มือบางจับประตูจะเปิด แต่มีมือมาขวางไว้

                      "เดี๋ยวลูก อย่าก่อเรื่องเป็นอันขาด แล้วก็ วันนี้ดูแลตัวเองดีๆนะลูก พ่อมีหนูอยู่แค่คนเดียว" โชติพูดด้วยความเป็นห่วง มือใหญ่ลูบหัวเธออย่างรักใคร่

                      "ค่ะ หนูจะดูแลตัวเองค่ะพ่อ"

                      "และห้ามก่อเรื่อง" บิดาของเธอบอกสมทบ

                      "ค่ะ ห้ามก่อเรื่อง" หญิงสาวรับคำก่อนเดินออกจากรถไป มุ่งหน้าเข้าบริษัทที่เธอจะต้องทำงานในวันนี้


    ......................................................................



                      ตืดด ตืด ตืดด ตืด 

                      เสียงโทศัทพ์มือถือ ดังขึ้น มือใหญ่ ล้วงโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋ากางเกงของตนเอง กดรับโทรศัพท์

                      "สวัสดีครับ อาโชติ" ชายหนุ่มรูปงาม ใส่สูทเรียบร้อย ดูสง่างามกดลีฟท์ พร้อมกับกล่าววาจาผ่านโทรศัพท์ 

                      "อามาส่งยังตังค์แล้วนะ อาฝากน้องด้วยนะพ่อภพ" เสียงปลายสายตอบกลับ

                      "ได้ครับ คุณอาไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ผมจะดูแลน้องเองครับ"

                      "อืม ดีแล้วหละ ให้น้องมาทำงานกับพ่อภพอาก็สบายใจ ดีกว่าให้ไปกับคนอื่น"

                      "ผมต่างหากครับที่รบกวนคุณอา ให้ส่งน้องมาทำงานกับผม"

                      "ไม่หรอกหลาน ดีซะอีก ยัยตังค์จะได้เป็นผู้ใหญ่ซะที"

                      "ครับ แต่คุณอาอย่ามลิมที่สัญญากันไว้นะครับ ว่าจะไม่บอกใคร"

                      "อาสัญญา แต่พ่อภพต้องรักษาสัญญาว่าจะดูแลน้องเหมือนกันนะ"

                      "ครับผม น้องเดินมาแล้วครับ แค่นี้ก่อนนะครับ สวัสดีครับ" ชายหนุ่มที่มีนามว่า ภพ หรือ รณภพ  เกษมศานตนันท์  กล่าวลาญาติผู้ใหญ่ จะให้เรียกว่าญาติก็ไม่เชิงนัก เพราะ คุณโชติเป็นเพื่อนซี้ เพื่อนตายกับพ่อของเขา แต่ต่อไปก็ไม่แน่ เขากับคุณโชติอาจจะได้ดองกันมากกว่าญาติ เขาคิดในใจพร้อมกับจ้องมองหญิงสาวที่เดินมาทางลิฟท์ที่เขายืนรออยู่เช่นกัน

                      ตึ๊ง..... 

                      ประตูลิฟท์เปิดออก พร้อมกับที่ รณภพ ก้าวขาเข้าไปข้างใน

                      "คุณ รอด้วยค่ะ" สตางค์ตะโกนบอกคนในลิฟท์ด้วยเสียงอันดัง ไม่สังเกตุคนเดินผ่านไปมาว่ามองเธอด้วยสายตาตกใจ และเธอก็รีบวิ่งโดยลืมไว่าตนเองใส่ส้นสูง ด้วยกลัวว่าประตูลิฟท์จะปิดลงซะก่อน 

                      "ว้าย" ในความไม่ระวังนั้นเอง เมื่อวิ่งมาถึงประตูลิฟท์ ทำให้ส้นรองเท้าก็เข้าไปติดกับซอกลิฟท์แล้วสะดุดล้มเข้าใส่ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างหน้าตนเอง 

                      "เฮ้ย คุณ" ร่างสูงกระโดดคว้าร่างบางไว้ กลัวว่าจะล้มกระแทกพื้น  มือหนารับด้านหน้าไว้ไม่ให้หน้าคว่ำ แต่มือของเขานั้นก็ได้สัมผัสกับหน้าอกของเธอเข้าอย่างจัง อืมนุ่มดีจริงๆ ชายหนุ่มคิดในใจ

                      "อ๊ายยยย ตาบ้า นายจับหน้าอกฉัน" หญิงสาวตรงหน้าร้องโวยวายลั้น ก็จะไม่ให้โวยวายได้อย่างไร ในเมื่อเขาไม่จับเปล่า แต่ยังกด ไม่สิขยำเลยต่างหาก

                      "อะไรกันคุณจะบ้าเหรอ ผมไม่ได้จับซักหน่อย" เข้าโวยกลับ เรื่องอะไรมาหาว่าเขาจับหน้าอกเธอกับ แม้เขาจะจับจริงก็เหอะ ดีนะที่ประตูลิฟท์ปิดไปแล้ว ไม่งั้นได้อายคนทั้งบริษัท

                      "ใช่นายไม่ได้จับ แต่นายขยำเลยต่างหาก หืออ ไอ้บ้าเอ๊ย กล้าดียังไงเนี๊ย!" หญิงสาวโวยวาย พร้อมเอามือบางเข้าทุบตีชายหนุ่มที่อยู่ในลิฟท์ด้วยกันอย่างไม่ยั้งมือ 

                      "โอ๊ยคุณ พอแล้ว ผมเจ็บ นะ หยุด โอ๊ย  อยากลองดีใช่มั๊ยได้" เขาหันกลับมาลอกมือหญิงสาวไว้ ชุดเข้ามากอดเพื่อให้แม่ตัวดีหยุดดิ้น คนอะไรตัวเล็กแต่แรงเยอะชะมัด ทุบเขาซะเจ็บไปทั้งตัวเลย

                      "อ๊ายย ไอ้บ้าปล่อยฉันนะ ปล่อย"

                      "ถ้าคุณไม่หยุดนะ ผมจะกอดคุณอยู่อย่างนี้"

                      "ปล่อยซิ บอกให้ปล่อย ฉันเป็นเลขาของคุณ รณภพ เจ้าของบริษัทนะ ถ้าไม่ปล่อยฉัน ฉันจะบอกให้คุณรณภพไล่คุณออก"หญิงสาวเริ่มขู่  คิดว่าจะให้ชายหนุ่มที่ยืนกอดตนอยู่รู้สึกกลัว

                      "ถ้าทำได้ คุณก็ทำซิ ผมไม่กลัว"

                      "นี่ ปล่อยฉันนะ" เมื่อเห็นว่าคำขู่ของตนไม่ได้ผล เธอจึงเริ่มดิ้นรนต่อ ยิ่งดิ้น เข้าก็ยิ่งกอดเธอแรงขึ้น

                      "หยุดดิ้นนะ ถ้าคุณหยุดผมจะปล่อย" ได้ผลทันตา ร่างบางในอ้อมกอดหยุดดิ้น

                      "เงียบ ห้ามโวยวายด้วย" ชายหนุ่มรีบกล่าวต่อ กลัวว่าแม่ร่างบางฤทธิ์เยอะตรงหน้าจะโวยวายให้เขาต้องปวดหัวอีก

                      เธอสะบัดหน้าหนีด้วยความไม่พอใจ ได้แต่เก็บความแค้นไว้ และก็ไม่คิดจะต่อสู้ต่อ เพราะกลัวว่าถาหากยิ่งสู้ ตัวหล่อนเองนั่นแหละจะยิ่งเสียเปรียบ

                      เธอเลิกที่จะคิดถึงชายหนุ่มตรงหน้าและเริ่มคิดเรื่องอื่นแทน คุณ รณภพ เกษมศานตนันท์  เมื่อกี้หล่อนแอบอ้างชื่อเขา แม้เขาจะยังไม่ใช่เจ้านายเธอ แต่ก็ขอยืมใช้ยามจำเป็นหน่อยเถอะ ต่อให้ไม่ได้ผลก็ตาม รณภพ เจ้านายของหล่อนคนนี้ มีชื่อเสียงทางด้านธุรกิจเป็นอย่างมาก และ ชื่อเสียในเรื่องผู้หญิงมากด้วยเช่นกัน แม้จะไม่เคยเห็นหน้าแต่หล่อนก็พอจะรู้ถึงพฤติกรรมของเขามาบ้างพอสมควร

                      หวังว่าคุณรณภพจะไม่ใช่ผู้ชายนิสัยอย่าตาบ้าคนนี้นะ เฮ้อ ทำไมฉันต้องมาเจอคนประเภทนี้ด้วยเนี๊ย 


    ----------------------------------------------------------------------


                      ดีค่ะ มีใครหลงเข้ามาอ่านแล้วมั่งหว่า เนื้อเรื่องเป็นยังไงบ้างค่ะ ใครเข้ามาแล้วแนะนำตัวกันบ้างนะค่ะ แล้วก็ช่วยติ หรือ ชม ให้เป็นกำลังใจหน่อยก็ดีนะค่ะ

                      อ่านแล้วก็อย่าทิ้ง อย่าขว้างไปให้ไกลตา เดี๋ยวจะเอามาให้อ่านเพิ่มนะ หนูขอร้อง *.*

    E-MorE รักคนอ่าน ^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×