ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Twilight Of The Gods

    ลำดับตอนที่ #2 : สนธยาที่1-โชคชะตาที่ถูกถักทอ

    • อัปเดตล่าสุด 1 ธ.ค. 48


    ณ ดินแดนมิดการ์ด ดินแดนแห่งเหล่ามนุษย์

        “พ่อฮะ พ่อจะไปจริงๆหรือ”เด็กน้อยถามผู้เป็นบิดา ดวงตาสีทองของเด็กน้อยเหลือบลงต่ำ ทอประกายแห่งความเศร้าให้เห็นได้อย่างเด่นชัด

        บิดามิได้พูดอะไร แต่นั่งลงให้ความสูงอยู่ในระดับเดียวกันกับลูกชาย แล้วขยี้ผมสีทองของเด็กน้อย

        “อะไรกัน เศร้าแบบนี้ไม่สมกับเป็นลูกเลยนะ”

        เด็กชายมองหน้าบิดาตรงๆ ดวงตาสีทองทั้งสองคู่ประสานกัน

        “แต่ว่า ถ้าพ่อไป ผมคงไม่ได้เจอพ่ออีกแน่ๆ ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้ว....”น้ำตาเริ่มรื้นในดวงตาของเด็กน้อย

        “พ่อจะต้องกลับมา ถ้าลูกมีอันตราย พ่อจะกลับมา”

        “จริงนะฮะ สัญญานะ พ่อจะต้องกลับมานะ”

        บิดาพยักหน้าแล้วลุกขึ้นยืน

        “ดูแลแม่ด้วยนะ” ชายหนุ่มเดินออกไป พร้อมกล่าวคำสั่งเสีย

        “ฮะ”เด็กชายตะโกนตอบ แล้วยืนมองผู้เป็นบิดาเดินออกไปจนลับสายตา

    **********

    เสียงระเบิดดังกึกก้องกัมปนาท เปลวเพลิงแห่งสงครามเริ่มปะทุอีกครั้ง แปรเปลี่ยนความสงบสุขให้กลายเป็นความอลหม่าน เสียงหวีดร้องดังระงม ประกอบกับเสียงดาบกระทบกัน เป็นสัญญาณบอกว่าศึกครั้งใหญ่กำลังเริ่มแล้ว

        กองทัพทั้งสองเริ่มสู้กันอย่างดุเดือด บางส่วนกระจายกำลังไปทำลายแหล่งพักอาศัยของศัตรู

    “ไปเร็วเจด หนีไป”มารดาร้องบอกลูกชายที่หลบอยู่หลังตน มีดทำครัวในมือยกขึ้นขู่พวกข้าศึกที่ย่างกรายเข้ามาในบ้าน โดยที่พวกมันไม่มีที่ท่าว่าจะกลัวมีดทำครัวในมือหล่อนแต่อย่างใด กลับย่างสามขุมเข้ามา ในขณะที่สองแม่ลูกถอยร่นลงมาเรื่อยๆ

    “ไปสิ ตอนนี้แหละ รีบไป หนีไปเร็วเข้า!!” มารดาตะโกนอีกครั้งหนึ่ง อีกมือหนึ่งพยายามดันลูกชายให้ออกไปทางประตูหลังซึ่งกำลังเปิดอยู่

    “ตะ แต่ว่า..แม่...”เด็กชายลังเล ดวงตาสีทองนั้นมองมารดาที มองประตูที

    “ไม่มีแต่ รีบไปเร็วเข้า!!!” มารดากรีดร้อง หลบคมดาบที่ฟันลงมาได้อย่างฉิวเฉียด คมดาบกรีดแขนเป็นแผลใหญ่ เลือดสาดกระจาย

    “แม่.......”เด็กชายร้อง แล้ววิ่งเข้ามาหมายจะต่อกรกับศัตรูที่บุกรุกเข้ามาในบ้าน ทว่ามารดาได้ยกมืออีข้างกันไว้

    “ไปเร็ว ลูกต้องไป อยู่ต่อไปนะ อย่าได้สิ้นหวังเป็นอันขาด”มารดาสั่งเสียเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนสละชีพ พุ่งเข้าหาศัตรู ยกมีดทำครัวอันเล็กๆขึ้นสู้ คมดาบแห่งข้าศึกจ้วงแทงไปที่ท้อง ร่างบางๆของหล่อนทรุดฮวบ

    เด็กชายวิ่งออกไปได้ไม่นานก็หันหลังกลับมามองมารดา

    “แม่.....”เด็กชายร้องสุดเสียง ทำท่าจะวิ่งเข้ามาหาอีก

    “ไป!!!!!!” มารดาออกคำสั่ง เด็กน้อยหยุดกึก แล้วหันกลับไป วิ่งออกไปสุดฝีเท้า

    “ดีแล้ว อย่างนั้นแหละ เพื่อราชวงศ์แห่งคริโซเบเรีย เจ้าจะตายไม่ได้ เจ้าต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป” มารดาพูดพลางหายใจรวยริน มองเด็กน้อยวิ่งออกไปจนลับสายตา

    **********

    เด็กน้อยวิ่งไปอย่างไม่เหลียวหลังกลับ ฝ่าเพลิงแห่งสงครามมาอย่างยากลำบาก

    วิ่งไปโดยไร้จุดหมาย

    เด็กน้อยชะลอฝีเท้าเมื่อมาถึงป่าอันเงียบสงบ ไร้ซึ่งสงคราม สรรพสิ่งธรรมชาติช่างดูร่มเย็นเมื่อเปรียบเทียบดับสงครามอันน่ากลัว

    เด็กชายหันหลังกลับไปมองสมรภูมิที่เพิ่งฝ่าออกมาเมื่อครู่ น้ำตาหยดลงจากดวงตาของเด็กน้อยแล้วร่วงหล่นสู่พื้นดิน

    แม่ฮะ ผมขอโทษนะฮะ ผมปกป้องแม่ไม่ได้

    พ่อฮะ ไหนว่าจะมาช่วยตอนผมต้องการความช่วยเหลือล่ะ

    คนโกหก

    เสียงพุ่มไม้สั่นไหวข้างหลังเด็กชาย เขาหันหลังกลับไปมองในทันที

    “ใครน่ะ”เขาตะโกนถาม แต่เสียงที่ตอบกลับมานั้นมีใช่คำพูดของมนุษย์

    คือเสียงคำรามของเสือ

    สัตว์สี่เท้าย่างกรายออกมาจากพุ่มไม้อย่างสงบ ดวงตาของมันบ่งบอกถึงชัยชนะ ที่ได้พบเยื่อในเวลาเช่นนี้

    เด็กชายถอบหลังกรูด ดวงตาเบิกโพลง มองไปที่เสืออย่างไม่วางตา

    หากพลาดก็หมายถึงต้องตาย

    ร่างใหญ่กระโจนออกมา มุ่งเป้ามาที่เด็กชาย เขาส่งเสียงร้องออกมาย่างบสุดเสียง ย่อตัวลงต่ำตามสัญชาติญาณ

    ลูกธนูแหวกอากาศพุ่งตรงมาที่เสือตัวนั้นอย่างแม่นยำ มันหนีไปอย่างรวดเร็ว พร้อมทิ้งรอยเลือดไว้เป็นทางยาวเข้าไปในป่า

    “เป็นอะไรหรือเปล่า เจ้าหนู”เสียงของชายหนุ่มดังขึ้นมาพร้อมเสียงฝีเท้าที่มุ่งตรงเข้ามา

    “มะ ไม่เป็นไรฮะ”เด็กชายร้องตอบ ใจเต้นระรัวกับเหตุการณ์เมื่อครู่

    “ดีแล้ว”ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้ พร้อมกับรอยยิ้มอย่างเป็นมิตร

    “มาเถอะ อยู่ที่นี่นานคงไม่ดีหรอก อันตราย”เขาอุ้มเด็กน้อยขึ้นขี่หลัง แล้วเดินออกไปจากป่า ห่างไกลจากสมรภูมิรบอันดุเดือด

    **********

    ลำแสง9สีพุ่งออกมาจาดินแดนสวรรค์ แล้วกระจายออกไปทั่วทิศทางรอบดินแดนแห่งมนุษย์

        นั่นคือศาสตราวุธ  รอยแผลทั้ง9 อาวุธแห่งตัวแทนทั้ง9เผ่าพันธุ์

    **********

    กาลเวลาผันแปรไป ฤดูกาลแปรเปลี่ยน พรากความหนุ่มสาวไปจากเหล่าผู้เฒ่า ทว่ามอบความหนุ่มสาวให้แก่เหล่าเด็กๆ จากเด็กน้อย เจริญวัยเป็นหนุ่มรูปงาม ทว่าดวงตาสีทองคู่นั้นช่างมองดูเศร้าเมื่อคิดถึงอดีต

    อดีตอันเจ็บปวด

    “เจด เจด”เสียงเรียกอันคุ้นหูดังขึ้นมา “ลงมากินข้าวได้แล้ว”

    “ฮะ”ชายหนุ่มตอบกลับ ลุกจากเตียงเดินลงไปยังห้องครัว

    “อรุณสวัสดิ์ฮะ อัล”เขาร้องทักชายวัยกลางคนที่กำลังง่วนอยู่กับการทำอาหารอยู่ ชายหนุ่มคนเดียวกันกับที่เขาพบในป่านั้น บัดนี้เปรียบเสมือนพ่อของเขา อัลฟอนโซ่ คือชื่อของเขา เขาเป็นคนโสด บอกว่าไม่ชอบมีครอบครัวให้ยุ่งยาก แต่เมื่อเจดได้เข้ามาในชีวิต ก็ได้แปรเปลี่ยนให้ชีวิตของเขาสดใสยิ่งขึ้น เขาชักรู้สึกชอบชีวิตแบบพ่อลูกขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกัน

    “อรุณสวัสดิ์ เมื่อคืนหลับสบายดีไหม”อัลฟอนโซ่เดินมาที่โต๊ะอาหารพร้อมกับอาหารเช้าหอมกรุ่น

    “ก็...เอ่อ...คือ...”เจดอำอึ้ง

    “เอาเถอะ ไม่ต้องบอกก็ได้ ยังฝันถึงเรื่องเมื่อก่อนอยู่อีกรึ”อัลฟอนโซ่พูดอย่างรู้ทัน “จมปลักอยู่กับอดีตน่ะไม่ดีหรอกนะ นี่ก็ตั้งเกือบๆ10ปีแล้วนะ ลืมๆไปซะบ้างก็ดีน่า”

    “ก็...มันลืมไม่ลงนี่ฮะ”

    “นั่นสินะ สงครามครั้งนั้นน่ะ หลายคนน่ะสูญเสียอะไรไปนักต่อนักแล้วนี่นะ”อัลฟอนโซ่พูดเบาๆ หยุดการกินมือเช้าไปชั่วครู่

    ความเงียบอันน่าอึดอัดใจแผ่ครอบคลุมบรรยากาศในมื้อเช้าที่แสนสดใส ไร้สิ่งใดเคลื่อนไหว แม้แต่ส้อมของเจดหรือช้อนของอัลฟอนโซ่ที่กำลังตักอาหารค้างอยู่ก็ไร้ซึ่งการเคลื่อนไหว

    “ช่างเถอะ คุยเรื่องเครียดๆแบบนี้ตอนมื้อเช้าไม่ดีนักหรอก” อัลฟอนโซ่ตัดบทแล้วเอาอาหารมื้อเช้าเข้าปากไป

    “ฮะ”เด็กหนุ่มยิ้ม

    *********

    เด็กหนุ่มทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่มๆในห้องนอน ตาก็มองเพดานอย่างเหม่อลอย ในหัวก็คิดถึงเรื่องในอดีต

    อะไรบางอย่างสีขาวสว่างทอแสงอยู่บนเพดานชั่วแวบ จากนั้นก็หายไป เด็กหนุ่มจ้องมองอย่างไม่วางตาอยู่ครู่หนึ่ง จึงตัดสินว่าคงเป็นแสงสะท้อน จากนั้นก็เอนตัวลงนอน ทว่า ถ้าสายตาของเขาไม่มีปัญหา เขาเห็นภูติสีขาวตนหนึ่งลอยละล่องอยู่ใกล้ๆ ตัวกลมป๊อกคล้ายๆนุ่นสีขาวกระจุกใหญ่ที่มีหูใหญ่เหมือนปีก หน้าตาดูน่ารัก บนหัวมีลูกแก้วสีแดงซึ่งมีอัก๘ระบางอย่างจารึกไว้เป็นภาษาที่เขาไม่เข้าใจ

    “ยินดีที่ได้รู้จัก เจด ดีสวาล”ภูติสีขาวเอ่ย “ข้าคือแกลมดริง ภูติประจำรอยแผลแห่งสวรรค์”

    “รอยแผล???  อะไรกัน”เด็กหนุ่มว่า หน้าตาบ่งบอกถึงความตกใจสุดขีด

    ไอ้ตัวกลมป๊อกนี่มันอะไรกัน

    “ไม่ ไม่ นี่ต้องเป็นความฝัน”เด็กหนุ่มพูดพลางกุมขมับ “สงสัยอาหารเช้าของอัลทำพิษซะแล้ว”

    “โอ๊ย!!!” แกลมดริงชักทนไม่ไหว เลยใช้มือสีขาวหยิกเข้าให้ “เจ็บนะ”เจดว่า

    เจ็บ

    ไม่ใช่ความฝัน

    “อ๊า~า”เด็กหนุ่มส่งเสียงร้อง

    “ไอ้บ้าเอ๊ย จะแหกปากทำไม”

    แกลมดริงชักปวดหัวกับเรื่องบ้าๆนี่

    โธ่เอ๊ย ภารกิจใหญ่หลวงที่จะสั่นสะเทือนเก้าโลก จะไปรอดหรือเปล่าเนี่ย





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×