คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : ลักพาตัว(100%)
1วันก่อนการแสดงจะเริ่ม
แปะๆๆๆ
"เอาล่ะ!!!วันนี้พอแค่นี้ได้ ทุกคนรีบไปพักผ่อนซะเพราะพรุ่งนี้จะถึงวันจริงกันแล้ว!!"มาทิลด้าเอ่ยอย่างขึงขัง
"วันนี้ทุกคนแสดงได้ดีมากเลยค่ะ ไม่ต้องกังวลไปหรอกนะคะ"เรนอนกล่า่วเสียงหวานพร้อมกับโปรยรอยยิ้มไปทั่วทำเอาหนุ่มหลายๆคนใจละลายไปพร้อมกับรอยยิ้มนั้น
ณ ห้องนั่งเล่น
"พรุ่งนี้แล้วโว้ยยยยยกลุ้มๆๆๆๆๆ"คิลขยี้หัวของตัวอย่างหงุดหงิดพร้อมกับบ่นเป็นมีกินน้ำผึ้ง
"แกจะกลุ้มไปทำไมว่ะ แสดงของแปปเดียวเดี๋ยวเดียวก็เสร็จ"เฟรินพูดพร้อมกับกินป็อกกี้รสช็อคโกแล๊ตในมืออย่างสุขขี
"เฮ้ย!!ป็อกกี้ช้านนน"เฟรินลุกขึ้นหมายจะคว้าแต่คิลดันมือไวหลบไปซะก่อน
"ใครว่าล่ะ แกแอบจิ๊กมาจากกระเป๋าฉันไม่ใช่เรอะ เห็นกันอยู่แหมบๆ"คิลฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์
"เออๆๆขอกินป็อกกี้หน่อยนะคร้าบบบ"เฟรินพูดด้วยใบหน้าที่บูดบึ้ง
"หึๆๆๆๆล้อเล่นนิดหน่อยน่า"คิลหัวเราะอย่างขำๆพลางโยนกล่องป็อกกี้ให้เฟริน เจ้าหมาน้อย(?)ได้ทีจึงกระโดดคว้าหมับอย่างรวดเร็ว
"แกก็รีบๆไปอาบน้ำได้แล้ว ไม่งั้นฉันอาบก่อนนะโว้ย"เฟรินพูดทั้งๆที่ยังมีป็อกกี้เต็มมือ(และเต็มปาก)
"เออๆๆ"คิลตอบรับห้วนๆก่อนที่จะเดินเข้าห้องพักไป
รุ่งขึ้น
เวลา9.00น.ก่อนการแสดง8ชม. ณ ป้อมอัศวิน
"แย่แล้ว!!เรนอนหายตัวไป!"แองเจลีน่าเปิดประตูอย่างรุนแรงทำเอาทุกคนในห้องสะดุ้ง
" ทำไงดีล่ะ!!ตอนฉันตื่นเช้าขึ้นมาเรนอนก็หายตัวไปแล้ว แล้วแบบนี้เราจะทำยังไงกันดีล่ะ!!"แองเจลีน่าวิ่งเข้ามาเขย่าคอครี้ดที่ยืน อยู่ใกล้ตัวที่สุดอย่างบ้าคลั่ง
"ใจเย็นๆก่อนสิแองจี้ แล้วแบบนี้จะพูดรู้เรื่องมั้ยเนี่ย"เฟรินเดินเข้าไปจับแขนของแองเจลีน่าก่อนที่ครี้ดกำลังจะตายคามือของแม่มดสาว
แองเจลีน่าสูดหายใจเข้าเต็มปอดก่อนที่จะค่อยๆผ่อนออกมาอย่างช้าๆ
"เร-นอน-หาย-ตัว-ไป!!!รู้เรื่องรึยัง!!!!"แองเจลีน่าตะโกนใส่หูอันบอบบาง(?)ของเฟรินทำเอาเจ้าตัวขี้หูแทบเต้นระบำ
"ขะ...เข้าใจชัดเลยจ้ะ"
"แล้วแบบนี้เราจะทำยังไงกันดีล่ะ ใครจะแสดงบทของเรนอนแทน???"นิกที่ไร้บทพูดมานานเอ่ยขึ้น
"แล้วเรนอนแสดงบทอะไรล่ะ"เจคถามอย่างซื่อๆทำเอาคนในป้อมแทบไปดิ้นตายกับพื้น
ซ้อมด้วยกันมานานยังไม่รู้อีกเรอะ!!
"นางฟ้าสีแดงย่ะ!!ซ้อมกันมาตั้งนานแล้วยังไม่รู้อีกเรอะ!!งั้นนายก็มาแสดงแทนเลยละกัน จบ!!"แองเจลีน่าตะโกนพร้อมกับโยนบทให้เจคทำเอาเจ้าตัวอ้าปากค้าง
"เฮ้ย!!แล้วบทฉันล่ะ!!"ได้ข่าวว่าแสดงเป็นต้นไม้!!รีบๆไปจำบทมาซะ ไม่งั้น..."แองเจลีน่าพูดพร้อมกับหยิบคทาขึ้นตบที่ฝ่ามือทำเอาเจคกลืนน้ำลายดังเอื้อก
"คะ..ครับ...ได้ครับ..."เจคตอบรับอย่างปลงตก
"อย่างน้อยแกก็ได้แสดงเป็นเพื่อนชฉันกับครี้ดนะเว้ย"นิกเดินเข้ามาตบไหล่แจ็คป้าบๆ
"คิล!!นายมากับฉัน!ส่วนโรรุ่นน้องจะพาไป!"แองเจลีน่าพูดพร้อมกับเดินเข้าไปลากคิล(ที่อยู่ในร่างหญิงเรียบร้อยแล้ว)แล้วมีรุ่นน้องอีกสองสามคนเดินเข้ามาพาโรออกไป
ณ ห้องแต่งตัว
"นายต้องนั่งอยู่เฉยๆตรงนี้!!!ห้ามขยับไปไหนทั้งสิ้น เข้าใจมั้ย??"แองเจลีน่าพูดพร้อมยกคทาขึ้นมาขู่ทำให้คิลจำต้องรีบๆผงกหัวอย่างรุนแรงในทันที
ตัดไปฝ่ายโร
"เดี๋ยวรบกวนรุ่นพี่โรเอาเสื้อตัวนี้ไปเปลี่ยนด้วยนะคะ"รุ่นน้องสาวคนหนึ่งพูดอย่างเหนียมอาย
"ได้สิ"โรตอบรับพร้อมรอยยิ้มทำเอารุ่นน้องแทบจะลงไปกองอยู่ตรงพื้น
..(ทำไมฉากมันช่างแตกต่างกันอย่างนี้หนอ)
เวลา 14.30 อีก30นาทีจะเริ่มการแสดง
"เร็วเข้าๆ!!จะเริ่มการแสดงอยู่แล้วนะ"มาทิลด้าเร่งเพราะป้อมอัศวินต้องแสดงเป็นชุดแรก
""เออๆๆ!!"ร่างบางตอบรับห้วนๆก่อนที่จะรีบวิ่งมาที่หลังเวทีทำเอาเหล่าผู้คนที่อยู่หลังเวทีหันมามองอย่างสนใจ
ร่างที่อยู่ตรงหน้าของพวกเขานั้นก็คือสาวน้อย(?)ร่างบาง(?)อ้อนแอ้น(?)อรชร(เอ่อ...)ในชุดสีครีม กระโปรงบานยาวถึงเข่า มีเสื้อรัดรูปสีน้ำตาลเข้มรัดอยู่ช่วงบน ใบหน้างามถูกแต่งเต้มด้วยเครื่องสำทางโทนสีม่วงอ่อนเข้ากับดวงตาสีม่วงสดใส(-....-บรรยายแล้วเริ่มอยากอ้วก) เส้นผมสีดำสนิทถูกดัดให้เป็นลอนปล่อยยาวสลวยถึงกลางหลัง
เฮ้ย!!มันใช้ไอ้คิลจริงป่าวว่ะ!?
เป็นไปไม่ได้!!!
โอ้วววอิมพอสสิเบิล!!!(impossible = เป็นไปไม่ได้)
ใครว่ะ??
น่ารักโว้ยยยย
และอื่นๆอีกมากมายที่คนเขียนไม่สามารถบรรยายออกมาได้หมด
"เงียบ!!!!!"เสียงอันทรงพลังของมาทิลด้าทำเอาทุกคนในป้อมอัศวินต้องเงียบกริบ(ด้วยความกลัว= =)
"เลิกส่งเสียงดังกันได้แล้ว ใกล้จะเริ่มเปิดม่านดันแล้วนะ ทุกคนไปประจำที่ได้แล้ว!!"สิ้นเสียงของเจ้าแม่แห่งป้อมอัศวิน หลายชีวิิตที่กำลังตะลึงตึงตังกันอยู่ก็เริ่มสติกลับมาจึงรับไปประจำจุดที่ตัวเองยืนอยู่อย่างรวดเร็ว
"มาทิลด้า เจ้านิทราที่พวกเราเคยเห็นกันนี่ผมสีทองตาสีฟ้าไม่ใช่เรอะ"เฟริืนในชุดราชาเต็มยศ เดินมาถาม ใบหน้าที่ถูกแต่งเติมด้วยหนวดสีดำเต็มไปด้วยความสงสัย
"ฉันลองร่ายเวทย์เปลี่ยนสีผมสีตาแล้วแต่มันไม่ค่อยเข้ากับหมอนี่เท่าไหร่เลยเปลี่ยนกลับเป็นสีเดิมน่ะ"มาทิลด้าตอบเฟรินจึงพยักหน้าน้อยๆเป็นเชิงเข้าใจ
"แล้วคาโลล่ะ??"คิลถามขึ้น
"หลบอยู่นู่นแน่ะ"เฟรินชี้ไปทางมุมอับของห้องซึ่งมีคาโลกำลังแผ่ไอเย็นออกมาเต็มที่
"เฮ้ย!!คาโลใกล้จะแสดงแล้วนะ ออกมาได้แล้วโว้ย!!!"เฟรินตะโกนเรียกพร้อมกับไปดึงคาโลออกมาจากมุมอับทำให้ภาพหลุดเข้าแก่สายตาประชาชี
ปัจจุบันนี้คาโลที่ถูกแปลงเพศเรียบร้อยเสร็จสรรพกำลังยืนหน้าบูดอยู่ในชุดราชีนีฟู่ฟ่าเต็มยศ บนหัวสีเงินมีมงกุฎอันใหญ่วางอยู่ ใบหน้าถูกแต่งเต้มด้วยเครื่องสำอางสีเข้มเสริมให้ดูราชินีขึ้นเป็นกอง
"อุ๊บ=3="คิลและเฟรินหลุดขำออกมาเล็กน้อยทำให้คาโลแผ่รังสีไอเย็นออกมามากขึ้น
"นี่เล่นสงครามเย็นกันอยู่หรอ"เสียงคุ้นหูดังขึ้นเบื้องหลังเฟรินทำเอาเจ้าตัวสะดุ้งเฮือกอย่างตกใจ
"แกหัดโผล่มาดีๆกับคนอื่นเขาไม่เป็นรึไงว่ะ"เฟรินเอ่ยออกมาอย่างหงุดหงิดก่อนที่จะหันกลับไปเตรียมจะด่าแต่ก็ต้องชะงักค้างเอาไว้
ตอนนี้โรอยู่ในชุดเข้ารูปสีดำ มีเสื้อทับสีน้ำตาลอยู่ข้างนอก รองเท้าเป็นรองเท้าบูทสีดำ ส่วนดวงตายังคงความเขียวไว้เช่นเดิม(?) เส้นผมสีชาถูกจัดทรงใหม่จากผมหน้าม้าเรียบๆเป็นผมซอยยุ่งๆนิดทำให้ดูเท่ไม่หยอก
"ไอ้โร แกรู้ตัวรึเปล่าว่าแกแต่งแบบนี้แล้วแกหล่อมาก"เฟรินพูดแบบไม่อายปากทำให้โรหัวเราะน้อยๆ ส่วนคาโลนั้นหงุดหงิดเล็กๆ(หึงล่ะซี่><~~)
"ไงคิล^^"โรหันมายิ้มหวานให้กับคิลที่กำลังจ้องหน้าของตนอยู่ทำเอาคนจ้องหน้าเริ่มร้อนนิดๆก่อนที่จะหลบสายตาคู่นั้นไปแล้วทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้เต็มที่
ให้ตาย!!ทำไมมันแต่งแบบนี้แล้วดูดีจังวะ แค่เปลี่ยนทรงผมนิดๆหน่อยๆนี่ถึงกับทำให้คนเราหน้าตาเปลี่ยนได้เรอะ= =
"วันนี้นายแต่งตัวน่ารักดีนะ^^"โรเอ่ยขึ้นทำให้ใบหน้าของคิลร้อบวูบขึ้นอีกเป็นเท่าตัว
"วู้ววว วันนี้โรปากหวานโว้ย"เฟรินหันมาส่งยิ้มล้อเลียนให้ทั้งคู่ทันที ยิ่งเพิ่งดีกรีความอายให้กับคิลมากกว่าเดินจนแทบจะเอาหน้าซุกกับดิน
"นี!!เฟริน!!คาโล!!พวกนายสองคนออกเป็นฉากแรกนะ รีบๆออกมาได้แล้ว!!!"เสียงแหลมสูงของแองเจลีน่าดังขึ้น
"คร้าบๆไปเดี๋ยวนี้ล่ะคร้าบ"เฟรินตอบรับแบบขอไปทีก่อนที่จะลากคาโลไปหาแองเจลีน่า ทิ้งให้คิลและโรยืนอยู่ทีเดิม
"วันนี้อย่าเผลอแสดงผิดล่ะ"โรกล่าวทำลายความเงียบ
"แกน่ะแหละที่อย่าแสดงผิด"คิลหันหน้าไปกัดโรทันทีที่ได้ประโยคที่เจ้าขอทานเอ่ยมาเมื่อครู่
"^^"โรส่งยิ้มให้คิลอย่างอารมณ์ดีส่งผลให้ร่างบางหงุดหงิดขึ้นเป็นเท่าตัว
"คุยกับแกแล้วหงุดหงิดว่ะ ขอตัว"คิลเอ่ยพลางเดินออกไป
บริเวณหน้าเวที
เหล่าผู้คนจากเบื้องนอกต่างก็แห่กันเข้ามาอย่างล้นหลามจนที่นั่งชมเริ่มเต็มจนต้องมีคนต้องยืนดู
แสงไฟบนเพดานหรี่ลงจนมืด สปอร์ตไลท์ถูกฉายไปที่เวทีตรงจุดที่ที่มีใครบางคนยืนอยู่
"สวัสดีค่ะท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน ต่อจากนี้ไปจะเป็นการแสดงของนักเรียนปีสองจากป้อมอัศวินค่ะ เป็นการแสดงละครที่นำบทละครมาจากเทพนิยายอมตะ เจ้าหญิงนิทราค่า~!!"รุ่นพี่สาวสวยจากปราสาทขุนนางผู้ที่ได้รับบทเป็นพิธีกรจำเป็นกล่าวเปิดการแสดง ทันทีที่พูดจบ แสงสปอตไลท์บนเวทีก็ดับลง
"ณ ดินแดนอันไกลโพ้นเนิ่นนานมาแล้วยังมีพระราชาและราชินีผู้เลอโฉม สองพระองค์ปราถนาทายาทมาหลายปี"เสียงของมาทิลด้าผู้ที่ได้รับบทเป็นผู้พากย์ดังขึ้นท่ามกลางความมืดพร้อมๆกับที่มีเสียงเพลงบรรเลงของไวโอลินคลอเบาๆ
"ในที่สุดก็ได้สมพระทัย ทรงประสูติราชธิดาให้พระนามว่า ออโรร่า ทรงตั้งพระนามตามรุ่งอรุณ พระธิดาดุจแสงตะวันแต่งเติมชีวิตสองพระองค์"เสียงบรรยายดังขึ้นอีกครั้งพร้อมๆกับแสงสปอตไลท์ถูกส่องไปกลางเวทีที่มีชายหนุ่มสองคนยืนเคียงคู่กันอยู่ซึ่งคาดว่าจะเป็นราชาและราชินี ฝ่ายพระราชานั้นมีเส้นผมสีน้ำตาลไหม้ซึ่งรับเข้ากับดวงตาที่มีสีเดียวกัน บนศรีษะนั้นถูกประดับด้วยมงกุฏขนาดใหญ่และแต่งกายด้วยเสื้อคลุมสีดำ-แดงดูทรงอำนาจ ฝ่ายราชินีนั้นมีใบหน้างดงามราวกับเทพธิดา ใบหน้านั้นขาวสะอาดหมดจด เส้นผมสีเงินถูกปล่อยสยายยาวหยิกเล็กน้อย ดวงตาสีฟ้าสบเข้ากับดวงตาสีน้ำตาลไหม้ด้วยความรัก(เอิ้ก...) บนศรีษะถูกประดับด้วยมงกุฏสีทองอันเล็กๆ ในอ้อมแขนมีห่อผ้าสีขาวสะอาดอยู่ ฝ่ายพระราชาโอบไหล่ราชินีด้วยความรัก ฝ่ายราชินีนั้นก็(ฝืน)ส่งยิ้มไปให้ทำเอาคนดูต่างก็ตาค้าง ก่อนที่แสงสปอตไลท์บนเวทีจะดับลง
“มีการประกาศวันหยุด เฉลิมฉลองทั่วราชอาณาจักร ทั่วแว่นแคว้นและหัวเมืองน้อยใหญ่ เพื่อถวายความภักดีต่อองค์หญิงน้อยและเรื่องราวของเราเริ่มต้นในวันแห่งความปรีดานั้น”มาทิลด้าพูดต่ออีกครั้ง แสงไฟบนเวทีถูกเปิดขึ้น ฉากของเวทีเป็นรูปแบบของท้องพระโรงตามพระราชวัง มีพระราชาและราชีนีประทับอยู่บนบัลลังค์ ขนาบข้างกันนั้นมีเตียงขนาดเล็กแต่ดูหรูหราของเด็กทารกตั้งอยู่
“ในวันอันแสนปลื้มปิติ ซึ่งทั่วอาณาจักรร่วมฉลองการประสูติที่รอคอยมานานนี้ พระเจ้าสเตฟานและพระราชินีก็ทรงมาต้อนรับพระสหายเก่าแก่”เสียงของผู้พากย์ดังขึ้นอีกครั้งจากนั้นจึงตามด้วยเสียงเป่าแตร
“ผู้เสด็จมาคือองค์เหนือหัว พระเจ้ากิลเบิร์ตและเจ้าชายฟิลิปส์!!”เมื่อสิ้นเสียงของทิวดอร์ผู้ที่ได้รับบทเป็นคนถือใบประกาศ ร่างสองร่างก็เดินออกมาจากหลังเวที อาชูร่าผู้น่าสงสารที่ได้รับบทบาทเป็นพระเจ้ากิลเบิร์ตเดินออกมาพร้อมกับเด็กชายตัวเล็กๆคนหนึ่งที่ถือกล่องสีทองอยู่ เด็กคนนั้นก็เจ้าชายฟิลิปส์ที่ได้รับอภินันทนาการมาจากเฟรินซึ่งเจ้าหล่อนเป็นคนพามาซึ่งมิอาจทราบได้เช่นกันว่าเจ้าหล่อนไปหาเด็กมาจากไหน
“สองกษัตริย์วาดฝันไว้ว่าสักวันหนึ่ง อาณาจักรของตนจะรวมเป็นหนึ่ง ดังนั้นวันนี้จึงประกาศให้เจ้าชายฟิลิปส์ องรัชทายาทของกิลเบิร์ตกับพระธิดาของสเตฟานหมั้นหมายกัน”เสียงของผู้พากย์ดังขึ้นอีกครั้ง เจ้าชายฟิลิปส์โค้งคำนับต่อหน้าพระราชาและราชินีแล้วเดินไปยังเตียงของทารกน้อย
“และให้เจ้าชายมอบของหมั้นหมาย ทอดพระเนตรดูเจ้าสาวในอนาคตโดยที่ตนไม่ทราบ”เมื่อผู้พากย์พูดจบ เจ้าชายองค์น้อยก็ชะเง้อหน้าไปดูร่างของทารกน้อยก่อนที่จะทำหน้าตาเหมือนไม่พอใจอะไรซักอย่าง
เสียงเป่าแตรดังขึ้นอีกครั้ง เสียงสปอยล์ถูกส่องไปยังข้างเวทีซึ่งราวกับว่าจะมีใครบางคนเดินออกมา
“ขอทูลฝ่าพระบาทและท่านผู้มีเกียรติทั้งหลาย สามนางฟ้าใจดีมาแล้ว”ทิวดอร์เอ่ยขึ้นอีกครั้งก่อนที่จะมีผงประกายสีเงินร่วงหล่นลงมาตามลำแสงสปอตไลท์
“เทพธิดาเจซซี่”สิ้นเสียงของทิวดอร์ร่างของเจคผู้ซึ่งได้รับบทเป็นนางฟ้าสีแดงก็วิ่งออกมาจากหลังเวที เจคอยู่ในชุดสีแดงฟูฟ่องเป็นประกายระยิบระยับ ข้างหลังมีปีกบางใสอันเล็กๆอยู่หนึ่งคู่ ในมือถือคทากายสิทธิ์สีทอง(แท่งไม้ที่เอามาทาเป็นสีทอง)
“เทพธิดาครี้ดดี้”ต่อมาด้วยร่างของครี้ดผู้น่าสงสารที่ได้รับบทเป็นนางฟ้าสีเขียว ในชุดสีเขียวเข้มบานแฉ่งขลิบผงทอง ข้างหลังมีปีกเหมือนกันเจค ในมือถือคทากายสิทธิ์สีทอง
“และเทพธิดาแมรี่นิกกี้”เมื่อทิวดอร์พูดจบ นิกก็วิ่งโร่ออกมาด้วยรอยยิ้มเบิกบาน(ซะเมื่อไหร่) ในชุดสีฟ้าเข้มฟูฟ่องประดับผงประกายสีเงิน ข้างหลังมีปีกเช่นเดียวกับเจคและครี้ด
นางฟ้าผู้ใจดี(?)ทั้งสามบิน(วิ่ง)ไปเกาะขอบเตียงที่มีทารกน้อยนอนอยู่คนละด้านพร้อมกับอุทานด้วยความเอ็นดูในตัวของทารกน้อยก่อนที่จะบิน(วิ่ง)ไปเบื้องหน้าของพระราชาและราชินี หากคุณดูดีๆคุณจะเห็นว่าใบหน้าของพระราชานั้นเต็มไปด้วยความขบขันเต็มที่
“ฝ่าบาทเพคะ”ทั้งสามพร้อมใจกันกัดฟันพูดพร้อมถอนสายบัว
“เราสามคนจะให้พรพระธิดาด้วยพรสูงค่า หนึ่งครั้ง ต่อหนึ่งคน”เจคผู้ที่ได้รับบทเป็นเทพธิดาสีแดงเอ่ยพร้อมรอยยิ้มก่อนที่จะถอนสายบัวอีกครั้งแล้วบินไปยังเตียงของทารกน้อย
“องค์หญิงน้อยจ๋า(ตรงเจคฝืนใจพูดเต็มที่) พรของเจซซี่คือพรแห่งความงาม”เจค...เอ้ย!!เทพธิดาเจซซี่เอ่ยพร้อมกับหมุนคทาเป็นวงกลม แสงสีขาวส่องประกายสว่างไปทุกทิศทางก่อนที่จะมีผงประกายสีเขียวตกลงไปยังบนตัวของทารกน้อยแล้วหายวับไป
เทพธิดาครี้ดดี้บินมาบ้าง “เจ้าหญิงน้อยจ๋า พรของครี้ดดี้คือพรแห่งการขับร้อง”ครี้ดกัดฟันพูดพร้อมกับหมุนคทาเป็นวงกลม แสงสีขาวส่องประกายทั่วทิศทางก่อนที่จะมีผงประกายสีฟ้าตกลงที่ตัวของทารกน้อยก่อนจะหายไป
เทพธิดาแม่รี่นิกกี้บินมาเป็นคนสุดท้าย “เจ้าหญิงน้อย พรของหม่อนชั้นคือ...!!”เทพธิดาแมรี่นิกกี้ที่เตรียมตัวจะสะบัดคทาต้องหยุดชะงักลงเมื่อจู่ๆก็มีสายลมรุนแรงปะทะเข้ามา พระราชาและราชินีต่างก็ลุกขึ้นจากบัลลังค์และจ้องมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างตื่นตะลึง
เปลวไฟสีเขียวเข้มก่อขึ้นกลางเวทีก่อนที่จะหายไปพร้อมๆกับการปรากฏตัวของซีบีล สเวนนักบวชผู้เรียบร้อยซึ่งได้รับบทเป็นแม่มดผู้ชั่วร้าย ในชุดคลุมสีดำขอบสีม่วงเข้ม ในมือถือคทาด้ามยาวที่มีหัวคทาเป็นลูกแก้วสีเหลือง มีอีกาสีดำ(อภินันทนาการจากคิล)บินมาเกาะที่หัวลูกแก้วของคทา
“อุ้ยตาย!! นั่นซีบิลฟิเซ้นท์”เจคอุทานด้วยท่าทางที่ดัดจริตเต็มที่
“มาซ่าอะไรแถวนี้”เทพธดาแมรี่นิกกี้เอ่ยด้วยสีหน้าอันไม่พอใจปกหงุดหงิดจนเทพธิดาเจซซี่ต้องรีบจุ๊ปากให้เงียบ
“โอ้โห พร้อมหน้าพร้อมตาดี คิงสเตฟาน มีทั้งกษัตริย์ ข้าหลวงขุนนาง ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน แล้วก็...โอ้..หึๆๆ”ซีบิลฟิเซ้นท์กล่าวพร้อมปรายตามองทั่วท้องพระโรงก่อนที่จะหยุดลงที่นางฟ้าทั้งสามแล้วหัวเราะแบบหยั่นๆ
ทุกคนต่างก็พร้อมใจกันคิดว่า ‘ตีบทแตก’
“น่าตื่นตา นางฟ้าเกเรก็มา”สิ้นเสียงของซีบิลฟิเซ้นต์ เทพธิดาแมรี่นิกกี้เทพจะถลันตัวเข้าไปต่อยทันทีแต่ติดอยู่ที่ว่าเทพธิดาเจซซี่ดึงตัวไว้
“ข้ารู้สึกฉุนมากที่ไม่ได้รับการเชื่อเชิญ”ซีบิลเอ่ยพร้อมกับลูบขนของอีกา
“ไม่มีใครต้องการหล่อน”แมรี่นิกกี้เอ่ยขัด
“ไม่ต้องการ!! โอ้...ตายแล้ว หน้าแตกหมอไม่รับเย็บเลย หวังว่าเป็นการเผลอมองข้ามไปเท่านั้น เมื่อเป็นอย่างนี้ก็ควรลากลับล่ะ”ซีบิลฟิเซ้นท์กล่าวด้วยน้ำเสียงน้อยเนื้อต่ำใจก่อนที่จะหันหลังเตรียมจะเดินกลับ
“ช้าก่อน!!อย่าถือโทษเลยท่านผู้มีฤทธิ์”ราชินีคาโลน่า(?)เอ่ยขัดไว้ก่อนที่ซีบิลฟิเซ้นท์จะเดินออกไป
“โอ้...ไม่หรอกพระนางคนดี(ตรงนี้เฟรินหลุดขำออกมาเล็กน้อย) และเพื่อแสดงว่าข้าไม่ขัดเคือง ตัวข้าเองก็จะอำนวยพรให้พระธิดา”เมื่อซีบิลฟิเซ้นท์พูดจบ เทพธิดาทั้งสามต่างก็ทำหน้าตื่นตกใจและบินไปที่เตียงที่บรรทมของธิดาตัวน้อยราวกับจะไม่ให้มีใครมาทำร้ายได้
“เจ้าทุกคน จงฟังข้า!!”ซีบิลเอ่ยด้วยน้ำเสียงอันดังก้อง
“เจ้าหญิงน้อยจะเติบใหญ่ ซึ่งมีโฉมโสภาดั่งพร เป็นที่รักของผู้ที่ได้ยลโฉม”ซีบิลพูดด้วยรอยยิ้มทำให้พระราชากับพระราชินีรู้สึกใจคอไม่ค่อยดีเท่าไรนัก
“แต่ว่า!!ก่อนสนธยาวันครบรอบสิบหกชันสา นางจะถูกเข็มทอผ้าของเครื่องปั่นฝ้ายตำนิ้วและตาย!!”ซีบิลฟิเซ้นท์เอามือลูกหัวคทาที่เปล่งแสงสีเขียวออกมา เมื่อพูดจบแสงนั้นก็หายไปพร้อมๆกับใบหน้าอันตื่นตระหนกของราชาและราชินี
“ไม่!!”ราชินีวิ่งไปกอดลูกน้อยแนบอกพร้อมกับจ้องไปที่ซีบิลฟิเซ้นท์ด้วยความหวาดหวั่น
ซีบิลหัวเราะออกมาด้วยความสุขใจ
“จับนางผีร้ายนั่น!!”พระราชาสเตฟานชี้ไปที่แม่มดเป็นการออกคำสั่ง
“ถอยไป!!”ซีบิลฟิเซ้นท์ตะโกนก่อนที่จะมีไฟสีเขียวล้อมรอบตัวไว้จนทหารไม่กล้าวิ่งเข้าใกล้
แม่มดผู้ชั่วร้ายหัวเราะอย่างสะใจก่อนที่จะเลือนหายไปพร้อมๆกับไฟสีเขียว
พระราชาสเตฟานและราชินีคาโลน่า(?)ทำหน้าเศร้าพร้อมกับจ้องมองลูกน้อยของตนที่อยู่ในอ้อมอกของฝ่ายมารดา
“อย่าทรงท้อแท้ฝ่าพระบาท แมรี่นิกกี้ยังเหลือพรอีกพรนึง”เทพธิดาเจซซี่พูดปลอบใจพระราชา
“นางสามารถล้างคำสาปชั่วร้ายได้หรือ”พระราชาสเตฟานเอ่ยถามอย่างมีความหวัง
“โอ้!!มิได้ฝ่าบาท”เทพธิดาแมรี่นิกกี้เอ่ย
“อำนาจของซีบิลฟิเซ้นท์แข็งกล้ากว่าเรามาก”เทพธิดาเจซซี่กล่าวต่อ
“แต่นางสามารถช่วยได้”เทพธิดาครี้ดดี้พูดพร้อมกับดันร่างของแมรี่นิกกี้ตรงไปยังเตียง
“แต่ว่า....”เทพธิดาแมรี่นิกกี้เอ่ยด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่นราวกับไม่แน่ใจ
“สุดๆไปเลยคนดี(สองคำนี้ครี้ดใช้เวลาทำใจนานเอาเรื่อง) ลองสักตั้ง!”เทพธิดาครี้ดดี้พูดเป็นเชิงให้กำลังใจ สักพักหนึ่งเทพธิดาแมรี่นิกกี้ก็กลับมาทำหน้าฮึกเฮิมเช่นเดิม
“องค์หญิงผู้น่ารัก”เทพธิดาในชุดสีฟ้ากล่าวพร้อมกับตวัดคทา “แม้เป็นไปดังคำสาปแม่มด กำหนดให้เข็มตำนิ้วพระนาง รังสีแห่งความหวังก็ยังพอจะมี ด้วยพรแห่งความดีนี้ เธอมิสิ้นใจ หากแต่เพียงหลับใหลรอให้เป็นไปตามพยากรณ์ พระนางจักฟื้น คำสาปถูกถอน เมื่อคู่เสน่หาอาธรณ์มาจุมพิตนวลปราง”สิ้นเสียง แสงสีขาวประกายระยิบระยับก็ตกลงไปที่ตัวของเด็กน้อยก่อนจะหายวับไป แสงสปอตไลท์ส่องไปที่พระราชา ราชินีและนางฟ้าทั้งสาม แสงไฟทั่วเวทีถูกหรี่ให้ดับลงตามด้วยแสงสปอตไลท์ที่ถูกปิดลง
=========================
อัพยาวให้แล้วนะคะ หวังว่า....เอ่อ....คงจะพอใจ
อย่าลืมเม้นกันบ้างน้าาาTT^TT
ความคิดเห็น