เคล็ดไม่ลับการทำบราวนี่
ถ้าคุณกำลังจะทำบราวนี่และอยากได้บราวนี่ที่ไม่แข็งเหมือนหินละก็ ลองอ่านดูสิ (เรียบเรียงจากประสบการณ์ตรงเชียวนะ)
ผู้เข้าชมรวม
5,707
ผู้เข้าชมเดือนนี้
6
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
อืม กลิ่นหอมน่ากิน
ในที่สุด หลังจากความพยายามกว่าสองชั่วโมง
เค้กก้อนแรกของเรา ‘บราวนี่’ กำลังจะปรากฏโฉมแล้ว ^-^
ผ่านไป สามนาที
-_- -_- -_- -_- -_- -_- -_- -_- -_- -_-
“กริ้ง” เสียงกริ่งจากเตาอบก็ดัง บ่งบอกถึงเวลาที่ฉันกำลังรอ
เราไม่รอช้า รีบสวมถุงมือกันร้อน เปิดเตา แล้วเอาพิมพ์ที่ใช้อบเค้กออกมาแล้ววางมันบนโต๊ะ
เรายืนชื่นชมกับเค้กก้อนแรกอยู่พักใหญ่ด้วยความภูมิใจ ก็แน่ล่ะ มันเค้กก้อนแรกที่เราทำด้วยตัวเองทั้งหมด แถมเรายังรบราฆ่าฟันกับมันมากว่าสองชั่วโมง
ถึงส่วนที่เรากำลังมองอย่างพอใจนั้นมันจะเป็นด้านล่างของเค้ก มันจะไม่ใช่ส่วนล่างได้อย่างไรในเมื่อเรายังไม่ได้คว่ำเค้กเลย แม้อย่างนั้น มันก็น่าดีใจที่มันดูเป็นรูปเป็นร่าง ไม่เละไม่ยุบ ดูคล้ายเค้กทั่วไปแม้มันจะมีสีที่ออกจะเข้มกว่าบราวนี่ปกติไปสักนิด
แต่ก็มีบางอย่างเตือนเราว่าอย่าเพิ่งดีใจไป
ใช่แล้ว เรายังไม่ได้คว่ำมัน
เราจึงจัดการคว่ำพิมพ์ลงกับจานที่แห้งสนิทที่เราได้เตรียมไว้
แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
เพราะอะไรนะหรอ
ก็มันร้อนมากน่ะสิ ลองจินตนาการถึงชามกระเบื้องที่ใส่ซุบแล้วเอาไปอบในเตาไมโครเวฟสักห้านาทีด้วยความร้อนสูงสุด แน่นอนว่ามันต้องร้อนสุด ๆ แม้จะใส่ถุงมือกันร้อนแล้วก็ตาม แต่เค้กนี่มันร้อนกว่าซุบเสียอีก กว่าจะทำใจจับพิมพ์คว่ำมันลงได้ ก็ใช้เวลานานทีเดียว อีกอย่าง เราต้องระวังมาทีเดียว ก็เรากลัวว่าเค้กจะหล่นไปนอกจาน เสียดานอุตส่าห์ทำมาตั้งนาน จะมาพังตอนจบได้อย่างไรกัน
“เอ๋ ทำไมมันไม่หล่นล่ะ” ก็เค้กของเรามันไม่ยอมหลุดจากพิมพ์นะสิ เราต้องพยายามเคาะมันเสียอยู่นาน แต่พอเราจะเอาพิมพ์ออกจากจาน
“เอาอีกแล้ว ปัญหามากเสียจริง ทำไมมันติดกันอย่างนี้ล่ะ” เราบ่นออกมาขณะพยายามดึงพิมพ์ออกจากจาน พวกมันก็ทำเป็นเล่นตัวไม่ยอมแยกจากกัน ติดกันยังกะตังเม แต่เราก็พอจะเข้าใจนะว่า เพราะตอนคว่ำมันร้อนมากแต่ตอนนี้มันเย็นลงบ้างแล้วทำให้ที่ว่างระหว่างจานกับพิมพ์มีสภาพคล้ายสุญญากาศ มันก็เลยดูดกันแน่น
แต่พอเราเอามันออกจากันได้ เค้กสุดที่รักของเราก็ส่งเรื่องน่าแปลกใจมาให้เราอีก
ก็หน้าเค้กมันหายไป!!!! แต่ตามสูตรแล้วมันจะมีหน้าด้วยเลยนี่ แต่ช่างมันเถอะ ก็มันเค้กก้อนแรกที่เราทำนี่ มันไม่เละ ไม่ยุบ ดูเป็นรูปร่าง ก็ดีมากแล้ว
จากนั้นเราก็ปล่อยให้มันเย็น รอให้ถึงเวลาชิม
และแล้ว
เวลาที่รอคอยก็มาถึง
ขณะที่เรากำลังตัดเค้ก “เนื้อแน่นดีจัง คงจะอร่อยดีนะ” แต่พอเราตักมันเข้าปากเท่านั่นแล อึ้งไปสามวิ ก็มันแข็งมาก ๆ หยาบกว่ากินซาลาเปาที่ตากลมมาทั้งวัน แถมรสก็ขมกว่ากาแฟเสียอีก
“โอ้ไม่จริง ก็เราทำตามสูตรนี่นา มันไม่น่าจะออกมารสแย่ขนาดนี้”
หลังจากงงอยู่พักใหญ่ เราก็เริ่มลำดับความคิด แล้วความฉลาดก็เข้ามาเยี่ยมเยือน
เราเริ่มเข้าใจว่าการทำเค้กไม่ได้มีแค่ทำตามสูตรอย่างเดียว สูตรมันบอกเพียงว่าใส่อะไรเท่าไหร่ แต่เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่ควรรู้ไม่ได้บอกไว้
หลังจากเรียนรู้จากผู้ที่ทำเค้กเป็นมาก่อนแล้ว ก็รู้ว่า
ก็เรื่องเลวร้ายทั้งหมดนี้มันเริ่มตั้งแต่ตอนที่เราร่อนแป้ง ร่อนผงโกโก้ การตวงส่วนผสมทั้งหมด
ในช่วงที่เราร่อนแป้ง เราไม่ได้สนใจเลยว่าแป้งที่เราร่อนมันกองกันสูงมาก ๆ ทำให้แป้งซ้อนกันจนหนัก และการที่แป้งหนักหรือแน่น เป็นที่มาของเค้กที่แข็งกระด้าง
ในความคิดของเรานั้น การร่อนแป้งหรือผงโกโก้หรือผงฟูเป็นการแยกส่วนที่ไม่ต้องการออกแล้วก็ทำให้แป้งนั้นเบา ถ้าหากร่อนแป้งกองเป็นกองสูง ๆ มาก น้ำหนักของแป้งจะทับกันเองแล้วก็จับตัวกันแน่น ทำให้การร่อนแทบไม่มีประโยชน์เลย
จากนั้นช่วงที่ตวงแป้งกับผงโกโก้ เราตวงเสร็จเราก็เคาะมันเพราะเรากลัวว่ามันจะไม่ครบหนึ่งถ้วย พอเราเคาะหนึ่งที แป้งในถ้วยก็ยุบ จากนั้นเราก็ตวงเพิ่มแล้วเคาะจนมันแน่นพอดีหนึ่งถ้วย และสิ่งนี่แหละที่ผิดสุด ๆ
ตามความเป็นจริงแล้วการตวงต้องทำอย่างเบามือเป็นที่สุด ไม่เช่นนั้นจะทำให้แป้งหนักแล้วจะส่งผลกระทบให้เค้กแข็ง นอกจากนี้ถ้าเคาะแบบที่เราทำ แทนที่การตวงจะได้หนึ่งถ้วยตามสูตร จะกลายเป็นว่าเราได้แป้งมากกว่าที่ต้องการและหากเป็นผงโกโก้ หากเราใส่มันมากเกินจำเป็นแล้วจะทำให้เค้กมีสีเข้มเกินไปและรสขมไม่น่ารับประทาน เพราะผงโกโก้เป็นตัวให้สีและกลิ่นโกโก้และรสขมนิด ๆ ในบราวนี่ ดังนั้นเวลาตวงก็ให้ใช้ไม้พายทำเค้กตักอย่างเบามือแล้วใส่ลงในถ้วยตวงแล้วปาดส่วนเกินออกและห้ามเคาะเด็ดขาด
และอีกหนึ่งสิ่งที่แนะนำเกี่ยวกับผงฟู คือ ควรร่อนมันพร้อมกับแป้งที่เราร่อนและตวงเสร็จแล้วอีกครั้งเพื่อให้ผงฟูกระจายอยู่ทั่วในแป้ง ไม่กระจุกอยู่จุดใดจุดหนึ่ง เพราะถ้ามันอยู่ที่จุด ๆ เดียวจะทำให้ที่จุดนั้นมีรสขม
ส่วนการเลือกช็อกโกแลตที่จะเอามาทำบราวนี่ อาจจะใช้ช็อกโกแลตสำหรับทำหน้าเค้กมาใช้ก็ได้ แต่เราแนะนำให้ใช้ช็อกโกแลตแท่งที่ขายกันทั่วไปเพราะมันจะละลายเมื่อเข้าปาก ด้วยสูตรที่เราทำมันใช้สำหรับเตาไมโครเวฟ และจะมีหน้าเค้กอยู่เลยจึงเลือกใช้ช็อกโกแลตแท่ง และมันใช้ให้รสสัมผัสที่นุ่มและหอมหวานกว่าช็อกโกแลตสำหรับทำหน้าเค้ก
และในการละลายช็อกโกแลตหรือเนย ไม่ควรให้ช็อกโกแลตหรือเนยถูกความร้อนโดยตรง เพราะมันจะไหม้ ให้ใช้วิธีใส่ชามแล้วไปวางในหม้อที่มีน้ำร้อนแล้วพวกมันจะละลายเอง แม้ว่าจะใช้เวลามากเสียหน่อย และระวังอย่าให้น้ำกระเด็นลงไปในชามที่ใส่ช็อกโกแลตหรือเนย
ด้วยวิธีการนี้สามารถเอาไปใช้เวลาจะละลายช็อกโกแลตเพื่อทำช็อกโกแลตสูตรของตัวเองหรือเพื่อราดหน้าเค้กหรือขนม เพราะถ้าช็อกโกแลตถูกความร้อนโดยตรงนอกจากไหม้แล้ว เวลาที่เราทานมันจะไม่ละลายในปากและแข็ง เพราะจากการที่มันถูกความร้อนโดยตรงซึ่งร้อนมากทำให้เวลาที่มันจะละลายอีกครั้งต้องใช้ความร้อนสูงกว่าอุณหภูมิของร่ายกาย ฉะนั้นเวลากินก็จะไม่อร่อย นอกจากนี้น้ำร้อนที่ใช้ในการหลอมช็อกโกแลต ก็ใช้น้ำร้อนที่พอจะทำให้ช็อกโกแลตละลายก็พอไม่ควรใช้น้ำเดือดไม่เช่นนั้นก็จะคล้ายเป็นการให้ความร้อนโดยตรงเพียงแต่มันจะไม่ไหม้เท่านั้น
ส่วนเนยนั้นเวลาเราละลายมันเสร็จแล้วตั้งไว้สักพัก จะเห็นน้ำเนยแยกส่วนกัน คือส่วนที่เป็นน้ำใส ๆ กับส่วนที่ตกตะกอน ในการทำเค้กส่วนใหญ่จะเอาส่วนน้ำเนยบริสุทธิ์ซึ่งคือส่วนที่ใส ๆ มาใช้เท่านั้น ส่วนที่ตกตะกอนซึ่งคือโปรตีนนมจะไม่เอา เราไม่แน่ใจว่ามันจะทำให้เค้กยุบหรือกระด้าง(เอาเป็นว่าไม่ต้องสนใจในส่วนของเนยที่ตกตะกอนก็แล้วกัน)
หลังจากหัดทำบราวนี่กว่าสิบก้อน
ในที่สุด
บราวนี่ที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์ก็ออกมา
รูปร่างภายนอก เค้กมีหน้าช็อกโกแลตที่ไม่แข็ง เยิ้มนิด ๆ กระจายอยู่ทั่วสม่ำเสมอ ตกแต่งด้วยเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ที่คั่วใหม่และกรอบ เค้กมีกลิ่นหอมหวาน เนื้อเค้กหอมนุ่มและแน่นไม่กระด้าง มีเมล็ดมะม่วงหิมพานต์หั่นเป็นชิ้นเล็กกระจายอยู่ทั่วไป ให้รสสัมผัสกรุบกรอบ ส่วนรสก็หวานหอมอมขมนิด ๆ ไม่เลี่ยน และถ้าหากเอาไปแช่เย็นเนื้อเค้กก็ยิ่งแน่นกว่าเดิมคล้าไอศรีมเค้ก น่ากินเป็นที่สุด
"ดีใจจังในทีสุดมันก็สำเร็จสักที"
^ - ^
__________________
ผลงานอื่นๆ ของ freda ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ freda
ความคิดเห็น