เคล็ดไม่ลับการทำบราวนี่ - เคล็ดไม่ลับการทำบราวนี่ นิยาย เคล็ดไม่ลับการทำบราวนี่ : Dek-D.com - Writer

    เคล็ดไม่ลับการทำบราวนี่

    ถ้าคุณกำลังจะทำบราวนี่และอยากได้บราวนี่ที่ไม่แข็งเหมือนหินละก็ ลองอ่านดูสิ (เรียบเรียงจากประสบการณ์ตรงเชียวนะ)

    ผู้เข้าชมรวม

    5,707

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    6

    ผู้เข้าชมรวม


    5.7K

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    1
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  21 เม.ย. 49 / 17:23 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      อืม  กลิ่นหอมน่ากิน 

       

      ในที่สุด  หลังจากความพยายามกว่าสองชั่วโมง

       

      เค้กก้อนแรกของเรา บราวนี่  กำลังจะปรากฏโฉมแล้ว  ^-^

       

       

      ผ่านไป สามนาที

       

      -_-  -_-  -_-  -_-  -_-  -_-  -_-  -_-  -_-  -_-

       

       

      กริ้ง  เสียงกริ่งจากเตาอบก็ดัง  บ่งบอกถึงเวลาที่ฉันกำลังรอ

       

      เราไม่รอช้า  รีบสวมถุงมือกันร้อน  เปิดเตา  แล้วเอาพิมพ์ที่ใช้อบเค้กออกมาแล้ววางมันบนโต๊ะ

       

       

      เรายืนชื่นชมกับเค้กก้อนแรกอยู่พักใหญ่ด้วยความภูมิใจ  ก็แน่ล่ะ  มันเค้กก้อนแรกที่เราทำด้วยตัวเองทั้งหมด  แถมเรายังรบราฆ่าฟันกับมันมากว่าสองชั่วโมง  

       

       

      ถึงส่วนที่เรากำลังมองอย่างพอใจนั้นมันจะเป็นด้านล่างของเค้ก  มันจะไม่ใช่ส่วนล่างได้อย่างไรในเมื่อเรายังไม่ได้คว่ำเค้กเลย   แม้อย่างนั้น  มันก็น่าดีใจที่มันดูเป็นรูปเป็นร่าง  ไม่เละไม่ยุบ  ดูคล้ายเค้กทั่วไปแม้มันจะมีสีที่ออกจะเข้มกว่าบราวนี่ปกติไปสักนิด

       

       

      แต่ก็มีบางอย่างเตือนเราว่าอย่าเพิ่งดีใจไป 

       

      ใช่แล้ว   เรายังไม่ได้คว่ำมัน

       

       

      เราจึงจัดการคว่ำพิมพ์ลงกับจานที่แห้งสนิทที่เราได้เตรียมไว้  

       

      แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย  

       

       

      เพราะอะไรนะหรอ   

       

       

       

      ก็มันร้อนมากน่ะสิ   ลองจินตนาการถึงชามกระเบื้องที่ใส่ซุบแล้วเอาไปอบในเตาไมโครเวฟสักห้านาทีด้วยความร้อนสูงสุด  แน่นอนว่ามันต้องร้อนสุด ๆ แม้จะใส่ถุงมือกันร้อนแล้วก็ตาม  แต่เค้กนี่มันร้อนกว่าซุบเสียอีก  กว่าจะทำใจจับพิมพ์คว่ำมันลงได้  ก็ใช้เวลานานทีเดียว  อีกอย่าง  เราต้องระวังมาทีเดียว  ก็เรากลัวว่าเค้กจะหล่นไปนอกจาน  เสียดานอุตส่าห์ทำมาตั้งนาน  จะมาพังตอนจบได้อย่างไรกัน

       

       

       

       

       

       

       

      เอ๋  ทำไมมันไม่หล่นล่ะ  ก็เค้กของเรามันไม่ยอมหลุดจากพิมพ์นะสิ   เราต้องพยายามเคาะมันเสียอยู่นาน  แต่พอเราจะเอาพิมพ์ออกจากจาน

       

       

      เอาอีกแล้ว   ปัญหามากเสียจริง  ทำไมมันติดกันอย่างนี้ล่ะ  เราบ่นออกมาขณะพยายามดึงพิมพ์ออกจากจาน  พวกมันก็ทำเป็นเล่นตัวไม่ยอมแยกจากกัน  ติดกันยังกะตังเม  แต่เราก็พอจะเข้าใจนะว่า  เพราะตอนคว่ำมันร้อนมากแต่ตอนนี้มันเย็นลงบ้างแล้วทำให้ที่ว่างระหว่างจานกับพิมพ์มีสภาพคล้ายสุญญากาศ  มันก็เลยดูดกันแน่น

       

       

      แต่พอเราเอามันออกจากันได้  เค้กสุดที่รักของเราก็ส่งเรื่องน่าแปลกใจมาให้เราอีก

       

       

      ก็หน้าเค้กมันหายไป!!!!   แต่ตามสูตรแล้วมันจะมีหน้าด้วยเลยนี่  แต่ช่างมันเถอะ  ก็มันเค้กก้อนแรกที่เราทำนี่  มันไม่เละ  ไม่ยุบ  ดูเป็นรูปร่าง  ก็ดีมากแล้ว

       

       

      จากนั้นเราก็ปล่อยให้มันเย็น  รอให้ถึงเวลาชิม

       

       

       

      และแล้ว

       

       

       

      เวลาที่รอคอยก็มาถึง

       

       

      ขณะที่เรากำลังตัดเค้ก  เนื้อแน่นดีจัง  คงจะอร่อยดีนะ แต่พอเราตักมันเข้าปากเท่านั่นแล  อึ้งไปสามวิ  ก็มันแข็งมาก ๆ หยาบกว่ากินซาลาเปาที่ตากลมมาทั้งวัน  แถมรสก็ขมกว่ากาแฟเสียอีก 

       

      โอ้ไม่จริง  ก็เราทำตามสูตรนี่นา  มันไม่น่าจะออกมารสแย่ขนาดนี้ 

       

       

       

       

       

      หลังจากงงอยู่พักใหญ่   เราก็เริ่มลำดับความคิด  แล้วความฉลาดก็เข้ามาเยี่ยมเยือน 

       

       

       

      เราเริ่มเข้าใจว่าการทำเค้กไม่ได้มีแค่ทำตามสูตรอย่างเดียว  สูตรมันบอกเพียงว่าใส่อะไรเท่าไหร่  แต่เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่ควรรู้ไม่ได้บอกไว้

       

       

      หลังจากเรียนรู้จากผู้ที่ทำเค้กเป็นมาก่อนแล้ว  ก็รู้ว่า

       

       

       

       

      ก็เรื่องเลวร้ายทั้งหมดนี้มันเริ่มตั้งแต่ตอนที่เราร่อนแป้ง   ร่อนผงโกโก้   การตวงส่วนผสมทั้งหมด  

       

       

       

      ในช่วงที่เราร่อนแป้ง  เราไม่ได้สนใจเลยว่าแป้งที่เราร่อนมันกองกันสูงมาก ๆ ทำให้แป้งซ้อนกันจนหนัก  และการที่แป้งหนักหรือแน่น  เป็นที่มาของเค้กที่แข็งกระด้าง

        

      ในความคิดของเรานั้น  การร่อนแป้งหรือผงโกโก้หรือผงฟูเป็นการแยกส่วนที่ไม่ต้องการออกแล้วก็ทำให้แป้งนั้นเบา  ถ้าหากร่อนแป้งกองเป็นกองสูง ๆ มาก น้ำหนักของแป้งจะทับกันเองแล้วก็จับตัวกันแน่น  ทำให้การร่อนแทบไม่มีประโยชน์เลย

       

       

       

      จากนั้นช่วงที่ตวงแป้งกับผงโกโก้   เราตวงเสร็จเราก็เคาะมันเพราะเรากลัวว่ามันจะไม่ครบหนึ่งถ้วย  พอเราเคาะหนึ่งที  แป้งในถ้วยก็ยุบ  จากนั้นเราก็ตวงเพิ่มแล้วเคาะจนมันแน่นพอดีหนึ่งถ้วย   และสิ่งนี่แหละที่ผิดสุด ๆ  

       

       

      ตามความเป็นจริงแล้วการตวงต้องทำอย่างเบามือเป็นที่สุด  ไม่เช่นนั้นจะทำให้แป้งหนักแล้วจะส่งผลกระทบให้เค้กแข็ง  นอกจากนี้ถ้าเคาะแบบที่เราทำ  แทนที่การตวงจะได้หนึ่งถ้วยตามสูตร  จะกลายเป็นว่าเราได้แป้งมากกว่าที่ต้องการและหากเป็นผงโกโก้  หากเราใส่มันมากเกินจำเป็นแล้วจะทำให้เค้กมีสีเข้มเกินไปและรสขมไม่น่ารับประทาน  เพราะผงโกโก้เป็นตัวให้สีและกลิ่นโกโก้และรสขมนิด ๆ ในบราวนี่   ดังนั้นเวลาตวงก็ให้ใช้ไม้พายทำเค้กตักอย่างเบามือแล้วใส่ลงในถ้วยตวงแล้วปาดส่วนเกินออกและห้ามเคาะเด็ดขาด

       

       

       

       

      และอีกหนึ่งสิ่งที่แนะนำเกี่ยวกับผงฟู  คือ  ควรร่อนมันพร้อมกับแป้งที่เราร่อนและตวงเสร็จแล้วอีกครั้งเพื่อให้ผงฟูกระจายอยู่ทั่วในแป้ง  ไม่กระจุกอยู่จุดใดจุดหนึ่ง  เพราะถ้ามันอยู่ที่จุด ๆ เดียวจะทำให้ที่จุดนั้นมีรสขม 

       

       

       

       

      ส่วนการเลือกช็อกโกแลตที่จะเอามาทำบราวนี่  อาจจะใช้ช็อกโกแลตสำหรับทำหน้าเค้กมาใช้ก็ได้  แต่เราแนะนำให้ใช้ช็อกโกแลตแท่งที่ขายกันทั่วไปเพราะมันจะละลายเมื่อเข้าปาก  ด้วยสูตรที่เราทำมันใช้สำหรับเตาไมโครเวฟ  และจะมีหน้าเค้กอยู่เลยจึงเลือกใช้ช็อกโกแลตแท่ง  และมันใช้ให้รสสัมผัสที่นุ่มและหอมหวานกว่าช็อกโกแลตสำหรับทำหน้าเค้ก

       

       

       

       

      และในการละลายช็อกโกแลตหรือเนย  ไม่ควรให้ช็อกโกแลตหรือเนยถูกความร้อนโดยตรง  เพราะมันจะไหม้  ให้ใช้วิธีใส่ชามแล้วไปวางในหม้อที่มีน้ำร้อนแล้วพวกมันจะละลายเอง  แม้ว่าจะใช้เวลามากเสียหน่อย  และระวังอย่าให้น้ำกระเด็นลงไปในชามที่ใส่ช็อกโกแลตหรือเนย

       

       

      ด้วยวิธีการนี้สามารถเอาไปใช้เวลาจะละลายช็อกโกแลตเพื่อทำช็อกโกแลตสูตรของตัวเองหรือเพื่อราดหน้าเค้กหรือขนม  เพราะถ้าช็อกโกแลตถูกความร้อนโดยตรงนอกจากไหม้แล้ว  เวลาที่เราทานมันจะไม่ละลายในปากและแข็ง  เพราะจากการที่มันถูกความร้อนโดยตรงซึ่งร้อนมากทำให้เวลาที่มันจะละลายอีกครั้งต้องใช้ความร้อนสูงกว่าอุณหภูมิของร่ายกาย  ฉะนั้นเวลากินก็จะไม่อร่อย  นอกจากนี้น้ำร้อนที่ใช้ในการหลอมช็อกโกแลต  ก็ใช้น้ำร้อนที่พอจะทำให้ช็อกโกแลตละลายก็พอไม่ควรใช้น้ำเดือดไม่เช่นนั้นก็จะคล้ายเป็นการให้ความร้อนโดยตรงเพียงแต่มันจะไม่ไหม้เท่านั้น

       

       

       

       

      ส่วนเนยนั้นเวลาเราละลายมันเสร็จแล้วตั้งไว้สักพัก  จะเห็นน้ำเนยแยกส่วนกัน  คือส่วนที่เป็นน้ำใส ๆ กับส่วนที่ตกตะกอน  ในการทำเค้กส่วนใหญ่จะเอาส่วนน้ำเนยบริสุทธิ์ซึ่งคือส่วนที่ใส ๆ มาใช้เท่านั้น  ส่วนที่ตกตะกอนซึ่งคือโปรตีนนมจะไม่เอา  เราไม่แน่ใจว่ามันจะทำให้เค้กยุบหรือกระด้าง(เอาเป็นว่าไม่ต้องสนใจในส่วนของเนยที่ตกตะกอนก็แล้วกัน)

       

       

      หลังจากหัดทำบราวนี่กว่าสิบก้อน

       

       

      ในที่สุด

       

       

      บราวนี่ที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์ก็ออกมา

       

       

       

      รูปร่างภายนอก  เค้กมีหน้าช็อกโกแลตที่ไม่แข็ง  เยิ้มนิด ๆ กระจายอยู่ทั่วสม่ำเสมอ  ตกแต่งด้วยเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ที่คั่วใหม่และกรอบ   เค้กมีกลิ่นหอมหวาน   เนื้อเค้กหอมนุ่มและแน่นไม่กระด้าง  มีเมล็ดมะม่วงหิมพานต์หั่นเป็นชิ้นเล็กกระจายอยู่ทั่วไป  ให้รสสัมผัสกรุบกรอบ   ส่วนรสก็หวานหอมอมขมนิด ๆ ไม่เลี่ยน  และถ้าหากเอาไปแช่เย็นเนื้อเค้กก็ยิ่งแน่นกว่าเดิมคล้าไอศรีมเค้ก  น่ากินเป็นที่สุด 

      "ดีใจจังในทีสุดมันก็สำเร็จสักที"


      ^ - ^



      __________________

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×