ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [KHR Fanfic][2769] When the time has come... you belong me

    ลำดับตอนที่ #9 : Chapter 8 Civil Union

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 835
      25
      27 ก.ย. 54

    Chapter 8 Civil Union

     

       ‘เอเรียตต้า ต่อจากนี้ไปพ่อคงต้องฝากหน้าที่ดูแลท่านสควอลโล่ไว้กับลูกแล้วนะ

       ‘วาเรียเหรอคะ? ...ไม่รู้นะคะว่าหนูจะทำได้ดีแค่ไหน

       ถ้าเป็นลูกต้องทำได้ดีอยู่แล้วล่ะ แต่ว่า... บอสของวาเรีย ท่านแซนซัสออกจะเป็นคนเอาแต่ใจแล้วก็ทำอะไรรุนแรงไปสักหน่อย ถ้าเป็นไปได้ก็เลี่ยงๆ ที่จะเผชิญหน้าโดยตรงไว้นะ

     

       ท่านแซนซัส... เป็นอย่างที่พ่อพูดไว้เลย...

       มาที่นี่ โดนรับน้องอย่างโหด แต่ตอนนั้นเตรียมใจไว้ก่อนมาแล้วจึงไม่ได้คิดอะไร

       พฤติกรรมของบอสได้ยินจากพ่อบ่อยๆ... คิดว่าทำใจไว้แต่แรกแล้วจะไม่เป็นไร

       พอเจอบอสมีท่าทางใจดีเข้าหน่อยแล้วนอนหลอนฝันร้ายทั้งคืนเลยเรา

     

       เอเรียตต้าหยิบชุดเดรสสีขาวล้วนที่ทอจากผ้าไหมชั้นเลิศที่บอสให้มาดู... ถ้าให้เธอซื้อเองกระเป๋าตังค์คงมีแต่แกลบไปยันสิ้นปีหน้าแน่... บอสคิดยังไงถึงได้ให้เธอมานะ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เห็นหน้าเธอทีไรทำหน้าบอกบุญไม่รับทุกที... แต่เมื่อคืน จู่ๆ ก็... นึกถึงตอนที่บอสทำหน้ายิ้มๆ แล้วเอาช้อนจิ้มสเต๊กเนื้อสันให้เธอทานแล้วยังกลัวอยู่เลย... บางทีบอสอาจเปลี่ยนแผนกำจัดเธอเป็นการวางยาพิษก็ได้... ชุดสวยๆ นี่ก็อาจเอามากำนัลให้เธอตายใจแล้วหลอกเชือดทีหลัง ส่วนฉลามก็เอามาทำลายหลักฐานหลังเชือดเธอเสร็จแล้ว ~ บรื๊อ~ สยอง

     

       “แต่งตัวเรียบร้อยแล้วค่ะบอส เอเรียตต้าชะโงกหน้าผ่านประตูห้องบอส ยังไม่กล้าเข้าไปในห้อง

       แกก็ตามฉันมาด้วยสควอลโล่ แซนซัสสั่งให้คนที่เพิ่งเอาเอกสารมาให้เดินตามออกไป แต่ไม่ได้บอกว่าจะไปไหน

     

       เฟอรารี่...? ...

       ว้าว~ น้ำลายเกือบหกแน่ะ~ บอสให้ขึ้นไปนั่งได้จริงๆ นะ?!

       เอเรียตต้าลืมกลัวไปเลยเมื่อแซนซัสบอกให้ขึ้นรถสีดำคันหรู

       แอร์เย็นๆ เบาะนุ่มๆ... เครื่องเสียงเซอราวนด์... เจ๋งสุดๆ

     

       แซนซัสมองกระจกหลังแล้วเห็นเอเรียตต้าจับล่อกแล่กมองโน่นมองนี่แล้วอดคิดไม่ได้ อายุสิบสี่เป็นช่วงวัยรุ่นไม่ใช่เด็กแล้ว แต่ปฏิกิริยาอย่างนี้ ยังเด็กอยู่เลยนี่นะ... เห็นอย่างนี้แล้วรู้สึกว่าที่เคยเห็นเป็นศัตรูหัวใจเป็นเรื่องไร้สาระเป็นบ้า... แต่คิดอีกแง่หนึ่งแล้ว ทำไมเลขาคนก่อนของสควอลโล่ถึงได้ให้ลูกสาวที่ยังไม่ประสีประสาอะไรมาทำงานแบบนี้นะ... แม้ตำแหน่ง เลขาจะไม่ได้มีหน้าที่ไปสู้รบปรบมือกับใคร แต่เป็นตำแหน่งที่ใกล้ชิดกับวาเรียระดับผู้บริหารที่มีศัตรูรอบด้านจึงมีความเสี่ยงไม่แพ้กัน

     

       เฮ้ย บอส อย่าบอกนะว่าแกเปลี่ยนรสนิยมมาเป็นโลลิค่อนแล้วน่ะ ถึงจะเป็นนายก็ห้ามยุ่งกับคนของฉันนะ!” เห็นแซนซัสแอบมองเอเรียตต้าตั้งหลายหนแล้วสควอลโล่จึงกระซิบถามบอสของตนเพราะไม่อยากให้เด็กได้ยิน

       พูดอะไรบ้าๆ ไอ้สวะนี่!” แซนซัสจับหัวสควอลโล่โขกกระจกข้างไปเต็มรัก

       ไอ้บอสงี่เง่านี่!! มันเจ็บนะเฟ้ย!!!!!!!!!! สควอลโล่โวยใส่

       นั่งไปเงียบๆ แซนซัสสั่ง

     

       บอสรักท่านสควอลโล่แบบไหนกันคร้า~ แล้วมือ~ มือบอสน่ะ~

       จับพวงมาลัยด้วยสิคะอย่ามัวแต่จิกหัวท่านสควอลโล่~ เดี๋ยวก็ตายหมู่หรอก

     

       เอเรียตต้าที่ไม่รู้ว่าสควอลโล่โดนทำโทษเพราะอะไรอ้าปากค้างกับการแสดงความรักแบบถึงลูกถึงคน

     

       คงเป็นเพราะ... ผมสีเงินนั่นแหละ... ที่ทำให้เขาอดเป็นห่วงไม่ได้

       เพราะสีเงิน... คือสีของแสงดาวที่ส่องประกายอยู่ ณ น่านฟ้ายามราตรี

       และเพราะทุกครั้งที่เห็นสีนั้นมันทำให้เขานึกถึงบุคคลอันเป็นที่รัก

     

       แล้ว... ไอ้ฉลามโง่นี่มันเคยเข้าใจอะไรบ้างมั้ย?!!!!!!!

     

     

       “เรื่องที่คุยกันเมื่อวานตกลงว่าแกเอายังไง? นักฆ่าอันดับหนึ่งของโลกถามลูกศิษย์ของตนโดยไม่สนใจผู้พิทักษ์แห่งหมอกที่อยู่ด้วย

       ถ้าฉันบอกว่าจะอยู่ที่อิตาลีต่อล่ะ สึนะลองหยั่งความคิดของผู้เป็นอาจารย์ด้วยการไม่ตอบคำถามให้ชัดเจน

       ถ้าแกยังมีคุณสมบัติที่จะเป็นบอสไม่พอ ฉันคงไม่ให้แกมาอยู่ที่จุดนี้หรอก รีบอร์นตอบกลับแบบคลุมเครือเช่นเดียวกัน แล้วจากไปโดยไม่ถามอะไรอีก

       ขอบใจนะรีบอร์น สึนะเข้าใจว่าการที่รีบอร์นพูดเช่นนั้นเพราะเชื่อในการตัดสินใจของเขา

     

       อัลโกบาเลโน่กับวองโกเล่... พูดถึงเรื่องอะไรกัน?

     

       เมื่อคืนนี้คุณแม่ของฉันโทรมาถามว่าจะเรียนต่อหรือเปล่า สึนะเห็นมุคุโร่ทำหน้าสงสัยจึงบอกให้รู้ ไม่ใช่เรื่องที่ต้องปิดบังอยู่แล้ว

       กลับไปเรียนที่ญี่ปุ่นน่ะหรือครับ?” ถ้าวองโกเล่กลับไปที่นั่น ...แล้วเขาล่ะ...

       ฉันว่าฉันพูดไปแล้วนะ ว่าจะอยู่ที่อิตาลีต่อน่ะ ฉันยังมีเรื่องที่ต้องสะสางอีกตั้งหลายเรื่อง ทั้งเรื่องของนาย ทั้งเรื่องของแฟมิลี่ศัตรู การที่รุ่นที่เก้ายังต้องออกหน้าเป็นบอสลวงคนภายนอกนั้น เป็นเพราะเขายังอาจต้องติดพันเรื่องเรียน แต่ว่า ถ้าแค่เรื่องเรียนจะที่อิตาลีหรือที่ญี่ปุ่นก็เหมือนกันนั่นแหละ... อีกอย่าง ถ้าเป็นที่นี่ สามารถพาสชั้นได้ด้วย จะเอาแค่วุฒิเขาไม่อยากเสียเวลาหลายปี... ถ้าเป็นด้านความรู้เขามีอาจารย์ดีอย่างโกคุเดระกับรีบอร์นอยู่แล้ว

     

       การที่เขามาอยู่ฝั่งอิตาลีก็เป็นกังวลอยู่ว่าจะทำให้แม่เป็นห่วง... ทว่า... คำพูดนั้น......

       ซือคุง แม่อยากให้ลูกตัดสินใจเพื่อตัวเองนะ ไม่ต้องเป็นห่วงแม่หรอก แม่อยู่คนเดียวได้สบายมาก

     

       เขาใช้เวลาเกือบทั้งคืนเพื่อตัดสินใจ... และเขาก็เลือกแล้ว

       สิ่งที่เขาตัดสินใจไม่ใช่เพื่อแฟมิลี่... แต่เพื่อตัวของเขาเอง...

     

       คุณรีบอร์น ปล่อยให้เจ้ามุคุโร่อยู่กับบอสแค่สองคนอย่างนั้นมันจะดีเหรอครับ? ผู้พิทักษ์วายุที่โดนกีดกันไม่ให้พบบอสสุดหวงสุดห่วงแทบจะร้องไห้น้ำตาเป็นสายเลือด

       แกไม่เชื่อใจบอสแกรึไง โดนรีบอร์นสวนทีเดียวจุกเลย

       เชื่อสิคร้าบ ผมน่ะเชื่อใจรุ่นที่สิบล้านเปอร์เซ็นต์เลยนะครับ!! ที่ไม่เชื่อน่ะมันเจ้ามุคุโร่ต่างหาก!!!!”

       สัตว์เลี้ยงน่ะ จับล่ามโซ่ ใส่ปลอกคอ ฝึกให้เข้มงวดเดี๋ยวมันก็เชื่องเอง ทารกอัลโกบาเลโน่ยิ้มมุมปาก

       นั่นสิเนอะ~” ยามาโมโตะที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลยทำเนียนหน้าตาเฉย พูดยังกะรู้เรื่อง

       เนอะอะไรของแกวะ! เจ้ามุคุโร่มันไม่ใช่หมานะเฟ้ยไอ้บ้าเบสบอล!!!”

       ทำให้ใช่ซะก็สิ้นเรื่อง รีบอร์นโปรยยิ้มอำมหิตกระชากวิญญาณ(?)

     

       ทำให้ใช่ซะก็สิ้นเรื่อง... ถ้าเป็นแก... ทำได้อยู่แล้วนี่สึนะ...

     

       สายหมอกเกลียดชังโลกใบนี้เพราะไร้ซึ่งแสงสว่างสำหรับตนเอง

       หากนภาสีทองอันเรืองรองสาดแสงทำลายความมืดนั้นแล้วล่ะก็...

     

       ไม่เบื่อบ้างรึครับ ขีดๆ เขียนๆ ไอ้กระดาษพวกนั้นน่ะ? มุคุโร่ได้แต่นั่งดูเงียบๆ อย่างเดียวมาหลายชั่วโมง เอกสารจากหลายฝ่ายของวองโกเล่จะมาสุมรวมกันที่ห้องบอส บางชุดแค่ต้องอ่านผ่านตาเพื่อรับรู้อย่างเดียว บางชุดก็ต้องเซ็นและประทับตรากำกับไว้ด้วย เห็นได้พักก็แค่ตอนช่วงทานอาหารกลางวันเท่านั้นเอง

       ฉันเป็นบอสนี่นา อีกอย่างมันก็ไม่ได้เยอะอย่างนี้ทุกวัน ปกติโกคุเดระคอยช่วยด้วย แต่ยามาโมโตะเพิ่งจะมาถึง เขาอยากปล่อยให้คู่รักได้ใช้เวลาด้วยกันบ้าง และเขาก็จะได้อยู่ตามลำพังกับมุคุโร่ด้วย

       แต่ผมเบื่อแล้วล่ะครับ มุคุโร่ยั่วด้วยการเลียแก้มของคนที่เขานั่งตักอยู่

       ยั่วฉันอย่างนี้ระวังคืนนี้จะไม่ได้นอนทั้งคืนนะ ชอบเวลามุคุโร่อ้อนก็จริง แต่กลัวตัวเองจะอดใจไม่ไหวทำเลยเถิดไปนี่สิ

       ถ้างั้น แค่จูบอย่างเดียวก็ได้ครับ มุคุโร่ยังอ้อนต่อ

       ช่วยไม่ได้นะ สึนะวางปากกาลงแล้วทำตามคำขอ

     

    ความอ่อนโยนของนภาสีทอง คล้ายดังเช่นพิษร้ายสำหรับคนที่เคยอยู่แต่ในความมืด

    ด้วยรู้ดีว่านภายิ่งใหญ่เกินกว่าที่จะเป็นของสายหมอกแต่เพียงผู้เดียว

     

       คลื่นซัดสาดเข้ากระทบชายฝั่ง แล้วม้วนเป็นเกลียวกลับไป

       เสียงคลื่นดังครืนๆ ...แต่เสียงคนกลับเงียบกริบ......

       จนกระทั่งฉลามหนุ่มอดทนกับความเงียบไม่ไหวจึงโพล่งออกมา

     

       บอส พวกเรามาทำอะไรกันที่นี่วะ? คิดว่าเป็นเรื่องงานเลยตามมาโดยไม่ได้สงสัย แต่ต้องนั่งเฉยๆ มาตั้งนานแล้ว สควอลโล่เริ่มหงุดหงิดที่แซนซัสเอาแต่เงียบ ส่วนเอเรียตต้าก็เอาแต่นั่งแทะหมึกปิ้งที่รถเข็นมาขาย (ชายหาดอิตาลีมันมีรถเข็นขายหมึกปิ้งด้วยเรอะ?) จะคิดว่านั่งส่องสาวๆ ในชุดบิกินี่ก็ไม่น่าใช่ ในเมื่อนางบำเรอของไอ้คุณบอสสวยกว่าสาวตามชายหาดตั้งเยอะ แถมยอมเปลื้องผ้าบริการให้บอสแบบถึงใจด้วยไม่ใช่ให้ดูได้แค่ตา ถึงพักหลังๆ จะไม่ค่อยได้เห็นหน้ายัยพวกนั้นก็เถอะนะ

       ......... นั่นสิ เอเรียตต้าก็สงสัยว่ามาทะเลกันทำไม แต่ปากก็ยังเคี้ยวง่ำๆ อยู่

       เฮ้ย อย่าเงียบสิวะ เขาต้องการคำตอบน่ะ คำตอบ!!!

       “แกจำไม่ได้รึว่าตัวเองพูดอะไรไว้บ้าง แซนซัสอยากจะจิกหัวฉลามไปกดน้ำนัก

     

       โอ๊ย เบื่อว้อย!!!! ทำไมงานมันเยอะอย่างนี้วะเนี่ย!!!!!!’

       ‘ไม่ใช่แค่สควอลโล่คนเดียวหรอกนะที่งานเยอะน่ะ เจ๊กับคนอื่นก็ยุ่งเหมือนกัน

       ‘ช่ายๆ เจ้าชายก็ยุ๊งยุ่ง

       ‘ฉันสิ ไม่มีเวลาไปเก็บค่าแชร์เลย

       ‘แต่ของฉันมันเยอะที่สุดเลยนี่หว่า เป็นรองหัวหน้านี่เสียเปรียบชิบ โอ๊ย เมื่อไหร่จะได้พักสักทีวะ

       ‘นั่นสิ ถ้าเจ๊ได้พักนะจะไปหาจู๋จี๋กับท่านเรียวเฮให้หนำใจเชียว

       ‘เจ้าชายก็จะไปกินซูชิที่บ้านลุง(ป๊ะป๋ายามะ)’

       ‘ส่วนฉันจะไปเก็บเงินค่าแชร์

       ‘แล้วหม่ามี๊ เอ๊ย สควอลโล่ล่ะมีแผนการในวันหยุดยังไงบ้าง ถ้าไงไปกินซูชิเป็นเพื่อนเจ้าชายมั้ย?

       ‘ไม่เอาฟ่ะ ได้พักทั้งทีขี้เกียจดูแลเด็ก

       ‘งั้นสควอลโล่อยากทำอะไรตอนว่างๆ ล่ะ? บอกหน่อยสิเจ้าชายอยากรู้

       ‘………ไปทะเล

     

       สควอลโล่ไม่เคยบอกใครว่าชอบทะเล แต่คนรอบข้างล้วนแล้วแต่รู้ว่าฉลามคนงามของวาเรียโปรดปรานโลเกชั่นที่เรียกว่า ทะเลเพียงใด ของส่วนใหญ่ที่สควอลโล่ชอบก็มาจากทะเลทั้งนั้น ...สัตว์ที่ชอบก็เป็นฉลาม อาหารที่ชอบก็มีทูน่าเป็นส่วนผสม... ดูออกง่ายจะตายไป

     

       เขาพูดว่าอยากมาทะเลก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าอยากมากับบอสนี่หว่า!

       แล้วเขาควรจะทำตัวยังไงต่อไปดีเนี่ย?

     

       ขณะที่สควอลโล่กำลังใช้สมองอย่างหนักว่าจะทำอะไรต่อไปดี เอเรียตต้าก็ยังนั่งหม่ำไข่นกกระทาที่ซื้อมาสบายใจเฉิบหลังจากแน่ใจแล้วว่าบอสไม่ได้พาเธอมาฆ่าหมกชายหาด(แน่ใจนะว่านี่ชายหาดอิตาลี) แซนซัสเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อไปดี

     

       เอ่อ... บอส... ขอบคุณนะ...... ทะเลหน้าหนาวไม่เหมาะจะลงไปเล่นน้ำ แต่แค่ได้รับลมเย็นๆ ได้ยินเสียงคลื่นซัดเข้าฝั่ง นั่งดูพระอาทิตย์ตกดินก็รู้สึกดีแล้ว เหนืออื่นใดที่ทำให้เขาดีใจก็คือ ...บอสจำเรื่องที่เขาพูดได้ด้วย

       งานสุดท้ายของแกในปีนี้ เซ็นซะไอ้สวะ แซนซัสส่งปากกากับกระดาษสองแผ่นให้สควอลโล่

     

       สควอลโล่เซ็นไปส่งๆ เพราะคิดว่าเป็นงานเอกสารของวาเรียอีกตามเคย

       แต่พออ่านข้อความหลังเซ็นเสร็จแล้ว...

     

       เฮ้ย!!!!!!!

     

    ใบหนึ่งคือทะเบียน Civil Union ซึ่งออกให้โดยรัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ มีสนธิสัญญากำกับไว้ว่า

    สเปลบี สควอลโล่ขอสาบานว่าชาตินี้จะเป็นขี้ข้าคอยรองมือรองตีนแซนซัสไปตลอดชาติ

     

     

       ...... สควอลโล่เอ่อแด๊ก~ ลืมโลกไปแล้ว~ Civil Union ถ้าจำไม่ผิดมันคือกฎหมายรองรับการแต่งงานของเพศเดียวกันใช่มั้ย? ถ้าเป็นทะเบียนของอิตาลียังพอแถสีข้างไปได้ว่าเป็นโมฆะเพราะรัฐบาลไม่อนุญาต แต่พี่ท่านเล่นไปเอาทะเบียนมาจากประเทศที่ใช้กฎหมาย Civil Union ซะนี่!!!

     

       แล้วอีกใบล่ะ?

     

    เอกสารรับรองบุตรบุญธรรม Arietta de Vongala

    มีตราเพลิงมรณะ และลายเซ็น เห็นชอบจากบอสรุ่นที่เก้าและสิบแห่งวองโกเล่แล้ว

    ลายเซ็นตรงรายชื่อผู้ประสงค์รับบุตรบุญธรรมมีลายเซ็นของเขา... กับลายเซ็นของบอส

     

       วิญญาณฉลามกำลังจะหลุดจากร่างต้องให้เอเรียตต้าช่วยฉุดไว้ให้ บอสทำอะไรท่านสควอลโล่เนี่ย

       จู่ๆ มีสามีหนึ่ง ลูกหนึ่งจะไม่ให้ช็อคได้ยังไง... แล้วไอ้แก่รุ่นเก้ากับไอ้หนูรุ่นสิบทำไมมันไม่ห้ามวะ!!

     

     

       “คึหึหึหึหึ วองโกเล่ครับ คุณนี่แสบไม่ใช่เล่นนะครับ มุคุโร่นึกภาพคู่ XS ที่น่าจะเป็นอยู่ตอนนี้แล้วฮากลิ้ง ทุกทีเขาจะไม่พอใจกับนิสัยของสึนะโยชิตอนนี้สักเท่าไหร่ แต่ครั้งนี้กลับสนุกตามไปด้วย

       ว่างๆ นายก็น่าจะไปเล่นกับพวกโคลมบ้างนะมุคุโร่ สึนะเตือน เขาไม่ได้ตั้งใจยึดมุคุโร่ไว้คนเดียว เห็นโคลมมาเมียงๆ มองๆ หน้าห้องทำงานเขาตั้งหลายครั้งแล้ว ที่ไม่เรียกมุคุโร่คงเพราะเห็นว่ามุคุโร่มัวแต่อ้อนเขาอยู่

       ผมอยากอยู่กับคุณนี่ครับ มุคุโร่ยิ้มยั่วพลางกอดรอบคอสึนะ

       แต่ก่อนที่สายหมอกจะได้มอบจูบแสนหวานให้กลับโดนนิ้วของสึนะคั่นไว้ นายเคยโกหกฉันได้สำเร็จสักครั้งมั้ยมุคุโร่?

       ...เชอะ มุคุโร่นิ่วหน้าอย่างขัดใจที่ถูกรู้ทัน

     

       การที่เขาไม่ยอมเข้าหาโคลม จิคุสะ เคนในช่วงนี้เป็นเพราะไม่อยากให้พวกนั้นเห็นความอ่อนแอของเขา ตอนที่จะเข้าหาพวกนั้นได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจก็คือตอนที่เขาสามารถทำอะไรได้โดยไม่ต้องพึ่งพาคนอื่นแล้วเท่านั้น

     

       พึ่งพาคนอื่นไม่ใช่เรื่องเสียหายหรอกนะ สามคนนั้นก็ไม่ได้เทิดทูนนายเพราะนายแข็งแกร่งสักหน่อย แต่เพราะนายเปรียบเสมือนโลกของพวกเขาต่างหาก สึนะจูบที่หน้าผากมุคุโร่แล้วเรียกโคลมให้มาพามุคุโร่ไป

     

       แล้ว... โลกของผมล่ะครับ วองโกเล่...




    -tbc-

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×