คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Chapter 6 White World
Chapter 6 White World
‘ทำไมท้องฟ้าในภาพถึงได้เป็นสีขาวล่ะจ๊ะซือคุง?’
‘ปล่อยไว้มันวาดง่ายกว่าลงสีนี่ฮะ ระบายก้อนเมฆเป็นสีฟ้าแทนก็ส่งครูได้แล้ว’
นภาสีขาว... ว่างเปล่า...
ไร้สีใดแต้มแต่ง...
เป็นเหมือนกระดาษขาวส่วนที่ไม่เคยขีดเขียนสิ่งใดลงไป
“เรื่องที่ผมขอให้ช่วยไม่มีปัญหาสินะครับ” สึนะเบาใจเมื่อข่าวที่ได้รับไม่ใช่ข่าวร้าย
“ความจริงเรื่องนี้เธอน่าจะจัดการเองนะ” เบียคุรันไม่เข้าใจว่าทำไมสึนะถึงได้ขอความช่วยเหลือจากเขา
ในเมื่อเพียงพญาราชสีห์คำราม สัตว์น้อยใหญ่ก็พากันหลบลี้ให้ห่างไกล
“ผมไม่ชอบงานแบบนี้นี่ครับ จะให้ลูกน้องจัดการก็ไม่อยากด้วย” งานที่เขาขอร้องให้เบียคุรันทำ คือปิดกั้นเส้นทางขนส่งยาเสพย์ติดของมาเฟียรัสเซียที่จะนำเข้ามาในประเทศ และถ้าหากทางนั้นดื้อด้านก็ตัดรากถอนโคนไปซะเลย
ตั้งแต่ครั้งบรรพกาล... วองโกเล่ปฏิเสธอยู่สองสิ่ง...
คือยาเสพย์ติด และการซื้อขายมนุษย์
ในยุคสมัยของวองโกเล่รุ่นที่สิบก็เช่นกัน อุดมการณ์นั้นไม่เคยเปลี่ยนไปไม่ว่าจะผ่านมากี่รุ่น
“กลัวว่าถ้าเกิดปะทะกันแล้วจะต้องนองเลือดงั้นเหรอ?” อยากจะรู้... เหตุผลที่ลึกลงไปกว่าคำว่า ‘ไม่ชอบ’
“ส่วนหนึ่งน่ะใช่” ...หางเสียงหายไป...
เบียคุรันไม่แปลกใจนักที่ได้เห็นด้านที่แข็งกร้าวของนภาแห่งวองโกเล่
ไม่ว่าจะปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างอ่อนโยนเช่นไร ราชสีห์ก็ยังเป็นราชสีห์วันยังค่ำ
เขาหลงใหล... ทั้งประกายแสงทองของนภายามอรุณรุ่ง...
และเขี้ยวและเล็บที่ทรงพลัง สามารถฉีกกระชากศัตรูได้เพียงการตะปบเพียงครั้งเดียว
สิ่งที่หวั่นเกรง... มิใช่การเหยียบย่ำหรือทำร้ายใคร
แต่เป็นความเคยชิน ที่จะรู้สึกการกระทำอย่างนั้นเป็นเรื่องปกติไปต่างหาก
นายห่วยสึนะ... ใช้ชีวิตอย่างไร้คุณค่า
ว่าที่รุ่นที่สิบของวองโกเล่แฟมิลี่... เพียงแค่ต้องการได้อยู่ร่วมกับผองเพื่อนโดยไม่ต้องทำร้ายใคร
บอสแห่งวองโกเล่... ปรารถนาที่จะเหนี่ยวนำใจตนไว้ไม่ให้ย่ำถลำในโคลนเลือดจนชุ่มไปด้วยสีแดงฉาน
โลกของมาเฟีย ไม่ใช่โลกของเด็กๆ ที่จะเล่นด้วยกันอย่างสนุกสนานไปวันๆ
โลกแห่งนี้เป็นโลกที่ปลาใหญ่กินปลาเล็ก และผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะอยู่รอด
โลกที่ก่อสร้างด้วยรากฐานของเลือดและซากศพของผู้แพ้เพื่อให้ผู้ชนะขึ้นไปปักธงชัย
นานวันเข้าจึงเข้าใจ... ว่าคุณค่าของชีวิตคนไม่เท่ากัน ...ไม่เคยเท่ากัน... และไม่มีวันที่จะเท่ากัน
ความเป็นจริงที่ทลายอุดมคติสวยหรูหากแต่ฉาบฉวย
ถ้าหากมีโจทย์ถามถึงคนสองคน และเขาสามารถเลือกคนใดคนหนึ่งให้มีชีวิตรอดได้เพียงคนเดียว
คนหนึ่งเป็นฆาตกรใจโหดหิน คนหนึ่งเป็นผู้บริสุทธิ์
ถ้าหากเขาเป็นผู้พิพากษา จากมุมมองที่ไม่เกี่ยวข้องกับทั้งสองคน แน่อยู่แล้วว่าเขาต้องเลือกคนหลัง
แต่ในทางกลับกัน ถ้าเป็นคนที่สำคัญสำหรับเขา... เขาพร้อมจะให้ความปราณีและอ้าแขนรับคนบาปเอาไว้
และพร้อมที่จะยกโทษ ในสิ่งที่คนทั้งโลกไม่อาจให้อภัย
“รักเธอที่เป็นแบบนี้จริงๆ” เบียคุรันยิ้มกว้างให้คนที่ทำให้เขาสนุกได้ทุกเมื่อ
ปีกสีดำของปีศาจ... และปีกสีขาวของเทวดา
มือที่ถือดาบเพื่อฟาดฟัน... และมือที่ถือโล่เพื่อพิทักษ์
สองโฉมหน้าที่ไม่มีด้านใดเป็นความเท็จ
‘รัก’
วองโกเล่... ผมเองก็.........
ความรู้สึกที่ไม่อาจเอื้อนเอ่ย... ด้วยสายหมอกคือภาพลวงที่ไม่อาจจับต้อง
หากว่าสูญเสียตัวตนไปจะมีสิ่งใดให้ยึดเหนี่ยว...
โลกของสายหมอกคือกล่องกระจกหกด้าน สะท้อนตัวตนหลากหลายที่เป็นเพียงสิ่งลวงตา
ขณะเดียวกันกล่องกระจกนี้เป็นเสมือนเกราะกำบัง
จากโลกซึ่งเป็นพิภพที่เขาเกลียดชังที่สุดไม่ให้กร้ำกรายเข้ามาในอาณาเขตจิตใจ
วองโกเล่บอกว่าเลิกคบกันไปแล้ว
แต่ฝ่ายนั้นดูเหมือนว่าถ่านไฟเก่าจะยังไม่มอด...
มุคุโร่กัดฟันแล้วลุกขึ้นยืน... เขาไม่อยากเห็น...
“ท่านมุคุโร่ ระวังค่ะ!!!!” โคลมเตือนคนที่ฝืนสังขารลุกขึ้นเดินเอง
ฟุ่บ~!
ไม่ได้กระแทกพื้น... โคลมรึ?... มุคุโร่ที่เซล้มเงยหน้าขึ้นอย่างสงสัย
“แอบหนีเที่ยวตอนกลางคืนนี่เป็นเด็กไม่ดีเลยนะมุคุโร่” ดีที่สังเกตเห็นถึงได้มารับทัน สึนะถอนหายใจกับความหัวดื้อของสายหมอก แต่ไม่ได้โทษคนพามา เพราะรู้ดีว่าโคลมขัดใจมุคุโร่ไม่ได้
“ผมไม่ใช่เด็กเล็กนะครับ แล้วคุณเองก็เหมือนกันนั่นแหละ” มุคุโร่ย้อน หน้าที่แดงก่ำไม่ใช่เพราะอายที่ต้องให้คนที่เขาสะกดรอยมาช่วยรับ แต่เพราะเสียหน้าที่โดนจับได้
“ฉันน่ะมาเพื่อเจรจาธุรกิจ นายมาเพราะอะไรล่ะ” สึนะยิ้มแบบมีนัยแล้วอุ้มสายหมอกจอมดื้อขึ้นมา
สับปะรดไม่อยากให้สาธารณชนเห็นภาพตัวเองเคะๆ แต่พอสบตากับลิงภูเขาผู้เป็นแฟนเก่าทูน่า
มารยาสับปะรดก็เริ่มทำงาน ไม่แรด ไม่แหล ไม่ใช่มุคุรั่... เอ่อ... มุคุโร่
มุคุโร่กอดคอคนอุ้มแล้วซุกหน้ากับแผ่นอกกว้าง “......ผมหนาวจังเลยครับ วองโกเล่...”
“งั้นกลับกันเถอะนะ” ความสตรอเบอรี่ของสับปะรดGMO บอสใหญ่แห่งวองโกเล่รู้ดีอยู่แล้ว แต่ตรงส่วนนี้เขาเห็นเป็นความน่ารักอย่างหนึ่งของมุคุโร่จึงทำเป็นไม่รู้จุดประสงค์
บอสกับท่านมุคุโร่ไม่อยู่แล้วเธอจะอยู่ทำไม น้องบัวบาน(?)ในถิ่นทูน่าราชาจึงตามกลับไปด้วย
แบร้--------------------
ถูกอุ้มอยู่ยังไม่วายหามุมแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ให้เจ้าของนัยน์ตาสีอะมิธิสต์เห็นก่อนจะลับสายตาไป
“นั่นน่ะรึ... สิ่งที่เธอต้องการน่ะ.........” เบียคุรันนั่งดื่มนมและเคี้ยวมาชเมลโล่ที่เอามาเองอย่างสบายใจเฉิบ
สายหมอกแห่งวองโกเล่ น่ารักไม่ใช่น้อย...
จะยอมให้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขกันไปก่อนก็ได้
ท้องฟ้าสีขาวคือท้องฟ้าที่ยังไม่ได้ลงสีใดๆ
ในวันที่ฟ้านั้นมีสีสันระบายลงไป... สีนั้นจะเป็นสีอะไร?
สีของฉัน... ขึ้นอยู่กับเธอนะ... สึนะโยชิ
“โคลม เธอไปพักผ่อนได้แล้วล่ะ” ส่งมุคุโร่กลับถึงเตียงแล้วสึนะจึงสั่งกับคนที่ตามมาตลอดทาง
“ค่ะ บอส” โคลมทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย
เหลืออยู่สองคน...
“คุณก็ไปซะสิครับวองโกเล่ ผมจะได้พักผ่อน” มุคุโร่ดึงผ้าห่มขึ้นมาจะห่มตัว แต่ผ้าผืนนั้นถูกกระชากทิ้งไปก่อน
“มุคุโร่คุง... รู้อะไรมั้ย?” สึนะยิ้มกว้าง
“อะ... อะไรครับ...?” เห็นรอยยิ้มอย่างนี้แล้วใจมันหวิวๆ
“ฉันก็เป็นผู้ชายนะ”
“แล้วใครว่าคุณเป็นผู้หญิงล่ะครับ” ปากมุคุโร่ยังคงยียวน แต่เหงื่อน่ะแตกซิกๆ ตั้งแต่ถูกกดแขนแล้ว สถานการณ์อย่างนี้มัน...
ให้ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จว่ายังใสซื่อไร้เดียงสา ว่าไม่รู้ทูน่าคิดอะไรใครจะเชื่อ
เพราะสับปะรดเป็นพืชชนิดหนึ่งซึ่งอุดมไปด้วยวิตามินY และแร่ธาตุชนิดพิเศษที่มีชื่อว่า ‘หื่น’
สาววายเค้ารู้กันทั่วบ้านทั่วเมือง ...ชิชะ อย่ามาสะตอ!!!
คำให้การจากสับปะรดพันธุ์ตาสองสี : หื่นน่ะใช่ แต่มันกรณีที่ผมเป็นเมะ แบบนี้ไม่อ๊าววววว!!!!
“นายยั่วเองนะมุคุโร่”
ยั่วน่ะใช่ แต่ไม่ได้ยั่วสวาทคุณนะครับวองโกเล่ ผมยั่วโมโหไอ้ลิงเผือกหน้าเป็นมันตะหากล่ะครับ!!!!!!!!
สภาพเขาตอนนี้มีปัญญาขัดขืนซะที่ไหนล่ะ ถ้าหากว่ากิ๊กกันแล้วต้องเป็นเคะ เขาจะเอาหน้าที่ไหนไปขอขมาปู่ยาตายายทวดสับปะรดและท่านพ่อเซบาสเตียน(?!!) กันล่ะ... สายพันธุ์สับปะรดมันต้องเสะสิ!!!!!!!!!!
“กำลังคิดว่าถ้ามีกำลังเท่าปกติ สถานการณ์มันต้องกลับกันใช่มั้ยล่ะ” บลัดออฟวองโกเล่ ใช้ได้ดีขึ้น 2769เท่ายามอยู่กับสับปะรดสองต่อสอง “ขอบอกไว้เลยนะว่าไม่มีทาง ต่อให้ฉันไม่ใช้ไฟดับเครื่องชน และให้นายใช้ความสามารถของพิภพมนุษย์ได้ก็เถอะ”
ความหลังครั้งเก่าที่ถูกครูบาอาจารย์สั่งสอนมา
คือ...
การโดนกรีดแขนเอาเลือดแล้วถีบลงแม่น้ำอะเมซอนในดงปิรันย่า
การนุ่งกางเกงในตัวเดียวปีนขึ้นยอดเขาเอเวอเรสต์
การเกาะปีกเครื่องบินจากญี่ปุ่นมาจนถึงอิตาลี
การถูกปล่อยเกาะให้อยู่คนเดียวในสนามรบของประเทศเล็กๆ ที่กำลังมีสงครามกลางเมือง
และสารพัดการฝึกฝนอย่างสุดโหดหินในการควบคุมของนักฆ่าอันดับหนึ่งของโลก
คิดว่าผ่านการฝึกพวกนั้นมาแล้วเขาจะยังอ่อนแอปวกเปียกเป็นเจ้าห่วยเหมือนเดิมรึ?!!
นึกถึงอดีตครั้งใดปวดใจทุกครา... แต่ก็ต้องขอบคุณครูผู้ฝึก...
เพราะความปวดร้าวเลือดตาแทบกระเซ็นมันทำให้เขาเลิกทำตัวง๊องแง๊งได้อย่างเด็ดขาด
-tbc-
ความคิดเห็น