ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [KHR Fanfic][2769] When the time has come... you belong me

    ลำดับตอนที่ #3 : chapter 2 In Sky's Heart

    • อัปเดตล่าสุด 27 ก.ย. 54


    Chapter 2 In Sky’s Heart

     

       ท้องฟ้าที่เคยเป็นสีฟ้าคราม... ตอนนี้ยังเป็นสีฟ้าอยู่หรือเปล่า...

     

       คุณพาผมออกจากวินดีเช่เพื่ออะไร? มุคุโร่ถามด้วยน้ำเสียงเหยียดหยัน แม้เอ่ยอ้างว่าวินดีเช่ขณะนี้อยู่ใต้ปกครองของวองโกเล่ ทว่าด้วยตำแหน่งของบอสแล้ว การเพิกเฉยต่อกฎนำตัวเขาออกมาดื้อๆ จะทำให้ความน่าเชื่อถือของบอสรุ่นที่สิบแห่งวองโกเล่แฟมิลี่ลดลง

     

       สึนะยังคงจิบชาเอิร์ลเกรย์ที่มือขวานำมาเสิร์ฟให้โดยไม่คิดจะตอบคำถาม

     

       ไม่มีใครเขาดื่มชาเป็นมื้อเที่ยงกันหรอกนะครับ ถ้ามีแรง เขาจะไม่ยอมอยู่เฉยๆ บนเตียงแน่ คงได้เปิดศึกกันอีกรอบ แต่คิดแค้นใจยังไงสังขารตอนนี้ก็ไม่ไหว

       ชาร้อนๆ น่ะดีต่อสุขภาพนะมุคุโร่คุง สึนะยิ้ม

     

       มุคุโร่คุง’ ?

       เรียกซะเหมือนตัวเองเป็นผู้ใหญ่กว่าเลยนะวองโกเล่!!!!

     

       “โคลม จิคุสะ เคน อยู่ที่นี่ด้วยนะ ถ้านายทำตัวดีๆ ฉันจะให้พบสามคนนั้น สึนะพูดคนละเรื่องกับที่มุคุโร่ถาม แต่กระตุ้นความสนใจของสายหมอกขึ้นมาได้

       คิดว่าการต่อรองแบบนั้นจะทำให้ผมยอมทำตัวเป็นสัตว์เลี้ยงของคุณหรือครับ

       แต่นายยิ้มนะ ตอนที่ฉันบอกว่าจะให้พบพวกนั้นน่ะ สายหมอกถูกนภาต้อนจนมุม นึกว่าเขาจะไม่สังเกตเห็นรอยยิ้มเพียงชั่วพริบตานั่นรึ อ่อนหัดไปนะ

       คุณมัน...

       ฝากด้วยนะโกคุเดระคุง สึนะวางถ้วยชาบนถาดที่มือขวาถือรออยู่

     

       โกคุเดระโค้งศีรษะให้นายของตนแล้วเหลือบมองผู้พิทักษ์สายหมอกอย่างไม่สบอารมณ์เท่าใดนัก ทำไมรุ่นที่สิบต้องคอยพะเน้าพะนอไอ้สับปะรดนี่ด้วยฟะ!!!... แม้จะไม่พอใจเท่าใดก็ต้องเก็บงำความรู้สึกเอาไว้ในฐานะมือขวาที่ดี

     

       เห็นมุคุโร่ทำหน้าหงิกหน้างอแล้วสึนะก็หัวเราะในลำคอ... น่ารัก...

     

       ฉันจะเล่าเรื่องของฉันที่คิดว่านายยังไม่รู้ให้ฟังนะมุคุโร่... ฉันเพิ่งเรียนจบม.ปลายเมื่อสองเดือนก่อน แล้วหลังจากเรียนจบก็ก้าวขึ้นมารับตำแหน่งบอสของวองโกเล่ทันที แต่เรื่องนี้คนนอกยังไม่มีคนรู้ เพราะฉันขอให้รุ่นที่เก้าแสดงตนเป็นบอสอย่างเดิมไปก่อน แต่ว่าทุกๆ ปฏิบัติการของสมาชิกวองโกเล่แฟมิลี่มีศูนย์กลางการบัญชาการอยู่ที่ฉัน... และการที่ฉันมาอยู่อิตาลีในตอนนี้มีเพียงเหตุผลเดียว... ขยี้แฟมิลี่ศัตรูทั้งหมดให้ราบ... เพื่อการนั้น... นายต้องช่วยฉัน

     

       “คุณไม่เหมือนซาวาดะ สึนะโยชิคนที่ผมรู้จักสักนิด ผมควรจะคิดว่าคุณเป็นใครดี? มุคุโร่ถามสึนะ แล้วก็ถามตัวเองด้วย

       สายหมอกมีตัวตนใต้ท้องนภานะมุคุโร่ ...เชื่อฟังฉัน ทำงานเพื่อฉัน มีชีวิตอยู่เพื่อฉัน ร่างสูงเอ่ยอย่างมาดมั่น พลางประทับจุมพิตที่ริมฝีปากที่ซีดเซียวเพราะอยู่ใต้น้ำมานานกระนั้นก็ยังคงหอมหวาน

     

       ไม่ใช่จูบครั้งแรกระหว่างพวกเขา... หลากครั้งในความฝัน... ที่มุคุโร่เป็นฝ่ายเริ่ม

       คราแรกในความจริง... ยามสายหมอกยังหลับใหล

       ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขาเป็นฝ่ายรุกเร้าและสายหมอกได้รับรู้

     

       คุณมันน่ารังเกียจ... โสโครกเหมือนกับมาเฟียคนอื่นนั่นแหละ!!! มุคุโร่สบถ

     

       ครั้งหนึ่งผมเคยเห็นแสงสว่าง จากโลกที่น่ารังเกียจใบนี้

       แต่ยามนี้ผมเห็นเพียงแต่ความมืดมิด...

       แสงสว่างเพียงหนึ่งเดียวของผม... ไม่มีอีกแล้ว

     

       พักผ่อนให้สบายนะ ถ้าอยากได้อะไรก็สั่นเชือกที่หัวเตียง ฉันสั่งลูกน้องเอาไว้แล้วว่าให้คอยดูแลนายด้วยน่ะ สึนะยิ้มฝืนๆ แล้วเดินออกจากห้องไปอย่างสงบ ไม่ต่อล้อต่อเถียงใดๆ ทั้งสิ้น

     

       ท้องฟ้ายังเป็นสีฟ้า...

       เพียงแค่ไม่กระจ่างตาเหมือนยามที่ยังไม่ถูกย้อมสีใดๆ ให้แปดเปื้อน

       ท้องฟ้าสีฟ้า... ที่ถูกแต่งแต้มด้วยแสงตะวันรอน...

       ให้มัวหม่นด้วยสีแดงฉาน...

     

       ภายในห้องส่วนตัวของบอสรุ่นที่สิบ มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถเข้ามาได้

       และหนึ่งในนั้นคือผู้ถือแหวนแห่งสายหมอก

     

       บอสคะ ทำไมไม่บอกท่านมุคุโร่ไปตรงๆ ล่ะคะ? โคลมไม่เข้าใจว่าบอสของตนจงใจแบกรับความเกลียดชังเอาไว้ทำไม

       แอบฟังไม่ดีนะ สึนะเตือน

       ขอโทษค่ะ ฉันเป็นห่วงท่านมุคโร่น่ะค่ะ ก็เลย... โคลมก้มหน้ายอมรับความผิด

       ให้มุคุโร่เข้าใจอย่างที่ฉันบอกน่ะดีแล้ว

       “แต่ว่าบอสทำเพื่อปกป้องท่านมุ-” โคลมพูดไม่จบเพราะนิ้วชี้ของบอสมาแนบที่ริมฝีปากเป็นเชิงไม่ให้พูดต่อ

       ถ้าคิดว่าทำเพื่อมุคุโร่ก็อย่าหลุดปากพูดเรื่องนั้นกับใครเชียวล่ะ สึนะรู้สึกทึ่งกับสัญชาตญาณของผู้หญิงที่บางกรณีเหนือกว่า Blood of Vongola เสียอีก ตอนที่โคลมถามเขาครั้งแรก เขาค่อนข้างกระวนกระวายมาก แต่พอคิดถึงเรื่องที่ว่าโคลมที่ให้ความสำคัญกับมุคุโร่มากคงไม่ปากพล่อยทำให้เขาผิดหวัง

     

       สิ่งที่เขาพูดไปทั้งหมดเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้นเอง...

       การที่พามุคุโร่ออกจากวินดีเช่เป็นความเอาแต่ใจของเขา

       ที่อยากจะสัมผัส... อยากโอบกอด...

       และอยากให้กายของมุคุโร่ได้สัมผัสถึงความอบอุ่นบ้าง

       ตอนสัมผัสร่างมุคุโร่ที่วินดีเช่น่ะ ตัวเย็นอย่างกับคนตาย

     

       และการกวาดล้างแฟมิลี่ศัตรูให้ย่อยยับนั้นก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ทุกคนจะสามารถยอมรับมุคุโร่ว่าเป็นคนของวองโกเล่ได้อย่างเต็มปาก ...ถ้าหากมุคุโร่ทำได้สำเร็จ... ก็จะมีที่ยืนในแฟมิลี่ได้... การที่เขาต้องมาเล่นละครเป็นบอสใจหินอย่างนี้ เป็นเพราะต้องการซุกซ่อนความในใจเอาไว้ ...ไม่ใช่ซ่อนความรู้สึกนั้นจากมุคุโร่... แต่จากสายตาทุกคู่ในแฟมิลี่ที่จับจ้องมายังเขา

     

       ฟากฟ้าควรจะสูงส่ง...

       อย่าให้สายหมอกฉุดรั้งเอาไว้ได้

       ความคาดหวังจากทุกคนเป็นเช่นนั้น

     

       และถ้าหากรู้ว่าการมีตัวตนของมุคุโร่สามารถสั่นคลอนจิตใจของเขาที่เป็นบอสได้ อาจมีมติลับสั่งเก็บมุคุโร่ซะก็ได้ โลกมาเฟียไม่เหมือนกับการเล่นขายของ ก้าวเข้ามาแล้วถอยไม่ได้ เขาจึงต้องทำทุกอย่างที่จะจบได้โดยที่ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด

     

       คุณไม่เหมือนซาวาดะ สึนะโยชิคนที่ผมรู้จักสักนิด ผมควรจะคิดว่าคุณเป็นใครดี?

     

       เมี่อนึกถึงความหลังแล้วสึนะก็อดหัวเราะไม่ได้ ...จะว่าไปเขาก็เปลี่ยนไปเยอะจริงๆ นะ... เมื่อก่อน ตอนที่มุคุโร่ชอบแกล้งเขาด้วยการจับโน่นจับนี่ แล้วขโมยจูบเขาบ่อยๆ นี่เขาลนลานแทบตาย โกรธก็โกรธ อายก็อาย... แต่พอมารู้ใจตัวเองเข้าจริงๆ กลับต้องลั่นกลอนประตูปิดตายไม่ให้มุคุโร่เข้ามาในความฝัน... ไม่กล้าสู้หน้ามุคุโร่

     

       แต่พอตอนนี้สิ... เส้นผม... ดวงตา... ริมฝีปาก...

       เรือนร่างเพรียวบางนั่น... อยากสัมผัสทุกส่วน

     

       เคยตบหัวตัวเองแรงๆ ให้หยุดความคิดตั้งหลายทีแล้ว... ตัวเขาเคยไร้เดียงสาขนาดที่แม้แต่จะคิดยังไม่กล้า... พอเข้าสิบแปดฝนสิบแปดหนาวนี่วัยอันตรายสินะ เขาก็เป็นผู้ชายนี่นา มีความต้องการบ้างคงไม่ผิด... แต่มันผิดตรงที่... มุคุโร่ก็เป็นผู้ชายนี่สิ!!!



    -tbc-

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×