คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1 Childish Play
Chapter 1 Childish Play
ยามอรุโณทัยที่แจ่มใสเป็นช่วงเวลาที่ไม่เหมาะแก่การปรากฏของสายหมอกเอาเสียเลย แต่สายหมอกแห่งวองโกเล่กลับลืมตาตื่นขึ้นมาในยามนี้... ในห้องที่สว่างไสว ผ้าม่านสีเบจถูกมัดด้วยตัวรัดลายสิงโตตัวน้อยรั้งไว้ขอบหน้าต่างเพื่อให้แสงแดดทอดเข้ามาในห้องอย่างเต็มที่... ที่นี่? ...มุคุโร่ซึ่งยังอยู่ในภวังค์อันสับสนปรายตาไปรอบๆ... หรือว่าเขาจะหลงเข้ามาในความฝันของใครโดยไม่ได้ตั้งใจ
กลิ่นไอของแสงแดด... คล้ายกับกลิ่นของคนๆ นั้น......
มุคุโร่พยายามขยับกายเข้าหาที่ที่แสงแดดส่องถึงมากที่สุด
“อรุณสวัสดิ์ มุคุโร่” น้ำเสียงนุ่มลึกกล่าวทักทายยามเช้า
“คุณ...” มุคุโร่รู้นามของเจ้าของเสียงดี เพียงแต่ไม่อาจเอื้อนเอ่ยได้เพราะบรรยากาศของคนผู้นี้ช่างต่างไปจากที่เขาจำได้เหลือเกิน
“ยินดีต้อนรับสู่คฤหาสน์วองโกเล่ สายหมอกของฉัน” เด็กหนุ่มร่างสูงนั่งลงที่ขอบเตียงพลางเอ่ยด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม... รอยยิ้มที่ยากจะคาดเดาได้ ว่ากำลังคิดถึงสิ่งใด
แววตานั่น...
ไฮเปอร์โหมด?... ไม่ใช่.................?!
“นี่เป็นความฝันของผมหรือของคุณกันนะ” มุคุโร่เอ่ยโดยไม่คาดเดา
“ความจริงต่างหาก มองดูฉันให้ดี มุคุโร่” สึนะว่าพลางเชิดคางของมุคุโร่ขึ้นให้สบตากับดวงตาสีน้ำตาลซึ่งแฝงไว้ด้วยความเยือกเย็น “ฉันคือซาวาดะ สึนะโยชิ บอสรุ่นที่สิบของวองโกเล่แฟมิลี่ ...และเป็นคนที่จะเป็นจ้าวชีวิตของนาย”
“เรื่องตลกหรือไงกันครับ” มุคุโร่ปัดมือของสึนะออก ภายใต้สีหน้าที่ดูเหมือนว่าไม่แยแส ข้างในใจกลับร้อนรน ไม่ตลกเลยนะที่พาเขาออกมาจากวินดีเช่เพราะความต้องการเอาแต่ใจอย่างนั้น อย่างกับไม่ใช่ซาวาดะ สึนะโยชิที่เขาเคยรู้จัก
“หน้าฉันเหมือนกำลังพูดเรื่องตลกรึ?” สึนะเอ่ยพลางยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย
“ผมเกลียดมาเฟีย การที่ผมทำงานให้วองโกเล่เป็นเพราะผมจะมีโอกาสหาทางยึดร่างคุณได้ง่ายขึ้นเท่านั้น ผมว่าผมบอกหลายครั้งแล้วนะครับ”
“ถ้าหากมั่นใจว่าทำได้ก็ทำสิ” สึนะลุกขึ้นจากเตียงแล้วก้าวเท้าออกไปครึ่งทางระหว่างประตูห้องกับจุดที่ยืนอยู่ตอนแรกแล้วหันกลับมาหามุคุโร่ “โกคุเดระคุง ส่งเจ้านั่นมาให้มุคุโร่ทีที”
มือขวาซึ่งติดตามบอสของตนเกือบตลอดเวลาเปิดประตูเข้ามาในห้อง พร้อมอาวุธชิ้นหนึ่ง ...สามง่ามที่ใช้ทำเครื่องหมายสัญญาซึ่งทำให้มุคุโร่สามารถสิงสู่ร่างของผู้อื่นได้... มุคุโร่เบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจเมื่อมันถูกส่งให้มาอยู่ในมือของเขาง่ายดาย
“จนกว่าจะถึงเที่ยงตรงฉันจะไม่ขยับตัวไปไหนทั้งนั้น และจะไม่ตอบโต้ไม่ว่านายจะทำอะไร แต่ถ้าเลยเวลาไปแล้วฉันจะไม่เปิดโอกาสอย่างนี้ให้นายอีกแล้วนะ” สึนะยื่นข้อเสนอ
“ดูถูกกันมากไปรึเปล่าครับวองโกเล่” แต่ข้อเสนอนั้นไม่ว่าดูยังไงเขาก็เป็นฝ่ายได้เปรียบ
“ไม่เป็นไรแน่นะครับรุ่นที่สิบ” โกคุเดระยังเป็นห่วงอยู่ แม้ว่าจะรู้ผลตั้งแต่ยังไม่เริ่มแล้วก็ตาม
“ใกล้จะได้เวลาอาหารแล้ว นายช่วยไปเตรียมชาอร่อยๆ ให้ฉันหน่อยนะ ฉันไม่อยากดื่มชาที่เบียงกี้ชงน่ะ” สึนะเอ่ยปากให้โกคุเดระปล่อยเขาไว้ตามลำพังกับมุคุโร่อย่างอ้อมๆ
“ไว้ใจได้เลยครับรุ่นที่สิบ” มือขวาผู้เถรตรงรีบไปปฏิบัติภารกิจที่บอสมอบให้
“ที่สู้กับคุณครั้งก่อน ผมเคยบอกใช่มั้ยครับว่าคุณเสียท่าเพราะความใจอ่อนของตัวเองน่ะ ครั้งนี้คุณคงจะพ่ายแพ้เพราะความอวดดีนั่นแหละ” มุคุโร่กำอาวุธของตนไว้แน่นแล้วลุกจากเตียงเตรียมที่จะใช้โอกาสนี้เพื่อบรรลุเป้าหมายของตน
ทว่าเพียงแค่วางเท้าทั้งสองข้างที่พื้นสายหมอกก็ต้องทรุดฮวบลงไปกองเสียเอง... ไม่มีแรงเลย...
“ร่างกายที่ถูกผนึกมานานตั้งสามปีน่ะ ไม่มีทางแข็งแรงดีได้หรอกนะ” สึนะเพิ่งจะเตือนเมื่ออีกฝ่ายได้รู้ถึงขีดจำกัดของตัวเองแล้ว
“คุณ... รู้ตั้งแต่แรกว่าจะเป็นแบบนี้...” มุคุโร่มองหน้าเป้าหมายอย่างเจ็บใจ
“เมื่อก่อนนายเคยทำให้ฉันหัวปั่นอยู่บ่อยๆ ไม่ใช่เหรอ ตอนนี้ก็ผลัดกันบ้างสิ” สึนะหัวเราะเบาๆ ด้วยความเอ็นดูเมื่อเห็นมุคุโร่พยายามขยับตัวโดยใช้มือช่วย แต่ไม่ได้ทำให้อัตราการเคลื่อนที่เร็วกว่าหอยทากสักนิด ดวงตาสองสีเต็มไปด้วยความคับแค้นใจมุ่งมาที่คนเสนอเดิมพันเต็มที่
หมดเวลาแล้วมุคุโร่ยังไปได้ไม่ถึงครึ่งทางด้วยซ้ำ
ไม่ว่ากำลังใจจะดีแค่ไหน แต่ถ้าร่างกายไม่เอื้อก็ไร้ค่า
“พอได้แล้วนะ” สึนะยึดของอันตรายคืน แล้วพยุงมุคุโร่ขึ้นมา
“คุณเป็นใครกันแน่ครับ?” มุคุโร่เอ่ยถาม
ซาวาดะ สึนะโยชิที่เขารู้จัก...
จะไม่ยื่นข้อเสนอที่เหมือนกลั่นแกล้งกันอย่างนี้
“เวลาเปลี่ยนคนได้นะมุคุโร่” สึนะเข้าใจคำถามของมุคุโร่จึงตอบไปอย่างที่เป็น
“ปล่อยผมไว้อย่างนี้แหละ ผมกลับไปที่เตียงเองได้” มุคุโร่พยายามผลักให้สึนะปล่อยเขา แต่ด้วยร่างกายที่ไร้เรี่ยวแรงจึงไม่ประสบผล
สุดท้ายคุณก็เหมือนกับคนอื่นๆ สินะครับ
มาเฟียที่ผมเกลียด... ทั้งๆ ที่เคยคิดว่าคุณจะแตกต่าง...
“วันนี้พักผ่อนก่อนนะ พรุ่งนี้ค่อยทำกายภาพบำบัดกัน หน่วยแพทย์ของวองโกเล่มีหมอฝีมือดีเยอะ นายคงแข็งแรงขึ้นเร็วๆ นี้”
น้ำคำเปี่ยมไปด้วยความห่วงใยของวองโกเล่รุ่นที่สิบทำให้สายหมอกสับสน กับส่วนที่เปลี่ยนไป และส่วนที่ไม่เปลี่ยน
“พาผมออกจากวินดีเช่ไม่ห่วงบ้างหรือครับว่าจะกลายเป็นศัตรูกับผู้คุมกฎน่ะ?”
“นายนี่ท่าทางจะตกข่าวไปหลายเรื่องนะ วินดีเช่น่ะอยู่ใต้อำนาจของวองโกเล่อย่างสมบูรณ์แล้วล่ะ”
หลังจากศึกชิงแหวนหน้าที่ของผู้พิทักษ์แห่งหมอกโคลมเป็นคนทำเสียส่วนใหญ่ มุคุโร่จึงไม่ได้ออกมาข้างนอกบ่อยนัก และในที่สุดก็หลับยาวไปจริงๆ ...เห็นหน้าตาตกใจของมุคุโร่แล้วนึกขำ... เขามีหลายอย่างที่อยากจะเล่าให้ฟัง แต่ก่อนหน้านั้น ต้องไปสั่งให้คนเอาอาหารมื้อเที่ยงมาเสิร์ฟให้มุคุโร่ซะก่อน... อดข้าวอดน้ำมาตั้งนาน สายหมอกของเขาผอมเกินไปหน่อยแล้ว... มือของมุคุโร่ยังดูสั่นๆ อยู่เลยนี่นะ งั้นเขาเป็นคนป้อนให้เองดีกว่า สึนะคิดแล้วก็ออกจากห้องไปทันที
“น่าโมโหชะมัด” มุคุโร่เจ็บใจที่ตัวเองพลาดโอกาสที่จะชิงร่างของสึนะไป และยิ่งเจ็บใจกว่าที่ต้องให้อีกฝ่ายให้ความช่วยเหลือไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยอย่างการพยุงเขากลับเตียงหรือเรื่องใหญ่อย่างการพาเขาออกจากวินดีเช่
และที่เจ็บใจที่สุด... ส่วนสูง......
แต่ก่อนยังเป็นเจ้าเปี๊ยกอยู่เลย......
ตอนนี้ยืนเทียบกันสูงกว่าเขาแล้ว...
“ถ้าเจ็บใจก็ลองสูงกว่าฉันให้ได้สิมุคุโร่ ผู้ชายน่ะลิมิตการหยุดสูงอยู่ที่อายุ25 เหลือเวลาอีกตั้งเยอะ แต่อย่าคิดตื้นๆ ว่าฉันเป็นคนญี่ปุ่นจะหยุดสูงเร็วล่ะ เพราะการที่ฉันเป็นบอสของวองโกเล่ได้หมายความว่าฉันมีเชื้อสายอิตาลีด้วยนะ” สึนะหัวเราะกับการผูกใจเจ็บแบบเด็กๆ ของผู้พิทักษ์แห่งสายหมอก
“ผมยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะครับ” มุคุโร่เหวอไปชั่วขณะที่โดนอ่านใจออก วองโกเล่กลับมาเร็วขนาดนี้แปลว่าครัวไม่ได้อยู่ไกลเท่าไหร่สินะ
“งั้นรึ เห็นเอามือทาบส่วนสูงตัวเองแล้วทำหน้าอย่างนั้น ถ้าไม่ได้คิดเรื่องที่ฉันพูดแล้วคิดอะไรอยู่ล่ะ” สึนะแหย่
“ไม่เกี่ยวกับคุณนี่ครับ” มุคุโร่เมินหน้า
“ถ้าไม่บำรุงร่างกายให้แข็งแรง ทั้งชาตินายก็ไม่มีทางยึดร่างฉันได้หรอกนะ” สึนะกล่อมด้วยไม้แข็งมุคุโร่จึงยอมหันหน้ามาดื่มซุปที่สึนะป้อนให้
-tbc-
ความคิดเห็น