ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Dear Prince (เมื่อรักนำเธอมา)

    ลำดับตอนที่ #4 : เขาทำอย่างนี้เพื่ออะไร..

    • อัปเดตล่าสุด 27 ธ.ค. 61


    ตอนที่4

                    เขาวิ่งออกมาจากร้านอาหารด้วยความรวดเร็วพร้อมกับสายตาที่มองไปยังหญิงสาวคนนั้นอย่างไม่ละสายตาที่กำลังข้ามถนนไปอีกฝั่ง เขาพยายามที่จะวิ่งตามเธอให้ทันแต่เธอก็ข้ามถนนไปซะก่อนพร้อมกับแท็กซี่ที่เข้ามาจอดเพื่อจะรับเธอ หญิงสาวคนนั้นขึ้นแท็กซี่ไปโดยไม่เห็นว่ามีชายหนุ่มคนนึงตะโกนเรียกร้องเธออยู่อีกฝั่งของถนน เขาไม่สามารถวิ่งตามเธอทันได้เพราะแท็กซี่ได้ขับออกไปแล้ว  ตอนนี้เขาทำอะไรไม่ถูกได้แต่รู้สึกเสียดายและเสียใจที่ไม่สามารถตามผู้หญิงที่เขาตามหามานาน แต่พอได้เจอเธอช่างเป็นเรื่องที่บังเอิญ เขากลับเรียกเธอเอาไว้ไม่ทัน   เขาเลยเดินคอตกพร้อมกับใบหน้าที่เศร้ากลับเข้ามาในร้าน พอมาถึงน้ำค้างก็เอาอาหารมาเสิร์ฟพอดี

    “คุณวิ่งไปตรงนั้นทำไม..”

    “ ฉันวิ่งตามเขาไม่ทัน..” เขาตอบด้วยใบหน้าที่เศร้าๆ

    “ตามใคร”

    “....................”เขาเงยหน้าขึ้นมามองหน้าน้ำค้าง แต่ก็ไม่ได้ตอบคำถามเธอ

    “ ฉันก็ไม่ต้องการรู้เรื่องของคุณหรอก”น้ำค้างพูดอย่างประชดเมื่อเห็นสีหน้าที่นิ่งๆของเขาก่อนจะหันหลังเดินเข้าไปข้างในแต่ก็ต้องหยุดเมื่อเขาเรียกเอาไว้ก่อน

    “เดี๋ยว..”

    “จะเอาอะไรอีกค่ะ”

    “นั่งลง..”

    “.............”น้ำค้างมองเขาด้วยความงุนงง

    “มานั่งตรงนี้”เขาสั่งให้เธอไปนั่งตรงข้ามกับเขา

    “..............”

    “เธอกินอาหารจานนี้แทนฉันเพราะฉันไม่มีอารมณ์จะกินแล้ว ฉันจะกลับคอนโด” เขาพูดพร้อมกับลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินผ่านตัวน้ำค้างไปด้วยใบหน้าที่ยังเศร้า น้ำค้างได้แต่มองชายหนุ่มที่เดินผ่านเธอด้วยใบหน้าที่เศร้าๆอย่างไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา สีหน้าของเขาในตอนนี้แตกต่างจากทุกครั้งที่เธอเห็นเขา  เกิดอะไรขึ้นกับเขานะ ทำไมเขาดูเศร้าอย่างนั้น

                    ชายหนุ่มเข้ามาในห้องของเขาด้วยความรู้สึกที่เสียใจที่เขาพลาดกับผู้หญิงที่เขาตามหา  ทั้งๆที่เขาบังเอิญได้เจอเธอ  เขาเห็นเธอ เห็นเธอกำลังข้ามถนน เขาจำเธอได้ทันที ใบหน้าที่สวยหวานของเธอที่ทำให้เขาตกหลุมรักแค่เพียงแรกเห็น  เขามั่นใจว่าต้องเป็นเธอผู้หญิงที่เขาข้ามน้ำข้ามทะเลเพื่อมาตามหาเธอคนนี้

    ผู้หญิงที่เขามอบหัวใจให้ทั้งๆที่เขาไม่เคยรู้จักเธอมาก่อน..... 

    ณ  ประเทศสวิตเซอร์แลนด์....

    ชายหนุ่มในชุดเสื้อแขนยาวสีขาวสวมทับด้วยฮุดไหมพรมสีน้ำตาลกับกางเกงขายาวสีดำกำลังเพลิดเพลินกับการถ่ายรูปวิวธรรมชาติทิวทัศน์ความสวยงามแห่งประเทศที่ขึ้นชื่อว่ามีความสวยงามไม่น้อยประเทศอื่นๆ เขากดชัดเตอร์นับครั้งไม่ถ้วนเพื่อเก็บภาพแห่งความสวยงามของ เหล่าหมู่ไม้เขียวขจีที่ให้ความร่มรื่นรับกับแสงแดดในยามบ่ายโดยมีลำธารใสสีเขียวสวยหรั่งอยู่รายรอบ สีเขียวของน้ำนั้นบางช่วงจะเขียวเข้มจนจะกลืนกับสีใบไม้ ในบางจังหวะก็เป็นเขียวอมฟ้าใส ใสสะอาดจนบางครั้งสามารถมองเห็นก้อนหินที่อยู่ในแม่น้ำได้  แม่น้ำ Aare แห่งประเทศสวิตเซอร์แลนด์  เขายกกล้องลงเมื่อได้ภาพที่สวยงามพร้อมกับมองภาพที่เขาถ่ายด้วยใบหน้าที่ชื่นชมก่อนจะยกกล้องขึ้นอีกครั้งเพื่อจะหามุมความสวยงามในบริเวณรอบแม่น้ำแห่งนี้ แต่เมื่อกล้องของเขายกขึ้นพร้อมกับสายตาของเขาที่มองผ่านเลนส์ของกล้องเขาก็ต้องชะงักเมื่อเขารู้สึกว่าเขาเห็นสิ่งที่สวยงามมากกว่าวิวธรรมชาติที่อยู่เบื้องหน้า

       หญิงสาวในชุดกระโปรงสีฟ้าสวมทับด้วยเสื้อแขนยาวไหมพรมสีขาวอ่อนบวกกับใบหน้าที่สวยงามของเธอทำให้บรรยากาศรอบๆตัวของเธอนั้นช่างดูงดงามจนบรรยายไม่ถูกชายหนุ่มกดชัตเตอร์นับครั้งไม่ถ้วนเพื่อถ่ายภาพความสวยงามนั้นก่อนจะเอากล้องลงเพื่อจะมองผ่านสายตาของตัวเขาเอง ชายหนุ่มรู้สึกตกหลุมรักหญิงสาวคนนั้นทันทีและอยากทำความรู้จักกับเธอ เขาจึงรีบวิ่งไปที่จุดๆนั้นเพื่อจะไปหาหญิงสาวที่กำลังยืนมองความสวยงามของแม่น้ำ

    ตึก ตึก ตึก...

    ชายหนุ่มรีบวิ่งพร้อมกับมองไปด้วยเพราะกลัวว่าหญิงสาวคนนั้นจะหนีไปซะก่อน ในที่สุดเขาก็มาหยุดอยู่ที่ด้านหลังของเธอ ก่อน ที่เขาจะยกกล้องถ่ายด้านหลังของเธอเสียงของกล้องทำให้หญิงสาวหันกลับมาด้วยความตกใจ

    What are you doing (คุณทำอะไรน่ะ)”

    take your picture (ถ่ายรูปคุณ)” ชายหนุ่มส่งพูดพร้อมกับส่งรอยยิ้มไป

    เมื่อหญิงสาวเห็นใบหน้าของชายแปลกหน้าที่เธอไม่รู้จักเธอเองก็รู้สึกชอบพอในความหล่อเหลาของเขาแต่เธอพยายามเก็บอาการส่วนตัวเอาไว้พร้อมกับแสดงสีหน้างุงงงที่เขามาถ่ายรูปเธอทำไม

    “...........................”

    Is it alright if I want to know you.(จะเป็นไรมั้ยถ้าหากว่าผมอยากจะรู้จักกับคุณ)

    But I do not know you(แต่ฉันไม่รู้จักคุณ” หญิงสาวพูดด้วยใบหน้านิ่งๆก่อนจะเดินหนีชายหนุ่มแปลกหน้าไป

     แต่ดูเหมือนว่าชายหนุ่มแปลกหน้าผู้หล่อเหลาคนนั้นจะไม่ยอมล้มเลิกความตั้งใจเขาเดินตามหญิงสาวไปตลอดทางเพื่อจะทำความรู้จักกับหญิงสาวให้ได้ พอหญิงสาวหันกลับมามองชายหนุ่มก็ทำเนียนถ่ายรูปวิวข้างทาง และเมื่อหญิงสาวหันกลับมาเธอเองก็แอบมีรอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้า พร้อมกับแกล้งเดินไปเรื่อยๆเมื่อรู้ตัวว่าชายหนุ่มเดินตามอยู่

    ชายหนุ่มติดตามหญิงสาวตลอดเวลา เวลาที่เธอเดินไปไหนเขาก็เดินตามเธอไปทุกที เธอขึ้นรถเมล์ไปที่ไหนเขาก็ขึ้นรถเมล์ตามเธอไปเช่นกัน และเมื่อมาหยุดในสวนสาธารณแห่งหนึ่ง  เขาเผลอก้มลงผูกเชือกรองเท้าที่หลุดพอเงยหน้าขึ้นมาหญิงสาวก็หายตัวไปแล้ว  เขาวิ่งตามหาไปทั่วสวนสาธารณะแต่ก็ไม่เห็นวี่แววของเธอ ก่อนที่จะมีเด็กฝรั่งหน้าตาจิ้มลิ้มคนนึงยื่นซองจดหมายสีชมพูส่งมาให้เขาพร้อมกับวิ่งไป เขาจึงเปิดดูก็พบว่าในจดหมายมีรูปของเธอหนึ่งใบ พร้อมกับข้อความที่เขียนเอาไว้หลังรูป ว่า If two people have the same fate. We'll meet again. (ถ้าเราสองคนมีโชคชะตาเดียวกัน เราจะได้พบกันอีกครั้ง)  พร้อมกับข้อความที่เขียนเอาไว้ว่า บ้านเกิดของเธออยู่ที่กรุงเทพ ประเทศไทย  พร้อมกับคำใบ้ที่เธอทิ้งเอาไว้เป็นประโยคสุดท้าย “ บางทีเราอาจจะเจอกันที่ห้างสรรพสินค้าในกรุงเทพก็ได้”

                    เขามีเพียงแต่รูปใบนั้นและข้อความที่เธอเขียนเอาไว้ที่หลังรูป  เขาไม่รู้ว่าเธอชื่ออะไร ทำอะไรอยู่ที่ไหนเพราะเธอไม่ได้เขียนเอาไว้  ทำให้เขาตามหาเธอได้ยาก ทุกวันเขาจะไปเดินเล่นที่ห้างเพื่อหวังว่าเขาจะได้เจอเธอ แต่เขาก็ไม่เห็นเธอเลย พอมาวันนี้เขาบังเอิญได้เจอเธอแต่เขากลับวิ่งตามเธอไม่ทัน เขาจึงรู้สึกแย่ และเสียดายที่พลาดกับเธอ  เจ้าชายซาโต้มองรูปหญิงสาวที่อยู่ในมือด้วยใบหน้าที่เศร้า พร้อมกับความรู้สึกที่อยากเจอหญิงสาวในรูปเหลือเกิน...

    ตู๊ดดดด  ตู๊ดดดดด  ตู๊ดดดดดดด...

    ในขณะที่เจ้าชายซาโต้กำลังคิดถึงผู้หญิงที่เขาตามหาเสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น เขาล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงพร้อมกับรับทันที

    “(ซาโต้..)”

    “พ่อ..” เมื่อได้ยินเสียงปลายสายคือพ่อของเขาหรือจ้าวฟาคานโตรีโทรเข้ามาเจ้าชายซาโต้จึงลุกนั่งอย่างปกติ

    “เป็นยังไงบ้าง ได้ข่าวเพื่อนของพ่อบ้างมั้ย”

    เจ้าชายถึงกับพูดไม่ออก เพราะตั้งแต่ที่เขามาเมืองไทยเขามัวแต่ตามหาผู้หญิงคนนั้นจนลืมภารกิจสำคัญที่พ่อของเขาฝากให้มาทำเลย

    “(ว่ายังไง ได้ข่าวเพื่อนของพ่อบ้างหรือเปล่า ซาโต้)”

    “เอ่อ ยะ..ยังเลยฮะ  ผมพยายามถามคนที่นี่ก็ไม่มีใครรู้จักเลย” เขารู้สึกผิดมากเมื่อต้องโกหกคนเป็นพ่อไป  “แต่ว่าพ่อไม่ต้องห่วงนะฮะ ผมมาที่เมืองไทยแล้วยังไงผมก็ต้องตามหาเพื่อนของพ่อให้เจอ”

    “(พ่อจะรอนะ ซาโต้ และถ้าให้ดีพ่ออยากให้ลูกตามหาเพื่อนของพ่อให้เจอก่อนวันเกิดของพ่อ แล้วพาเขามาหาพ่อ)”

    “ฮะ...ผมจะรีบตามหาเพื่อนของพ่อให้เจอเร็วๆ”

    หลังจากที่คุยกับคนเป็นพ่อเสร็จเขาก็วางสายไป  เขาจึงตั้งสติของตัวเองทันที  นี่เขาลืมเรื่องนี้ไปได้ยังไง เขาเป็นคนรับปากว่าจะช่วยตามหาเพื่อนของพ่อให้เจอ แต่เขามัวทำอะไรอยู่ ทำเรื่องของตัวเองจนลืมทำเรื่องที่เขารับปากกับพ่อเอาไว้ ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งรู้สึกผิดกับพ่อของเขามากขึ้น

     

    “แม่จ๋า หนูมาแล้วค่ะ...” ฉันเดินเข้ามาในห้องพักคนป่วยพร้อมกับพูดอย่างมีความสุขแต่เมื่อมองไปที่เตียงของแม่ก็ไม่เห็นแม่อยู่ที่เตียง แม่ไปไหน

    “คุณพยาบาลค่ะ แม่ของฉันอยู่ที่ไหนค่ะ..”ฉันเดินเข้าไปถามพยาบาลคนนึงที่กำลังวัดความดันคนไข้ที่อยู่ตรงข้ามกับเตียงแม่ของฉัน

    “แม่ของคุณย้ายไปอยู่ที่ห้องพิเศษตั้งแต่เมื่อคืนแล้วค่ะ”

    “ย้ายไปอยู่ห้องพิเศษ  ใครสั่งย้ายค่ะ ทำไมฉันถึงไม่รู้เรื่อง”

    “เรื่องนี้ต้องไปถามหมอฟรานซ์น่ะค่ะ”

    “หมอฟรานซ์”

    “หมอที่เป็นเจ้าของแม่ของคุณน่ะค่ะ”

    “อ๋อ..”.ฉันทำหน้านึกออกพร้อมกับวิ่งออกจากห้องไปทันที  และเมื่อวิ่งออกมาจากห้องฉันก็เห็นคุณหมอรูปหล่อใจดีคนนั้นกำลังจะเดินไปอีกทาง ฉันจึงรีบวิ่งไปหาเขาทันที

    “หมอฟรานซ์ค่ะ”ฉันตะโกนเรียกชื่อคุณหมอ   หมอฟรานซ์หันมองไปตามเสียงก่อนจะหันมาเห็นฉันที่กำลังวิ่งไปหาเขา หมอฟรานซ์จึงหยุดเดินพร้อมกับยืนรอฉันที่เดิม

    “เธอมีอะไรกับฉันหรือเปล่า”

    “แม่ฉัน ใครเป็นคนย้ายแม่ฉันไปที่ห้องพิเศษค่ะ”

    “ ฉันไม่มีเบอร์โทรศัพท์เธอ เลยไม่ได้บอกเธอว่าแม่ของเธอย้ายมาห้องพิเศษแล้ว”

    “คือฉัน ฉันไม่มีเงินพอที่จะจ่าย..”

    “มีคนจ่ายค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดให้แม่เธอแล้ว”

    “ใครค่ะ”

    “เพื่อนเธอไง”

    “เพื่อน”ฉันทำหน้างง

    “ผู้ชายที่หน้าตาดีดี ไม่ได้ดีธรรมดาสิ ดีมากเลยแหละ พยาบาลที่นี่กรี๊ดกร๊าดกันใหญ่  เมื่อวานเขามาแล้วบอกว่าเป็นเพื่อนกับเธอ เขาเลยอยากจะรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดของแม่เธอ”

    “....................”ฉันทำหน้านึก

    หน้าตาดีดี และไม่ได้ดีธรรมดาซะด้วย จะเป็นไปได้มั้ยว่าผู้ชายที่หมอฟรานซ์บอกจะเป็น ผู้ชายที่หลงตัวเองคนนั้น

    “หมอค่ะ ฝากบอกแม่ด้วยนะค่ะว่าฉันจะมาหาตอนสองทุ่ม..นี่ค่ะฉันฝากผลไม้ให้แม่ด้วยนะค่ะ” ฉันรีบบอกกับหมอฟรานซ์โดยยัดถุงแอบเปิ้ลใส่มือหมอฟรานซ์พร้อมกับหันหลังจะวิ่งไป

    “เดี๋ยว..”

    “โอ๊ะ..ฉันลืมบอก”

    ฉันหันกลับมาเหมือนจะลืมบอกอะไร แต่ดูเหมือนว่าหมอฟรานซ์จะมีอะไรพูดกับฉันเหมือนกัน

    “หมอมีอะไรหรือเปล่าค่ะ”

    “เอ่อ ปะ..เปล่า..ว่าแต่เธอมีอะไรเหรอ”

    “คือฉันลืมบอกน่ะค่ะ..ว่าฝากคุณหมอปอกเปลือกแอบเปิ้ลให้แม่ฉันด้วยนะค่ะ..”

    “อะไรนะ..”

    “ขอบคุณค่ะ..” ฉันก้มหัวขอบคุณหมอฟรานซ์โดยไม่ได้สนใจสีหน้าที่ตกใจของเขาพร้อมกับหันหลังรีบวิ่งไปทันที

    “นี่เธอใช้ฉันเหรอ..”หมอฟรานซ์พูดพร้อมกับยกถุงแอบเปิ้ลพร้อมกับทำหน้าไม่อยากจะเชื่อก่อนจะผุดรอยยิ้มอย่างตลก

                    ฉันนั่งรถเมล์มาลงที่คอนโดของเขาทันทีเพราะว่ามันอยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาล  พอมาถึงฉันก็เดินเข้าไปในคอนโดทันที

    “มาหาใครครับ..” ในจังหวะที่ฉันกำลังเดินเข้าไปก็มี ร ป ภ เข้ามาหาฉัน

    “ฉันมาหา.เอ่อ..” ฉันไม่รู้จักชื่อเขาอ่ะ  เจอกันสองสามครั้งฉันไม่เคยถามชื่อเขาเลย

    “มาหาใคร..”

    “ฉันมาหาคนที่อยู่ในคอนโดนี้แหละลุง แต่ฉันไม่รู้จักชื่อเขา” ฉันพูดพร้อมกับจะเดินเข้าไปแต่ลุง ร ป ภ เข้ามาขวางฉันไม่ให้เข้าไป

    “ไม่ได้ เข้าไปไม่ได้  เธอไม่ได้อยู่ที่คอนโดนี้เข้าไปไม่ได้”

    “แต่ฉันมีเรื่องที่จะต้องพูดกับคนที่อยู่ในนี้นะ”

    “แล้วคนที่เธอบอกเขาชื่ออะไร อยู่ชั้นไหน ห้องอะไรล่ะ”

    “ฉัน ฉันไม่รู้ ฉันเพิ่งรู้จักกับเขาไม่กี่วันเอง”

    “ขอโทษนะแม่หนู  ฉันคงให้เธอเข้าไปไม่ได้”

    “แต่ลุงค่ะ ฉันมีเรื่องต้องคุยกับเขาจริงๆนะค่ะ..”

    “แต่เธอไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับคนที่อยู่ที่นี่ “

    “แล้วจะให้ฉันทำยังไง”

    “เธอคงต้องรอข้างนอก ถ้าหากว่าคนที่เธอขอพบออกมาเธอก็ค่อยไปหาเขา”

    “......................”ฉันทำหน้าคิด  เฮ้อ มันไม่มีทางเลือกจริงๆ ยังไงฉันก็ต้องคุยกับเขาให้รู้เรื่อง ทำไมเขาถึงต้องมาออกค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดให้แม่ฉัน ซึ่งค่ารักษาแม่ฉันนั้นมันไม่ใช่เงินน้อยๆเลยมันเป็นเงินจำนวนมากทีเดียว เขากับฉันไม่ได้เป็นอะไรกันเลย และยังไม่รู้จักถึงขั้นที่เขาจะยอมเสียเงินมากขนาดนี้ให้ฉัน  ไม่ได้ยังไงฉันก็ต้องคุยกับเขา

    หนึ่งชั่วโมงผ่านไป....

    “แม่หนูกลับไปเถอะ”

    “หนูจะอยู่รอเขาค่ะ”

    สองชั่วโมงผ่านไป..

    “แม่หนูนี่มันสองชั่วโมงแล้ว ไม่ไปทำงานทำการหรือไง..”

    “ทำค่ะ แต่ฉันต้องรอคุยกับเขา”

    “มันเรื่องใหญ่เหรอไง ถึงต้องรอขนาดนี้”

    “ค่ะ เรื่องใหญ่มากๆ”ฉันตอบลุง ร ป ภ พร้อมกับคอยรอดูว่าเขาจะเดินออกมาจากคอนโดเมื่อไหร่

    สามชั่วโมงผ่านไป...

    “แม่หนูไปทำงานทำการซะเถอะ ลุงว่าป่านนี้ถ้าเขาไม่ออกมา สงสัยคงไม่อยู่ล่ะมั้ง”

    “..............”ฉันยกข้อมือดูนาฬิกาอีกครึ่งชั่วโมงก็จะเที่ยงแล้ว  “เฮ้อออ  ถ้าอย่างนั้นหนูกลับก่อนนะค่ะ..”

    “ชื่อก็ไม่รู้จัก อยู่ห้องไหนก็ไม่รู้ รูปสักใบก็ไม่มี ถ้าหนูมีข้อมูลซักนิดลุงก็จะช่วยหนูได้นะ แต่หนูไม่มีข้อมูลอะไรเลย ลุงเลยช่วยอะไรหนูไม่ได้”

    “ขอบคุณค่ะลุง ผิดที่หนูเองค่ะ หนูไม่เคยถามชื่อเขา และไม่ได้สังเกตว่าตอนนั้นเขาอยู่ห้องอะไร  ไม่เป็นไรเดี๋ยววันหลังหนูจะมาใหม่  หนูไปก่อนนะค่ะ” ฉันลาลุง ร ป ภ พร้อมกับเดินคอตกออกมาจากคอนโด

                    วันนี้ฉันทำความสะอาดอย่างคนไม่มีสมาธิในการทำงานเลย เพราะมัวแต่คิดถึงเรื่องของนายคนนั้น  เขาคิดอะไรของเขาทำไมถึงได้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายการรักษาทั้งหมดของแม่ฉัน  ทำไมเขาต้องทำอย่างนั้นนะ ในเมื่อฉันกับเขาเราไม่เคยรู้จักกัน และสองสามวันที่ผ่านมามันก็เป็นเหตุบังเอิญเท่านั้นที่ทำให้เราต้องเจอกัน  ชื่อฉันเขาก็ไม่รู้จัก แล้วเขาจะมาออกให้ฉันทำไมกัน เอ๊ะ ระ... หรือว่า...เขาจะ...ไม่หรอกมั้ง ไม่ๆๆๆ  ยัยน้ำค้างแกคิดอะไรเนี้ยผู้ชายที่โครตๆหน้าตาดีอย่างเขาจะมาชอบผู้หญิงที่ทั้งแสนจนและธรรมดาอย่างแกทำไม ผู้ชายอย่างเขาสามารถหาแฟนสวยๆระดับซุปเปอร์สตาร์ได้สบายเลย แล้วนับประสาอะไรกับคนอย่างฉัน ยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้ยิ่งนัก ไม่มีทาง...

    “นี่..เธอ..”

    “อุ้ย..แม่จ๋า...โป๊ก..”

    “..โอ๊ย..”

    ฉันสะดุ้งเมื่อจู่ๆก็มีคนมาเรียกข้างๆหูขณะที่กำลังคิดอะไรเพลินๆทำให้ไม้ถูพื้นที่ฉันถือหันไปตีเข้าที่หน้าผากคนที่มาทักฉันเต็มๆ และพอฉันหันกลับมาก็เห็นว่าคือนายหลงตัวเองคนนั้นกุมหน้าผากตัวเองพร้อมกับมองหน้าฉันแทบจะกินเลือดกินเนื้อ

    “นี่..เธอ..”เขาพูดใส่ฉันอย่างเสียงดังพร้อมกับเอามือลูบหน้าผากตัวเองที่เริ่มจะมีรอยแดงๆขึ้น

    “อุ้ย..”

    “ทำบ้าอะไรของเธอ นี่เธอกล้าเอาไม้ถูพื้นมาตีหน้าผากฉันเลยเรอะ  รู้มั้ยว่าไม่มีใครกล้าทำกับฉันแบบนี้เลย แต่เธอ เธอ”เขาชี้หน้าฉันด้วยสายตาที่น่ากลัว

    “..................”

    “ถ้าเธออยู่ที่ประเทศฉันล่ะก็ เธอตายแน่ยัยบ้า..”

    “ก็จู่ๆคุณก็มาเรียกฉันที่ข้างหู ฉันก็ตกใจน่ะสิ”

    “ตกใจบ้าอะไรของเธอ เอาไม้ถูพื้นมาตีหน้าผากฉันเนี๊ย”

    “ฉันไม่ได้ตั้งใจ ก็ฉันตกใจนี่....โอ๊ะ..โอ๊ะ..นะ.น่า..หน้า..ผาก..”ฉันมองไปที่หน้าผากของเขาพร้อมกับชี้ด้วยใบหน้าที่ตกใจ

    “หน้าผากฉัน ทำไม”

    “มันนูนออกมา เห็นชัดเลย”

    เขาเอามือค่อยๆจับไปที่หน้าผากของเขาที่โดนไม้ถูพื้นของฉันไป  ก่อนจะค่อยๆทำหน้าเหมือนจะตกใจหลังจากที่เริ่มรู้สึกว่ามันนูนขึ้นมาเยอะกว่าเก่า

    “ฉะ..ฉันว่าคุณไปทายาดีกว่า”

    “ยังจะมีหน้ามาพูดอีก”

    “อุ้ย..” คนหล่อน่ากลัวอ่ะ

    เขาตะคอกใส่ฉันอย่างโมโห ทำเอาฉันสะดุ้งด้วยความกลัวเมื่อเจอสีหน้าสายตาของเขาที่ตอนนี้แทบจะบีบคอฉันได้เลย  อูย ตอนแรกมันก็ไม่ค่อยออกหรอก แต่ทำไมมันค่อยๆปูดออกมาแบบนี้นะ  นี่ฉันตีเข้าไปที่หน้าผากของเขาเต็มแรงเลยเหรอเนี๊ย  ฉันว่าฉันสะบัดไปเบาๆนะแต่ทำไมมันเห็นชัดขนาดนี้นะ  อย่างว่าล่ะก็ผิวเขาขาวซะขนาดนั้น ดูท่าทางผิวจะบอบบางซะด้วยสิ ช่วยไม่ได้ก็ใครใช้ให้มีผิวขาวและบางขนาดนี้ล่ะ ชิ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×