ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Dear Prince (เมื่อรักนำเธอมา)

    ลำดับตอนที่ #2 : ไม่รู้จักฉัน..ไม่รู้จักเธอ..

    • อัปเดตล่าสุด 27 ธ.ค. 61


    ตอนที่ 2...

    หอมจัง กลิ่นอะไรหอมจนฉันรู้สึกหิว หิวข้าว  จ๊อกกก จ๊อกกก ท้องฉันร้องแล้ว โครก โครก เพราะไอ้กลิ่นหอมๆที่ชวนให้น่ากินมันทำให้ท้องของฉันร้อง  จ๊อกกกกก

    “นี่..เธอ..”

    เสียงผู้ชาย เสียงผู้ชายเมื่อกี้มาจากไหน ทำไมฉันถึงได้ยินเสียงผู้ชายอยู่ใกล้ๆฉัน

    “นี่..เธอ..ตื่นได้แล้ว..”

    ฉันไม่ได้หูฝาด เสียงผู้ชายจริงๆ รู้สึกว่ามันดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆนะ

    “.........................”

    ดวงตาของฉันค่อยๆเปิดขึ้นทีละนิดอย่างช้าๆ ก่อนจะรู้สึกเหมือนเห็นภาพคนเบลอๆอยู่ข้างหน้าฉัน ฉันจึงกระพริบตาเพื่อปรับให้มองภาพอย่างชัดเจน พอลืมตาขึ้นอีกครั้งฉันก็เห็นผู้ชายหน้าตาที่หล่อเหลามากๆ มากทีเดียวแหละและก็รู้สึกคุ้นๆกำลังจ้องหน้าฉันใกล้มากๆ ทำให้ฉันสะดุ้งพร้อมกับกระเด้งตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว “ ว้ายย....โป๊กกก...โอ๊ยยยย...” ฉันร้องขึ้นอย่างตกใจพร้อมกับลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วทำให้ชนเข้ากับหน้าเขาเต็มๆ เสียงฉันกับเขาร้องขึ้นด้วยความเจ็บพร้อมกันพร้อมกับจับหน้าผากตัวเองด้วยกันทั้งคู่

    “โอ๊ย ยัยบ้าเอ๊ยย..”เขาจับหน้าผากตัวเองด้วยความเจ็บพร้อมกับพูดกับฉันด้วยความโมโห

    “คุณ..”ฉันชี้หน้าเขาเมื่อจำได้ว่าเขาคือลูกค้าที่มากินอาหารที่ร้านอาหารเมื่อคืน และก็เป็นคนที่ฉันสั่งส้มตำใส่พริก20เม็ดให้  นะ...นี่...มันเกิดอะไรขึ้น ฉันมาอยู่กับเขาได้ยังไง ครั้งสุดท้ายที่ฉันจำได้ฉันยืนรอรถที่ป้ายรถเมล์เพื่อจะกลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วจะกลับไปหาแม่ที่โรงพยาบาล   แม่ ใช่สิ ฉันต้องไปหาแม่ นี่มันกี่โมงแล้ว 

    “อ้าว นี่เธอ จะไปไหน”ผู้ชายหน้าหล่อคนนั้นจับแขนฉันเมื่อจู่ๆฉันทำท่าจะลุกเดินออกไปจากโซฟา

    “แม่ฉัน ฉันจะไปหาแม่ฉัน”

    “อะไรของเธอตื่นมาก็ร้องหาแม่เลย”

    “นี่มันกี่โมงแล้ว..”ฉันถามเขา

    “เก้าโมงเช้า..”

    “เก้าโมง ตายแล้ว แม่ต้องเป็นห่วงฉันแน่ๆ ฉันต้องรีบไปหาแม่ของฉัน”ฉันลุกพรวดขึ้นอย่างไม่สนใจ “โอ๊ะ..”ด้วยความที่ลุกขึ้นอย่างเร็วทำให้ฉันรู้สึกหน้ามืดเหมือนจะล้มลงไป

    “นั่นไงๆ พอเลยมานั่งลงนี่...” เขาเดินเข้ามาดึงแขนฉันให้ไปนั่งลงที่โซฟาเหมือนเดิมพร้อมกับหยิบชามที่มีข้าวต้มหอมฉุยกลิ่นอันชวนหิวที่ทำให้ฉันตื่นขึ้นมา ฉันมองข้าวต้มที่อยู่ในถ้วยด้วยความอยากกินพร้อมกับจับท้องตัวเองที่มันร้องดังขึ้นเรื่อยๆ

    “ฉันว่าเธอกินอะไรก่อนเถอะ แล้วค่อยไปหาแม่ของเธอ เพราะเสียงท้องร้องของเธอมันทำให้ฉันหนวกหูมากๆ”

    “ดังขนาดนั้นเลยเหรอ”

    “ใช่ ดังมาก ดังจนฉันนอนไม่ได้เลยทั้งคืน”เขาพูดเน้นใส่หน้าฉันพร้อมกับลุกขึ้นเดินไปไหนก็ไม่รู้ 

    เมื่อเขาเดินไปไหนก็ไม่รู้ฉันจึงละสายตาจากเขามาที่ข้าวต้มที่ดูน่ากินก่อนจะยกมันขึ้นมา เมื่อวานฉันแทบไม่ค่อยกินอะไรเข้าไปเลย สงสัยมันคงจะมาหิวเอาตอนนี้ ไม่ไหวแล้ว ขอกินหน่อยเถอะ

    “อื้ม”ฉันตักข้าวต้มช้อนแรกเข้าปากด้วยความหิวพร้อมกับมองไปรอบๆห้องที่ฉันอยู่ตอนนี้   นี่เป็นห้องของเขาเหรอดูท่าทางน่าจะเป็นคอนโดนะ แถมเป็นคอนโดที่ดูหรูซะด้วยสิ ดูจากโซฟาที่นั่งอยู่ตรงนี้เป็นหลุยส์ทั้งนั้น และห้องนี้น่าจะเป็นห้องนั่งเล่นนะ ท่าทางจะกว้างน่าดู

    “เธอไปทำอะไรมาทำไมถึงได้เป็นลม..”เขาเดินมานั่งลงตรงข้ามกับฉันพร้อมกับถามฉันทันทีโดยที่ในมือของเขาถือกล้องถ่ายรูปพร้อมกับดูรูปภาพที่อยู่ในกล้อง

    “ไม่รู้สิ สงสัยฉันคงเครียดเรื่องแม่มากเกินไป”

    “แม่เธอป่วยเหรอ” เขาละจากกล้องของเขาพร้อมกับมองหน้าฉันเหมือนอยากรู้

    “..................”ฉันพยักหน้า

    “ป่วยเป็นอะไร”

    “แล้วทำไมฉันต้องบอกคุณด้วยล่ะ”

    “นี่ฉันช่วยชีวิตเธอเอาไว้นะ...อีกอย่างฉันยังไม่ได้จัดการกับเธอที่เธอสั่งไอ้อาหารจานนั่นมาให้ฉันกิน เธอรู้มั้ยว่ามันทรมานแค่ไหนกว่าฉันจะหายเผ็ด”

    “อ๋อ ส้มตำน่ะเหรอ เป็นไงอร่อยมั้ยล่ะค่ะ” ฉันพูดพร้อมกับนึกขำ

    “ยังจะมีหน้ามาพูดอีก นี่เธอกล้าทำกับฉันอย่างนี้ได้ยังไง”

    “เอ้า ก็คุณบอกว่าให้ฉันสั่งอาหารมาให้คุณ 1อย่างอะไรก็ได้ไม่ใช่เหรอ”

    “เธอจงใจแกล้งฉันใช่มั้ย”

    “ ฉันไม่ได้แกล้งคุณ”

    “ไม่ได้แกล้งแล้วทำไมถึงสั่งอาหารจานนั้นมาให้ฉัน”

    “ ข้าวต้มหมดแล้ว งั้นฉันขอตัวก่อนนะค่ะ..”ฉันบ่ายเบี่ยงคำตอบเขาพร้อมกับวางชามข้าวต้มที่โต๊ะพร้อมกับลุกขึ้นยืน

    “นะ..นี่เธอ..”เขาชี้นิ้วมาที่ฉันเหมือนพูดอะไรไม่ออก

    “ขอบคุณสำหรับข้าวต้มนะคะ มันทำให้ฉันมีพลังขึ้นมาเยอะเลย  เวลานี้ ตอนนี้ ฉันไม่ควรจะมาเสียเวลากับเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องกับคุณ เพราะสำหรับฉันในตอนนี้เวลาในแต่ละวินาทีมันสำคัญมาก  ขอบคุณสำหรับในการช่วยเหลือในครั้งนี้นะค่ะ ถ้ามีโอกาสฉันจะตอบแทนคุณทีหลังนะค่ะ ขอบคุณนะค่ะ..”ฉันพูดโดยไม่มีที่แทรกให้เขาพูดพร้อมกับก้มหัวขอบคุณแล้วเดินออกไปทันทีโดย ซึ่งดูท่าทางและสีหน้าของเขาแล้วคงจะทำอะไรไม่ถูกเมื่อฉันพูดคนเดียวพอพูดเสร็จก็เดินออกมาเลย..

    “นะ.นี่..มันอะไรกัน..ยัยนั่นทำไมถึง...”

    เมื่อหญิงสาวเดินออกไป เจ้าชายซาโต้แสดงใบหน้าอึ้งๆกับมารยาทของหญิงสาวที่แสดงเมื่อกี้ กินเสร็จแล้วก็ไปเลย  ผู้หญิงคนนั้นไม่เปิดโอกาสให้เขาพูดเลย  ชายหนุ่มยิ่งคิดก็ยิ่งโมโหที่เขาไม่สามารถเอาคืนหญิงสาวที่แกล้งเขาได้

    “ไม่เคยมีใครทำกับฉันแบบนี้เลย ถ้าฉันเจอเธออีก ฉันไม่ปล่อยเธอแน่ยัยพนักงานจอมแสบ”

    “ตึก ตึก ตึก..” 

     ฉันรีบเดินสาวเท้าออกมาจากคอนโดเขาอย่างรวดเร็วและเมื่อเดินออกมาฉันก็รีบวิ่งออกห่างจากคอนโดให้มากที่สุด โอ๊ยยยย  เกิดมาไม่เคยไปนอนค้างบ้านผู้ชายเลยซักครั้ง มันช่างเป็นเรื่องที่น่าอายมากๆ ดังนั้นฉันเลยต้องเนียนรีบออกมาจากห้องเขาให้เร็วที่สุด   ชื่อก็ยังไม่รู้จัก และก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นใครมาจากไหน  เฮ้อ ยัยน้ำค้างแกไปนอนค้างห้องเขาได้ยังไงกันทั้งคืน เฮ้อออออ

    ณ  โรงพยาบาล..

    “น้ำค้างเมื่อคืนลูกหายไปไหน  ไหนลูกบอกกับแม่ว่าลูกจะกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วทำไมถึงหายไปทั้งคืน”

    “เอ่อ คือ คือ หนูขอโทษนะค่ะที่ทำให้แม่เป็นห่วง คือว่าเมื่อคืนมีงานเข้ากระทันหันน่ะค่ะ หนูเลยต้องรีบไปเลยไม่ได้บอกแม่”

    “งานอะไร”

    “งาน งาน  เมื่อคืนมีคนเหมาร้านอาหารทั้งร้าน ผู้จัดการเลยโทรมาหาฉันให้ฉันไปช่วยด่วนเลย”

    “งั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เป็นไร แม่คิดว่าเกิดอะไรกับลูก..”

    “พรึ่บ...”ฉันเข้าไปกอดแม่ทันทีเมื่อเห็นสีหน้าที่เป็นห่วงของแม่   “ไม่มีใครทำอะไรลูกสาวแม่คนนี้ได้หรอกค่ะ  แม่ไม่ต้องเป็นห่วงหนูนะ หนูจะทำทุกอย่างเพื่อให้แม่หาย”

    “...............”แม่เอามือลูบผมฉันอย่างอ่อนโยน  “น้ำค้างแม่เสียใจที่ให้ลูกเหนื่อยคนเดียว แม่ขอโทษนะลูก ลูกต้องเหนื่อยกับแม่มาตลอด”

    “หนูบอกกับแม่กี่ครั้งแล้วค่ะว่าอย่าโทษตัวเอง และก็ขอโทษหนู  หนูมีแค่แม่คนเดียวนะค่ะ”

    “....................”แม่พยักหน้าให้ฉันพร้อมกับกอดฉันโดยที่ลูบหัวฉันไปด้วย

    ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ต่อให้ฉันต้องเหนื่อยมากกว่าเดิมหลายร้อยเท่าฉันก็จะไม่ท้อ ฉันจะทำงานหาเงิน ทำทุกอย่างเพื่อจะหาเงินมารักษาแม่ให้ได้  แม่จ๋า ไม่ต้องห่วงนะหนูจะไม่ยอมให้แม่เป็นอะไรไปเด็ดขาด

    ทางด้านนอกห้องรวมคนไข้มีคุณหมอรูปหล่อยืนมองมาที่หญิงสาวที่กำลังกอดคนเป็นแม่ในขณะที่เขาเพิ่งตรวจคนไข้เสร็จแล้วเดินผ่านมาเห็นพอดี ก่อนที่จะเดินไปเมื่อนางพยาบาลเรียกให้เขาไปตรวจคนไข้ที่อยู่อีกห้องนึง

    “เฮ้ออออ...”ฉันถอนหายใจอย่างรู้สึกเหนื่อยอยู่ที่เก้าอี้ด้านหน้าโรงพยาบาลหลังจากที่ต้องไปทำงานเป็นแม่บ้านต่อ วันนี้ฉันโทรบอกหัวหน้าแล้วว่าอาจจะเข้าไปเที่ยงๆ เพราะจะมาหาแม่ก่อน

    “ดูท่าทางเธอคงเหนื่อยมากสินะ.”

    “คุณหมอ” ฉันพูดอย่างตกใจเมื่อจู่ๆก็มีคนมานั่งข้างๆฉันซึ่งก็คือคุณหมอที่เป็นคนดูแลแม่ของฉัน

    “อ่ะ” เขายื่นแก้วน้ำกระดาษซึ่งมีกาแฟร้อนส่งมาให้ฉัน

    “ขอบคุณค่ะ”ฉันจึงรับมา

    “ฉันเข้าใจนะว่าเธออยากให้แม่ของเธอหาย แต่เธอก็ควรจะดูแลตัวเองบ้าง เพราะถ้าหากว่าเธอเป็นอะไรไปอีกคน คนที่ลำบากมากที่สุดก็คือแม่เธอนะ”

    “มันไม่มีทางเลือกนี่ค่ะ ฉันมีแม่แค่คนเดียว เรามีกันอยู่แค่สองคนถ้าหากว่าฉันไม่เป็นคนทำแล้วใครจะมาทำงานหาเงินมาให้เราล่ะค่ะ  แต่คุณหมอก็พูดถูกฉันจะพยายามดูแลตัวเองไม่ให้เป็นอะไร เพราะถ้าหากฉันแย่ไปอีกคน คนที่ลำบากก็คือแม่  ฉันไม่มีทางให้มันเป็นอย่างนั้นแน่นอนค่ะ”ฉันพูดพร้อมกับหันไปยิ้มให้คุณหมอ “ขอบคุณสำหรับกาแฟนะค่ะ”

    “อืม ว่าแต่เธอจะไปไหนต่อเหรอ”

    “ฉันจะไปทำงานต่อค่ะ ฝากคุณหมอดูแลแม่ของฉันด้วยนะค่ะ ฉันต้องไปแล้ว ขอตัวก่อนนะค่ะ”ฉันลุกขึ้นยืนเพื่อจะเตรียมตัวไปทำงานต่อ

    “อ้อ โชคดีนะไม่ต้องเป็นห่วง แม่เธอคือคนไข้ของฉัน มันเป็นหน้าที่ที่ฉันต้องดูแลอยู่แล้ว”

    “ขอบคุณค่ะ” ฉันขอบคุณคุณหมอนอกจากจะหน้าตาดีแล้วยังดูท่าทางใจดีอีกด้วย   ฉันก้มหัวขอบคุณอีกครั้งพร้อมกับเดินจากมาเพื่อจะไปทำงานต่อ

    “อย่างน้อยเธอก็โชคดีที่ยังมีแม่อยู่ข้างๆเธอทุกวันนี้” คุณหมอรูปหล่อพูดขึ้นพร้อมกับมองไปยังหญิงสาวที่เดินไปด้วยสายตาที่ชื่นชมในความกตัญญูของเด็กสาวคนนั้น ทำให้เขานึกถึงตัวเองขึ้นมาทันที  เขาอยากตอบแทนบุญคุณอยากจะกตัญญูกับแม่ของเขาเหมือนอย่างที่เด็กสาวคนนั้นทำบ้าง แต่นั่นก็คงเป็นได้แค่ความคิด เพราะตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยเห็นหน้าแม่ตัวเองเลย

    เด็กผู้ชายที่เติบโตมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ผู้ที่ไม่เคยรู้ว่าพ่อกับแม่ของตัวเองเป็นใคร เมื่อเริ่มจำความได้เขาก็อยู่ในบ้านเด็กกำพร้ามาตั้งแต่เล็กๆ เขารู้มาจากคนใจบุญที่เก็บเขามาเลี้ยงว่าแม่ได้นำเขามาทิ้งเอาไว้ที่ด้านหน้าสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า  เขาใช้ชีวิตอยู่ในนั้นอย่างมีความสุขจากความรักจากผู้หญิงที่ไม่ใช่แม่ที่แท้จริง เป็นผู้หญิงที่เลี้ยงดูเขา ให้ความรักเขาเหมือนเป็นลูกคนนึงเช่นเดียวกับเด็กคนอื่นที่ถูกนำมาทิ้งเช่นกัน  แม่คนที่สองของเขาสอนเขาเสมอว่าไม่ให้เกลียดแม่ที่แท้จริงให้คิดเสมอว่าเขาไม่ได้ทอดทิ้งเรา แต่เป็นเพราะเขาไม่อยากให้เราลำบากและทรมานเลยต้องเอาเขามาไว้ที่นี่ แม่บุญธรรมสอนเขาเสมอว่าให้รู้จักความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณนั่นคือ พ่อกับแม่ ถึงแม้ว่าจะเป็นคำสอนที่ติดตรึงอยู่ใจจิตสำนึกของเขามาตลอดหลายสิบปี บางทีเขาก็นึกเสียใจและน้อยใจว่าทำไมแม่ต้องทิ้งเขา แต่เมื่อคำสอนของแม่บุญธรรมคอยย้ำเตือนสติเขา ก็ทำให้เขาเกลียดคนเป็นแม่ไม่ลง ในบางครั้งเขาก็เคยคาดหวังว่าสักวันนึงเขาจะได้เจอกับแม่ที่แท้จริงของเขาถึงแม้ว่ามันอาจจะเป็นความคาดหวังที่เลือนลางก็ตาม แต่เขาก็ยังคาดหวังเพราะเชื่อว่าสักวันนึงแม่จะกลับมาหาเขาที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า  หมอหนุ่มนั่งนึกถึงเรื่องราวในอดีตอยู่เพียงลำพังก่อนจะลุกขึ้นไปปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลคนไข้ต่อ เพราะความพยายาม ความใฝ่รู้ ใฝ่เรียน และความมุ่งมั่นตั้งใจทำให้เขามีวันนี้วันที่ได้เป็นหมอซึ่งเป็นความฝันของเขา มีบ้านเป็นของตัวเอง มีฐานะที่ดีขึ้น แต่เขาก็ไม่เคยลืมผู้ที่มีพระคุณกับเขา เขาจะกลับไปหาแม่บุญธรรมของเขาทุกอาทิตย์ นั่นเป็นสิ่งที่เขาทำเป็นประจำมาตลอดตั้งแต่ที่เขาออกมาจากบ้านที่แสนอบอุ่น บ้านที่ทำให้เขาได้มีอนาคตที่ดี นั่นเป็นสิ่งที่โชคดีสำหรับเขาที่สุดแล้ว ที่ได้เจอคนดีดีที่เลี้ยงดูเขามา

     

    “น้ำค้างวันนี้เธอต้องทำถึงสองทุ่มนะ เพื่อทดเวลาที่เธอขอไป”

    “ค่ะ..”ฉันตอบหัวหน้าแม่บ้านหลังจากที่มาถึงพร้อมกับเตรียมตัวจะไปทำความสะอาด

    “ว่าแต่แม่เธออาการเป็นยังไงบ้างล่ะ”

    “รอผ่าตัดอย่างเดียวค่ะ”

    “ เฮ้อ สู้ สู้นะ ฉันเชื่อว่าความกตัญญูของเธอจะทำให้ทุกอย่างมันดีขึ้น”

    “ขอบคุณค่ะหัวหน้า”

    “ไปทำงานเถอะ”

    “ค่ะ.” ฉันพูดพร้อมกับถือกระป๋องที่มีไม้ถูพื้นเดินออกไปเพื่อไปถูบริเวณในห้าง  ซึ่งมันต้องถูตลอดเวลา เพราะลูกค้าที่เข้ามาเดินนั้นมักจะทำน้ำหก อะไรตกลงมาเปื้อนพื้นตลอดเวลา  นี่แหละงานของฉัน  หัวหน้าที่เพิ่งคุยกับฉันเมื่อกี้เป็นเพื่อนกับแม่ของฉันเมื่อตอนที่เรียนด้วยกันตอนเด็ก ดังนั้นเธอจึงฝากฉันเข้ามาทำงานที่นี่  ก่อนหน้านี้ฉันก็หางานมาเยอะเหมือนกัน แต่ส่วนมากจะเอาเปรียบฉันเนื่องจากฉันเรียนจบแค่ม.6 งานแม่บ้านนี่แหละที่ให้เงินดีที่สุดแล้ว ฉันก็คิดว่าถ้าสักวันนึงฉันเก็บเงินได้เยอะๆฉันก็อยากจะมีร้านอาหารเป็นของตัวเอง นั่นเป็นความฝันของฉัน ความฝันที่ไม่รู้ว่าจะเป็นจริงตอนไหนแต่ฉันก็ยังหวังและจะฝันต่อไปเพราะฉันเชื่อว่าคนเราเมื่อพยายามที่จะทำอะไรแล้ว ต่อให้ต้องเจอกับอุปสรรคมากน้อยเพียงใด ความสำเร็จก็จะยังรอเราเสมอ ฉันเชื่ออย่างนั้น

    “นี่แม่บ้าน น้ำหกตรงนี้มาเช็ดหน่อยสิ”

    “ค่ะ..”ฉันที่กำลังเช็ดพื้นไปเรื่อยๆหันไปพยักให้ลูกค้าที่เดินมาบอกให้ไปเช็ดพื้นตรงนั้น

    “ดูท่าทางยังเด็กอยู่เลยนะ  ทำไมถึงมาทำแม่บ้านล่ะ”

    “ฉันเรียนจบแค่ ม.6 น่ะค่ะ”ฉันตอบลูกค้าคนนั้น

    “เสียดายเนอะ อย่างว่าสมัยนี้วุฒิแค่ม.6ทำอะไรไม่ได้จริงๆ”

    “......................”ฉันได้แต่เงยหน้าไปยิ้มให้เธอพร้อมกับทำหน้าที่ของตัวเอง

                    หลังจากที่เช็ดพื้นบ้างนั่งพักบ้างตามที่นั่งริมระเบียงในห้าง นี่ก็ผ่านมาหลายชั่วโมงแล้วเหลืออีกหลายชั่วโมงเพราะว่าวันนี้ฉันต้องเลิกสองทุ่มเพื่อชดเชยที่ฉันมาช้า ยังไงก่อนจะไปทำที่ร้านอาหารต่อฉันต้องแวะไปหาแม่ก่อน ป่านนี้แม่จะกินข้าวหรือยังนะ เฮ้อออ 

    “แวะดูก่อนได้นะค่ะ..”เสียงพนักงานสาวร้านเสื้อผ้าแบรนด์ดังร้องเรียกชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาที่ดูเด่นสะดุดตากำลังเดินผ่านหน้าร้านของเธอ

    “.......................”ชายหนุ่มยิ้มให้ก่อนจะเดินผ่านไป

    “โอ๊ย หล่อ หล่อเหลือเกิน” พนักงานสาวทำท่าเหมือนจะเป็นลมเมื่อชายหนุ่มรูปงามส่งรอยยิ้มให้

    “ผู้ชายอะไรทำไมหล่อราวอย่างกับเทพบุตร”เพื่อนร่วมงานของเธอที่ยืนอยู่ด้วยพูดพร้อมกับมองตามแผ่นหลังของชายหนุ่มที่ค่อยๆเดินห่างไปเรื่อยๆ

    “ฉันอยากจะตามเขาไปซะจริงๆ”

    เจ้าชายซาโต้เดินมาเรื่อยๆโดยไม่ได้สนใจสายตาของเหล่าบรรดาผู้หญิงที่เดินผ่านไปมา มองมาที่เขาแทบจะทะลุเข้าไป นั่นเป็นความชินของเขาแล้วล่ะเพราะไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน เขาก็ถูกมองด้วยสายตาเหล่านั้นมาโดยตลอดไม่ว่าจะเป็นประเทศไหนที่เขาเคยไป  หลายครั้งที่เคยมีผู้หญิงบางคนเข้ามาคุยกับเขาเหมือนรู้จักกันทั้งๆที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อน บางคนก็แสร้งทำเป็นเดินมาชนเขาเพื่อต้องการคุยกับเขา  เรื่องแบบนี้เขาโดนบ่อยซะจนชิน 

    “ผลัก โอ๊ะ ขอโทษค่ะ..”

    ชายหนุ่มมองผู้หญิงที่เดินเข้ามาชนเหมือนจะรู้ทันเธอ

    “..................”ชายหนุ่มไม่ตอบอะไรนอกจากทำท่าเหมือนไม่เป็นไรก่อนจะเดินเลี้ยวไปอีกทาง

    “เดี๋ยวค่ะ..”ผู้หญิงคนนั้นวิ่งมาดักหน้าเขา

    “.....................”

    “คือว่า คือว่า ฉัน..”

    “ขอโทษนะครับผมมีแฟนแล้ว..”ชายหนุ่มตอบซิ่งตอบไปก่อนทุกครั้งเมื่อเจอเหตุการณ์แบบนี้และดูเหมือนว่ามันจะบ่อยมากทุกครั้งเวลาที่เขาออกมาเดินเล่นข้างนอก

    “มะ..มีแฟนแล้ว...”

    “ครับ ขอตัวนะครับ”ชายหนุ่มเลี่ยงพร้อมกับเดินหนีไปอีกทาง

    “มีแฟนแล้วก็ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่ค่ะ..”ผู้หญิงคนนั้นเดินมาดักหน้าเขาอีกครั้ง

    ชายหนุ่มนึกในใจ ผู้หญิงไทยทำไมถึงได้ตื้อเก่งจังทั้งๆที่ผู้ชายบอกไปว่ามีเจ้าของแล้วยังไม่เลิกยุ่งกับเขาอีก

    “ผมไม่ชอบผู้หญิง”คราวนี้ชายหนุ่มทำหน้าจริงจังก่อนจะเดินหนีไปอย่างรวดเร็ว

    เขาได้แต่นึกในใจ ผู้หญิงสมัยนี้ก็น่าแปลกมักเข้าหาผู้ชายก่อนเสมอเมื่อรู้สึกสนใจและอยากจะเป็นเจ้าของ  และผู้หญิงก็เป็นแบบนี้ทุกประเทศ  หลายประเทศที่เขาไปมาก็เจอผู้หญิงแบบนี้ทุกคน  เกิดมาหน้าตาดีกว่าผู้ชายทั่วไปก็เหนื่อยเหมือนกันแฮะ  นี่ก็ผ่านมาหลายวันทำไมเขายังไม่เจอคนที่เขาตามหานะ เขาไม่รู้ว่าจะเจอเธอคนนั้นได้ที่ไหน เขาแค่หวังว่าเมื่อเขามาที่ประเทศไทยเขาจะได้เจอเธอ  เพราะกรุงเทพเป็นที่เดียวที่เธอบอกกับเขาว่าเธออยู่ที่นี่ เธอบอกว่าเธอชอบเดินเล่นที่ห้าง ชอบไปเดินเล่นในสวนสาธารณะ ในกรุงเทพเขาก็ไปมาหลายทีแล้วแต่เขาก็ไม่เคยเห็นเธอเลย แต่เขาก็ยังหวังว่าสักวันนึงเขาจะได้เจอเธอคนนั้น คนที่ทำให้เขาหัวใจเต้นรัวเมื่อเจอเธอครั้งแรก “โอ๊ะ นั่นใช่ยัยพนักงานจอมแสบหรือเปล่า” ในขณะที่เขากำลังนึกถึงผู้หญิงที่เขาข้ามน้ำข้ามทะเลเพื่อมาหาเธอ สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นพนักงานทำความสะอาดคนนึงกำลังยืนมองชุดที่อยู่ในหุ่นด้านในของร้านจากนอกกระจก เมื่อเขามองจากด้านข้างเขาก็จำได้ทันทีว่าเป็นพนักงานจอมแสบคนนั้น 

    ยัยพนักงานจอมแสบนั่นทำงานหลายอย่างจัง นอกจากจะเป็นพนักงานในร้านอาหารตอนเย็นแล้ว ยังทำงานเป็นแม่บ้านในตอนเช้าอีก

    ชายหนุ่มเดินเข้าไปใกล้ๆพร้อมกับคิดในใจไปด้วย  เขาค่อยๆเดินไปอย่างช้าเพื่อไม่ให้หญิงสาวรู้ตัวเมื่อเห็นว่าเธอมองดูชุดด้วยความสนใจ

    “เธอเป็นหุ่นยนต์หรือไงกันถึงได้ทำงานได้ตลอดเวลา”

    “คุณ.” ฉันหันมาอย่างตกใจเมื่อได้ยินเสียงคนมาจากด้านข้าง

    “.................”สายตาเขามองฉันตั้งแต่เท้าขึ้นมาเรื่อยๆด้วยสายตาที่นิ่งๆก่อนจะมองหน้าฉันพร้อมกับจ้องเข้ามา “เธอเป็นหุ่นยนต์เหรอไงฮะ”

    “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณ ฉันจะทำงานไม่หยุดมันก็เป็นเรื่องของฉัน”ฉันพูดพร้อมกับพยายามเดินหนีเขาโดยที่ถือกระป๋องที่มีไม้ถูพื้นมาด้วย

    “เธอชอบชุดที่อยู่ในหุ่นนั้นเหรอ”

    เขากลับเดินตามฉันพร้อมกับถามถึงชุดที่ฉันมองเมื่อกี้ ฉันไม่ตอบแต่กลับเดินไปเรื่อยๆ

    “นี่เธอเดินหนีฉันเหรอ”

    “ฉันวิ่งไล่ตามคุณอยู่มั้ง”

    “ทำไมเธอถึงชอบตอบคำถามกวนๆใส่ฉันฮะ”

    “แล้วทำไมคุณถึงเดินตามฉันฮะ ฉันไม่มีเวลามาตอบคำถามคุณหรอกนะ ฉันมีงานต้องทำ”ฉันพูดพร้อมกับเดินไปด้วยโดยไม่หันไปมองเขา

    “เธอรู้มั้ยว่าผู้หญิงทุกคนต่างเข้ามาหาฉันทุกครั้ง และตามฉันตลอดเวลาเมื่อเวลาที่เห็นฉัน”

    “.....................”

    “นี่ ฉันพูดได้ยินหรือเปล่าฮะ”

    “คุณจะอวดว่าคุณหน้าตาดีมากถึงได้มีผู้หญิงเข้าหาตลอด โอเคค่ะเรื่องนี้ฉันไม่เถียงเพราะมันเป็นเรื่องจริง จบมั้ยค่ะ ฉันขอตัวก่อนนะค่ะ”ฉันหยุดเดินกะทันหันทำให้เขาเบรกตัวเองแทบไม่ทันจนเกือบจะเดินมาชนฉันก่อนที่เขาจะทำท่าล้วงกระเป๋ามองมาที่ฉัน

    “เฮ้ เดี๋ยวสิ”

    “มีอะไรอีกคะ..” ฉันหันไปหาเขา

    “ฉันยังไม่ได้จัดการกับเธอเลยนะที่เธอทำให้ฉันทรมานจากการกินอาหารจานนั้นของเธอ”

    “คุณจะให้ฉันชดใช้ยังไง คุณถึงจะยอมเลิกรากับฉันฮะ”

    “นะ.นี้เธอแสดงสีหน้ารำคาญใส่ฉันมันหมายความว่ายังไงฮะ เธอเป็นใคร และฉันเป็นใคร”

    “นั่นสิ ฉันยังไม่รู้จักคุณเลยว่าคุณเป็นใครมาจากไหน แล้วทำไมเราต้องคุยกันด้วยล่ะ”

    “นี่.เธอ”สีหน้าของเขาดูเหมือนจะโมโห

    “เอาอย่างนี้ละกัน วันไหนที่คุณไปกินที่ร้านอาหารฉันจะชดเชยเลี้ยงอาหารคุณล่ะกัน”

    “แล้วฉันจะมั่นใจได้ยังไงว่าเธอจะไม่แกล้งฉันอีก”

    “ฉันไม่ใช่คนแบบนั้นนะ”

    “หน้าตาเธอมันเชื่อไม่ได้จริงๆ”

    “แล้วแต่คุณ ฉันต้องไปทำงานแล้ว”ฉันพูดพร้อมกับหันหลังจะเดิน “โอ๊ะ ซาดดดด” พอหันกลับมากระป๋องที่มีน้ำและไม้ถูพื้นที่ฉันถือมาด้วยกลับไปชนกับลูกค้าผู้หญิงคนนึงที่มากับเพื่อนของเธอพอดีทำให้น้ำที่อยู่ในกระป๋องเปื้อนหกใส่กระโปรงสวยๆของเธอนิดหน่อย

    “ว้ายยยย นี่มันอะไรกัน””

    “ขอโทษค่ะ คือฉันไม่ได้ตั้ง..เพี๊ยะ..”ยังไม่ทันที่ฉันจะได้พูดอะไรใบหน้าของฉันก็หันไปด้วยแรงตบของผู้หญิงคนนั้นอย่างไม่ทันตั้งตัว  “นี่คุณ..”ฉันจับแก้มตัวเองพร้อมกับมองผู้หญิงคนนั้นทันทีที่จู่ๆก็มาตบหน้าฉัน

    “ยังจะมามองหน้าอีก ทำน้ำถูพื้นสกปรกใส่กระโปรงของฉันแล้วยังมีหน้ามาพูดอีก”

    “ฉันไม่ได้ตั้งใจนี่ค่ะ”

    “จะตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจแกก็ไม่มีสิทธิพูด เป็นแค่แม่บ้าน ถ้าฉันไปบอกหัวหน้าแกยังไงเขาก็ต้องฟังฉันเพราะฉันเป็นลูกค้า”

    “ฉะ..ฉันขอโทษค่ะ”ฉันกัดฟันพูดออกไป

    “ขอโทษไม่พอ เธอต้องมาเช็ดให้ฉันด้วย”

    “ค่ะ..” ฉันหยิบผ้าเช็ดหน้าที่อยู่ในเอี๊ยมออกมาเพื่อจะมาเช็ดกระโปรงให้เธอ

    “ไม่ใช่ตรงนี้”

    “..............”

    “ที่รองเท้าของฉัน แกรุ้มั้ยว่ามันคู่เท่าไหร่ มันมากกว่าเงินเดือนของแกตั้งหลายเท่า”

    “.......................”ฉันยืนนิ่งพร้อมกับมองหน้าผู้หญิงตรงหน้าที่หน้าตาสวยแต่จิตใจไม่สวยเหมือนหน้าของเธอเลย

    “ยืนบื้ออะไรล่ะ เช็ดสิ”เธอพูดพร้อมกับทำหน้าสะใจก่อนจะหันไปทำหน้ามีความสุขกับเพื่อนของเธอที่มาด้วยกัน

    “.....................”

    “หรือให้ฉันบอกหัวหน้าของแก”

    “.....................” ฉันมองหน้าผู้หญิงตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่แย่มากๆ การเป็นแม่บ้านฉันคิดว่ามันเป็นงานที่สุจริตถึงแม้ว่าจะมีบางคนที่ชอบมองว่างานแม่บ้านจะต่ำเพราะต้องคอยตามเช็ดตามถูแต่มันก็เป็นงานที่ได้เงินและไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใคร แต่การที่จะก้มลงไปเช็ดเท้าให้กับคนอื่นนั้นมันช่างเป็นอะไรที่ดูแย่มากๆ  แต่ถ้าหากว่าลูกค้าไม่ยอมและต้องการให้ฉันโดนไล่ออกโดยไปฟ้องหัวหน้า ต่อให้ฉันจะแก้ตัวว่าไม่ตั้งใจยังไง สุดท้ายลูกค้าก็ต้องถูกเสมอ  ฉันจะออกจากงานนี้ไม่ได้ฉันต้องทำงานเก็บเงินไปรักษาแม่  น้ำค้างแค่เพียงครั้งเดียว การทำอะไรแบบนี้มันจะเป็นแค่ครั้งเดียวเท่านั้น เพื่อแม่ ท่องเอาไว้ว่าเพื่อแม่  

    “อุ้ย จะร้องไห้เลยเหรอ   โทษไม่ได้นะเธอเป็นคนทำให้รองเท้าราคาหลายหมื่นของฉันเปื้อนเอง”

    “.................”ฉันค่อยๆนั่งลงยองๆเพื่อจะเช็ดรองเท้าให้กับเธอ

    “พรึ่บ..”แต่ในขณะที่ฉันกำลังจะนั่งลงกลับมีมือของใครบางคนมาคว้าแขนของฉันให้ลุกขึ้นไม่ให้นั่งลงไป พอฉันหันไปก็เห็นว่าเป็นเขา 
    “คุณ..”

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×