ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Dear Prince (เมื่อรักนำเธอมา)

    ลำดับตอนที่ #3 : การเริ่มต้นของคนที่ไม่รู้จัก..

    • อัปเดตล่าสุด 27 ธ.ค. 61


    ตอนที่3....

    “คุณ...”

    เขามองหน้าฉันพร้อมกับมองไปที่ผู้หญิงคนนั้น
    “ผมจะชดใช้ค่าเสียหายให้คุณสองเท่าจากราคารองเท้าของคุณเอง”

    “นี่..คุณ”ฉันหันไปพูดกับเขา

    “เธอน่ะเงียบไปเลย”เขาสั่งฉันด้วยใบหน้าที่ดุๆ  ฉันมองไปที่ผู้หญิงคนนั้นเธอมองผู้ชายที่ยืนข้างๆฉันด้วยใบหน้าที่เปลี่ยนไปจากเมื่อกี้เหมือนกับว่ากำลังสนใจผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆฉัน ความหล่อของเขามันทำให้ผู้หญิงเปลี่ยนไปได้จริงๆ

    “คะ..คุณเป็นใครค่ะ”เสียงของเธอดูอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด เธอพูดกับผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆฉันพร้อมกับหันไปกรี๊ดกร๊าดกับเพื่อนของเธอเหมือนกับเห็นดาราเลย  นี่คืออาการของผู้หญิงที่เจอผู้ชายหน้าตาดีใช่มั้ย

    “ผมไม่จำเป็นต้องบอกคุณ เอาเป็นว่าผมจะชดใช้ค่าเสียหายให้คุณ เพื่อให้เรื่องมันจบโดยที่คุณไม่ต้องเอาเรื่องกับพนักงานคนนี้”

    “แม่บ้านคนนี้เป็นอะไรกับคุณเหรอค่ะ”ผู้หญิงคนนั้นมองฉันด้วยสายตาเหยียดๆก่อนจะหันไปมองหน้าผู้ชายข้างๆฉันด้วยสายตาที่อ่อนหวานอย่างรวดเร็ว สุดยอดเธอเปลี่ยนสายตาได้เร็วมาก

    “ผมไม่จำเป็นต้องบอกคุณ”

    “งะ.งั้นไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่ต้องการค่าเสียหายแล้วก็ได้คนเราย่อมทำผิดพลาดกันได้นี่เนอะ” ผู้หญิงคนนั้นพูดจาแสร้งเหมือนกับเป็นคนดี

    “ถ้าอย่างนั้นคุณไม่เอาเรื่องพนักงานคนนี้แล้วใช่มั้ย”

    “ค่ะ ค่ะ ฉันไม่เอาเรื่องเขาแล้ว”

    “ได้ยินมั้ยว่าเขาไม่เอาเรื่องเธอแล้ว  งั้นเธอก็ไปได้แล้ว” เขาหันมาพูดกับฉันพร้อมกับไล่ให้ฉันไปจากตรงนี้

    “....................”ฉันยืนมองหน้าอย่างงงๆ

    “ไปสิ ยืนบื้ออยู่ทำไมยัยบ้า..”เขาเดินเข้ามากระซิบกับฉันพร้อมกับไล่ฉันอีกครั้ง ฉันจึงยกกระป๋องพร้อมกับไม้ถูพื้นไปจากตรงนั้นทันที พอหันกลับมาก็เห็นว่าเขาพูดขอบคุณผู้หญิงคนนั้น ก่อนที่ผู้หญิงจะเดินไปโดยที่หันมามองเขาตลอด ฉันจึงหันกลับมา  ทำไมเขาถึงช่วยฉัน เขาช่วยฉันตั้งสองครั้งทั้งๆที่ฉันกับเขาเราไม่รู้จักกันเลย ชื่อเขาฉันก็ยังไม่รู้ ทำไมเขาถึงได้ช่วยฉัน นี้ฉันเป็นหนี้บุญคุณเขาสองหนแล้วเหรอเนี๊ย..

    “ถ้ามีครั้งต่อไป คราวนี้ฉันจำเป็นต้องให้เธออกนะน้ำค้าง มันเป็นกฎของบริษัทฉันคงช่วยอะไรเธอไม่ได้จริงๆ”

    “แล้วหัวหน้ารู้ได้ยังไงค่ะ ในเมื่อหัวหน้าไม่ได้อยู่ตรงนั้น อีกอย่างผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ได้เอาเรื่อง”

    “ราตรีมาบอก”

    “เฮอะ  ไวยิ่งกว่าจรวดจริงๆ” ฉันอยากจะหัวเราะ  ยัยราตรีเป็นพนักงานแม่บ้านเหมือนกับฉันเช่นกันแต่เป็นรุ่นพี่ฉันเพราะอายุห่างกันหลายปี เวลาที่ฉันทำอะไรผิดแค่เพียงนิดเดียวเรื่องก็ต้องถึงหูหัวหน้าอย่างรวดเร็ว  เพราะยัยนั่นไม่ชอบหน้าฉันตั้งแต่ที่ฉันเข้ามาทำงานใหม่ๆ

    “เอาเป็นว่าอย่าให้เกิดเรื่องอีก ไม่ว่าเธอจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจยังไงลูกค้าก็ต้องถูกเสมอ”

    “...................”ฉันไม่ได้ตอบนอกจากรับฟังในสิ่งที่หัวหน้าพูด

    “เอาล่ะ เธอกลับไปได้แล้วล่ะสองทุ่มกว่าแล้ว”

    “ค่ะ  สวัสดีค่ะหัวหน้า”ฉันยกมือลาหัวหน้าพร้อมกับเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อถอดชุดแม่บ้านแล้วเปลี่ยนเป็นชุดปกติ พอเปลี่ยนเสร็จและกำลังเดินออกมาก็เจอกับศัตรูคนที่ไวยิ่งกว่าจรวดในเรื่องการฟ้อง ราตรีเพื่อนร่วมงานที่ไม่ถูกกับฉัน

    “เป็นไงจ๊ะ โดนหัวหน้าว่ายังไงบ้างล่ะ”

    “ฉันว่าพี่ควรจะเอาเวลาในการชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้าน ไปทำงานหรือว่าอะไรดีดีให้มันเกิดประโยชน์ดีกว่ามั้ยค่ะ”

    “นี่แกว่าฉันเหรอยัยเด็กเมื่อวานซืน”

    “ฉันไม่ได้ว่า แค่แนะนำค่ะ”

    “แก แก”

    ฉันทำเป็นไม่สนใจพร้อมกับเดินผ่านมาด้วยใบหน้าที่เหนื่อยๆ

    “นี่ เดี๋ยว..”

    “...............”

    “ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร”

    “คนไหน”

    “คนที่หล่อๆ ที่เขาช่วยแกอ่ะ”

    “ฉันไม่รู้จักเขา”

    “ไม่รู้จักแล้วทำไมเขาถึงช่วยแกอ่ะ”

    “พี่ก็ไปถามเขาเองสิค่ะ ไอ้เรื่องแบบนี้พี่ถนัดไม่ใช่เหรอค่ะ”เมื่อพูดจบฉันก็เดินออกจากห้องไปทันทีได้ยินเสียงไม่พอใจของยัยราตรีที่ดังไล่หลังมาแต่ฉันก็ไม่สนใจ  เฮ้ออออ   ผ่านไปกับอีกหนึ่งวันกับการทำงานที่นี่ที่ต้องเจอเพื่อนร่วมงานที่จ้องจะคอยกัดตลอดเวลา

                    น้ำค้างเดินออกมาจากห้างเพื่อจะไปโรงพยาบาลต่อ ในขณะนั้นก็มีชายหนุ่มคนนึงที่ช่วยเหลือเธอมาสองครั้งแล้ว เขาขับรถออกมาจากห้างพอดีทำให้เขาเห็นเธอที่กำลังเดินออกจากห้างและกำลังไปที่ป้ายรถเมล์ที่อยู่ด้านหน้าทางเข้าห้าง  เขาเห็นสีหน้าของเธอที่ดูเหนื่อยมากๆ  เมื่อเธอเห็นรถประจำทางมาพอดีเธอจึงรีบวิ่งไปขึ้นอย่างรวดเร็วชายหนุ่มที่ขับรถออกมาจากห้างพอดีจึงขับรถตามรถประจำทางคันที่น้ำค้างขึ้นไป เขาแค่อยากรู้ว่าเธอจะไปที่ไหนต่อ 

    “วันนี้ทำไมลูกมาดึกจัง น้ำค้าง”

    “วันนี้หนูเข้าเที่ยงก็เลยต้องทำงานชดใช้เขาค่ะ  แม่กินข้าวหรือยังค่ะ”

    “ แม่กินของทางโรงพยาบาลแล้ว แล้วลูกล่ะถามแม่แล้วตัวเองล่ะกินอะไรบ้างหรือยัง”

    “ แม่ไม่ต้องห่วงหนูหรอกค่ะ เดี๋ยวหนูไปหาอะไรกินที่ร้านอาหารได้”

    “น้ำค้าง..ลูกต้องพักบ้างนะอย่าหักโหม แม่รู้ว่าลูกต้องหาเงินมารักษาแม่ แต่แม่เองก็ทนเห็นลูกหักโหมจนเกินไปไม่ได้”

    “จ้ะ แม่ไม่ต้องห่วงนะ หนูจะดูแลตัวเอง” ฉันพูดกับแม่พร้อมกับปอกผลไม้ที่แวะซื้อมาจากด้านหน้าโรงพยาบาลให้แม่กิน

                    ด้านหน้าห้องรวมคนไข้มีชายหนุ่มรูปหล่อที่ตามน้ำค้างมาตั้งแต่ห้างสรรพสินค้ากำลังยืนมองเธอคุยกับแม่ด้วยใบหน้าที่มีความสุข ใบหน้าที่ดูเหนื่อยๆหายไปทันที  ทำให้เขารู้สึกเห็นใจเธอขึ้นมา

    “ฉันกำลังไป ขอบใจมากนะอ้อมที่บอกผู้จัดการร้านให้ อืม เดี๋ยวเจอกันนะ”  ฉันกดวางสายเพื่อนร่วมงานที่ทำอยู่ในร้านอาหารด้วยกัน หลังจากให้แม่พักผ่อนฉันก็ออกมาจากโรงพยาบาลเพื่อจะไปทำงานต่อที่ร้านอาหารซึ่งเลิกประมาณตีสอง  และตอนนี้ฉันก็กำลังนั่งรอรถเมล์

    “ปื๊น ปิ๊น..”

    จู่ๆก็มีรถเก๋งยี่ห้อบีเอ็มสีดำคันนึงบีบแตรอยู่ริมถนนด้านหน้าที่ฉันรอรถเมล์อยู่ ก่อนที่กระจกรถจะค่อยๆเลื่อนลงเผยให้เห็นใบหน้าเจ้าของรถ

    “คุณ อีกแล้วเหรอ”ฉันพูดอย่างตกใจ

    “ขึ้นมาสิ”

    “ทำไมฉันต้องขึ้น ฉันจะไปทำงานต่อ”

    “ฉันกำลังไปร้านอาหารที่เธอทำงานเหมือนกัน”

    “คุณไปทำอะไร”

    “นี่เธอลืมแล้วเหรอว่าเธอจะชดใช้ความผิดของเธอยังไง”

    “...................”ฉันทำท่านึกพอนึกออกก็ถอนหายใจทันที

    “ฉันช่วยเธอตั้งสองครั้ง ดังนั้นฉันก็จะไปกินอาหารที่เธอต้องเลี้ยงตอบแทนฉัน”

    “งั้นเดี๋ยวไปเจอกันที่ร้านนะค่ะ”ฉันพูดพร้อมกับมองดูว่ารถเมล์มาหรือยัง

    “ขึ้นมาฉันจะไปส่ง”

    “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณอีกเป็นครั้งที่สาม แค่นี้ฉันก็ไม่รู้จะตอบแทนคุณยังไงแล้ว”

    “คราวนี้ฉันไม่คิด ถือซะว่าเป็นทางที่ฉันกำลังจะไปฉันก็เลยให้เธอติดรถมาด้วย”

    “..............”

    “ขึ้นมาเถอะ....ถ้าเธอมัวแต่ปฏิเสธเธอจะไปทำงานสายนะ..”

    “......................”ฉันทำท่าคิดสักพักก่อนจะตัดสินใจเดินไปขึ้นรถเขา

    “แค่นี้ก็จบ ไม่เห็นต้องเล่นตัว “

    “นี่ คุณ”

    “ทำไมเธอไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นเลยนะ นี่เธอไม่หลงเสน่ห์ฉันบ้างเหรอไง”

    “ผู้หญิงทุกคนไม่จำเป็นต้องเหมือนกันหมด อีกอย่างฉันไม่ได้ชอบผู้ชายที่หน้าตา”

    “อืม คิดดีแฮะ.”

    “นี่คุณ ว่าแต่คุณมาทำอะไรแถวนี้เหรอ”

    “มันเป็นทางผ่านมาคอนโดฉัน แล้วฉันก็เจอเธอที่ป้ายรถเมล์พอดี พอนึกขึ้นได้ว่าเธอจะเลี้ยงอาหารเพื่อชดเชยความผิดของเธอ ฉันก็เลยจอดรถเพื่อให้เธอมาด้วย”

    “มันไม่ใช่ความผิดของฉันสักหน่อย ก็คุณให้ฉันสั่งอะไรมาก็ได้” ฉันพูดเสียงเบาๆเพื่อไม่ให้เขาได้ยินก่อนจะหันไปมองนอกรถ

    “เธอน่ะเป็นหุ่นยนต์เหรอไง”

    “..................”

    “ทำงานไม่หยุดอย่างนี้ เดี๋ยวก็เป็นลมอีกหรอก ทางที่ดีเธอเองก็ควรจะห่วงตัวเองบ้าง คราวนี้ถ้าเธอเป็นลมขึ้นมาอีกเธอได้นอนสลบอยู่คนเดียวแน่  ฉันไม่ได้บังเอิญไปเจอเธอบ่อยหรอกนะ”

    “คุณคงไม่บังเอิญมาเจอฉันอีกหรอก” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่เหนื่อยสุดๆโดยที่ยังคงมองนอกรถก่อนจะค่อยๆเคลิ้มแอร์ในรถเขามันเย็นสบายดีจัง 

    “ อืม นั่นสินะเราคงไม่บังเอิญเจอกันบ่อยหรอก  แล้วทำไมฉันต้องเข้าไปช่วยเธอทุกครั้งที่เจอด้วยนะ ทั้งๆที่ฉันก็ไม่รู้จักเธอ และเธอก็ไม่รู้จัก   มันน่าแปลกจริงๆเธอว่า...”

    “...................”

    “นี่เธอ..”พอซาโต้หันมามองเขาก็เห็นว่าหญิงสาวเหมือนจะหลับไปแล้วเขาจึงเรียกเธอ “นี่..เธอหลับจริงๆเหรอ”

    “......................”

    “เฮ้ออออ   หลับไปซะแล้ว..” เขาถอนหายใจเมื่อดูท่าทางว่าหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆเขาตอนนี้คงจะหลับจริงๆ เขาจึงปล่อยให้เธอนอนหลับ  โดยไม่กวนเธอ

    “อื้มมมม...”

    “ถึงแล้ว..”

    “โอ๊ะ..นี่ฉันเผลอหลับไปเหรอเนี๊ย” ฉันตื่นขึ้นมาพร้อมกับตกใจเมื่อรู้สึกตัวว่าเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ พอมาเจอแอร์เย็นๆบนรถของเขามันทำให้ฉันรู้สึกเคลิ้มจนเผลอหลับไปอย่างไม่รู้ตัว

    “เธอหลับได้น่าเกียจมาก เป็นผู้หญิงอะไร”

    “...................” ฉันมองเขาด้วยสายตาเคืองๆก่อนจะรีบเปิดระตูรถออกไปอย่างรวดเร็ว เพราะไม่มีเวลามาต่อล้อต่อเถียงกับเขาแล้ว

    “นี่เธอกล้ามองหน้าฉันแบบนี้เหรอยัย..ยัยบ้า..ฉันเป็นเจ้าชายนะ กล้ามามองหน้าฉันด้วยสายตาที่น่ารำคาญใส่ฉันได้ยังไง” ซาโต้พูดด้วยอารมณ์ที่โมโห หลังจากที่เธอออกจากรถไปแล้ว นี่เขาโดนผู้หญิงธรรมดาอย่างยัยนั่่นมองด้วยสายตาที่น่ารำคาญมาหลายหน แถมคราวนี้เธอกลับแสดงออกมาอย่างเห็นได้ชัด  ผู้หญิงคนนี้ชอบทำให้เขาอารมณ์เสียทุกครั้งที่เจอกัน

    “ น้ำค้างๆ ผู้ชายรูปหล่อคนนั้นมาอีกแล้ว กรี๊ดดด”

    หลังจากที่ฉันเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นพนักงานเสิร์ฟพอเดินออกมาปุ๊ปยัยอ้อมเพื่อนร่วมงานของฉันก็วิ่งเข้ามาตีไหล่ฉันพร้อมกับทำท่าทางเขินๆก่อนจะชี้ให้ฉันมองไปยังผู้ชายคนนึงที่เดินเข้ามานั่งในร้านอาหาร

    “ มากินฟรีน่ะสิ”ฉันพูดพร้อมกับมุ่งเดินไปหาเขาที่โต๊ะทันที

    พอเดินมาถึงเขาก็ส่งยิ้มกวนๆมาให้ฉันเหมือนเตรียมพร้อมที่จะให้ฉันชดเชยในสิ่งที่ฉันสัญญาเอาไว้นั่นคือจ่ายค่าอาหารมื้อนี้ทดแทนที่ฉันสั่งส้มตำจานนั้นให้เขากิน

    “อืม รักษาสัญญาดีนี่ฉันคิดว่าเธอจะไม่กล้าออกมาสู้หน้าฉันซะอีก”

    “คุณจะกินอะไร” ฉันพูดพร้อมกับเตรียมที่จะจดลงไปในกระดาษ

    “อืม...”

    “ ทำไมคิดนานจัง”

    “ก็ฉันไม่ค่อยรู้ชื่ออาหารไทยนี่น่า”

    “ พูดไทยก็ชัด  ฉันก็นึกว่าคุณจะรู้เรื่องอาหารไทยซะอีก”

    “เธอชอบกินอะไร”

    “ทำไมต้องถามฉันด้วยว่าชอบกินอะไร”

    “บอกมาเถอะน่า เธอชอบกินอะไร”

    “.ต้มยำกุ้งน้ำข้น..”

    “นั้นแหละเอามาเลย..”

    “นั่นมันอาหารที่ฉันชอบกิน คุณก็เลือกอย่างอื่นสิ”

    “ ฉันไม่รู้ว่าอาหารไทยมีอะไรบ้าง เอาเป็นว่าฉันสั่งอาหารที่เธอบอกเมื่อกี้นี้แหละ  เอาแบบรสชาติที่เธอชอบกินเลยนะ”

    “........................”  ฉันมองเขาอย่างไม่เข้าใจ ส่วนเขาก็ทำหน้าเหมือนไล่ให้ฉันรีบๆเข้าไปจัดการ ฉันจึงเดินเข้ามาในครัวเพื่อยื่นเมนูให้พ่อครัวทำอาหาร

                    ในขณะที่เขารออาหารเขาก็มองออกไปที่ถนนอย่างเรื่อยเปื่อยเพื่อรอให้อาหารมาเสิร์ฟ จู่ๆสายตาของเขาก็ต้องสะดุดไปที่หญิงสาวคนนึงที่กำลังข้ามถนนไปอีกฝั่ง เธอลากกระเป๋าเดินทางเหมือนเพิ่งกลับมาจากการเดินทาง

    “พรวด...” เขาลุกขึ้นจากที่นั่งทันทีพร้อมกับรีบวิ่งออกไปจากร้านด้วยความรวดเร็ว

                  .............................................................................................................................................

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×