ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Dear Prince (เมื่อรักนำเธอมา)

    ลำดับตอนที่ #1 : Welcome Thailand...

    • อัปเดตล่าสุด 27 ธ.ค. 61


    ณ ประเทศนาร์เซีย

    ประเทศนาร์เซียเป็นประเทศที่ตั้งอยู่ใกล้ๆบริเวณขั้วโลกใต้ เป็นประเทศที่มีความสวยงามที่ไม่เหมือนใคร  แต่ประเทศนาร์เซียมีความพิเศษเนื่องจากเป็นประเทศที่เกิดขึ้นบนทุ่งหญ้าสีเขียวอันกว้างขวางบนแผ่นดินทำให้เป็นประเทศที่จัดว่าเป็นประเทศที่มีอากาศบริสุทธิและอบอุ่น ฤดูหนาวก็ไม่ทำให้หนาวมาก ฤดูร้อนก็ไม่ทำให้ร้อนมาก ซึ่งถือว่าเป็นประเทศที่มีความพิเศษไม่เหมือนใคร เนื่องจากใครๆต่างคิดว่าประเทศนาร์เซียจะต้องหนาวจัดเพราะอยู่ใกล้กับขั้วโลกใต้ที่ปกคลุมไปด้วยหิมะและน้ำแข็ง  แต่ถ้าใครได้มาสัมผัสจะรับรู้ได้ว่าเป็นประเทศที่สวยงามและน่าอยู่มากที่สุดในโลกจัดว่าเป็นประเทศที่สวยที่สุดในอันดับต้นๆเลยก็ว่าได้  ประเทศนาร์เซียร์เชื่อมโยงความสัมพันธ์กับประเทศเดนมาร์กก่อนที่หลากหลายต่างประเทศจะเข้ามาทำการรู้จักและเชื่อมโยงความสัมพันธ์ทั้งในเรื่องมิตรภาพและเรื่องธุรกิจทำให้ตอนนี้ประเทศนาร์เซียร์เริ่มกลายเป็นที่รู้จักและเรียกความสนใจให้ชาวต่างชาติหลากหลายประเทศต่างอยากเข้ามาเที่ยวกันมากขึ้น  ประเทศนาร์เซียร์ปกครองด้วยจ้าว ฟาคานโตรี กษัตริย์รุ่นที่ 99  ซึ่งพระองค์มีราชโอรถเพียงคนเดียว นั่นคือ เจ้าชาย ฟาคานซาโต้ แต่ประชาชนทั่วโลกจะไม่เคยเห็นหน้าของราชโอรถพระองค์นี้ เนื่องจากพระองค์ไม่เคยเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงให้ใครรู้ นอกจากคนที่สนิทเท่านั้น เพราะพระองค์ชื่นชอบในการท่องเที่ยวไปเที่ยวหลายๆประเทศ เพราะยังไม่คิดที่จะสืบทอดบรรลังค์จากคนเป็นพ่อ และจ้าวฟาคานโตรีก็ไม่เคยบังคับลูกชาย เพราะอยากให้ราชโอรถได้เรียนรู้ประสบการณ์ด้วยตัวของเขาเอง 

     “คราวนี้ลูกจะไปที่ไหนล่ะฮะ ซาโต้”

    “ลูกคิดว่าลูกจะไปประเทศไทยฮะ”

    สรรพนามที่เรียกใช้ของกษัตริย์แห่งประเทศฟาคานโตรีและเจ้าชายผู้หล่อเหลาแห่งซาร์เนียร์ เป็นคำเรียกที่ใช้เหมือนคนทั่วไปไม่เหมือนอย่างเช่นในหนังหรือในละครทีวี ที่ต้องใช้คำสรรพนามราชาศัพท์ 

    “ประเทศไทยงั้นเหรอ” น้ำเสียงของกษัตริย์แห่งนาร์เซียร์ดูสนใจขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินประเทศที่ลูกชายของพระองค์จะไปเที่ยวในครั้งนี้

    “ครับ..พ่อมีอะไรหรือเปล่า ดูสีหน้าของพ่อดูตกใจมากที่ลูกบอกว่าลูกจะไปประเทศไทย”

    “ พ่อเคยมีเพื่อนเป็นคนไทย"

    "จริงเหรอครับ พ่อไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ลูกรู้มาก่อนเลย"

    "แต่เขาไม่เคยรู้ว่าพ่อเป็นใคร เขาเป็นทั้งเพื่อนและผู้มีพระคุณของพ่อเพราะเขาเคยช่วยชีวิตพ่อเอาไว้ ถ้าหากว่าไม่ได้เขาในวันนั้น วันนี้ก็คงไม่มี กษัตริย์รุ่นที่99 แต่เมื่อเกิดสงครามเมื่อยี่สิบปีก่อนทำให้พ่อต้องกลับประเทศด่วน พ่อเลยไม่ได้ล่ำลาเพื่อนของพ่อ นี่ก็ผ่านมาตั้งยี่สิบกว่าปีแล้วที่พ่อไม่ได้ไปที่นั่น แต่พ่อก็ไม่เคยลืมพวกเขาเลย  ”

    “ แล้วพ่อมีรูปเพื่อนของพ่อมั้ยฮะ เผื่อว่าบางทีลูกไปที่นั่นลูกจะได้ตามหาและพาเขามาหาพ่อ”

     “มีสิ เป็นรูปที่พ่อเก็บเอาไว้อย่างดีทีเดียวและก็เป็นรูปแค่เพียงใบเดียวเท่านั้น” จ้าวฟาคานโตรีเดินเข้าไปด้านในห้องทำงานก่อนจะเดินออกมาพร้อมกับถือรูปใบหนึ่งออกมาด้วยก่อนจะยื่นให้เจ้าชายฟาคานซาโต้ดู

    เจ้าชายซาโต้หยิบรูปมาจากผู้เป็นพ่อเพื่อจะดู เป็นรูปของผู้ชายวัยรุ่นที่มีหน้าตาหล่อเหลายืนกอดคอกับผู้ชายวัยรุ่นที่เค้าโครงหน้าเหมือนกับเขาในตอนนี้มากๆทำให้เขารู้ว่าชายหนุ่มวัยรุ่นในรูปนี้คือพ่อของเขากับเพื่อนของพ่อที่เป็นคนไทย

    “เขาหล่อไม่แพ้พ่อเลยใช่มั้ย”

    “ฮะ เขาหน้าตาดีมาก อีกอย่างผมรู้สึกเหมือนเห็นตัวเองเลย" เจ้าชายซาโต้มองผู้ชายที่อยู่ในรูปก่อนจะยิ้มออกมา

    "ตอนที่พ่ออายุเท่าลูก พ่อก็หล่อเหมือนลูกนั้นแหละ ไม่สิ พ่อว่าพ่อหล่อกว่าลูกอีกนะซาโต้ ฮะ ฮะ"

    "ก็ได้ๆ ลูกยอมแพ้พ่อก็ได้  ว่าแต่หลังจากนั้นพ่อไม่เคยรับรู้ข่าวคราวของเพื่อนพ่อเลยเหรอฮะ”

    “.....................” จ้าวฟาคานโตรีหุบยิ้มลงก่อนส่ายหัวด้วยสีหน้าที่เศร้าๆ

     “..........................”

    “พ่ออยากจะเจอเขาอีกซักครั้ง อยากจะขอโทษในสิ่งที่พ่อเคยทำเอาไว้กับเขา”

    “เรื่องอะไรที่พ่อต้องขอโทษเขา บอกผมได้มั้ยฮะ”

    “เอาไว้เมื่อลูกตามหาเขาพบแล้วพาเขามาหาพ่อ ลูกก็จะรู้เอง”

    “ ผมเข้าใจฮะ  พ่อไม่ต้องห่วง ผมจะตามหาเพื่อนของพ่อให้เจอ”

    “ขอบใจลูกมากซาโต้”ผู้เป็นพ่อแตะไหล่ลูกชายอย่างขอบใจที่เขาอาสาจะตามหาเพื่อนของเขาที่เป็นคนไทยให้  แต่หารู้ไม่ว่าจุดประสงค์ของเจ้าชายฟาคานซาโต้ในการมาประเทศไทยครั้งนี้ไม่ได้แค่มาเที่ยวหรือมาตามหาเพื่อนของพ่อเขาเลย เพราะเขาเองก็ต้องการมาเมืองไทยเพื่อจะมาตามหาใครคนนึงเช่นกัน เป็นคนที่เขาไม่เคยลืม แม้เวลาจะผ่านมานานกว่าสามเดือนก็ตาม เขารู้เพียงอย่างเดียวว่าเธอเป็นคนไทย ดังนั้นจุดประสงค์ที่แท้จริงของเจ้าชายรูปงามองค์นี้ก็คือ การมาตามหาหญิงสาวที่เขาเจอที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์นั่นเอง....

     ณ ประเทศไทย....

    “แม่จ๋า หนูกลับมาแล้วค่ะ..” หญิงสาววัยยี่สิบต้นๆเดินเข้ามาในบ้านหลังเก่าๆเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวอยู่ในสลัมที่แออัด สภาพแวดล้อมที่ดูน่าวุ่นวาย ส่งเสียงดังกันอย่างไม่มีความเกรงใจ บ้านนั้นก็ทะเลาะกัน บ้านนี้ก็กินเหล้าเมายาแล้วก็ตีกัน แต่น้ำค้างก็ชินแล้วเพราะว่าเธอใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มานานซึ่งมีเพียงแม่และเธออยู่เพียงสองคน 

    “กลับมาแล้วเหรอลูก  เป็นยังไงบ้าง”ผู้เป็นแม่ค่อยๆเดินออกมาจากในครัวพร้อมกับถือแก้วน้ำที่มีน้ำเย็นเพื่อมาให้ลูกสาวที่เพิ่งกลับมาจากการทำงานในตอนเช้าด้วยท่าทางที่ไม่ค่อยคล่องแคล่วนัก

    “ดีค่ะแม่ เจ้านายของหนูใจดีกับหนูมาก แม่ไม่ต้องห่วงนะการทำงานวันแรกของหนูไม่มีปัญหาอะไรเลย”หญิงสาวเดินเข้าไปกอดแม่เหมือนทุกวันที่เธอทำหลังจากที่เธอกลับมาจากทำงาน

    “เหนื่อยหรือเปล่าลูก การเป็นแม่บ้านทำความสะอาดมันไม่ใช่งานเล็กๆเลยนะ”ผู้เป็นแม่ลูบหัวลูกสาวด้วยความอ่อนโยนปนความสงสารที่เห็นลูกต้องทำงานหนักตั้งแต่อายุยังน้อย

    “หนูไม่เหนื่อยเลยค่ะ การหาเงินเพื่อจะนำมารักษาตาของแม่มันไม่มีคำว่าเหนื่อยสำหรับหนูเลย  แม่ไม่ต้องห่วง และไม่ต้องกังวลนะค่ะ ไม่ว่ายังไงหนูก็ไม่ยอมให้แม่มองหนูไม่เห็นแน่นอน” หญิงสาวกอดแม่อีกครั้งพร้อมกับให้สัญญา

    “แม่ขอโทษที่ต้องให้ลูกลำบาก”

    “แม่ห้ามขอโทษหนูแบบนี้อีก ถ้าหากว่าแม่มัวแต่ขอโทษหนูแบบนี้แล้วหนูจะมีแรงและกำลังใจทำงานต่อไปได้ยังไงล่ะค่ะ”

    “................”ผู้เป็นแม่มองหน้าลูกสาวที่ตอนนี้เริ่มๆเลือนรางเหมือนจะเห็นไม่ค่อยชัดก่อนจะเห็นใบหน้าของลูกสาวชัดอีกครั้ง เธอยิ้มให้ลูกสาวด้วยใบหน้าที่เคร้าไปด้วยน้ำตา

     

    “หนูไปทำงานก่อนค่ะแม่..”

    ตกตอนเย็นน้ำค้างต้องไปทำงานเป็นพนักงานเสริฟต่อที่ร้านอาหารใกล้ๆบ้าน เนื่องจากเธอทำงานเป็นแม่บ้านทำความสะอาดในห้างสรรพสินค้าตอนเช้าถึงหกโมงเย็น ประมาณทุ่มกว่าๆเธอก็ต้องไปเสริฟอาหารที่ร้านอาหารใกล้ๆบ้านของเธอซึ่งเดินออกจากซอยไปไม่เท่าไหร่จนถึงเที่ยงคืน เท่ากับว่าเธอมีเวลาพักผ่อนแค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น  ที่เธอทำงานจนไม่ค่อยพักผ่อนเพราะเธอต้องการนำเงินมารักษาตาแม่ของเธอที่ใกล้จะตาบอดถ้าหากไม่เข้ารับการผ่าตัด...เพราะเหตุนี้เธอเลยต้องเรียนจบแค่มัธยมปลายเพื่อมาทำงานหาเงินเลี้ยงดูครอบครัวหลังจากที่แม่ป่วย ตั้งแต่ที่เธอจำความได้ เธอก็มีเพียงแค่แม่คนเดียวเท่านั้น เธอไม่รู้ว่าพ่อตัวเองเป็นใคร นอกจากผู้เป็นแม่จะบอกกับเธอว่าพ่อของเธอตายไปตั้งแต่ที่เธอเพิ่งเกิดได้ไม่นาน  เธอจึงใช้ชีวิตสองคนแม่ลูกด้วยความลำบากมาหลายสิบปีจนตอนนี้เธออายุยี่สิบสองแล้ว

    “น้ำค้าง...ไปเก็บจานที่โต๊ะเจ็ดหน่อยลูกค้าเข้ามามีที่นั่งไม่พอ”

    “ค่า...” น้ำค้างส่งเสียงตอบรับจากผู้จัดการร้านจากด้านในครัวซึ่งเธอกำลังจะยกเมนูอาหารไปวาง  เธอยกอาหารที่วางอยู่ในจานด้วยสภาพที่น่ากินเพื่อนำไปเสริฟ์ให้กับลูกค้าที่สั่งก่อนจะเดินไปเก็บโต๊ะเพื่อให้ลูกค้าที่เพิ่งเดินเข้ามานั่ง

    “เรียบร้อยค่ะ เชิญค่ะ”น้ำค้างเช็ดโต๊ะจนสะอาดก่อนจะทำมือเชิญให้ลูกค้าที่เพิ่งเดินเข้ามานั่งโดยที่ยังไม่ได้มองหน้าและเมื่อเธอมองหน้าของเขาที่เดินมานั่งที่เก้าอี้ ทำให้เธอถึงกับชะงักไปกับความหล่อเหลาของเขาทันที ถึงแม้ว่าเขาจะแต่งตัวด้วยเสื้อยืดสีเทากางเกงยีนธรรมดาแต่เขากลับดูไม่ธรรมดาเหมือนผู้ชายคนอื่นทั่วไปเลย เขาดูหล่อสะอาดสะอ้าน ราศีจับอย่างเห็นได้ชัด พอสังเกตไปบริเวณรอบๆร้านเธอก็รู้ว่าตอนนี้ผู้หญิงในร้านต่างมองมาที่ชายหนุ่มรูปงามที่แต่งตัวธรรมดาคนนี้กันเป็นแถว รวมทั้งเธอเองเช่นกันที่ตกตะลึงในความหล่อเหลาของเขาโดยไม่รู้ว่าเขาพูดอะไรกับเธอ เขาหล่อจริงๆ หล่อมากๆ  เธอที่ไม่เคยสนใจผู้ชายคนไหนมาก่อน ยังต้องมาตกตะลึงกับผู้ชายคนนี้ สติของเธอกลับมาทันทีเมื่อเห็นว่าเขากำลังจ้องมองหน้าด้วยสีหน้าที่สงสัยว่าทำไมเธอถึงไม่พูดอะไรออกมานอกจากจ้องมองเขา

    “อ๊ะ ขะ..ขอ..โทษค่ะ..ไม่ทราบว่าต้องการอะไรค่ะ..”

    “ผมสั่งอาหารคุณไปหลายอย่างแล้ว คุณไม่ได้จดตามที่ผมบอกเลยเหรอ”

    “ขะ..โทษค่ะ.คือ.ฉัน..ฉัน..” หญิงสาวก้มหน้าขอโทษด้วยความรู้สึกผิดจนไม่กล้าสบตากับเขา

    “ไม่เป็นไร ผมบอกคุณใหม่ก็ได้”

    “ค่ะ ค่ะ..”หญิงสาวรีบจรรีหยิบปากกากระดาษเพื่อจะจดรายการอาหารที่เขาต้องการทันทีจนชายหนุ่มถึงกับมองพร้อมกับอมยิ้มออกมาอย่างขำๆเมื่อเห็นท่าทางรีบๆของพนักงานสาวที่ดูกลัวๆ

    “ขำอะไรค่ะ..”น้ำค้างถามขึ้นเมื่อสังเกตเห็นว่าลูกค้าที่เธอกำลังบริการเหมือนจะขำเธอ

    “พนักงานของประเทศนี้เป็นแบบเธอทุกคนหรือเปล่าเวลาที่ลูกค้าไม่พอใจ หรือว่าแสดงท่าทางไม่ค่อยชอบ พนักงานก็จะทำท่ารีบร้อนกลัวๆเหมือนที่เธอเพิ่งทำเมื่อกี้”

    “.............................”

    “แตกต่างจากประเทศอื่นๆที่ฉันเคยเจอ ส่วนมากเมื่อลูกค้าแสดงท่าทางไม่พอใจหรือดุนิดหน่อย พนักงานที่บริการก็จะไม่สนใจแถมยังไม่มาบริการอีกด้วย ไม่เหมือนที่นี่”

    “ฉันไม่เข้าใจว่าคุณจะเปรียบเปรยถึงอะไร แต่หน้าที่ของพนักงานที่นี่คือต้องบริการลูกค้า อย่าทำให้ลูกค้าไม่พอใจ ซึ่งถือสโลแกนที่ว่า ลูกค้าคือพระเจ้า ต่อให้ลูกค้าจะแสดงกิริยาที่ไม่สมควรเท่าไหร่ก็ต้องอดทนบริการต่อไปค่ะ”

    “ลูกค้าคือพระเจ้างั้นเหรอ น่าแปลกแฮะ เพิ่งรู้ว่าพนักงานประเทศไทยในร้านอาหารถือสโลแกนกันแบบนี้   งั้นแสดงว่าต่อให้ผมแสดงกิริยาที่ดูไม่ดี หรือไม่พอใจเท่าไหร่เธอก็ต้องบริการให้ลูกค้าพอใจใช่มั้ย”

    “แต่ถ้าหากว่ามันมากเกินไป ความอดทนก็มีลิมิตค่ะ”

    “อืม ผมเข้าใจแล้ว งั้นสั่งอาหารเลยละกัน ผมขออาหารไทยมาหนึ่งอย่างอะไรก็ได้”

    “อาหารไทยมาหนึ่งอย่าง แล้วไม่ทราบว่าคุณอยากทานอะไรล่ะค่ะ”

    “แล้วอาหารไทยอะไรที่อร่อยและขึ้นชื่อที่สุดล่ะ”

    “มันก็มีหลายอย่างนะค่ะ อาหารที่ร้านเราก็มีขึ้นชื่อหลายเมนู คุณต้องการอะไรล่ะค่ะเลือกมาได้เลยค่ะ”น้ำค้างหยิบเมนูอาหารที่วางอยู่ข้างๆยื่นไปให้ชายหนุ่มแต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจเมนูที่เธอยื่นให้เลยกลับรับเมนูนั่นไปวางไว้ที่เดิม

    “เลือกมาให้ผมหนึ่งอย่าง ผมไม่รู้หรอกว่าหน้าตาอาหารที่นี่เป็นยังไง  เอาอะไรมาให้ผมก็ได้”

    น้ำค้างมองลูกค้าตรงหน้าด้วยสีหน้าที่เริ่มจะรำคาญนิดๆ ตอนแรกเธอก็ไม่อยากเก็บเอามาใส่ใจหรอกนะ แต่สีหน้าและท่าทางเขามันเหมือนว่าเขากำลังจะแกล้งเธอเลย แต่ก็ต้องอดทนเพื่อถือสโลแกนที่ว่า ลูกค้าคือพระเจ้าก่อนจะฝืนๆยิ้มและเหมือนจะเพิ่งนึกอะไรขึ้นมาได้

    “อะไรก็ได้ใช่มั้ยค่ะ ได้เลยค่ะ เมนูนี้เป็นเมนูเลิศของร้านเราเลยค่ะและก็เป็นเมนูยอดฮิตของคนไทย รอซักครู่นะค่ะ”น้ำค้างพูดพร้อมกับรีบหันหลังเดินเข้าไปในครัวเพื่อจะสั่งเมนูให้ลูกค้าที่ดูท่าทางเรื่องมากแตกต่างจากหน้าตาที่หล่อเหลาของเขา

    “ซูดดด..ซูดดด..อึก...อึก..อึก..” เสียงซี๊ดที่ดังขึ้นพร้อมกับเสียงกินน้ำที่กินเข้าไปอย่างเยอะทำให้โต๊ะข้างๆและหญิสาวที่คอยจ้องมองหน้าชายหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาคนนี้ด้วยใบหน้างุนงง เมื่อเห็นท่าทางที่ร้อนรนของเขาบวกกับใบหน้าที่แดงขึ้นซึ่งทำให้เขาดูน่ารักเหมือนเด็กที่กินของเผ็ดแล้วหน้าแดงกล่ำซึ่งมันทำให้ดูน่าสงสารมากๆ 

    “เป็นอะไรหรือเปล่าค่ะ..”พนักงานสาวที่บริการอยู่ใกล้ๆเดินเข้ามาถามลูกค้าด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นท่าทางที่ไม่ค่อยสู้ดีของลูกค้ารายนี้หลังจากที่เขาตักอาหารเข้าปากไปได้เพียงแค่หนึ่งคำ

    “พวกคุณเอาอาหารอะไรให้ผมทาน ทำไมมันถึงได้เผ็ดและแสบร้อนอย่างนี้”

    “มันเป็นอาหารที่คุณสั่งกับพนักงานของเรานี่ค่ะ..”

    “........................”ชายหนุ่มทำหน้าเหมือนจะนึกขึ้นได้ เขานึกถึงพนักงานที่มารับออเดอร์เขาขึ้นมาทันที

    “พนักงานคนนั้นอยู่ที่ไหน..”

    “ใครค่ะ..”

    “คนที่สั่งอาหารนี้มาให้ผมทาน”

    “น้ำค้างเหรอค่ะ..คือว่า..”

    “พนักงานคนนั้นต้องแกล้งผมแน่นอน ถึงได้สั่งอาหารจานนี้มาให้ผม”

    “เอ่อ เป็นเรื่องที่เข้าใจผิดหรือเปล่าค่ะ  ในบิลก็เขียนเอาไว้ว่าคุณสั่งส้มตำปูปลาร้าใส่พริกยี่สิบเม็ดนี่ค่ะ..”พนักงานสาวหยิบกระดาษที่จดอาหารมาให้ชายหนุ่มดู

    “พริกยี่สิบเม็ด พนักงานคนนั้นสั่งให้ใส่พริกยี่สิบเม็ดเชียวเหรอ..”สีหน้าของเขาเริ่มโมโหขึ้นเรื่อยๆแต่ยังคงความหล่อเหลาเอาไว้ไม่เปลี่ยนเลย

    “ไปตามพนักงานคนนั้นมาให้ผม ก่อนที่ผมจะฟ้องเจ้าของร้านพวกคุณ”

    “เอ่อ คือว่าตอนนี้น้ำค้างเขาขอลากลับบ้านไปแล้วค่ะ”

    “อะไรนะ..”

    “พอสั่งอาหารให้คุณเสร็จ ดูเหมือนจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น เธอจึงขอลากลับบ้านไปก่อนค่ะ”

    “....................”ชายหนุ่มแสดงสีหน้าโมโหที่ไม่สามารถต่อว่าพนักงานที่ชื่อน้ำค้างคนนั้นได้ ที่ทำให้เขารู้สึกแสบร้อนไปทั่วปากหลังจากที่ได้กินอาหารไทยที่มีชื่อว่าส้มตำแถมใส่พริกตั้งยี่สิบเม็ด ผู้หญิงคนนั้นกล้าทำกับเขาแบบนี้ได้ยังไง 

    “ทางเราต้องขอโทษด้วยนะค่ะ..”

    “ผมไม่กินแล้ว นี่ค่าอาหาร..”เขาลุกขึ้นพร้อมกับวางเงินเอาไว้ที่โต๊ะก่อนจะลุกเดินออกจากร้านอาหารไปโดยมีสายตาหลายสิบคู่ของผู้หญิงในร้านชายตามองตามไปอย่างไม่กระพริบ  เขาเดินออกมาจากร้านด้วยความรู้สึกที่เผ็ดไปทั่วบริเวณปากพร้อมกับบ่นด่าพนักงานที่ชื่อน้ำค้างด้วยความโมโหที่กล้าแกล้งสั่งอาหารจานนั้นมาให้เขากิน

    เพิ่งมาถึงประเทศไทยไม่กี่ชั่วโมงเขาก็เจอพนักงานผู้หญิงธรรมดาคนนั้นแกล้งซะแล้ว น่าจับไปขังคุกตลอดชีวิตที่กล้าทำให้เจ้าชายแห่งนาร์เซียปวดแสบปวดร้อนไปทั่วปากขนาดนี้....

    ณ โรงพยาบาล

    “แม่ฉันอยู่ที่ไหนค่ะ..... ตอนนี้แม่ของฉันอยู่ที่ไหน” น้ำค้างวิ่งหน้าตื่นตาตั้งด้วยความรีบร้อนและตกใจเมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลังจากที่เธอได้รับโทรศัพท์มาจากโรงพยาบาลว่าแม่ของเธอหน้ามืดเป็นลม พอดีคนข้างบ้านพบเข้าเลยนำมาส่งโรงพยาบาล

    “คนไข้อยู่ในห้องฉุกเฉินค่ะ คุณคงจะเป็นลูกสาวของคนไข้ใช่มั้ยค่ะ.”พยาบาลสาวสวยพูดกับน้ำค้างเมื่อเห็นท่าทางที่ร้อนรน

    “ค่ะ ฉันเป็นลูกสาวของคนไข้ที่ทางโรงพยาบาลโทรไปเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว”

    “ใจเย็นๆและก็รอก่อนนะค่ะ ตอนนี้คุณหมอกำลังเช็คและตรวจอาการของแม่คุณอยู่”

    “แม่ฉันเป็นอะไรค่ะ”

    “มีคนพาแม่คุณมาส่งที่โรพยาบาลค่ะ บอกว่าพบแม่ของคุณนอนเป็นลมหมดสติอยู่ที่หน้าบ้าน”

    น้ำตาของน้ำค้างไหลออกมาทันทีพร้อมกับพูดอะไรไม่ออกนอกจากเดินไปเดินมาที่ด้านหน้าห้องฉุกเฉินเพื่อรอให้หมอเข็นแม่ของเธอออกมา

    ผ่านไปยี่สิบนาที...

    ห้องฉุกเฉินถูกเปิดออกพร้อมกับหมอที่เดินออกมาเป็นคนแรกก่อนที่พยาบาลจะเข็นเตียงที่มีแม่ของเธอนอนหลับอยู่ น้ำค้างรีบวิ่งถลาเข้าไปหาแม่ของเธอทันที

    “แม่..”

    “หมอฉีดยาระงับความเจ็บปวดเอาไว้คงอีกชั่วโมงกว่าๆที่คนไข้จะฟื้น”

    “แม่ฉันเป็นอะไรค่ะ คุณหมอทำไมแม่ถึงได้เป็นลม”

    หมอหนุ่มหน้าตาดีพูดกับหญิงสาวด้วยใบหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก

    “อาการของแม่เธอกำเริบมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าหากว่าไม่รีบเข้ารับการผ่าตัด หมอเกรงว่าแม่เธออาจจะตาบอดและไม่สามารถที่จะแก้ไขได้อีก”

    “......................”น้ำค้างมองหน้าหมอหนุ่มพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาเมื่อฟังอาการของคนเป็นแม่

    “ผมเพิ่งย้ายมาอยู่แผนกโรคนี้ และจะเป็นเจ้าของคนไข้แทนหมอวันชัยที่เคยดูแลแม่ของเธอ ถ้าหากว่าไม่รีบผ่าตัดหมอเกรงว่า ซีสที่มันอยู่ใต้ตาจะขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ”

    “จะผ่าตัดได้ตอนไหนค่ะ”

    “ต้องรอให้ซีสเด่นขึ้นเรื่อยๆนะ และเมื่อเราเห็นเราก็จะทำการผ่าตัดทันทีคงจะประมาณหนึ่งเดือนน่าจะได้”

    “แล้วในระหว่างที่รอให้ซีสต์เด่นขึ้นนั้น อาการของแม่ฉันจะเป็นยังไงค่ะ”

    “ก็อาจจะหน้ามืด  และมองไม่เห็นในบางครั้ง”

    “.....พรึ่บ...”น้ำค้างเข่าทรุดเหมือนคนหมดแรง

    “นี่..เธอ...”หมอหนุ่มรีบนั่งลงพร้อมกับจับไหล่เธอ  “เธอเป็นอะไรหรือเปล่า”

    “คุณหมอ คุณหมอต้องช่วยแม่ของฉันให้ได้นะค่ะ ฮืออ อย่าให้แม่ของฉันมองฉันไม่เห็น ฉันจะทำงานอย่างหนักหาเงินมาจ่ายค่าผ่าตัดเองคุณหมอไม่ต้องห่วง แค่คุณหมอช่วยแม่ของฉันให้แม่ของฉันหายเป็นปกตินะค่ะ..ฮือออ” น้ำค้างจับแขนหมอหนุ่มพร้อมกับร้องไห้ขอร้องให้เขาช่วยแม่ของเธอ

    “เรื่องค่าใช้จ่ายไม่เป็นปัญหาอยู่แล้ว ใจเย็นๆนะ..”หมอหนุ่มพยายามปลอบเธอพร้อมกับมองไปรอบๆเมื่อเห็นผู้คนที่เดินผ่านไปมามองมาที่เขาและเธอ  “ทางที่ดีตอนนี้เธอยืนขึ้นเถอะ เดี๋ยวคนอื่นจะเข้าใจฉันผิด”

    “ฮึก ฮือออ”

    หมอหนุ่มพยุงร่างน้ำค้างให้ค่อยๆลุกขึ้นยืน

    “ เธอคงกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาใช่มั้ย”

    “ไม่ค่ะ ถ้าหากว่ามันจะทำให้แม่ของฉันกลับมาเป็นเหมือนเดิม ฉันจะทำทุกทางเพื่อจะหาเงินมารักษาแม่ให้ได้ ขอแค่คุณหมออย่าให้แม่ของฉันเป็นอะไร”

    หมอหนุ่มมองหน้าหญิงสาวตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่สงสาร และดูท่าทางเธอน่าจะอายุยังน้อย เธอคงจะทำงานหนักหาเงินมารักษาตาแม่ของเธอ ทำให้เขารู้สึกเห็นใจและสงสารเธอ

      น้ำค้างเดินออกมาจากโรงพยาบาลด้วยใบหน้าที่เศร้าและเหน็ดเหนื่อยอย่างเห็นได้ชัด เธอเดินเหมือนคนไร้เรี่ยวแรงไม่มีแรงที่จะเดิน แม่ของเธอต้องอยู่โรงพยาบาลอีกสองสามวันเพื่อให้น้ำเกลือและรอดูอาการดังนั้นเธอจึงกลับบ้านเมื่อเลยเวลากำหนดเยี่ยมคนไข้เนื่องจากแม่เธอพักห้องรวมทางโรงพยาบาลจึงไม่ให้อยู่เฝ้าทั้งๆที่เธออยากจะอยู่เฝ้าแม่ของเธอ  น้ำค้างเดินมานั่งรอรถเมล์ที่ป้ายรถเมล์ซึ่งตอนนี้เป็นเวลาห้าทุ่มกว่าแล้ว

    เจ้าชายฟาคานซาโต้ขับรถส่วนตัวที่เพิ่งซื้อมาเพื่อจะขับกลับเข้าคอนโดสายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นหญิงสาวที่นั่งรอที่ป้ายรถเมล์ เขาจำเธอได้ทันทีเพราะเธอคือคนที่สั่งอาหารจานที่ทำให้เขาไม่มีวันลืม

    “นั่นยัยพนักงานจอมแสบนิ “เจ้าชายจอดรถพร้อมกับเดินมาจากรถเพื่อจะไปหาพนักงานจอมแสบคนนั้นที่ทำกับเขาเอาอย่างเจ็บแสบ

    ในขณะที่เขากำลังจะเดินเข้าไปหาเธอนั้นเขาก็เห็นว่าเธอลุกขึ้นยืนเหมือนจะมองดูรถประจำทางว่ามาหรือยัง ก่อนที่สายตาเขาจะสังเกตเห็นท่าทางของเธอที่ดูเหมือนคนจะหมดแรงบวกกับใบหน้าที่ซีดเผือดของเธอ ทันใดนั้นเขาก็เห็นว่าร่างของหญิงสาวทำท่าเหมือนจะล้มลงไปข้างหน้าเขาจึงรีบวิ่งไปประคองร่างนั้นทันที

    “เฮ้ยยย  เธอ..”เจ้าชายซาโต้วิ่งเข้าไปรับร่างของน้ำค้างเอาไว้ได้ทันก่อนที่จะร่วงลงพื้น

    “...................”น้ำค้างหมดสติลงในอ้อมแขนของเขา

    “เธอ ตื่นสิ เฮ้ ยัยพนักงานจอมแสบ ตื่นเดี๋ยวนี้นะ “เขาเขย่าหน้าของเธอพร้อมกับสั่งให้เธอตื่นแต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้สติ เขามองซ้ายมองขวาไม่รู้ว่าจะทำยังไงก่อนจะตัดสินใจอุ้มร่างของเธอไปที่รถของเขา

    “นี่เธอ..”

    หลังจากที่อุ้มเธอมานอนที่รถคันใหม่ของเขา เจ้าชายจึงเขย่าหน้าของเธอให้ตื่นแต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้สติอะไรเลย

    “แล้วฉันจะทำยังไงกับเธอเนี๊ยฮะ  เฮ้อ ทำกับฉันไว้แสบ แล้วยังมาเป็นลมต่อหน้าฉันอีก  แทนที่ฉันจะได้จัดการกับเธอ แต่เธอกลับมาเป็นลมต่อหน้าฉันอีก เฮ้ออ...”

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×