ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ____เก็บ....'รัก' ____[Yaoi] [The End] [เปิดจอง!!!!!]

    ลำดับตอนที่ #7 : #07 ความอบอุ่น มึงชื่ออะไร และ 'รัก'

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 701
      2
      8 ก.ค. 57

    #07ความอบอุ่น มึงชื่ออะไร และ 'รัก'


    ผมมารู้สึกตัวอีกที่ตอนเช้าของอีกวันหนึ่ง

    อุ่นจังแหะ...

    ก็ว่าแล้วว่าทำไมอุ่นๆ แต่ความอุ่นนั้นไม่ได้เกิดจากผ้าห่มนะครับ เกิดจากไอ้คนที่กดหน้าผมซบมันเมื่อคืนต่างหาก
    ผมเพิ่งสังเกตเหมือนกันว่าตัวเองนอนกอดไอ้ป้องอยู่แบบนั้นตั้งแต่เมื่อคืน แถมยังเอาหน้าซุกมันไว้ตลอดคืนอีกต่างหาก ที่สำคัญ

    คือขนาดผมนอนทับแขนมันต่างหมอนมันยังไม่ยอมยกออกเลย แต่ปล่อยให้ผมนอนไปทั้งๆแบบนั้นตลอดทั้งคืน มันไม่ได้พูดปลอบประโลมผม หรือต่อว่าอะไร แค่ให้ผมซบแบบนั้นไปทั้งคืน

    แบบนี้เขาเรียกว่า ‘ใส่ใจ’ รึเปล่าว่ะครับ

    ขาของผมพาดเกยมันข้างหนึ่ง มันยังนอนแน่นิ่ง เผยอปากนิดๆจนเห็นกลีบปากสีชมพูอ่อน ตาทั้งสองข้างยังคงหลับสนิท เป็นสิ่งที่ยืนยันว่ามันยังนอนหลับอยู่

    “ตื่นแล้วก็ลุกออกไป กูเมื้อยแขน มองอยู่นั้นแหละ”

    ซะเมื่อไหร่....

    ผมสะดุ้งตัวยกขาออกจากลำตัวของมัน อ้าวไอ้เวร ตื่นแล้วก็ไม่บอก ปล่อยให้กูแอบมองทำไมว่ะ

    พอร่างกายเป็นอิสระ มันก็ลุกขึ้นก่อนจะหมุนแขนคล้ายเมื้อย

    “อาบน้ำก่อนนะ”

    “อื้ม”

    ผมรับคำมัน ก่อนไอ้ปกป้องจะพาดผ้าขนหนูแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ รู้สึกหิวแหะ เพราะเมื่อคืนที่รีบลุกออกมานั้นแหละมั่งครับ 
    ทำให้กินไม่อิ่ม ปกติตอนเช้าๆผมจะไม่ค่อยหิวมากนะ อย่างมากกินแค่หนมปังก็อิ่มแล้วครับ

    ผมเดินลงไปด้านล่าง ก่อนจะเดินผ่านห้องนั่งทานข้าว ใครคนหนึ่งยังคนยืนอยู่ตรงโต๊ะอาหาร บนโต๊ะประกอบไปด้วยไข่พะโล้ของโปรดผมกับข้าวสวยร้อนๆสองถ้วย ท่าทางคุณน้าคงเตรียมไว้ให้ผมกับปกป้องมัน ผมเหลือบมองเวลาก่อนจะพบว่ามันจวนเจียนจะหกโมงครึ่งแล้ว 

    “ตื่นแล้วเหรอเกียร์ ? คือ น้าทำไข่พระโล้ไว้ให้เรากับเจ้าป้องนะ”

    คุณน้าลีลาวดีพูดด้วยรอยยิ้มเหมือนทุกวัน นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่หล่อนเตรียมของไว้ให้ผมทานตอนเช้าๆกับไอ้ปกป้อง

    แต่นี้เป็นครั้งแรกสำหรับผม....

    “เดี่ยวน้าไปทำงานก่อนนะ ฝากบอกเจ้าป้องด้วยว่าให้เขาทานเยอะๆ น้าไปก่อนนะ”

    หล่อนพูดจบก็เตรียมตัวหยิบกระเป๋ามาคล้องแขน ก่อนจะเตรียมเดินผ่านผมไป

    ทุกครั้ง ผมจะนิ่งเงียบไม่พูดอะไร เพราะไม่รู้ตัวว่าควรพูดอะไร

    แต่ครั้งนี้มันคงต่างออกไป

    “เดียวครับ”

    “.........”

    คุณน้าหยุดอยู่กับที่ ตามมือหยาบๆของผมที่รั้งเสื้อหล่อนเอาไว้

    “คือ.....ขอบคุณนะครับ....แม่....”

    ผมก้มหน้าพูดงุดงิด ไม่รู้เหมือนกันว่าพูดเบาขนาดไหน รู้เพียงแต่ฝ่ามืออุ่นๆคู่นั้นลูบหัวผมด้วยความเมตตาและความปรารถนาดี

    “จ๊ะลูก”

    “คุณครับ ไปทำงานกั...อ้าวเจ้าเกียร์”

    พ่อผมเดินเข้ามาในห้องตั้งแต่ตอนไหนไม่ทราบ ผมเงยหน้ามองแล้วเห็นพี่ท่านยิ้มให้ด้วยรอยยิ้มอบอุ่น

    “งั้นพ่อกับแม่ไปทำงานก่อนนะเกียร์ ดูแลพี่ป้องด้วย”

    “ครับพ่อ ไปทำงานดีๆนะครับ พ่อ....แม่”

    ผมว่าผมเห็นพ่อยิ้มขำแน่ๆ ที่เห็นผมพูดเบาแบบนั้น แต่พ่อก็ไม่แซวอะไร เดินออกไปกับแม่โดยดี

    ผมว่าสองแม่ลูกคู่นี้มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนๆกัน

    ทั้งสองคนให้ความ ‘อบอุ่น’กับผมมากจริงๆ...

    ผมนั่งนิ่งอยู่กับโต๊ะอาหารจนฝามือร้อนๆเข้ามาวางบนบ่านั้นแหละ

    “ไปอาบน้ำ เดียวจะสาย”

    มันว่า ผมเห็นมันแต่งตัวเสร็จแล้วครับ

    “อย่าเพิ่งกินนะ รอกูด้วย”

    “เออ เดี่ยวจะเหลือไข่แดงไว้ให้”

    ผมยกนิ้วกลางใส่มัน ก่อนไอ้ตัวดีจะกระตุกยิ้มหน้าตาย

    นานเท่าไหร่แล้วนะ ที่ผมไม่ได้ตื่นเช้าแล้วบอกสวัสดีพ่อ....กับแม่

    นานแค่ไหนแล้วนะ ตั้งแต่พี่ขวัญย้ายออกไป ผมแทบจะกินข้าวกล่องเป็นอาหารจานหลักอยู่แล้ว พ่อเองก็ไม่มีเวลามาใส่ใจอะไร
    เล็กๆน้อยๆแบบนี้

    ครอบครัวนี้...มันดีจริงๆนะครับ

    ผมใช้เวลาไม่นานก็อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ พอลงมาก็เห็นไอ้ป้องนั่งอ่านสมดเลคเชอร์ของมันอยู่ ข้าวสวยร้อนๆทั้งสองจานยังคงมีปริมาณตามเดิม

    มันรอผมลงมากินจริงๆด้วยแหะ...

    พอเห็นผมลงมานั่งข้างๆมันเสร็จ มันก็ตักข้าวเข้าปากหนึ่งคำ คงจะหิวนั้นแหละครับแต่ก็รอผม

    “ถ้าหิวก็กินก่อนดิว่ะ”

    “รอได้...”

    “ถ้าหิวมากๆไม่ต้องรอก็ได้กินไปเลย”

    ผมบอกมันไปแบบนั้นก่อนตัวเองจะลงมือทานบ้าง

    น้ำทรงเครื่องพะโล้ของคุณน้า...ไม่สิ แม่ของผมรสชาติจัดจ้านมากครับ มันกลมกล่อมนุ่มลิ้นดี อีกทั้งเครื่องเทศที่ใส่ยังไม่ส่งกลิ่น
    รุนแรงเกินไป โดยรวมแล้วผมให้สิบเต็มสิบเลยเอ้า 

    ดูเหมือนอีกคนก็คิดแบบผม เพราะมันกินไปเกือบๆครึ่งจานแล้ว

    “ป้อง”

    “ห๊ะ ?”

    “วันนี้มีเทสย่อยอะไรรึเปล่าว่ะ”

    มันตักข้าวเข้าปากก่อนจะเคี้ยวตุ้ยๆจนแก้มป้องออกมาเล็กๆ แมร่งกินยังกะเด็ก

    “มีแต่บอกคะแนนเทสคราวก่อน ของมิสอริสรา”

    “กัณฑ์พระนางมัทรีอ่ะนะ”

    “เออ”

    ผมกินข้าวหมดก่อนมัน เลยเอาหน้าไปถูกับพื่นโต๊ะเล่นเป็นการฆ่าเวลา

    “จะผ่านป่าวว่ะกูเนี้ย”

    “มึงก็พอทำได้ไม่ใช่เหรอ กูเห็นนั่งกาๆอยู่นี้หว้า”

    “อื้ม”

    เดียวนะ....

    ย้อนๆ ๆๆ เอาใหม่ๆ  ไหนลองย้อนประโยคเมื่อกี้อีกรอบสิ

    ‘มึงก็พอทำได้ไม่ใช่เหรอ กูเห็นนั่งกาๆอยู่นี้หว้า’

    ไอ้ที่ว่าเห็นนะ ....คือมัน ‘มอง’ผมด้วยเหรอครับ ?

    ผมไม่ได้ถามสิ่งที่ตัวเองสงสัย แต่หันข้างไปมองไอ้คนที่ยังเคี้ยวข้าวตุ้ยๆจนแก้มป้องแทน ไม่ว่าจะหิวขนาดไหน ยังไงมันก็คงคอนเซ็ปกินแบบเรียบร้อยอยู่เสมอ(ส่วนผมตอนหิวๆเนี้ย แทบจะยกจานเทใส่ปากครับ ป่าเถือนสิ้นดี)

    ที่นั่งของผมในห้องเรียน จะมองเห็นที่นั่งของมันในมุมเฉ๊ยง

    แต่ถ้าคิดในทางกลับกัน ที่นั่งของผม...

    ก็สามารม ‘แอบมอง’ผมในมุมตรงกันข้ามได้นี้หวา !!!

    วูบเดียวจริงๆในอารมณ์ที่ผมสงสัย....

    ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา มันเคย ‘แอบมอง’ตอนเวลาผมเผลอ

    บ้างรึเปล่านะ.......

    “ไปโรงเรียนกัน”

    “มึงไปก่อนเลยก็ได้”

    มันว่า ก่อนจะยกน้ำขึ้นดื่ม

    “เออ กูสงสัยมาสักพักแล้วป้อง  ทำไมตอนเช้ามึงเข้าไปเก็บของในล็อคเกอร์ช้ากว่ากูว่ะ ทั้งๆที่ไปแทบๆจะพร้อมกัน”

    ผมขมวดคิ้วถามมัน ในขนาดที่คนถูกถามแค่ตอบกลับมาเรียบๆ

    “สังเกตด้วยเหรอ ?”

    “เออ”

    คิ้วของมันกระตุกขึ้นนิดๆ ก่อนสีหน้ากระล่อนๆมันตอนเต้นลีลาศกับผมจะปรากฏ 






    “พูดเหมือนมึงสนใจเรื่องของกูเลย”

    เป็นผมเองที่แทบจะสำลักน้ำลาย ไอ้เวร!!!!

    “จะบ้าเหรอมึง กูแค่สงสัย!!!!”

    ผมแว้ดใส่มันกลับเสียงสูง ก่อนมันจะอมยิ้มขำแล้วตอบกลับมา  ตอนมันยิ้มนี้ลักยิ้มสองข้างจะโผล่ออกมาครับ ก็ถือว่าน่าดูอยู่
    หรอก

    “ก็กู...ไม่อยากให้มึงลำบากใจไง”

    “ลำบากใจ ?”

    “ก็แบบ...เกิดคนอื่นเขาสงสัยเงี้ย ว่าทำไมกูกับมึงถึงมาพร้อมกัน แล้วเดี่ยวมันจะวุ่นวาย จนเลยเถิดไปถึงเรื่องที่มึงกับกูเป็นพี่น้อง
    กันไง คือ มึงคงรู้สึกแย่ ที่มีพี่เฉิ่มๆแบบกู...มั่งนะ”

    “มึงชื่ออะไร ?”

    ผมถามมันขึ้นเสียงนิดๆ มันทำหน้างงๆแต่ก็ตอบผม

    “ปกป้อง”

    “ใช่ มึงชื่อปกป้อง ไม่ใช่ก้องเกียรติ์ เพราะงั้นไม่ต้องคิดแทนกู ว่ากูจะรู้สึกยังไง งั้นถามอีกเรื่อง มึงอายไหมที่เป็นพี่น้องกับกู ?”

    “ไม่”

    “งั้นก็จำไว้ ไม่ต้องคิดแบบนั้นอีก กูไม่สนใจเรื่องไร้สาระพรรค์นั้นหรอก”

    “เกียร์....”

    “..............”

    “กูคิด...เพราะกูแคร์......”

    น้ำเสียงอ่อนโยนออกมาจากปากมันเป็นครั้งแรก 

    เป็นอีกครั้งที่สายตาธรรมดาๆคู่นั้นสะกดผมอยู่หมัด

    แล้วทำไม....มันต้องมาแคร์ผมว่ะ

    “ก็มึง....เป็นน้องกูนิ”

    “เออ รู้แล้ว งั้นที่หลังพี่อย่างมึงก็ไม่ต้องคิดมาก เพราะน้องอย่างกู ไม่เคยสนใจว่าใครจะมองว่ากูมีพี่แบบไหน แค่มึงดีกับกู กู
    สนใจแค่นั้นจริงๆ”

    เป็นอีกครั้งที่สายตาของผมกับมันเชื่อมต่อกัน

    ในแววตาคู่นั้น ยังคงซุกซ่อนอะไรบางอย่างเอาไว้

    บางอย่าง ที่คนโง่ๆแบบผมดูไม่ออก และมันคงคิดว่ามันไม่สมควรที่จะพูดออกไม่ หรือไม่....มันก็ยังไม่ถึงเวลา

    “ไปโรงเรียนเถอะ สายแล้ว”

    มันตัดบทก่อนจะหิ้วจาคอปเดินนำหน้าผมไป

    “ป้อง”

    “ห๊ะ ?”

    มันผูกเชือกรองเท้า เลยไม่ได้หันมามองหน้าผม







    “วันนี้ไปเก็บกระเป๋าพร้อมกัน ตกลงนะ”

    “อื้ม...ตกลง”

    มันพูดง่ายๆเหมือนเคย แต่ยังคงยิ้มยากเหมือนเดิม มากสุดตอนนี้ที่ผมได้เห็น ได้สัมผัสจากมัน คือรอยยิ้มกลั้นขำ ที่ปรากฏออก
    มาเพียงเสี้ยววินาที่ แต่ที่ทำไมกับไอ้เด็กคนนั้นมันถึงยิ้มง่ายยิ้มดีจังว่ะ

    “ป้อง”

    “หื้ม ?”

    ผมดึงหูฟังมันออกจากหูข้างหนึ่ง ตอนนี้พวกเราทั้งคู่อยู่บนรถเมล์ครับ

    “น้องรหัสมึง...จึบมึงเหรอว่ะ ?”

    บางที่ผมก็อยากจะทุบหัวตัวเอง แมร่ง ไอ้เกียร์เอ๊ย ทำไมมึงถึงไม่มีวาทศิลป์ในการพูดล่อหลอกว่ะ เรื่องแบบนี้ถามตรงๆใครเขา
    จะตอบมึง ไอ้ควายยยยย

    “อื้ม.....”

    คำตอบที่ผมได้รับกลับมา ทำเอานิ่งไปหน่อยๆ

    ลืมไปเลยว่าไอ้ป้องมันไม่เคยอ้อม

    “ผู้ชาย ?”

    “อื้ม ผู้ชาย ทำไมอ๊ะ ?”

    มันตอบกลับมาง่ายๆ แต่คนฟังแบบผม เข้าใจโคตรยากกกกกกกก(ก.ไก่ล้านตัว!!!)

    “มึงเป็นเกย์เหรอ ?”

    รอบนี้แทนคำตอบ สิ่งที่ได้รับกลับมา คืออวจนะฝามือหนาๆของมันที่ตบลงมาเต็มแรงบนหัวผม

    “โอ๊ย ไอ้เขรี้ย เจ็บ”

    ผมคลำหัวป้อยๆ มันกระตุกมุมปากขึ้นนิดๆ

    “เสือกถามอะไรโง่ๆ”

    “เอ้า ก็มึงพูดเองนิ”

    “เกียร์”

    “อะไร ?”

    น้ำเสียงทุ้มต่ำดังขึ้น ก่อนมือมันจะดึงผมเข้าไปใกล้ๆ 

    “ความรัก มันไม่มีเหตุผลหรอกนะ.....”

    “.......................”

    “ไว้เจอคนที่มึง ‘รัก’เขาเมื่อไหร่ มึงจะเข้าใจ”

    มันบอกผมแบบนั้น

    ผมบอกไปแล้วใช่มั้ย ว่าผม มัน‘โง่’ ไม่ค่อยเข้าใจอะไรนักหรอก รู้แต่ว่าผมคงต้องมี ‘ความรัก’แบบที่มันว่าล่ะมึง ถึงจะได้เข้าใจ
    แต่จะมีเมื่อไหร่ ผมเองก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน

    ก็ความรัก...มันไม่มีเหตุผลนิครับ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×