ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ____เก็บ....'รัก' ____[Yaoi] [The End] [เปิดจอง!!!!!]

    ลำดับตอนที่ #35 : #31.5 เรื่องราวหลังประตู

    • อัปเดตล่าสุด 20 ส.ค. 57





    ไอ้เกียร์ค่อยๆหลับตาลง ปลดปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างจนหมดสิ้นแล้วบอกกับตัวเองว่าให้รอ
     

    รอ….แม้ไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดลงต่อไหน


    อาจจะเพียงเสียววินาที หรือไม่... ก็แค่ชั่วชิวิต


    ปกป้อง ….สติกุล


    ผมทวนชื่อของเพื่อนตัวเองเบาๆ


    การที่ปกป้องเขียนนามสกุลของเกียร์ลงไป บ่งบอกความนัยที่ซ่อนเร้นไว้หลายอย่าง ตั้งแต่การยอมรับมันเป็นหัวใจของตัวเองและการ
    ยอมรับความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น


    “เรื่องเรียนมึงไม่ต้องเป็นห่วงนะ พี่เซียร์จัดการให้เรียบร้อยแล้ว”


    มันพยักหน้าเบาๆรับคำของผม ก่อนจะเม้มปากแน่นแล้วถามต่อ


    “แล้วของไอ้ป้องล่ะ ?”


    “พี่เซียร์บอกกูว่า ....ไอ้ป้องลาออกไปแล้ว”


    ใบหน้าของคนป่วยที่ตอนนี้ช้ำทั้งกายทั้งใจดูเหมือนจะแย่ลงกับคำตอบของผม ไอ้เกียร์พยักหน้ายอมรับอย่างบอบช้ำ น้ำตาของมันยังคงไหลออกมาจากความเศร้าที่เกาะกิน


    “กู….กูจะได้เจอมันอีกไหมวะ”


    …………………….


    ผมเงียบไม่ตอบคำถามใดๆ ผมรู้ว่ามันไม่ได้อยากได้คำตอบแค่อยากถามเพื่อระบายความรู้สึก


    การจากลามันไม่ใช่เรื่องดีเลยจริงๆ


    ผมนั่งลงกับโต๊ะมองเพื่อนสนิทตัวเองที่ค่อยๆนอนหลับลงไป ไอ้เกียร์ใช้สายตามากกว่าที่ควรจะใช้ หมอบอกแค่ว่ามันควรจะหลับตาให้มากๆ และอย่าพยายามเพ่งอะไรนานๆเพราะจะทำให้อาการหายช้ามากขึ้น แต่เพราะต้องการจะอ่านไดอารี่ของปกป้องมันเลยเลือกที่จะขัดคำสั่งหมอ


    วันแรกที่ผมได้รับโทรศัพท์จากแน่วแน่ที่โทร.มาแจ้งข่าวเรื่องที่มันถูกรถชน ผมใจหายวาบเพราะคิดว่าอาจจะเกิดอะไรร้ายแรงขึ้นกับเพื่อนของผมทั้งคู่ ซึ่งพอมาถึงก็พบว่าลางสังหรณ์ของผม....เป็นความจริง


    จริงๆก็ทายได้ตั้งแต่วันที่ไอ้ป้องมันแบกของมาให้ผมแล้วล่ะ


    รายงานกลุ่มเนื้อหาของภาคเรียนที่สองและงานหลายๆชิ้นที่มันตะเวนตามอาจารย์ทุกหมวด อดทนทำ...เพื่อเกียร์


    มันไม่ได้บอกผมว่าเพราะอะไรหรือทำไม ผมเองก็ไม่คิดจะถาม


    ผมเคารพในการตัดสินใจของเพื่อนตัวเอง ปกป้องเป็นเพื่อนของผมคนหนึ่งเหมือนกัน...


    ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้ก่อนจะเดินไปเข้าห้องน้ำ กำลังปลดทุกข์เบาได้ไม่นานผมก็ได้ยินเสียงลูกบิดประตูดังขึ้น คิ้วของผมในกระจกขมวดขึ้น
    มานิดๆ...


    ....ใคร ?


    ผมล้างมือลวกๆก่อนจะค่อยๆบิดประตูออกไปด้านนอก ก่อนจะเห็นใครคนหนึ่งยืนอยู่ข้างๆเตียงไอ้เกียร์....


    มือบางๆลูบไปตามหน้าของคนนอนหลับ น้ำตาทั้งสองข้างของมันเอ่อล้นขึ้นมา ก่อนริมฝีปากบางได้รูปจะขยับเปล่งเสียงแหบแห้งออก
    มา


    “เกียร์...เป็นยังไงมั่งอู๋....”


    “ก็อย่างที่เห็น...ยังไม่ตาย”


    ผมตอบติดตลกแต่รู้ว่าคนฟังไม่ตลกไปด้วย น้ำตาข้างหนึ่งของ มัน หยดลงบนแก้มคนที่กำลังนอน ไอ้เกียร์ขยับตัวเล็กน้อยก่อนมือข้างที่เจ็บจะพยายามยกขึ้น


    “ป้อง....ป้องเหรอ....”


    มันพยายามจะลืมตาขึ้นมาแต่เพราะความเจ็บและความเหนื่อยล้าของดวงตา ทำให้มันทำได้มากสุดก็แค่พยายามตะกายมือไขว้คว้ากับ
    อากาศ 
    มัน ถอยหลังออกไปเพื่อไม่ให้ไอ้เกียร์จับได้ก่อนจะรีบยกมือปิดปากไม่ให้มีเสียงสะอื้นออกมา รวมทั้งส่ายหน้าให้ผมเป็นเชิงให้
    บอกไอ้เกียร์ว่าไม่ใช่....


    “เปล่า....”


    “เมื้อกี้...เสียงใคร ?”

    มันถามออกมาเหนื่อยๆก่อนจะเลิกคว้าอากาศ


    “ไม่เห็นมีเสียงใคร...กูว่ามึงคงจะละเมอฝันไป....”


    มันชะงักไปนิดๆ ก่อนจะระบายลมหายใจออกมาพร้อมกับหยาดน้ำตา


    “อื้อ...กูคงจะฝันไป....กูรู้สึกเหมือนมันยังอยู่ใกล้ๆกู...ไม่ได้หายไปไหน”


    “...............”


    “กูคิดถึงมันวะอู๋.......”


    ผมเงียบ ให้เพื่อนสนิทตัวเองได้ระบายคำพูดออกมา ให้คนอีกคนในห้องได้รับฟังคำพูดของมัน


    “ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ...กูไม่เคยคิดเลยว่าจะรู้สึกกับมันได้ขนาดนี้....”


    น้ำตาของทั้งคนฟังและคนพูดไหลออกมาพร้อมๆกัน ไอ้เกียร์พยายามหยุดร้องก่อนจะพูดต่อ


    “แค่คนๆหนึ่ง...ไม่ได้โดดเด่นอะไร แต่กลับทำให้กูรู้สึกจะเป็นจะตาย....”


    “...............”


    “วันที่มันร้องไห้เพราะกูลืมมัน...กูแทบอยากจะฆ่าตัวเอง....กูรู้แค่ว่า ไม่อยากเห็นมันร้องไห้เลย”


    ไอ้เกียร์พูดต่อ คนอีกคนที่กำลังยืนรับฟังอยู่ในห้องยกมือขึ้นมากัดเพื่อไม่ให้มีเสียงเล็ดรอดออกมา เลือดหยดเล็กๆค่อยๆซึมออกมาจาก
    ฟันที่กัดลงไปบนแขน


    ....ไอ้ปกป้องไม่ลังเลที่จะกัดมือของตัวเองให้เต็มแรง เพื่อไม่ให้มีแม้กระทั้งเสียงสะอื้นเล็กๆ


    “มันนะ...หวงแต่คนอื่น...มันไม่รู้หรอกว่า กูหวงมันแค่ไหน....”


    “มึงรู้ว่ามันหวง...ก็ควรจะพัก นอนให้มากๆมันจะได้หายห่วง....”


    “กูอยากรู้....”


    “อะไร ?”


    ไอ้เกียร์เงียบไปสักพักก่อนมันจะพูดต่อ


    “มันกำลังทำอะไรอยู่ มันจะยังคิดถึงกูไหม ? ถ้ามันอยากกินปลาแล้วใครจะทอดให้มันกิน... ”


    ไอ้ป้องเกือบหลุดหัวเราะออกมากับประโยคตอนท้าย(รวมทั้งผมด้วย)


    “อยากดูแล...อยากปกป้อง...เหมือนๆกับที่มันทำให้กัน”



    “มึงควรจะนอนได้แล้วเกียร์....”


    ผมพูดไม่ได้แค่เพราะเป็นหวงมัน แต่เลือดที่ยังไหลหยดออกมาจากมือไอ้ป้อง เป็นสัญญาณว่าอีกฝ่ายเองก็ใกล้จะถึงขีดจำกัดแล้ว
    จริงๆ...


    “ขอให้...ได้พบกันอีกสักครั้ง...”


    “........”


    “จะไม่ยอมให้หายไปไหน...อีกแน่ๆ”


    ดูเหมือนสติของไอ้เกียร์เองก็หมดลงไปพร้อมๆกัน  มันนอนหลับลงอย่างสงบก่อนจะค่อยๆผ่อนลมหายใจเข้าออกช้าๆ ...ดูเหมือนรอบนี้
    จะหลับลงไปจริงๆ


    ปกป้องเดินออกไปจากห้องก่อนผมจะเดินตามออกไป ผมเห็นมันทรุดตัวลงกับพื้น น้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสองข้างอย่างน่าสงสาร ไอ้ป้องดูโทรมลงอย่างเห็นได้ชัด มันใส่เสื้อยืดสีเทาตุ่นๆ รองเท้าแตะกับกางเกงสามส่วน แต่นั้นยังไม่ใช่สิ่งที่ผมสนใจนัก


    “เอาไปเช็ดก่อน...กูหมายถึงเลือดนะ” 


    ผมพูดก่อนจะยื่นผ้าเช็ดหน้าให้กับมัน เจ้าตัวพยักหน้าก่อนจะรับไปแต่โดยดี มันเช็ดเลือดที่มือ ผมเห็นรอยฟันจมลงไปทั้งยังเห็นรอยเขี้ยว
    ที่ฝังลึก


    ....ต้องทำขนาดนี้เชี่ยวเหรอวะ


    “หมอบอกว่าอาการไอ้เกียร์โอเคดี...คือ กูหมายถึงว่า นอกจากดวงตาแล้วส่วนอื่นยังคงดีอยู่ มันแค่ฟกช้ำมากๆจากแรงกระแทกก็เท่านั้น
    อ้อ... แล้วก็ขาส้น”


    “ดีแล้ว...ดีแล้วจริงๆ....”


    มันพูดออกมาด้วยรอยยิ้มทั้งน้ำตา


    “แล้วนี้มึงมาได้ยังไง ?”


    “แม่พากูมางานศพ....เกียร์รู้เรื่องนี้รึยัง ?”


    “ยัง...และกูไม่คิดจะให้มันรู้ ไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนที่หายแล้ว”


    ผมทรุดตัวนั่งลงข้างๆเป็นเพื่อนมัน


    “พ่อบอกแบบนั้นเหรอ ?”


    “อื้ม...พ่อไม่อยากให้ไอ้เกียร์จำภาพๆนั้นได้อีก”


    “โลกใบนี้...ทำไมมันถึงเล็กนักวะ”


    มันบ่นพึมพำ น้ำตาเริ่มลดน้อยลงเรื่อยๆ



    “ไม่รู้ดิ แต่เพราะโลกมันเล็กไง คนข้างๆเลยสำคัญ”



    “................”


    “มึงเองก็เป็นเพื่อนกูนะป้อง อะไรที่เพื่อนทำให้กันได้ก็บอกกูได้ ไม่ต้องเกรงใจนักหรอก”


    มันพยักหน้ารับคำของผม ก่อนจะนั่งนิ่งๆไปทั้งคู่


    “สักวันเกียร์อาจจะจำได้.....”


    “ก็ใช่...แต่ถ้ายังจำไม่ได้ เรื่องแย่ๆแบบนั้นก็ไม่ควรจะให้มันจำ”


    “แต่คนๆนั้นก็เป็นพี่ชายมันนะอู๋.....”


    ไอ้ป้องพูดออกมา ก่อนจะเม้มปากสนิทกัน


    “อื้ม....”


    6ปีที่แล้วที่แม่ของเกียร์จากไป ผมเองก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องสักเท่าไหร่หรอกนะ แต่จริงๆแล้วมันไม่ได้มีแค่พี่ขวัญแต่ยังมีพี่ชายอีกคนที่แม่ของ
    มันพาไปด้วย พ่อของมันเล่าแค่ว่าเป็นเพราะตอนนั้นเกียร์กำลังช็อกจากการเสียแม่ เลยทำให้ความจำในช่วงนั้นหายไป พ่อเองก็ไม่อยากให้เกียร์จำได้นัก เพราะงั้นข้าวของทุกอย่างที่เป็นของพี่ชายมันที่ยังเหลืออยู่เลยถูกทิ้งไปทั้งหมด นี้อาจจะเป็นสาเหตุที่ตอนแรกเกียร์ปฏิเสธการเป็นพี่น้องกับปกป้อง ผมเดาว่ามันอาจจะเป็นจิตใต้สำนึกที่ยังกลัวการสูญเสียพี่ชายไป และตอนนี้พี่ชายของไอ้เกียร์ที่ว่า


    .....ก็ได้เสียชีวิตจากการขับรถชนไอ้เกียร์


    แม่แท้ๆของไอ้เกียร์เล่าเพียงแค่ว่า วันที่ไอ้เกียร์โดนรถชน ลูกชายของหล่อนแอบขโมยรถออกไปขับจนเกิดเหตุดังกล่าว พ่อของเกียร์พูดไม่ออก เพราะเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เสียลูกชายคนโตไป ทั้งคนรองเองก็ดูจะยังเลวร้ายอยู่กับสถานการณ์ในปัจจุบัน พ่อเองไม่คิดจะเอาเรื่องหรือเอาผิดใครเพราะตัวแกเองก็คงจะบอบช้ำมากเหมือนกันจากการสูญเสียครั้งนี้  ถึงกระทั้งโทร.ไปหาแม่ไอ้ป้องแบบที่ตัวเองก็แทบจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ


    คนที่รักกันจริงๆ ไม่ว่าจะทุกข์หรือสุขก็อยากจะแชร์ให้อีกฝ่ายรับรู้เสมอ


    ผมคิดว่าอาจจะเพราะแบบนี้ พ่อไอ้เกียร์เลยโทร.ไปหาแม่ของป้องมัน....


    “แต่สุดท้ายแม่มึงก็ยังมา”


    ผมพูดต่อ ไอ้ป้องพยักหน้ารับก่อนจะตอบกลับ


    “แม่ยังรักพ่ออยู่...แต่เพราะเรื่องของกูเขาเลยเลือกที่จะไป.... แม่เป็นผู้หญิงที่เข้มแข็ง มาตามที่พ่อขอก็จริง แต่ก็กลับวันนี้.....”


    “ป้อง”

    “...........”


    “ไอ้เกียร์ยังมีโอกาสได้เจอมึงจริงๆ....ใช่ไหม ?”


    มันนิ่งเงียบไป ก่อนหัวทุยๆจะค่อยๆส่ายหน้าช้าๆ


    “กูไม่รู้...กูไม่รู้จริงๆ”


    มันพูดวนซ้ำไปซ้ำมาแบบนั้น ก่อนจะค่อยๆเงียบลงไป


    “กูขอที่อยู่มึงหน่อยได้ไหม ?”



    ไอ้ป้องส่ายหน้าให้ผมแทนคำตอบ เป็นผมเองบ้างที่ระบายลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ๆกับความารันทดอดสูของเพื่อนทั้งสองคน


    รัก...แต่อยู่ข้างๆกันไม่ได้



    “กูต้องไปแล้ว....”


    มันพูดขึ้น ผมพยักหน้ารับก่อนจะยืนขึ้นแล้วยืนแขนไปดึงมัน


    “จำไว้นะป้อง อยู่ที่ไหนมึงก็เป็นเพื่อนกู”


    “.......................”


    “มึงไม่ได้ตัวคนเดียวอีกแล้วนะ”


    น้ำตามันไหลออกมา ก่อนจะจับมือผมขึ้นมาช้าๆ


    “ฝากไอ้เกียร์ด้วยนะอู๋”


    ผมบีบกลับเบาๆเป็นการตอบตกลง ก่อนจะพูดตลกทิ้งทาย


    “กูไม่รับฝากนาน ของๆใครก็ดูแลเอาเอง รีบๆกลับมายืนอยู่ข้างๆมันอ่ะ....”


    มันยิ้มรับคำก่อนจะปล่อยมือผมช้าๆแล้วเดินจากไป


    “โชคดีเว้ย....เพื่อน”


    มันหันหลังมายิ้มให้กับผม ก่อนจะกดลิฟต์ลงไปข้างล่าง  พอเห็นมันไปลับสายตาแล้วผมก็หยิบมือถือขึ้นมาก่อนจะกดโทร.ออกไปหา
    เบอร์ที่คุ้นเคย เสียงเพลงรอสายดังขึ้นนิดๆ



    ...ไอ้เด็กนี้เปลี่ยนเพลงรอสายอีกแล้ว


    สวัสดีครับสามี


    ปลายสายพยายามพูดหยอกผม แต่ผมรู้ว่ามันเองก็กำลังเศร้าที่ต้องเห็นคนที่มันนับถือว่าเป็นพี่ชายเดินจากไปไกล ส่วนอีกคนก็โดนรถชน


    “พูดแบบนี้มากๆระวังโดนกินจริงๆนะ....”


    เหรอ ? ผมไม่กลัวคุณหรอก....โทร.มานี้มีอะไรจะใช้งานผมล่ะครับ


    “คุณ .... แฮกประวัตินักเรียนให้พี่หน่อย....”


    ของใคร ?



    “ปกป้อง ตั้งเกียรติ์ติยานันท์”



    ‘………………..’


    “ผมต้องการชื่อบริษัทแม่ลีลาวดี และสาขาทั้งหมดที่อยู่ในภาคเหนือ ถ้าจะให้ดีแฮกที่อยู่ที่ทำงานหรือถ้าได้ถึงบ้านของไอ้ป้องเลยได้ก็ดี”


    คุณจะเอาไปทำอะไร ?


    มันถามผมด้วยความสงสัย


    “กันเหนี่ยว ..........ถ้าทางนี้ไม่ไหวจริงๆผมจะพาหนี”



    เห้ย !!! ลูกเขาทั้งคนเลยนะคุณ


    “เออนะ ผมแค่พาเขาไปเจอกัน ไม่ได้จับไปฆ่าไปแกง”


    โอเคๆ งั้นเดี่ยวจะลองดูก่อนนะครับ


    ปลายสายกึ่งรับกึ่งสู้ แต่ผมรู้ว่างานนี้ยังไงๆก็สำเร็จแน่นอน


    “ขอบใจมากนะต้องตา”


    จิ๊บๆ...ว่าแต่ ทำไมคุณไม่ทำเอง ? หรือกำลังจะไปไหนต่อ


    อยู่ด้วยกันไม่นานแต่ไอ้เด็กนี้ทันความคิดผมตลอด...



    “ผมว่าจะไปบุกบ้านกามเทพสักหน่อย ....”


    กามเทพ ?


    ปลายสายทวนเสียงสงสัย


    “เอาเป็นว่า ถ้าได้ต่อยหน้าสักหมัดสองหมัดแล้วกลับบ้านเมื่อไหร่จะเล่าให้ฟัง....”



    นั้นหมายถึงอีกฝ่ายไม่มีคำตอบให้กับผม หรือว่าผม สามารถ ต่อยอีกฝ่ายได้หรอกนะครับ


    โอเค..... ระวังคุณกาซิลจับทุ้มแล้วกัน



    มันอวยพรให้ก่อนจะวางสายไป


    ผมเดินกลับเข้าไปในห้อง ก่อนจะเห็นว่าไอ้เกียร์ยังคงนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง เปลือกตาของมันยังคงบวมเปล่ง ผมรอเวลาจนกระทั้ง

    พ่อมันมาถึง ก่อนผมจะขอตัวไปทำธุระต่อ


    นึกถึงวันนั้นแล้วผมยังคงฉุนไม่หาย...


    2ปีที่แล้วสมัยผมขึ้นม.สี่ใหม่ๆ ผมโดนท้าดวลแฮกกับบุคคลปริศนาที่ใช้โค้ดเนมตัวเองว่า ซ่อนหนาม เขาตะบี้ตะบันจนกระทั้งไวรัสของผมกลายเป็นของกระจอก แม้กระทั้งพัฒนาออกมาใหม่ก็ยังพ่ายแพ้อย่างอเนจอนาถเขายื่นข้อเสนอให้ผมสองข้อสั้นๆคือหนึ่งขึ้นเป็นเทพแหวนสีดำและสอง......


    ......ทำยังไงก็ได้ให้น้องชายของเขาได้มีโอกาสในการใกล้ชิดเพื่อนสนิทผมมากขึ้น


    ครั้งแรกที่ฟัง ผมรับปากส่งๆไปจนกระทั้งได้เจอตัวจริงของซ่อนหนามซึ่งก็คือประธานนักเรียนโรงเรียนผมในปัจจุบัน ผมบอกเขาว่ามันเป็น
    ไปไม่ได้ ปกป้องและไอ้ก้องเกียรติ์เพื่อนผมไม่ได้ชอบผู้ชายและไม่มีวันชอบด้วย เขาเพียงยิ้มแหละตอบผมกับสั้นๆว่า...

    โลกใบนี้ไม่มีเรื่องบังเอิญ....


    สามวันต่อมา แม่ของไอ้ป้องได้ย้ายไปทำงานในแผนกเดียวกันกับพ่อของเจ้าเกียร์....ผมว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญจริงๆนั้นแหละ แต่กระทั้งคาดการณ์ได้ล่วงหน้าขนาดนี้ ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำได้ยังไง


    เรื่องของปกป้องและก้องเกียรติ์ไม่ได้เกิดจากความบังเอิญ ....

    แต่มันคือความจงใจ จากไอ้คนที่คิดว่าตัวเองเป็นกามเทพสื่อรัก ที่ดันรักน้องชายตัวเองขนาดถึงกับจับใส่พานไปถวายให้ถึงบ้าน


    กาเซียร์ เซซิล.....


    “หวังว่าคุณจะมีคำตอบให้ผมกับสถานการณ์ในตอนนี้นะครับ”


    ในเมื่อเรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นจากความตั้งใจ ไอ้คนที่ก่อเรื่องก็ต้องให้คำตอบกับผมได้....


     



    TBC.


     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×