ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ____เก็บ....'รัก' ____[Yaoi] [The End] [เปิดจอง!!!!!]

    ลำดับตอนที่ #26 : #24 ละครเวที เค้ก และค่ำคืนแสนสุข...

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 550
      2
      5 ส.ค. 57

    #24 ละครเวที เค้ก และค่ำคืนแสนสุข...


    หลังจากวันนั้น ผ่านมาแล้วเป็นเวลาสามวัน ไอ้ป้องเองก็สุขภาพร่างกายดีขึ้นมากจนสามารถออกโรง'บาลไปเรียนได้ตามปกติ สิ่งเดียวที่ทำให้เราทั้งคู่ใจหาย คือการจากไปของน้องร่าเริง

    งานศพของน้องน้องร่าเริง สวดสามวันแล้วจึงจะมีพิธีเผาขึ้นในวันเสาร์ ผมตามไอ้ป้องและแม่ลีลาวดีที่เพิ่งทราบข่าวจากพวกเราไปงานศพของน้องตลอดสามวันที่มีการสวดอภิธรรม จนกระทั้งถึงพิธีเผาในเย็นวันเสาร์

    ผมกับไอ้ป้องและแม่ลีลาวดีต่อแถวรอส่งดอกไม้จันเข้าเปลวเพลิงวูบหนึ่งที่ผมรู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจ...

    ถ้าคนที่นอนอยู่บนนั้นเป็นไอ้ป้อง

    ผมจะความกล้ามาก พอที่จะมาส่งไอ้ป้องไหม...

    มือข้างที่กุมมือกันบีบขึ้นนิดๆ ผมหันไปหาคนที่เดินจับมือกันข้างๆก่อนมันจะยิ้มจางๆให้มา

    "กูสัญญา...จะไม่ลาจากมึงเด็ดขาด"

    คำพูดเพียงแผ่วเบา แต่ก็สร้างความหนักแน่นและความมั่นคงให้แก่ความรู้สึกของผม

    อุ่นใจจริงๆที่อยู่ข้างๆกัน...

    ไม่ใช่เพียงแค่มันหรอกครับที่ขอบคุณผม ผมเองก็ขอบคุณมันสุดหัวใจเช่นเดียวกัน

    ขอบคุณจริงๆที่อยู่ข้างๆกัน...

    "ร่าเริง พี่กับพี่เกียร์มาส่งเราแล้วนะ ตลอดเวลาที่ผ่านมา พี่เองก็ดีใจมากจริงๆที่ได้เจอ ได้พบ ได้คุย กับเด็กที่มีความน่ารักแบบ
    เรา เราเป็นน้องที่น่ารักมากจริงๆ ถ้าชาติหน้ามีจริง...มาเกิดเป็นน้องของพี่นะครับร่าเริง"

    เหมือนๆกับความรู้สึกที่ทนอดกลั่นมาตลอดสามวันพังทลายลงไป ไอ้ป้องกำเสื่อแม่ลีลาวดีไว้แน่นซ่อนเสียงร้องที่ดังออกมาจากใจ ผมรู้ดีว่าไอ้ป้องมันต้องอดทนขนาดไหนที่ต้องเก็บความรู้สึกของการสูญเสียที่พูดออกมาไม่ได้

    "ร่าเริงครับ นี้พี่เกียร์นะ พี่เองอาจรู้จักเราได้ไม่นานพอแต่พี่ก็รักเราเหมือนน้องนะ ร่าเริงเป็นเด็กน่ารัก ยิ้มเก่ง เราอาจโชคร้ายที่อายุสั้นกว่าคนอื่น แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา พี่คิดว่าเราคงมีความสุขดีในชีวิต มีพ่อแม่ รักเราสุดหัวใจ มีพี่ชายที่ดีแบบไอ้ป้อง"

    ผมเว้นวรรคช่วงก่อนจะพูดต่อ

    "ขอให้เราไปสู่ในภพภูมิที่ดีกว่า ถ้าชาติหน้ามีจริงเหมือนๆกับที่พี่ป้องว่า มาเกิดเป็นน้องพี่หรือน้องพี่ป้องก็ได้นะครับ สิ่งเราฝากฝังพี่เอาไว้ก็ไม่ต้องกังวลแล้วนะ พี่ป้องแข็งแรงดีแล้วครับ พี่เองก็ขอยืนยันกับเรา...พี่จะอยู่ข้างๆพี่ป้องตลอดไป"

    ผมพูดจบก็ยกมือไหว้ตั้งจิตอธิฐานก่อนจะส่งดอกไม้จันเข้าเปลวเพลิงไป

    ผมกับไอ้ป้องพร้อมแม่ลีลาวดีเดินลงจากเมรุ ก่อนแม่ลีลาวดีจะแยกไปบอกลาพ่อแม่ของน้องร่าเริง จริงๆแม่กับพ่อเองผมเห็นว่าช่วงนี้ก็ค่อนข้างยุ่งๆกันทั้งนั้น แต่ก็ยังอุตส่าห์ขับรถมาส่งผมกับป้องมางานศพอีก

    "ป้อง..."

    ผมสะกิดเรียกชื่อ ก่อนจะส่งผ้าเช็ดหน้าสีเขียวไปให้มันเช็ดหน้าเช็ดตา ไอ้ป้องหยุดร้องแล้วครับ แต่ตากลายเป็นสีแดงก่ำเหมือน
    คนอดหลับอดนอน

    ไอ้ป้องรับผ้าเช็ดหน้าผมเสร็จแล้วก็เช็ดลวกๆไปทั่วใบหน้า ตอนนี้ผมกับมันนั่งรอแม่ลีลาวดีที่ใต้ต้นไทรต้นใหญ่ข้างวัด

    "มึงโอเคนะ?"

    ผมหันไปถามมัน ไอ้ป้องพยักหน้าให้แทนคำตอบก่อนตัวมันจะนิ่งเงียบไป

    "เกียร์ ถ้าสมมุติว่ากู ...ผิดสัญญา..."

    "ไม่เอาสัส อย่าไปพูดถึงมัน"

    ผมตัดบท เบรคมันเพราะรู้ดีว่ามันจะพูดถึงอะไร

    "ถ้ามันยังมาไม่นึก กูก็บอกมึงไม่ได้หรอกว่ากูจะรู้สึกยังไง แต่มึงรู้ไหม วินาทีที่เห็นมึงล้มลงไปตรงหน้า กูสาบานกับตัวเองว่า ถ้า
    มึงเป็นอะไรไป กูคงไม่มีวันให้อภัยตัวเอง"

    สำหรับมันแล้ว ผมอยากปกป้องรอยยิ้มมุมปากนั้นด้วยชีวิต...

    "ทำให้กูหลงรักขนาดนี้แล้ว อย่าทิ้งกูล่ะ"

    ผมพูดทิ้งท้ายติดตลก พยายามช่วยคุมอารมณ์ของมัน ไอ้ป้องเองก็คงเข้าใจเจตนาของผม มันยังคงยิ้มรับเหมือนเคย

    เราสองคนนั่งเงียบๆกันไปเรื่อยๆจนกระทั้งแม่ลีลาวดีเดินออกมาจากศาลาหลังคุยกับพ่อแม่ของน้องร่าเริงเสร็จ

    "เดียวเรากลับบ้านกันนะ"

    แม่ลีลาวดีพูด พร้อมยื่นมือทั้งสองข้างมาให้ผมกับไอ้ป้อง เราทั้งคู่หันไปยิ้มให้กันก่อนจะยื่นมือไปจับแล้วลุกตัวขึ้นตามแรงดึงของ
    แม่ลีลาวดี

    ผมกับไอ้ป้องหันไปมองปล่องควันจากยอดเมรุกันอีกครั้งก่อนไอ้ป้องจะพูดขึ้นเบาๆ

    "พี่ไปก่อนนะครับร่าเริง พี่จะแวะมาเยี่ยมเราบ่อยๆนะครับ"

    พวกเราสามคนแม่ลูกค่อยๆเดินจูงมือกันมาถึงรถ ก่อนแม่ลีลาวดีจะสตาร์ทรถแล้วพาผมกับไอ้ป้องกลับบ้าน

    ขอให้การจากลาของน้องร่าเริง เป็นการสูญเสียครั้งสุดท้ายของผมกับมัน...





    __________________________________________________________________





    หลังจบงานศพของน้องร่าเริง ผมกับไอ้ป้องก็ต้องกลับมาใช้ชีวิตในรั่วพ.ว.ตามปกติ สิ่งที่ชดเชยช่วงที่ผมขาดไป คือการบ้านกองมหึมาซึ่งผมคาดว่าเป็นผลกระทบมาจากที่อีกสองอาทิตย์จะสอบกลางภาคเนี้ยแหละครับแต่...

    คุณพระ!!! ผมหยุดแค่...เออ เท่าไหร่นะ...อ้อ4วัน แต่แค่4วัน การบ้านนานาชนิดก็ตบเท้ากันมายืนโบกมือทักทายผมเป็นทิวแถว
    คือผมกับไอ้ป้องก็หยุดพร้อมๆกันนะ แต่ทำไมมันดูชิลๆทำเสร็จหมดทุกอย่าง(ว่ะ)โครตแตกต่างจากผมที่การบ้านไปไม่ถึงไหน 
    สุดท้ายมันก็ต้องลงมือช่วยผมทำอยู่ดี

    มีเมียเก่งก็งี้ คิคิ...

    แต่ใช่ว่าการบ้านเสร็จแล้วจะรอดนะครับ ยังครับยัง อีกสิ่งหนึ่งที่อยู่ตามหลอกหลอนผมก็คือการสอบย่อยเทสนรก ซึ่งปกติก็มีประจำ แต่เชื่อไหมครับผมหยุดไปสี่วัน ขาดสอบเทสไป7ครั้งสี่วิชา

    โหดผักสลัดเป็ด!!!

    สุดท้ายก็ต้องยกความดีความชอบให้คุณเมียที่แสนดีอีกตามเคยที่คอยช่วยติวจนพวกสมองเมมน้อยๆอย่างผมสอบเทสผ่าน แม้จะไม่เคยได้ท็อปเท็นเท่าตัวมันเองก็เถอะ แต่ก็จัดว่าดีเลิศสำหรับผม

    อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นผลพ่วงตามมา คือผมได้รับอภิสิทธิ์โดยชอบธรรม ในการขับCbrคู่ใจมาโรงเรียนได้เพราะว่าพวกคณะกรรมการซึ่งร่วมถึงไอ้ป้อง ช่วงนี้จัดว่ายุ่งมาก ไหนจะงานวิชาการ ไหนจะงานละครเวทีที่ต้องแสดงร่วมกับสาขาสองอีก ทั้งๆที่จะต้องสอบกลางภาคอีกร่อมร่อแต่ผมต้องพาไอ้ป้องมาส่งเช้ามากและรอรับกลับเย็น(ดึก)มากซึ่งจริงๆมันก็บอกผมแล้วล่ะว่ามันมาแล้วกลับเองได้แต่ผมดื้อเองนั้นแหละเพราะเป็นห่วงมัน เช้าสุดที่เคยพามาคือตี4เย็น(ดึก)สุดที่เคยพากลับคือ4ทุ่มเรียกว่าผมกับไอ้ป้องช่วงนี้ใช้เวลาหมดไปกับข้างนอกมากกว่าในบ้านซะอีก

    ด้านพ่อแม่ของเราทั้งคู่ก็ทำงานหนักไม่แพ้กัน เห็นแม่ลีลาวดีเปรยๆว่าช่วงนี้บริษัทกำลังจะมีหุ้นส่วนใหม่เข้ามาทำให้งานติดต่อและงานสัมนามีมากขึ้นเป็นเงาตามตัว ผมเห็นท่านทั้งสองเหนื่อยมากจริงๆ ชนิดที่หลับคาโซฟาห้องนั่งเล่นเลยแหละแต่ดีนะผมกับไอ้ป้องช่วยกันพยุงขึ้นห้องนอน(หนักมากพ่อเรา ลดๆน้ำหนักมั่งนะป๋า)

    แต่ใช่ว่าอาการหมดแรงแบบนั้นจะเกิดเฉพาะกับพ่อผมหรอกนะครับแม่กับไอ้ป้องเองก็เคยสลบเหมือดเหมือนกัน ก็เล่นตื่นเช้านอนดึกกันซะขนาดนี้นี่ครับ ส่วนวันอาทิตย์นี้วันเกิดไอ้ป้องพ่อกับแม่ก็คงไม่ว่างครับ เพราะต้องไปสัมมนากับตัวแทนบริษัทนู้นถึงภูเก็ตป้องเองก็ไม่ได้พูดถึงวันนี้

    เชื่อผมอะไรไหมครับ? พนันร้อยหนึ่งเลย

    ไอ้ป้องลืมวันเกิดตัวเองแน่ๆ!!!

    ตอนแรกกะจะชวนไอ้พวกทโมนกินหมูกระทะกัน แต่พวกแมร่งเสือกไม่ว่างกันเป็นทิวแถวสุดท้ายผมเลยตัดสินใจจะเซอร์ไพรมันเงียบๆคนเดียว(ก็ได้ว่ะ)

    จุ๊ๆ แต่ผมยังไม่บอกหรอกนะว่าจะทำอะไรให้มัน เอาเป็นว่ารอดูพร้อมกันดีกว่า

    "น็อต ขยับผ้าม่านไปอีกนิด มันเฉๆนะ"

    เสียงไอ้ป้องยืนสั่งการที่หน้าเวทีตอนนี้พวกคณะกรรมการทุกคน

    กำลังขะมักเขม้นในการจัดเวทีหอประชุมใหญ่ให้อลังการงานสร้างสมกับเป็นเจ้าภาพงานละครเวทีในปีนี้ ผมเองก็มีส่วนร่วมในการช่วยชาวบ้านเขานิดหน่อย


    ....ด้วยการวิ่งเสิร์ฟน้ำให้คนนู้นคนนี้

    เปรตเอ๊ย นี้ผมเป็นแฟนกับเลขาสภานะเว้ย แมร่งใช้ผมเป็นเบ๊เบล็ดเตล็ดเฉย ถ้าไม่ติดว่าไอ้ป้องขอ พร้อมแลกกับที่จอดรถรับส่งคุณภรรยานะ ให้ตายผมก็ไม่ยอมหรอก ชิชะ

    "ป้อง อ๊ะน้ำ"

    ผมเรียกมันพร้อมยื่นแก้วน้ำพลาสติกให้ คนถูกเรียกหันมารับ ก่อนจะกระดกน้ำดับความกระหาย

    "ขอบใจนะเกียร์ เหนื่อยแย่เลย"

    มันพูด ทั้งๆที่ตัวมันเหงื่อซกยังกะอาบน้ำ

    "ไม่เป็นไรหรอก เพื่อเมีย แค่นี้จิ๊บๆ"

    ผมหยอดมันทุกที่ทีมีโอกาส ไอ้ป้องเองก็เขินทุกรอบ คนรอบๆตัวเราแรกๆก็อ้วกกับมุกเสี่ยวๆของผม หลังๆคงเริ่มชิน(ปลงตก)

    "ต้องตาเหนื่อยไหมค่า เพื่อเมียแค่นี้พี่ทนได้"

    ยกเว้นไอ้เชรี้ยนี้ ปากปีจอแบบนี้ก็มีแค่แมร่งล่ะครับ ไอ้เชรี้ยอู๋

    ต้องตาไม่เพียงแต่ไม่รับมุก ซ้ำยังหักหน้าไอ้เพื่อนรักของผมด้วยการเดินหนีไปทำงานตรงส่วนอื่น ดีมากครับน้องรัก สะใจพี่เป็นบ้า!!!

    ไอ้ป้องกับผมหัวเราะสมน้ำหน้ามันก่อนจะหันไปทำงานต่อ ผมเองก็เดินเอาน้ำไปแจกทีมงานคนอื่น แม้งานจะหนักแต่ทุกคนในที่นี้ก็ไม่มีใครปริปากบ่น(ยกเว้นไอ้เชรี้ยอู๋เพราะแมร่งบอกว่าเวลาสวีทของมันกับต้องตาลดลง)

    ภาพข้างหลังของไอ้ป้องดูยิ่งใหญ่และเท่มากในสายตาผม มือสองข้างกางแบบแปลนเวทีออกก่อนจะชี้ไปยังจุดต่างๆแล้วตะโกนสั่งงาน ผมเองก็รู้ว่ามันเหนื่อยกับการแก้แปลนและแก้ปัญหาการเกทับกันระหว่างสาขาหนึ่งกับสองขนาดไหนในฐานะคนกลาง แบบแปลนแก้ไม่ต่ำกว่าห้ารอบ ซ้ำยังต้องคอยเชื่อมใจพวกเราให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอีกต่างหาก

    มันเป็นคนที่มีเพาเวอร์ในตัวเองสูงแต่ขาดความทะเย่อทะยานในการไขว้คว้าคิดเพียงแค่ว่าทำยังไงสิ่งที่อยู่ตรงหน้าถึงจะดีกับทุกคนและได้ผลเท่าเทียมกัน

    พวกเราทุกคนเองก็เหนื่อยพอๆกัน ไม่เว้นกระทั้งพี่เซียร์ที่ต้องไปคอย รับแขกและจัดหาสปอนเซอร์ให้พวกผม ซ้ำบ้างวันยังปีนบันไดสูงขึ้นไปถลกแขนเสื่อตอกตะปูเองด้วยซ้ำ คนๆนี้แทบไม่เคยเกี่ยงงานหรือคิดว่าตัวเองเป็นประธานนักเรียนแล้วจะยื่นดูคนอื่นทำงานเลยแม้แต่น้อย ขนาดงานจิปาถะพี่เซียร์ก็ลุยถึงไหนถึงกัน

    แล้วงี้ไม่ให้พวกผมทำงานกันเต็มที่ได้เหรอครับ

    ที่เห็นจะน่าสงสารยิ่งกว่าพวกผมก็พวกสาขาสองเนี้ยแหละครับ ต้องนั่งรถมาไกลๆกัน กลับก็ดึก แต่ไม่เคยบ่นออกมา ทั้งพี่ยา มู่หลาน แล้วก็คนอื่นๆที่มาด้วยกัน

    ถ้าจะถามว่าอะไรที่ทำให้พวกเราตั้งใจและจริงจังกันขนาดนี้ ก็คงตอบได้ว่าเพราะตัวอักษรย่อสองตัวบนอกข้างขวา

    ถ้าเปรียบเพลินจิตวิทยาคือบ้านหลังที่สอง พวกเราก็คือครอบครัว

    ห้าปีที่อยู่ที่นี้มา มีทั้งทุกข์และสุข สถานที่แห่งนี้ให้ทั้งวิชา ความรู้มิตรภาพและความรัก

    เพราะเราคือครอบครัว

    We are family



    ________________________________________________________________________



    ผมขับCbrด้วยความเร็วไม่มากเพราะคนซ้อนหลับลงไปแล้วด้วยความเพลีย หลังทำงานเสร็จพอขึ้นเบาะรถไอ้ป้องก็ซุกหัวลงกับหลังผม ก่อนจะหลับไปแบบนั้น ดีว่าแขนมันยังคล้องเอวของผมไว้อยู่ ขับช้าๆเลยพอไปได้

    "ป้อง ถึงบ้านแล้ว"

    ผมปลุกมันเบาๆหลังขับมาถึงประตูบ้าน ไอ้ป้องสะลึมสะลือแต่ก็ก้าวลงไปยืนรอ ก่อนผมจะไขประตูแล้วเข็นรถเข้าไปเก็บข้างในเสร็จแล้วก็พามันขึ้นห้องพอถึงห้องปุบไอ้ป้องก็ทิ้งตัวลงไปกับที่นอนก่อนจะหลับคาชุดนักเรียน

    สงสัยคงง่วงมากจริงๆ

    ผมเลือกที่จะไม่ปลุก แต่ช่วยถอดถุงเท้ากับปลดเข็มขัดให้มันแทน ก่อนจะแกะกระดุมแล้วถอดเสื่อนักเรียนให้มัน

    หลายวันมานี้ตั้งแต่ร่างกายมันแข็งแรงขึ้นก็โหมงานมากพอสมควร แต่ผมคิดว่าก็ดีเหมือนกัน ยุ่งๆแบบนี้จะได้ไม่ต้องคิดมากให้ปวดหัว แต่ก็ตัวผมเองอีกนั้นแหละที่อดเป็นห่วงมันไม่ได้ กลัวว่าโหมงานมากไปแล้วมันจะทรุดเอาง่ายๆนะสิครับ

    ผมเกลี่ยเส้นผมของไอ้ป้องเล่น ก่อนจะจูบ หน้าผากมันเบาๆ

    "ฝันดีนะมึง"

    ผมห่มผ้าห่มให้มัน ก่อนจะลดแอร์ลงให้อีกฝ่ายเย็นตัวจากนั้นตัวเองก็ปีนขึ้นไปนอนชั้นบนบ้าง

    ในที่สุดก็ผ่านพ้นไปอีกหนึ่งวัน

    ขอให้วันพรุ่งนี้และวันต่อๆไป มึงยิ้มแบบนี้ได้ตลอดไปนะป้อง..




    __________________________________________________________________________________



    "ไม่สบายไปหาหมอกันไหม?"

    ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ ไอ้ป้องเอามือมาอังหน้าผากก่อนจะพูดต่อเบาๆ

    "ตัวอุ่นๆแหะ"

    "อือ ขอโทษนะ เลยไม่ได้ไปส่งมึงเลย"

    ผมพูดเสียงเศร้าบอกกับมันไป วันนี้เป็นวันอาทิตย์แล้วครับ 

    "ไม่เป็นไรๆ เดี่ยวกูนั่งเมล์ไปก็ได้"

    ไอ้ป้องพูด วันนี้เป็นอีกวันที่มันต้องไปทำงานที่โรงเรียน(จริงๆก็ทุกวันนั้นแหละ)

    "กลับไวๆนะ"

    ผมพูดก่อนจะโบกมือให้มันไหวๆที่ริมประตู พอเห็นมันเดินไปไกลแล้วก็รีบวิ่งไปห้องน้ำก่อนจะระบายของเหลวที่เรียกว่าฉี่จากในท้องน้อย

    อ่า....ฟิน อย่าบอกนะ ว่าไม่เคยกลั่นฉี่แล้วบอกพ่อกับแม่ว่าไม่สบายตัวร้อนน่ะ ฮ่าๆ วันนี้ที่ผมเลือกจะไม่ไปกับไอ้ป้องเพราะ
    ต้องการเตรียมของรอมันที่บ้านครับ ผมหยิบกระดาษโน้ตที่จดอุปกรณ์ที่จำเป็นไว้ ก่อนจะแต่งตัวแล้วขับCbrไปร้านสะดวกซื้อใกล้ๆบ้าน ก่อนจะค่อยๆมองหาของที่ต้องการ

    “อื้ม...ไข่ไก่ แป้งสาลี แป้งว่าว อ่า...ผงฟูด้วย”

    ผมพูดกับตัวเอง ตาก็มองแผ่นกระดาษก่อนจะหยิบอุปกรณ์ต่างๆในการทำเค้กขึ้นมาใส่ตะกร้า

    ครับ...ผมอยากทำเค้กให้ไอ้ป้อง

    โอเค ยอมรับว่าไม่เคยทำหรอกนะ แต่ตลอดระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาผมเองก็ไม่ได้อยู่เฉยๆกับแค่ดูแลไอ้ป้องหรอกนะครับ แต่ตัวเองก็พยายามอ่านรีวิวกับวิธีการทำเค้ก จริงๆไปซื้อมาก็ได้นะแต่สำหรับผม ของที่ทำขึ้นมาเองมันมีคุณค่ามากกว่านิครับ
    พอได้อุปกรณ์พร้อมสมบูรณ์ผมก็ขนของไปจ่ายตังค์ พี่พนักงานเองก็มองยิ้มๆ ก็อย่างว่าแหละครับ พี่เขาคงดูออกว่าผมซื้อไปทำอะไร หลังจากจ่ายเงินเสร็จผมก็รีบตรงบึ่งกลับบ้าน จนเกือบจะลืมของที่ตั้งใจจะซื้ออีกอย่าง ดีว่าวกรถกลับไป7-11ทัน ดีที่ว่าพี่พนักงานขายรอบนี้เป็นผู้ชาย

    ผมซื้ออะไรที่7-11 ไม่ต้องสงสัยหรอก...

    พอกลับมาถึงบ้าน ผมก็เข้าครัวก่อนจะหยิบไอพอดขึ้นมาเปิดเวปพันทิป มีพี่ๆใจดีหลายๆคนรีวิววิธีการทำเค้กง่ายๆไว้ครับ ที่ผมเห็นแล้วชอบมากที่สุดก็ทำจากหม้อหุงข้าวเนี้ยแหละส่วนประกอบก็ไม่ยากครับ 

    แป้งเค้ก สำเร็จรูป 400 กรัม (ของเจ้าไหนก็ได้ครับ สุ่มๆหยิบมาเลย)  เนยเค็มขนาด 220  กรัม 1 ก้อน นมจืด 1 1/2 แก้วเป็ก  (ถ้าไม่มีใช้น้ำเปล่าก็ได้)  ไข่ไก่  4 ฟอง (ไข่ไก่อุณภูมิห้อง ถ้าแช่เย็นเอาออกมาวางข้างนอกให้หายเย็นก่อนไม่งั้นจะไม่เข้ากันกับแป้ง) ฝงฟู  1/2  ช้อนชาน้ำตาลทราย   4  ช้อนโต๊ะ (แป้งสำเร็จจะไม่หวานต้องเติมน้ำตาลลงไปเล็กน้อย)

    ก่อนอื่นมาทำน้ำตาล ไอซิ่งกันก่อนตักน้ำตาล 4 ช้อน ลงในโถปั่น แล้วทำการปั่น ปั่นให้ละเอียดจนคล้ายแป้งเลยครับ จากนั้นก็เทลงอ่างหรือกะลามั่งที่เตรียมไว้ เทแป้งเค้กลงตาม ใส่ผงฟูลงไป แล้วเราก็มาใส่ตะแกรงร่อนครับ ร่อนสักประมาณ 6-7 รอบ เพื่อให้ส่วนผสมเข้ากัน นำเนยลงใสภาชนะที่เราจะผสมแป้ง ใส่ทั้งก้อนเลยครับ จากนั้นผมก็ตีให้เนยฟูครับ ด้วยเครื่องอะไรสักอย่างที่ผมเรียกชื่อไม่ถูก ใส่ไข่ตามลงไป ตามด้วยนมสดจืด ครับ 1 1/2 แก้ว พอส่วนผสมครบเราก็ตีส่วนผสมให้เข้ากัน ค่อยๆเทแป้งลงไปครับ แบ่งให้ได้สักสามส่วน ค่อยๆผสมครับ ผมเองก็เลือกที่จะใส่ลูกเกดลงไปด้วย

    หลังจากนั้นก็ตีไปเรื่อยๆครับจนแป้งหมด พอส่วนผสมเข้ากัน ตีแป้งต่ออีกสัก 3 นาที พอตีจนแป้งเหนียว เนื้อเนียน เป็นอันใช้ได้ครับ จากนั้นก็ขั้นตอนการอบครับ เช็ดหม้อหุงข้าวให้สะอาดก่อนเทลงไป เทลงในหม้อ แล้วเขย่า ๆ ให้หน้าแป้งเสมอกัน

    จากนั้นก็รอครับ..

    ประมาณไม่นานเท่าไหร่หม้อหุงข้าวเด้งปุบ ถอดปลั๊กออก แล้วงัดเค้กออกมาวางไว้บนตะแกรง ระบายความร้อนครับ พอมันเย็นๆแล้วก็ปาดๆหน้าเค้กตรงส่วนที่มันไหม้ออกไป

    แค่นี้ก็เสร็จแล้วครับ เค้กวันเกิดของผมกับไอ้ป้อง

    สิ่งที่ผมทำให้มัน อาจจะไม่ได้เลิศหรูอลังการนัก รสชาติก็ไม่ได้ดีระดับร้านอาหารหรูๆ แต่ทั้งหมดทั้งมวลนี้...

    ผมทำด้วยใจ

    ผมยกเค้กที่หายร้อนแล้วเข้าตู้เย็นเอาไว้ คะแนว่าประมาณสองสามทุ่มไอ้ป้องก็คงกลับมา

    เอาล่ะ....นอนรอมันเหอะ......


    ..


    ..





    ..
    .

    .


    “เกียร์...เกียร์”

    เสียงเรียกพร้อมแรงเขย่าตัวเบาๆปลุกผมให้ตื่นขึ้นมา

    “มานอนอะไรตรงนี้ แล้วทำไมใส่เอี๊ยมนอน”

    ไอ้ป้องถามขึ้นก่อนจะมองเอี๊ยมผมงงๆ

    ผมเงยหน้ามองมัน ก่อนจะเลื่อนไปมองดูนาฬิกา นี้ผมหลับยาวไป4-5ชั่วโมงเลยเหรอครับเนี้ย ? สงสัยผมเองก็คงจะเพลียมากเหมือนกันจากการตื่นเช้าๆพอๆกับไอ้ป้อง

    “กูซื้อข้าวต้มมาฝาก ไม่สบายนิ”

    มันว่าก่อนจะชูถึงข้าวต้มขึ้นมาให้ผมดู ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมคนเราเวลาป่วยต้องกินแต่ของพวกนี้  ไม่คิดว่าคนป่วยอยากจะกินพิชช่าบ้างเหรอครับ ? แต่ยังไงๆก็เพราะอีกฝ่ายเป็นห่วงเรานั้นแหละ

    “กินข้าวมารึยัง ?”

    ไอ้ป้องพยักหน้าแทนคำตอบ 

    “งั้นมานั่งนี้ รอแปปหนึ่ง”

    “อะไรว่ะ ?”

    มันถามงงๆ หลังจากโดนผมลากไปนั่งลงตรงเก้าอี้

    ผมไม่ตอบ แต่เอาผ้าเช็ดหน้ามาผูกตาไว้แทน ไอ้ป้องเองก็ดูตื่นๆ คงจะตกใจคิดว่าผมจะทำอะไรมันล่ะมั่งครับ

    “อย่าเพิ่งลืมตานะ ไม่งั้นโป้ง”

    เพราะพูดไปแบบนั้น ไอ้ตัวดีเลยยังไม่แกะผ้าปิดตาออก

    ผมเดินไปหยิบเค้กที่แช่เย็นไว้ออกมา ก่อนจะหยิบเทียนเล็กๆที่ซื้อมาพร้อมกันออกมาปักตามจำนวนอายุ ไอ้ป้องเกิดก่อนผม 
    เพราะงั้นปีนี้มันจะอายุสิบเจ็ดปีเต็มครับ

    “โอเค เปืดตาออกได้”

    ไอ้ป้องค่อยๆแกะผ้าปิดตาออกมา ก่อนจะพบว่าทั้งห้องตอนนี้ปิดไฟ สิ่งที่สว่างที่สุดคือเทียนเล่มเล็กๆบนเนื้อเค้ก

    “แฮปปี้เบิร์ดเดย์ ทู ยู .....แฮปปี้เบิร์ดเดย์ ทู ยู  ......แฮปปี้เบิร์ดเดย์ ...แฮปปี้เบิร์ดเดย์....แฮปปี้เบิร์ดเดย์ ทู~~ ยู”

    ผมร้องออกมา ก่อนจะตบมือเบาๆ

    “.........”

    “ไม่ชอบเหรอ ?”

    เพราะเห็นไอ้ป้องนิ่งไปเลย ผมเลยถามขึ้นมา

    “อ่า...วันนี้วันเกิดกูเหรอ.....”

    มันพูด พร้อมเกาหัวแกรกๆแก้เก้อที่ลืมวันเกิดตัวเอง

    “กูว่าแล้วว่ามึงต้องลืม.... ช่างเหอะ กินเค้กกัน”

    ผมบอกปัด พร้อมหยิบมีดสำหรับหั่นเค้กขึ้นมา หั่นไปชิ้นๆให้มัน

    “เกียร์...”

    “ว่า ?”

    “ทำเองเหรอ”

    ผมยกส้อมขึ้นมาจิ้มเนื้อเค้ก ก่อนจะส่งเข้าปากมัน

    “เออ อร่อยป๊ะ ?”

    “อย๊อย”

    มันพูดทั้งๆที่เค้กเต็มปาก ใบหน้าจืดๆเคี้ยวเค้กตุ๊ยๆจนเต็มสองแก้ม เห็นแล้วโคตรหมั้นเขี้ยว...

    ผมกับไอ้ป้องนั่งกินเค้กไปเรื่อยๆ ไอ้ป้องเองก็ไม่ได้พูดอะไรต่อแค่กินไปแบบนั้นเงียบๆ จนกระทั้งเค้กก้อนกลางหมดลงไป

    “กูมีของจะให้มึงด้วย”

    มันกระพริบตาปริบๆ ก่อนจะโดนผมดึงขึ้นห้องนอนไป

    ผมกับมันนั่งลงบนเตียงชั้นล่าง  ก่อนข้อมือของมันจะโดนผมดึงมา

    “ขอโทษที่โกหกมึงนะป้อง วันนั้นจริงๆแล้วกูไปซื้อของขวัญให้มึง....”

    ผมค่อยๆสวมริสแบนด์รูปสเกตบอร์ดสีเขียวให้มัน

    เปล่าครับ...ผมไม่ได้ใส่ให้มันผิดอัน

    ผมอยากให้ริสแบนด์เส้นนี้เป็นตัวแทนกันและกันของผมกับมัน เลยเลือกที่จะให้อีกฝ่ายสวมใส่ ‘ตัวตนของผม’ และเลือกที่จะให้ตัวเองส่วมใส ‘ตัวตนของอีกฝ่าย’

    ผมอยากให้เรา....ยอมรับกันและกัน.... 

    ไอ้ป้องไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ มันนิ่งไปเฉยๆซะแบบนั้นจนผมกลัวใจ นึกว่ามันจะโกรธที่ทำอะไรแบบนี้ แต่แล้วมันก็ทำสิ่งที่ผมอยากให้ทำมาโดยตลอด

    ไอป้องกอดผม....

    “เกียร์...”

    “..........”

    “ขอบคุณนะ......”

    ไอ้ป้องซุกหน้าลงกับแผ่นอกของผมก่อนจะพูดต่อ แขนทั้งสองข้างยังคงกอดผมเอาไว้

    “วันเกิด...จริงๆแล้วมันอาจจะไม่ใช่วันสำคัญอะไรเลยก็ได้ นอกจากจะเป็นวันที่คนให้กำเนิดเราต้องเจ็บปวด...มันจะสำคัญขึ้นมาก็ต่อเมื่อมีคนจำมันได้โดยที่เราไมได้บอก ของขวัญเองก็เหมือนกัน ความสุขของคนรับอย่างกู มันไม่ได้อยู่ที่มูลค่าของขวัญเลย....แต่สิ่งที่มึงทำให้กัน มันเกินคำว่าขอบคุณจริงๆ....”

    “อย่าร้องดิ ไอ้ขี้แง”

    ผมปลอบก่อนจะขยี้หัวมันเบาๆ เพราะสัมผัสได้ถึงหยดน้ำอุ่นๆที่ทะลุผ่านเสื้อเข้ามาข้างใน

    “กูแค่อยากให้มึงรู้ ว่ากูรักมึงจริงๆ.....”

    ผมช้อนหน้าไอ้คนขี้แงออกมาจากอก ก่อนจะค่อยๆจูบมันเบาๆ

    “กูเชื่อตั้งแต่วินาทีแรกแล้วล่ะ....”

    ผมกอดมันตอบแน่นๆ ก่อนจะค่อยๆพูดสิ่งที่ ‘อยากได้บ้าง’ ออกมา

    “ป้อง.....”

    “...........”

    “ถ้าเกียร์ขออะไรบ้าง จะได้ไหมอ๊ะ ?”

    ผมพูดเบาๆ เสียงอ้อนๆมันหน่อย 

    “อะไรอ๊ะ...?”

    มันตอบกลับมา

    อื้ม...จะเอาไงดีต่อล่ะกู

    ผมรวบรวมความกล้า ก่อนจะค่อยๆกระซิบที่ข้างหูมัน




    “ป้อง....เป็นของกูนะ.......”



    ไอ้ป้องเงียบไป พอผมเงยหน้าก็เห็นมันพยักหน้าให้เบาๆ ....อายสินะ....

    ใบหน้าของผมโน้มลงจรดแก้มมันอีกครั้งก่อนจะกดมันนอนลงไป มือสองข้างของผมค่อยๆถอดเสื่อยืดอีกฝ่ายออกจากตัว ปากก็ไล่เม้มขบไปตามลำคอสีน้ำผึ่ง ไล่ลงไปต่ำลงเรื่อยๆ 

    ผมค่อยๆปลดเข็มขัดของมันออก ก่อนจะรูดที่เดี่ยวแล้วโยนกางเกงมันไปกองไว้ใต้เตียง

    เอาล่ะ...

    ได้เวลาซูมกล้องไปที่หน้าต่างแล้วครับ...



    TBC.


    เกียร์ไปซื้ออะไรที่7-11 คงไม่สงสัยแล้วใช่ไหมครับ ?   :hao7:
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×