ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ____เก็บ....'รัก' ____[Yaoi] [The End] [เปิดจอง!!!!!]

    ลำดับตอนที่ #25 : #23 เพื่อน จับมือกูดิ และ ขอบคุณนะ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 556
      2
      1 ส.ค. 57

    #23 เพื่อน จับมือกูดิ และ ขอบคุณ....





              

     

     เมื่อวานนี้หลังพาไอ้ป้องส่งถึงโรง'บาลแล้ว ผมก็โทร.บอกพ่อกับแม่ ตอนแรกที่รู้ข่าวแม่ลีลาวดีเกือบเป็นลม ดีหน่อยที่ผมพยายามพูดให้ซอฟท์ลง พร้อมกันนั้นเองพ่อกับแม่ก็รีบขับรถกลับมากรุงเทพ พวกท่านทั้งสองจึงตรงดิ่งมาที่นี้  ไอ้ป้องเองพอถึงมือหมอแล้วก็ดีขึ้นตามลำดับเพราะตัวของมันเองก็มีประวัติคนไข้อยู่ที่นี้ ตอนนี้พวกเราจึงนั่งอยู่ในห้องวินิจฉัยโรครอฟังคำอธิบายจากคุณหมอหนุ่มเจ้าของเคสไอ้ป้อง

    "กรณีของน้องป้องนะครับ เกิดจากหัวใจที่โตผิดปกติมาตั้งแต่แรกเกิด ก็อาจสันนิษฐานได้ว่า มีความเสี่ยงต่อการเกิดหลอดเลือดหัวใจตีบได้เช่นกัน หรือเอ็กซเรย์แล้วพบว่า ขนาดของหัวใจโตกว่าปกติ ซึ่งอาจเกิดจากหลอดเลือดหัวใจตีบ ลิ้นหัวใจรั่ว และกล้ามเนื้อหัวใจบีบตัวอ่อนกำลังลง ทำให้ห้องต่างๆ ของหัวใจขยายขนาดใหญ่ขึ้นครับ" คุณหมอหนุ่มอธิบายให้ฟัง

    "แล้วมีวิธีรักษาให้หายขาดไหมครับ?" ผมถาม เพราะนั่งอยู่ข้างๆไอ้ป้องผมเลยกุมมือมันไปด้วยพูดไปด้วยคุณหมอหนุ่มยิ้มก่อนจะพูดต่อ

    "ปัจจุบันนี้วิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ก้าวหน้ามากขึ้นครับ ทางเลือกในการดูแลรักษาจึงมีมากขึ้น เราอาจพูดไม่ได้เต็มปากว่า
    สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจ หากดูแลร่างกายและรักษาสุขภาพก็สามารถมีอายุที่ยืนยาวได้เท่าคนปกติทั่วไปครับ หรือเผลอๆอาจอายุยืนกว่าด้วยซ้ำครับ" คุณหมอหนุ่มเว้นวรรค ก่อนจะพูดต่อ

    "โดยส่วนตัวแล้วในการวินิจฉัยของหมอนะครับ น้องป้องควรทำการบอลลูนครับ" หลังจากนั้นคุณหมอก็อธิบายเรื่องยากๆที่บอกเลยว่าผมไม่เข้าใจสักนิดออกมา ไอ้ป้องสรุปให้ผมฟังว่าคุณหมอจะทำการขยายเส้นเลือดไม่ให้มันตีบ พร้อมทั้งใส่ลวดไปกั้นไว้ไม่ให้มันตีบหรืออุดตันได้อีก(ฟังดูหวาดเสียวเนาะ - -")

    จากนั้นก็ฟื้นตัวหนึ่งสัปดาห์โดยเริ่มใช้ชีวิตตามปกติ สิ่งที่ต้องระวังและต้องควบ คุมมีสองอ.ครับ อาหารกับอารมณ์ ห้ามเครียดและห้ามคิดมากเด็ดขาดส่วนอาหารก็ต้องหลีกเลี่ยงพวกไขมันเยอะๆในระยะแรกครับ หมอไม่ได้ห้ามทานเนื้อสัตว์นะครับแค่ต้องทาน
    แค่ในปริมาณที่ตรงกับความต้องการของร่างกาย หมันออกกำลังกายแบบพอเหมาะ

    เท่านี้ไอ้ป้อง'ของผม'ก็อยู่ได้อีกนานแล้วล่ะครับ

    พอตกลงตัดสินใจกันได้แล้วก็เริ่มต้นการทำบอลลูนครับ ผมไม่รู้หรอกว่าเขาทำกันยังไงเพราะหมอไม่ให้เข้าไปด้านใน ได้แต่นั่งแกร่วอยู่นอกห้อง พ่อกับแม่เองก็นั่งรออยู่ข้างนอกเหมือนกัน ผมเห็นพ่อนั่งกุมมือแม่แน่นเลย ถึงทางคุณหมอเองจะยืนยันก็เถอะว่าปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นแต่ยังไงคนเป็นแม่ก็ย่อมห่วงลูกเป็นธรรมดาครับ

    มันเป็นช่วงเวลาแห่งการรอคอยที่ผมโคตรกระสับกระส่ายกลัวไปหมดทั้งใจ อาจเพราะความฝันแย่ๆเมื่อคืนก็เป็นได้ทำให้ผมใจจดจ่ออยู่กับการทำบอลลูน ตอนนี้เลยกลายเป็นหนูติดจั่นเดินไปเดินมานั่งไม่ลง ไอ้กระจกที่ติดอยู่ตรงประตูก็มัวเกินกว่าจะส่องเห็นว่าข้างในกำลังทำอะไรแล้วเกิดอะไรขึ้นบ้าง

    สุดท้ายการรอคอยของผมกับครอบครัวก็สิ้นสุดลงเมื่อคุณหมอคนเดิมเดินออกมาจากในห้อง

    "การทำบอลลูนเป็นไปได้ด้วยดีนะครับ น้องไม่มีอาการแทรกซ้อนอย่างอื่น ถ้ายังไงจะทำการออกจากโรงพยาบาลเลยก็ได้นะ
    ครับ" คุณหมอหนุ่มแจง

    "ให้นอนดูอาการอีกซัก2คืนก็แล้วกันนะครับ" พ่อผมพูดขึ้น ยังไงซะการกั่นไว้ก่อนก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรซึ่งผมเห็นด้วยกับพ่อ แม่เองก็ไม่ได้ขัดอะไรเพราะงั้นวันนี้ไอ้ป้องต้องนอนอีกคืนหนึ่งนั้นเอง

    "แล้วตอนนี้เข้าเยี่ยมได้ไหมครับ?" ผมถามขึ้น คุณหมอหนุ่มพยักหน้าอนุญาตก่อนจะพูดต่อ

    "ได้ครับ เพราะคนไข้ไม่ได้สลบไป เพียงแต่ต้องระวังอารมณ์ในช่วงนี้นะครับ ห้ามทำให้เกิดอารมณ์ด้านลบนะครับ" ผมกับครอบครัวพยักหน้าเข้าใจก่อนคุณหมอท่านจะขอตัวไปทำงานอย่างอื่นต่ออีก เพียงแต่พอจะก้าวเดินแม่ลีลาวดีก็เกิดอาการหน้ามืดขึ้นเสียก่อน

    คุณครับ คุณ.." ดีที่ว่าพ่อรับประครองแม่ไว้ได้ทัน

    "แม่เป็นอะไรรึเปล่าครับ?" พ่อส่ายหน้าก่อนจะยกมือข้างหนึ่งแตะๆตรงหน้าผากของแม่

    "คงจะเพลียนะ เมื่อวานแทบไม่ได้นอนเลย สลับกันขับรถเพราะเป็นห่วงพี่ป้องนะ" พ่ออธิบาย

    ผมเลียริมฝีปากก่อนจะพูด "งั้นพ่อพาแม่กลับไปพักที่บ้านก็ได้ครับเดี่ยวเกียร์เฝ้าป้องเอง"

    "เอางั้นเหรอลูก?"

    "ครับ พ่อเองก็จะได้พักด้วยไง เดียวมะรื้นนี้ค่อยมารับผมกับป้องก็ได้ครับ" ไม่ใช่แค่แม่หรอกนะครับที่จะไม่ไหว พ่อเองก็เหมือนกันแทบจะถึงขีดจำกัดของร่างกายแล้ว

    "ก็เอาตามที่ลูกว่าแล้วกันนะ งั้นมะรืนพ่อมารับกลับบ้านนะ"ผมตอบตกลงก่อนจะช่วยพยุงแม่ไปขึ้นรถแท็กซี่ ดีว่าขามาทิ้งรถไว้ที่บ้านก็เลยไม่มีปัญหาอะไร

    ผมเดินย้อนกลับมาก่อนจะเดินขึ้นลิฟต์ไปชั้นสามระหว่างทางก็นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ไปเยี่ยมน้องร่าเริงเลย แต่คิดอีกที่ผมว่าค่อยลงมาพร้อมไอ้ป้องคงจะดีกว่าเพราะงั้นเลยเลือกไปลงชั้นห้า

    ผมเปิดประตูเข้าไปก่อนจะเห็นไอ้ป้องนอนหนุนหมอนสองใบ พอมันเห็นผมก็เตรียมจะขยับตัวแต่ผมห้ามไว้ก่อน

    "หมอบอกให้นอนนิ่งๆ7ชั่วโมง" ผมย้ำกับมัน ไอ้ป้องเบ้ปากแต่ก็ยอมฟังที่ผมบอก

    "เป็นไงบ้าง?" ผมเลื่อนเก้าอี้ไปชิดขอบเตียงก่อนจะดึงมือข้างซ้ายมา แขนข้างขวาของไอ้ป้องถูกเจาะที่ขอพับเพื่อต่อสายสวนหัวใจ

    "ตอนแรกก็แย่นิดๆ มันอึดอัดเพราะมีลมเข้ามาข้างใน พอคลายลมออกก็โล่งขึ้นเยอะ" เจ้าตัวว่าเสียงใส

    "ดีแล้วแหละ พักเยอะๆนะครับจะได้หายไว้ๆ" ผมลูบหัวไอ้ป้องแล้วก้มลงไปฝังสันจมูกกับแก้มสีน้ำผึ่งก่อนจะลากลงมาถึงริมฝีปาก

    ไม่รู้สิ ผมมันเป็นพวกชอบใช้ร่างกายคุยมากกว่าจะพูดอะไรออกมาผมจูบช้าๆเนิบๆ ก่อนจะเกี่ยวลิ้นไอ้ป้องเล่น มันรู้สึกเหมือนผมกำลังกินขนมหวานยังไงยังงั้นแหวะครับ มันหวานไปหมดทั้งโพรงปากจริงๆให้ตายเหอะ

    ผมถอนจูบออกอย่างแสนเสียดายแต่ก็เกรงว่าไอ้ป้องจะขาดอากาศหายใจเอาเสียก่อน ริมฝีปากที่เมื่อวานซีดวันนี้กับแดงฉ่า ตาไอ้ป้องเองก็โคตรจะเยิ้ม ผมรู้ว่ามันไม่ได้ตั้งใจหรอกแต่สภาพมันตอนนี้...

    ..... แมร่งโคตรเอ็กซ์

    "ป้อง"

    "ห๊ะ?"

    "กู'โด่'วะ"

    มันยกมือตีแขนผมดังเพี๋ยก่อนจะซุกตัวลงใต้ผ้าห่ม

    "ทะลึ่งวะ"

    "เรื่องธรรมดาออก" ผมพูดก่อนจะพยายามยื้อแย้งผ้าห่มของมัน ซึ่งยังไงๆผมก็ชนะ

    "เขินเหรอ?"

    "ไม่ได้หน้าด้านแบบมึง" มันตอบสะบัดหน้าไปอีกทาง ผมเห็นแบบนั้นเลยถือโอกาสไซร้คอมันเล่น

    "ไอ้เกียร์ไอ้บ้า พอ เดียวใครมาเห็น" ไอ้ป้องรั่วมาเป็นชุด

    "เห็นก็เห็นดิ คนรักกัน" ผมไม่รู้เหมือนกันว่าหน้าคนเรามันสามารถแดงได้ถึงขนาดไหน แต่ไอ้ป้องดูเหมือนจะไร้ขีดจำกัดเพราะหน้ามันแดงได้มากขึ้นเรื่อยๆ

    "เกียร์..."

    "หื้ม"

    "แล้วตกลงเมื่อวานไปทำไรแถวนั้น?"เอาล่ะสิครับ นี้ไงคำถามโบนัสรู้อยู่แล้วล่ะครับว่ามันต้องถามแน่ๆนี้อุตส่าห์หื่นหลอกล่อนะครับเนี้ย (เหรออออออ  .อ่างล้านตัวเลยไอ้หื่น : ปก ป้อง) ถ้าบอกไป
    ว่าหาซื้อของขวัญให้มันผมคงโดนโกรธแน่ๆเลยๆ...

    "เดินเล่น" เอาวะจริงๆก็เดินเล่นนะไม่พูดโกหกนิ

    "ในดงตีน?" มันต่อคำพูดของผมก่อนจะจ้องมองด้วยสายตาจับผิด

    "จริงๆก็ไปทำธุระ..." ผมเอ่ยเลี่ยง ยังอยากให้ของขวัญเป็นเรื่องเซอร์ไพส์ก่อน

    "เหรอ?นึกว่าไปหาสาว"

    "สาว?" เอาล่ะผมเองบ้างล่ะที่ไม่เกท

    "ก็ ...ก็แบบ นัดบอดสาวๆไง" เกิดความเงียบชั่วขณะระหว่างผมกับมัน....

    "ป้อง...ตกลงมึงยังไม่แน่ใจอีกเหรอว่ากูคิดไงกับมึง ตกลงที่ผ่านมามีแค่กูใช่ไหมที่คิดไปเอง"

    “เกียร์ คือไม่ใช่อย่างที่มึงฟังกูก่อน"เป็นอีกครั้งที่มือของมันรั้งผมเอาไว้

    "แล้วมันแบบไหน ...พูดมาดิ ป้องไม่พูดแล้วเกียร์จะรู้ไหมว่าคิดอะไร"

    "ป้องก็รักเกียร์ครับ" ใบหน้าที่แดงกว่าเก่ายืนยันคำตอบของมันได้เป็นอย่างดี

    "แล้วถ้าป้องรักเกียร์ ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะ รู้ไหมเกียร์เสียใจนะที่ได้ยินแบบนั้น มันเหมือนป้องไม่แคร์เลยว่าเกียร์จะอยู่หรือจะ
    ไป" ไอ้ป้องทำสีหน้าปั้นยาก

    "เกียร์ ก้มลงมาหน่อย" แม้จะโกรธเคืองอีกฝ่ายอยู่ แต่พอเห็นมันจะลุกผมก็ยอมก้มลงไปอยู่ดี ก็ทำไงได้ครับ รักเขาไปแล้วนิ จะเป็นห่วงกลัวมันเจ็บมันปวดก็ไม่แปลกใช่ไหมล่ะ

    ไอ้ป้องดึงผมลงไปใกล้ๆก่อนจะจูบที่หน้าผากอย่างแผ่วเบา ผมชี้ไปที่แก้มขวาต่อ พอมันจูบเสร็จก็ชี้ไปที่แก้มข้างซ้าย ไม่รู้แหละยังไงคนป่วยก็ต้องเอาใจผมบ้าง

    "โอเครึยังครับ" ไอ้ป้องถามเสียงเรียบ ผมทำปากยื่นๆนั่งกอดอก

    "ก็ป้องรักเกียร์ ถ้าเกิดว่ามีใครที่ดีกว่า ป้องก็อยากให้เกียร์ได้คบกับเขา"

    "มึงเป็นพระเอกเหรอ? หรือเป็นคนดีมากไป เหรอ? ตลกเหอะป้อง ไอ้คำพูดที่ว่าอยากเห็นคนที่เรารักมีความสุขได้อยู่กับคนดีๆนะ 
    คำพูดนี้มีแต่พวกขี้ขลาดใช้กัน"

    "...."

    "ก็ถ้าเป็นกู กูจะไม่ยอมปล่อยเขาไปจากกูหรอกนะ... แต่กูจะทำให้เขามีความสุขทุกช่วงเวลาที่อยู่กับกู....เหมือนๆกับที่กูทำอยู่ตอนนี้"

    "....."

    "เพราะงั้นขอร้องนะป้อง...ถ้ามึงไม่ได้รักกูก็ขอให้บอกมาตรงๆนะ กูจะได้ทำใจถูก" ผมพูดด้วยน้ำเสียงน้อยเนื้อต่ำใจ

    แต่ก่อนนั้นก็ผมเองนั้นแหละที่กลัวการผูกมัด กลัวการแสดงความเป็นเจ้าของจากอีกฝ่าย แต่กับไอ้ป้องนอกจากจะไม่แสดงความ
    เป็นเจ้าเข้าเจ้าของแล้ว ป้องมันยังจะคิดผลักไสผมให้คนอื่นไปอีก

    ผมก็น้อยใจเป็นนะครับ...

    แวบแรกที่ได้ยิน ผมคิดว่าอีกฝ่ายอาจหึ่งผม ซึ่งขอบอกเลยว่าถ้าเป็นมัน ผมจะรู้สึกดีใจมากๆที่มันหวงกัน นี้อะไร อยากให้ผมเจอคนที่ดี

    ขอร้องล่ะป้อง

    ช่วยแสดงความเป็นเจ้าของของกูที่

    ช่วยหึ่งหน่อยได้ไหม

    ช่วยผูกมัดกูไว้กับมึงนานๆ

    กูจะไปรักกับคนอื่นได้ไง ในเมื่อใจกูอยู่กับมึง...

    "รักสิ"

    "...."

    "สำหรับป้อง มันเลยคำว่ารักไปแล้ว ป้องไม่ได้แค่รัก แต่ป้องศรัทธาในความรู้สึกของเรา ที่พูดไปหมายถึงถ้าในวันนั้น เกียร์เจอใครที่อยากจะรักก็ขอให้บอกป้อง" มือที่กุมกันไว้บีบเบาๆแสดงถึงความหนักแน่นของคนพูด ผม'รู้สึก'จนพูดอะไรไม่ออก มันบอกไม่ถูกว่ารู้สึกแบบไหนบวกหรือลบ แต่แค่รู้สึกว่าผมกับป้องมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน

    ความรู้สึก...มันเกินคำว่ารักไปแล้ว

    งั้นก็บอกเลย มันไม่มีวันนั้นหรอก... ผมพูดไม่ได้หรอก ว่าในอนาคตระหว่างเรามันจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นไหม ป้องจะเบื่อผมรึเปล่า เราจะยังรักกันดังวันวานไหม สิ่งเดียวที่ผมแน่ใจ คือผมจะอยู่เคียงข้างมัน

    เคียงข้างกันตลอดไป...

    "อย่าพูดแบบนั้นอีกนะ..."

    "ครับ"

    "น้อยใจ" ไอ้ตัวดีหลุดขำพรืดกับคำพูดของผม ขำอะไรของมึง กูแค่น้อยใจผิดเหรอ ไอ้บ้า….

    คงเพราะเห็นอาการของผมนั้นแหละ อีกฝ่ายเลยดึงแขนขึ้นไปซบกับใบหน้าก่อนจะจูบซับที่หลังมือผม

    "รักขนาดนี้แล้ว สาบานเลยจะไม่ยกให้ใครแน่" มันชูสองนิ้วยกขึ้นมาทำมือประกอบก่อนจะพูดขรึมๆออกมา นั้นเป็นภาพที่ทำให้ผมหลุดขำนะ ผมยกมือเกลี่ยปลายผมของมันก่อนจะขยี้หัวอีกฝ่ายเบาๆ

    ก็ลองกล้ายกกูให้ใครสิครับ กู'เอา'มึงตายแน่"ผมจงใจเน้นคำบางคำเป็นพิเศษ ไอ้ป้องก็รู้นั้นแหละครับว่าคำไหนเลยตีแขนผมดังเพี๊ยอีกรอบ

    "จะไม่รักก็ตรงนี้แหละ เอะอะก็เรื่องใต้สะดือตล๊อด" มันแวดใส่ผมเสียงสูง ซุกตัวลงกับผ้าห่มเหลือเพียงแค่ตาสองข้างโผล่ออกมา

    "ก็อยากน่ารักทำไมล่ะ" ผมไม่พูดเปล่าๆแต่ดึงแก้มมันเล่นด้วย ไอ้ป้องแก้มมันย้วยๆครับ น่าดึงเล่นที่สุด

    "กูผิดไหมเนี้ย" มันโอรดครวญ

    "ไม่รู้ ไม่สน ออกจากโรง'บาลเมื่อไหร่ทบต้นทบดอก" ผมขู่ ก่อนมันจะขมวดคิ้วแล้วพูดเสียงเย็น

    "ใช่ ลืมเคลียร์เลย เรื่องบุหรี่ในจาคอป" อุ้ย.... ชิบหายล่ะกูโดนเมียจับได้...

    "โอ๊ย เจ็บๆๆๆๆ ป้องปล่อย" อีกฝ่ายดึงติงหูผมจนรู้สึกปวดไปหมด

    "ที่หลังจะสูบอีกไหม?"

    "ไม่แล้วครับ อู้ยยย อย่าบิดแบบนั้น" ไอ้ป้องมันไม่ได้ดึงเฉยๆนะครับ มันบิดหูผมด้วยอ๊ะ

    "แน่ใจนะ?"

    "แต่ใจครับ สัญญาเลย ปล่อยหูก่อนนะ ดึงจนเจ็บไปทั้งใบหูแล้วเนี้ย" ผมร้องโอรดโอ๊ยขอความเห็นใจ เพราะใบหูข้างที่โดนดึงปวดแสบปวดร้อนไปหมดแล้ว ไหนจะบิดซะตัวผมตามอีก

    "รู้ว่าไม่ดีก็ยังจะสูบ" มันบ่น

    ก็มันแก้เครียด... โอ๊ย!!!" พอแถอีกรอบ คุณเมียสุดที่รักของผมก็บิดไปบิดมาอีก หูผมจะขาดไหมเนี้ยTT

    "ถ้าไม่เลิก ก็ไม่ต้องมาคุยกันอีก"ไอ้ป้องยื่นคำขาด มันยอมปล่อยมือจากติงหูผมจนได้แมร่งโคตรโหดเลย ดึงหูแบบนี้

    "จ้าๆ สัญญาว่าจะเลิกสูบ" ผมยกนิ้วก้อยขึ้นมาเกี่ยวกับนิ้วก้อยมัน

    "ดีแล้ว...จะได้อยู่ข้างๆกันนานๆไง" ไอ้ป้องพูดหน้าแดงเปล่ง สำหรับไอ้คนปากแข็งแบบมันแล้วแค่พูดแค่นี้ผมก็ดีใจมากแล้วครับ อย่างน้อยๆแค่มันอยากให้ผมอยู่ข้างๆมันไปนานๆ

    ผมก็โคตรมีความสุขแล้ว...

    "เมียใครว่ะ โคตรน่ารักเลย" ผมพูด หอมแก้มมันทั้งซ้ายทั้งขวา

    "ไอ้เกียร์!!!!!" มันแว้ดเสียงสูงแก้เขินใส่ผมอีกเป็นรอบที่เท่าไรก็ไม่ทราบ แต่ผมกับมันรู้ดีว่าเราทั้งคู่มีความสุขที่ได้อยู่ข้างๆกันแบบนี้ผมนั่งเล่นนั่งคุยกับมัน จนกระทั้งเสียงก๊อกแกรกดังขึ้นที่หน้าประตู

    "แปบนะป้อง" ผมบอกมันก่อนจะลุกไปเปิดประตูแล้วผมก็รู้สึกกับตัวเองว่า กูไม่น่าเปิดให้พวกแมร่งเลย...

    "เฮ ป้องเป็นไงบ้าง!!!" ไอ้เฟรมถาม

    ดูไม่จืดว่ะ" ไอ้อู๋ตอบแทน

    "พี่ป้องกินผลไม้ป่าว ต้องซื้อมาฝาก" ไอ้ต้องตาพูดพร้อมชูถุงผลไม้เต็มสองมือ

    "แน่ก็ซื้อแบนมาฝากครับพี่"

    น้อง...ไม่รู้จักว่ะ แต่คิดว่าคงรู้จักไอ้ป้องอ๋ะครับ ที่สะดุดตาผมก็คือแหวนสีเขียวบนนิ้วนางเนี้ยแหละครับ.....เทพข่าวคนใหม่!!!!

    "เพลงซื้อข้าวมาให้ทานครับ" ผมละสายตาจากน้องแน่วแน่(ไอ้เฟรมเพิ่งกระซิบบอกชื่อ)ก่อนจะมองน้องเพลงที่ชูถุงข้าวต้มให้เห็น

    "ของพี่เป็นรังนก" อันนี้พี่กาเซียร์พูด

    "ของพี่กับมู่หลาน ทำขนมปังสูตรพิเศษมาฝาก" คุณโอสถพูดพร้อมโชว์แป้งขนมปังสีเหลืองกรอบ

    พอคนสิบคนเดินก้าวเข้ามาในห้องผมรู้สึกว่าห้องพยาบาลดูแคบลงไปถนัดตาเลยครับ

    "เดียวๆ ขอที่ละคนก่อน เฟรม กูโอเคว่ะ อู๋ ไม่ได้แย่อย่างที่เห็น ต้องตา แน่วแน่ เพลง มู่หลาน พี่เซียร์ พี่ยา ขอบคุณมากครับที่ซื้อมาฝาก" ไอ้ป้องยิ้ม พยายามจะยันตัวขึ้น แต่ผมดันมันนอนลงพร้อมเอ็ดเบาๆ ก็หมอสั่งให้แค่นอนนิครับ เดี่ยวถ้าเกิดว่าลุกแล้วแผลเป็น
    อะไรขึ้นมาล่ะครับ ไอ้ป้องมันก็เข้าใจความรู้สึกของผมนั้นแหละครับ เลยยอมนอนลงไปแต่โดยดี

    "แหมๆๆๆห่วงกันซะอย่างคนเป็นแฟนกันเลยนะ"

    "ก็แฟนนิครับ/ก็แฟนไงครับ"

    ผมกับไอ้ป้องบังเอิญหันไปตอบพร้อมกันพอดี พอหันไปมองหน้าไอ้ตัวดีก็รีบซุกลงไปนอนกับผ้าห่ม

    เมื้อกี้หูผมไม่ได้ฟาดไปใช่ไหมครับ?

    ไอ้ป้องบอกว่าผมเป็นแฟนมัน...งั้นเหรอครับ ?

    "สรุปคือ คบกันแล้ว" ไอ้อู๋ถาม ผมเองก็พยักหน้าเออออตอบไป

    "อ่า...พวกมึงคงไม่ว่าอะไรกูใช่ไหมว่ะ?" พวกมันทำหน้าขำกันก่อนจะโบกมือ

    "จะว่ามึงเรื่องอะไร เพื่อนมีความสุขก็ต้องดีใจดิ" ไอเฟรมพูด

    "พวกกูคบคนที่นิสัยไม่ใช่เพศ ไม่งั้นกูคงไม่เล่นกับพวกแก๊งนางฟ้าหรอก" จะว่าไปก็จริงครับ ไอ้อู๋ไม่เคยมีปัญหาเรื่องเพศอยู่แล้วเพราะมันคบเป็นเพื่อนได้หมดทุกเพศ

    "ได้ฟังแบบนี้กูก็ดีใจ" ผมตอบสั้นๆกลับไป

    "แล้วต้องนอนโรง'บาลกี่วันครับพี่" รอบนี้น้องแน่ถาม

    "จริงๆพักแค่8ชั่วโมงนะ แต่พี่กับครอบครัวอยากให้ชัวร์เลยนอนดูอาการสักสองวัน"

    "แล้วงี้พี่ป้องจะกลับไปซ้อ..." แน่วแน่พูดยังไม่ทันจบฝามือของต้องตาก็ปิดปากมันเรียบร้อยแล้ว

    "มันหมายถึง พี่ป้องจะกลับไปเรียนทันไหมนะครับ นี้ก็ใกล้กลางภาคแล้ว" ผมว่าที่ได้ยินมันไม่ใช่แบบนี้นะ แต่ก็ใกล้สอบกลางภาคจริงๆนั้นแหละครับ รู้สึกหลังวันเกิดป้องก็สอบเลยมั่งครับ

    "ไม่ต้องห่วงหรอก ป้องมันเป็นเด็กอัจฉริยะ" ผมพูดยอ เห็นมันกระเถิบตัวออกมาจากผ้าห่มเล็กน้อย

    "ก็คงต้องตามลอกงานเหมือนเดิมนั้นแหละครับ เออพี่เซียร์ แล้วเรื่องวันวิชาการกับงานละครเวทีล่ะครับ? " ไอ้ป้องถามขึ้นในส่วนงานของสภา

    "วันวิชาการก็โอเคดีนะ แต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ก็เตรียมจัดบูธจัดกิจกรรมกัน บัตรที่ทำขายเพิ่มก็หมดเกลี้ยง" อันนี้ผมก็เพิ่งรู้ข่าวครับ โรงเรียนจัดทำบัตรเพิ่มอีกพันใบ แล้วก็ขายหมดเกลี้ยงเหมือนรอบแรก รู้สึกเหมือนจะมีพวกแมวมองมาด้วยแหละครับ

    "ส่วนละครเวที พี่กับพี่ยากำหนดหัวข้อแล้ว เราจะแสดงในธีม'เจ้าชายอสูรกับเจ้าหญิงโฉมงาม'แต่เราจะปรับบทไม่ให้เหมือนver.Originalนะโดยจะแก้ตรง..." ตรงส่วนนี้ผมไม่ค่อยสนใจจะฟังเท่าไหร่ครับ เพราะไม่เกียวข้องกับตนเอง แต่ฟังผ่านๆแล้วก็รู้สึกว่าน่าสนใจเหมือนกันครับเพราะแหกกฎของต้นฉบับชัดเจน

    ทุกคนผลัดกันชวนไอ้ป้องคุยประมาณชั่วโมงเศษได้ก็ขอตัวกลับครับ จริงๆจะเดินลงไปส่งตามมารยาทแล้วล่ะแต่พวกนั้นบอกให้ผมเฝ้าไอ้ป้องคงจะดีกว่า

    "พรุ่งนี้สายๆหมอบอกว่าให้ลองเดินดู เดียวกูพาไปเดินเล่นที่สวนนะ" มันพยักหน้าตกลง ก่อนจะค่อยปิดเปลือกตาลงไป ผมขยับผ้าห่มให้มันดีๆก่อนจะจูบที่หน้าผากมันแล้วตัวเองก็พักผ่อนบ้าง

    ขอให้พรุ่งนี้เราเจอแต่เรื่องดีๆเถิด...

    เข้าใจความรู้สึกของร่าเริงเลยแหะ... ไอ้ป้องเปรยเบาๆ ตอนนี้มันยืนอยู่ในสนามหญ้าของสวนโรงพยาบาลกับผม ตรงที่เดิมที่เราเคยพาร่าเริงมาเดินเล่น ฝาเท้าทั้งสองข้างปราศจากร้องเท้าที่ขวางกั่นระหว่างตัวเรากับธรรมชาติ ผมเองก็เลือกที่จะถอดรองเท้าเช่นเดี่ยวกัน

    เมื่อเช้านี้คุณหมอได้เข้ามาตรวจสุขภาพของไอ้ป้อง เบื้องต้นคุณหมอบอกกับเราว่า ป้องไม่มีความผิดปกติแทรกซ้อนใดๆ จึงสามารถพาไปทดลองเดินได้ครับ จริงๆตอนแรกผมเองก็แปลกใจเหมือนกันที่ลองให้เดินเลย แต่หมอท่านแจงว่ามันเป็นการปรับสมดุลของร่างกาย และหากว่าเหนื่อยก็ให้พักสักแปบจากนั้นจึงค่อยเดินต่อ

    รอบแรกไอ้ป้องค่อยๆทดลองก้าวเดินช้าๆเหมือนเด็กหัดเดิน โดยมีผมคอยอยู่ตรงจุดหมาย จริงๆมันก็เอ็ดผมเบาๆแหละนะว่าทำแบบนี้เหมือนมันเป็นเด็กเล็กๆเลย แต่ผมแย้งไปว่ากลัวมันล้มมันเลยไม่ได้ว่าอะไรอีก

    เราพากันเดินไปเดินมาในสวนจนใบหน้าจืดๆของมันเริ่มมีเหงื่อเยอะมากขึ้น ผมจึงขอร้อง(แกมบังคับ)ให้มันหยุดพักไปนั่งเล่นที่ชิงช้าเป็นการแก้ขัด

    รอให้หายเหนื่อยก่อนแล้วค่อยไปเดินก็ได้

    อื้ม จริงๆก็ไม่ได้เหนื่อยเท่าไหร่นะ แต่รู้สึกโล่งๆดี มันบอก

    เดียวขาขึ้นไปเยี่ยมร่าเริงกันนะ รอบนี้ไอ้ป้องพยักหน้าเห็นด้วยกับผม

    หลังจากพักกันจน(ผม)พอใจ  ไอ้ป้องก็เริ่มเดินอีกครั้งหนึ่ง

    ป้อง...

    ห๊ะ

    จับมือกูไว้ แล้วเดินไปพร้อมๆกัน ผมยื่นมือสองข้างไปข้างหน้ามัน อีกฝ่ายแค่ยกยิ้มขึ้นก่อนจะยกมือจับตอบ

    อื้ม...ไปด้วยกันนะ ผมค่อยๆก้าวเดินถอยหลังช้าๆแล้วดึงอีกฝ่ายเดินตาม 

    พื้นหญ้าที่อยู่ข้างล่างใต้ฝาเท้าของผม ให้ความรู้สึกดีชะมัด สายลมเอื่อยๆพวกนี้ก็เหมือนกันครับ มันเหมือนกับเราได้อยู่ในโลกอีกใบหนึ่งเป็นโลกที่เราได้พักผ่อนและอยู่กับธรรมชาติอย่างแท้จริง และผมคิดว่าคนที่กำลังจับมือกับผมตอนนี้ก็คิดไม่ต่างกัน

    อยากอยู่แบบนี้นานๆจัง...

    พอเดินไปเดินมาจนเหงื่ออกพอสมควร ผมก็ชวนมันขึ้นตึก จะได้แวะไปเยี่ยมร่าเริงแล้วขึ้นไปอาบน้ำพักผ่อนเลยด้วย ตอนขึ้นบันไดขาขึ้นไอ้ป้องเรียกร้องว่าจะเดินขึ้นบันไดครับ เพราะแค่ชั้นสามเอง ผมเห็นว่ามันยอมพักตามที่บอกหรอกนะเลยยอมให้เดินขึ้นบันไดได้

    เพิ่งรู้เหมือนกันว่าเวลาเรารักใครแล้วเราก็เป็นห่วงเขาทุกเรื่องเลยแหะ...

    เราเดินกันขึ้นมาจนถึงชั้นสาม ก่อนจะเดินไปห้องริมระเบียง ไอ้ป้องเป็นฝ่ายเปิดประตูเข้าไป

    ร่าเริงพี่มาเยี่ยม..... จู่ๆเสียงทักของไอ้ป้องก็ขาดหายไปดื้อๆแบบนั้น ผมเองก็ไม่ทันเข้าใจเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น พอแทรกตัวเดินไปข้างหน้า ใจของผมก็หล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม

    อาเปรม ...วัสดีครับ.... ไอ้ป้องพยายามบังคับเสียงตัวเองไม่ให้สั่น ก่อนจะทักทายผู้ใหญ่ในห้อง

    ป้อง.....

    “.........”

    น้องไปสบายแล้วนะ

    อาผู้หญิงพูดขึ้น ผมคิดว่าน่าจะเป็นแม่ของน้องร่าเริง 

    ผมรู้สึก ตกใจ หวาดกลัว และเป็นห่วงคนข้างๆ ตอนนี้อารมณ์ของป้องจำเป็นต้องคงที่และไม่สามารถเครียดได้เพราะไม่งั้นอาจจะเกิดอาการช็อคได้ โชคดีที่ว่ามันพยายามสูดลมหายใจลึกๆแล้วไม่มองภาพที่อยู่ตรงหน้า

    ร่างเล็กๆที่ผมเคยบอกไว้ว่ามีรอยยิ้มเหมือนพระอาทิตย์ดวงน้อยๆนอนอยู่บนเตียงด้วยความสีหน้ายิ้มแย้ม...

    ......................แต่ดวงตะวันได้ดับลงไปแล้ว

    ผมดึงไอ้ป้องมากอดไว้ ไม่อยากให้มันเห็นภาพตรงหน้า พี่ผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งกุมมือน้องอยู่ตรงเตียงร้องไห้ออกมา ก่อนจะลุกขึ้นมาแล้วยื่นบางอย่างมาให้พวกผม

    ร่าเริงฝากไว้ให้พวกนาย เขากำชับว่าอยากให้พวกนายสองคนอ่าน ผมยื่นมือไปรับกระดาษแผ่นหนึ่ง ก่อนจะประครองไอ้ป้องเดินออกไปหน้าห้อง มันไม่ได้พูดอะไรออกมา สิ่งที่มีคือความเงียบ.. ผมเองก็ได้แต่เงียบเพราะคิดไม่ออกเหมือนกันว่าตัวเองควรจะพูดอะไรออกมาในเวลานี้.....

    เกียร์...

    “..........”

    อ่านให้ฟังหน่อยได้ไหม...ป้องอยากรู้...ว่าน้องเขาเขียนอะไรไว้ถึงป้อง...

    แต่.....

    ขอร้อง...นะเกียร์ ไอ้ป้องพยายามกลั่นน้ำตาของมันไม่ให้ไหลออกมา สำหรับร่าเริงแล้วเป็นคนๆหนึ่งที่มันคิดว่าเป็นพี่น้องกัน หากไม่เกิดความรู้สึกอะไรยามเห็นเขาจากไปก็คงไม่ใช่ไอ้ป้อง ขนาดผมที่เพิ่งเคยเจอน้องยังรู้สึกหน่วงๆจนอยากจะร้องไห้ออกมาเลย

    ผมพามันไปนั่งลงที่ม้าหิน ก่อนจะค่อยๆอ่านตัวหนังสือในกระดาษให้มันฟัง

    พี่ปลื้มครับ ร่าเริงขอบคุณพี่นะ ตลอดเวลาที่ผ่านมา...ผมมีความสุขมาก

    “.........”

    ผมรู้อาการของตัวผมดี จริงๆแล้วมันรู้สึกทรมานมานานมากหลายๆเดือนแล้ว ผมเจ็บและรู้สึกปวดไปหมดเวลาที่เคลื่อนไหว
    ร่างกาย เหมือนๆอย่างตอนนี้ แค่จะพูดผมยังทรมานเลย.....

    “........”

    จดหมายนี้ผมให้พี่เหมือนฝันเขียนให้ ผมมีเรื่องอยากจะขอร้องพี่ปลื้มอยู่นิดหน่อย

    “.........”

    ถ้าวันใดที่ผมจากไปจริงๆ พี่ห้ามร้องไห้นะครับ ผมขอร้องไอ้ป้องพยักหน้าก่อนจะก้มหน้าลงไปซุกไว้กับมือทั้งสองข้างของตัวเอง

    พี่เป็นพี่ที่ดี แม้เราจะไม่ได้เล่นกันเหมือนแต่ก่อน แต่พี่ปลื้มก็ยังคงมาเยี่ยมผมเรื่อยมา แถมครั้งล่าสุดที่มา พี่ยังพาพี่เกียร์มาหาผมด้วย

    ผมนิ่งเงียบไปชั่วอึดใจก่อนจะอ่านบรรทัดสุดท้ายที่เหลื่อในหน้ากระดาษ

    ผมยืนยันได้นะพี่ปลื้ม พี่เกียร์รักพี่มากจริงๆ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม พี่ต้องเชื่อมั่นในตัวพี่เกียร์นะ สุดท้าย ร่าเริงขอให้พี่มีความสุขตลอดไป อยู่กับคนที่พี่รักไปนานๆ สุขภาพร่างกายดีขึ้น....ถ้าชาติหน้ามีจริง ผมขอเกิดเป็นน้องพี่นะครับ จาก เด็กชายตะวันน้อย... ไอ้ป้องไม่ได้พูดอะไรอีก ผมเชื่อว่ามันกำลังพยายามทำตามที่เจ้าของจดหมายต้องการ

    มันกำลังพยายามที่จะไม่ร้อง...

    ไม่เป็นไรนะป้อง.... ผมกอดมันแน่น น้ำตาทั้งหมดที่อยู่ข้างในไหลออกมา

    ถ้ามึงร้องไมได้ กูจะเป็นคนร้องแทนมึงเอง...ตกลงนะ
    ผมไม่รู้หรอกนะว่ามันพูดหรือตอบรับอะไรผมรึเปล่า ผมรู้แค่ว่าน้ำตาที่ไหลออกมาทั้งหมดมันเป็นน้ำตาที่มีหลายหลายความรู้สึกอัดแน่นอยู่ข้างใน ผมรู้สึกแย่ต่อการจากไปของดวงตะวัน ผมรู้สึกทรมานที่เห็นไอ้ป้องมันต้องกั่นความรู้สึกเอาไว้ รู้สึกเสียใจที่ตัวเองทำอะไรให้มันไม่ได้มากไปกว่านี้เลย

    ผมทำได้แค่อยู่ข้างๆจริงๆ...

    เกียร์....

    “........”

    ขอบคุณ.....ที่รักกู.....ขอบคุณจริงๆเกียร์.....ที่อยู่ข้างๆกัน”

    มันพูดตะกุกตะกัก...

    อ้อมกอดของมันสัมผัสเข้ากับผม ผมไม่รู้และไม่สนใจด้วยว่าใครจะมองเราเป็นยังไงในตอนนี้ไอ้ป้องแค่เม้มปากแน่นจนเลือดแทบห่อ มันสะกดความรู้สึกข้างในไว้มากมายจริงๆ

    ตอนนี้ผมรู้แค่ว่าน้ำตาของผม 

    .......มันหยุดไหลไม่ได้จริงๆ



     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×