ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ____เก็บ....'รัก' ____[Yaoi] [The End] [เปิดจอง!!!!!]

    ลำดับตอนที่ #23 : #21 ของขวัญ สายตา และ วิ่ง!!!

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 554
      3
      29 ก.ค. 57


    #21 ของขวัญ สายตา และ วิ่ง!!! 


    ตอนเช้าตรู่ของอีกวัน ผมตื่นขึ้นมาด้วยความเพลียสุดชีวิต

    เปล่านะครับอย่าเพิ่งคิดลึก เมื่อคืนแค่นอนดึก ไม่ใช่เล่นกิจกรรมเข้าจังหวะกับไอ้ป้องแล้วเพลียหรอกครับ(แม้จะอยากก็เถอะ...)
    ผมมองคนในอ้อมกอดด้วยความรู้สึกยินดี ในที่สุดผมกับมันก็เข้าใจกันสักที่

    ผมโน้มหน้าลงไปใกล้ๆหน้าไอ้ป้อง ก่อนจะฝังจมูกลงไปกับแก้มของมันเต็มรัก ไอ้ป้องสะดุ้งตื่น ตกใจกระเถิบตัวออกห่างจากผม

    "มอนิ่ง...หรือต้องเติมคำว่าคิสด้วยดี?"

    ผมถามก่อนจะยักคิ้วส่งจูบให้มัน

    ไอ้ป้องไม่ตอบแต่โดดลงไปข้างล่างแทนก่อนจะวิ่งเข้าห้องน้ำไป 

    เด็กน้อยเอย!!!!

    เมื่อวานหลังปรับใจกันได้ ผมกับไอ้ป้องก็ชวนกันมาเข้านอน แน่นอนว่าผมอยากนอนกอดมันใจจะขาดแต่อีกฝ่ายกลับบอกว่านอน
    คนละเตียงก็ดีแล้ว ผมเบ้ปากงอนมันนิดๆ สุดท้ายมันเลยยอมขึ้นมาให้ผมกอดแต่โดยดี 

    คนเหรี้ยอะไร ตัวนุ่มๆแอบยังอบอุ่นไป 'ทุกส่วน' อีกต่างหาก (มือปลาหมึกของผมพิสูจน์แล้ว)

    ผมส่ายหน้าอ่อนใจกับไอ้คนขี้เขิน พนันได้เลยว่า'ครั้งแรก'ของผมที่ฝันถึง คงอีกไกลแสนไกล แถมตัวผมเองยังไม่อยากฝืนใจอีกฝ่าย

    รอไม่นานไอ้ป้องก็อาบน้ำเสร็จ มันเดินออกมาเช็ดตัวที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งก่อนจะไล่ผมไปอาบน้ำด้วยสายตา ผมทำตามที่มันบอก ก่อนเราทั้งคู่จะแต่งตัวไปเพลินจิตกัน

    “วันนี้ต้องไปประชุมไหม ?”

    ผมถามมัน ระหว่างเดินเข้าโรงเรียน

    “ไปๆ วันวิชาการกำลังใกล้เข้ามาแล้วไง แถมปีนี้บัตรขายหมดเกลี้ยงอีกต่างหาก”

    ไอ้ป้องตอบ ก่อนผมจะนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อหลายวันก่อน.....เหตุการณ์ที่ว่าอามัวจะมาร้องเพลงที่เพลินจิต

    คลิปร้องสดที่แก๊งนางฟ้าหลายๆคนอัดเอาไว้ได้แพร่กระจายออกไปในโลกโซเซียลแคมราวกับไวรัส แถมพวกเพ่อนๆของนางๆทั้งหลายที่อยู่ต่างโรงเรียนยังแชร์กันให้ว่อนเนท บัตรเข้างานวันวิขาการที่จัดออกมาขายพันใบหมดเกลี้ยงในชั่วโมงแรกที่เปิดขายและมีเสียงเรียกร้องอีกหลายๆกลุ่มที่ประท้วง(เพราะซื้อไม่ทัน)ขอให้ขายบัตรเพิ่มเล่นเอาโรงเรียนผมปั่นป่วนไปพักหนึ่งเพราะต้องการตามหาตัวคนร้องหรือก็คืออามัว

    แต่ขนาด‘เทพข่าวคนใหม่’ก็ยังคงยกมือยอมแพ้ด้วยการบายๆ พร้อมบอกเหตุผลสั้นๆที่เลิกตามหาแต่เพียงว่า...

    ‘ผมจับต้องสายลมไม่ได้...’

    ..... แทบไม่ต้องบอกก็รู้เลยว่าหลายๆคนอยากจะมาเพลินจิตในวันวิชาการเพื่ออะไร 

    “ป้อง”

    “หื้ม ?”

    “อามัวนี้...”

    “นี้....?”

    ผมชะงักคำพูด มองตาไอ้ป้องตรงๆ ก่อนจะดึงจาคอปที่อีกฝ่ายถือไว้ออกมา

    “ช่างเถอะ กูจะรอดูวันวิชาการแล้วกัน”

    ผมเก็บความสงสัยทั้งหมดยัดใส่ลงไปข้างใน ก่อนจะยิ้มให้มัน

    “อื้ม รอดูนะ....”

    มันพูดกับผมแค่นั้น ก่อนจะโบกมือลากันตรงตึกเจ็ด 

    เอาเถอะ...

    สิ่งที่ผมสงสัยจะจริงไม่จริง เดี่ยวก็รอดูวันวิชาการก็แล้วกัน

    ผมถือกระเป๋าจาคอป(ใบใหม่ ผมซื้อให้มันแล้ว)ของไอ้ป้องกับของตัวเองวิ่งขึ้นตึกเรียนไป พลพรรคและเพื่อนในห้องต่างก็นั่งเล่นกันในห้องตามปกติ จะหายไปก็คงเป็นไอ้เฟรมที่ลงไปซ้อมบาสที่โรงยิม ไอ้อู๋ยังคงนั่งเล่นลูกมันเหมือนเคย

    ผมยกมือโบกให้มันเป็นสัญญาณว่ามาถึงแล้ว มันพยักหน้ารับก่อนต่างคนจะต่างทำกิจกรรมของตัวเองต่อไป

    ไอพอดในมือของผมแสดงตารางปฏิทินของเดือนนี้ พอผ่านพ้นวันวิชาการของโรงเรียนผมไปแล้วก็จะเข้าสู่ช่วงสอบกลางภาค ผมมองไล่ไปเรื่อนๆจนไปสะดุ้งกับวันๆหนึ่งในตารางปฏิทิน...

    วันที่20 กรกฏคม...

    มันเป็นวันธรรมดาๆวันหนึ่งที่ตรงกับวันอาทิตย์ ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมก็คงจะคิดแค่ว่าเป็นวันพักผ่อนธรรมดาๆแต่หลังจากใครบางคนเข้ามาป่วนในชีวิตของผม วันๆนี้ก็ไม่ธรรมดาอีกต่อไป

    วันเกิดไอ้ป้อง

    ปกติแล้วถ้าเป็นวันเกิดของผมหรือเพื่อนๆในแก๊งมักจะชวนกันไปกินหมูกระทะแถวย่านโรงเรียนนี้ล่ะครับ แต่ผมเชื่อว่าไอ้ป้องมัน
    คงไม่เคยมีงานสังคมอะไรแบบนี้ เพราะปกติแล้วมันไม่เคยมีเพื่อนหรือสนิทมักจี้กับใครๆในห้อง ถ้าจะมีก็คงเป็นงานแบบพวกที่คณะกรรมการนักเรียนจัดกัน 

    “อู๋”

    ผมสะกิดเรียกมัน ก่อนไอ้อู๋จะถอดหูฟังออกมาฟังผมพูด

    “20กรกฏาคม กินหมูกระทะกันไหม ? ”

    “เนื่องในวัน ?”

    “วันเกิดไอ้ป้อง”

    “อ้อออออออออออออออ”

    มันลากเสียงยาวเจ้าเล่ห์ ผมยักไหล่ไม่ใส่ใจท่าที่ล้อเลียนของมัน

    “ตกลงไปไหม ?”

    “แล้วใครไปมั่งว่ะ”

    ไอ้อู๋ถามต่อ ผมนิ่งไปนิดก่อนจะตอบมัน

    ”กูยังไม่ได้ชวนใครเลย นอกจากมึงเนี้ย อยากพามันกินหมูกระทะ”

    “กินบ้านใครว่ะ ?”

    “บ้านกูเองดิ่”

    “งั้นก็แดรกเหล้าได้”

    “เออ”

    เรื่องปกติของพวกผมล่ะครับ นั่งย่างหมูไป กินเหล้าเคล้ากันไป เพลินๆดี

    พอได้ยินคำว่าเหล้า ไอ้อู๋ก็พยักหน้าตอบตกลงทันที่ ไอ้เพื่อนแสนดี ดีออกกกกก

    สำหรับผมเรื่องเหล้าถือว่าเป็นเรื่องปกตินะครับ ผมเชื่อว่าถ้าเรากินแล้วดูแลตัวเองได้ไม่เป็นปัญหาของใครก็กินไปเถอะ กินเพื่อให้รู้ เพื่อให้รับมือถูก แต่ไม่ใช่ให้เหล้ากินเรานะครับ...

    อีกหนึ่งสิ่งที่ผมคิดถึงก็คือ...

    ‘ของขวัญ’

    อ่า...จะว่าไงดี ปกติแล้วผมไม่เคยสนใจจะซื้อพวกของขวัญหรืออะไรพวกนี้เลยนะครับ คิดแค่ว่ากินหมูกระทะก็จบแล้ว แต่ไอ้ป้องกับผมเป็นแฟน...อื้ม ใช้คำนี้ได้แล้วใช่ไหมครับเนี้ย ? เอาเป็นว่ามันเป็นแฟนผมก็แล้วกันเนาะ ฮ่าๆ เพราะงั้นในเมื่อมันเป็นแฟนผม ไอ้จะแค่กินหมูกระทะ มันก็คงไม่โอเท่าไหร่ล่ะมั่งครับ

    คำถามต่อไป ....จะซื้ออะไรเป็นของขวัญให้มันดี ? แล้วคนแบบมันนี้ชอบอะไรบ้างล่ะครับ...

    หนังสือ...

    ไม่เวิร์ค วันเกิดทั้งที่ ให้แค่หนังสือมันก็ไม่โอเท่าไหร่ล่ะมั่งครับ...

    สร้อย แหวน นาฬิกา ของใช้ต่างๆ....

    ไม่โอเคอยู่ดี ผมว่ามันธรรมดาไป จะให้พวกสร้อยพวกแหวนไอ้ป้องมันคงไม่ชอบ เพราะมันเป็นผู้ชายนี่ครับ ...
    ผมนั่งคิดคิ้วขมวดก่อนจะมองไปรอบๆห้อง ตอนนี้ไอ้พวกทโมนทั้งหลายกำลังทำกิจกรรมของตัวเองกันอยู่ ผมไล่สายตามองไปเรื่อยๆจนกระทั้งไปสะดุดตากับเพื่อนคนหนึ่ง

    “ไอ้ตี๋  ที่มึงใส่นั้นซื้อมาจากที่ไหนว่ะ ?”

    ผมถาม ก่อนจะชี้ไปที่ริสแบนด์สีดำสนิทบนข้อมือของเพื่อนคนหนึ่งในห้อง

    “ไม่ได้ซื้อว่ะ แฟนกูสั่งทำให้”

    ไอ้ตี๋ยักคิ้วก่อนจะส่งสายตาเป็นเชิงกวนตรีนให้ผม

    “สั่งทำที่ไหน เท่าไหร่ว่ะ ? กูขอดูหน่อย”

    “เดี่ยวกูถามแฟนแปป”

    มันยอมถอดริสแบนด์เส้นนั้นให้แต่โดยดี ก่อนจะไลน์ถามแฟนให้

    ผมจะยกขึ้นมาพิจารณารอบๆ เส้นหนังพลาสติกเหนียวๆนี้ให้ความรู้สึกแปลกๆตอนสัมผัสครับ พอลองสวมดูก็นับว่าไม่เกะกะมากไปนัก ตัวอักษรบนริสแบนด์สลักตัวอักษรภาษาอังกฤษชื่อมันกับแฟนมันไว้คู่กัน 

    ถ้าเป็นริสแบนด์...

    มันจะชอบไหมนะ ?

    “เกียร์”

    ไอ้ตี๋เงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์ของมัน ผมเห็นมันทำสีหน้าแปลกๆ ก่อนจะตอบในสิ่งที่ผมถาม

    “แฟนกูบอกว่าไปสั่งทำจากร้านที่ห้างทีพาร์คว่ะ...”

    ผมกระเดือกน้ำลายลงคอ เข้าใจแล้วว่าทำไมมันถึงทำสีหน้าแปลกๆแบบนั้น

    ห้างทีพาร์คเป็นห้างใหม่ที่มาเปิดตัวแถวๆละแวกใกล้ๆโรงเรียนของผมเนี้ยแหละครับ ประเด็นคือไอ้ห้างเนี้ย เจือกเปิดแค่สาขาเดี่ยว แล้วไอ้สาขาที่ว่ามา...

    มันตั้งอยู่หน้าโรงเรียนพยุหการ ถ้าจะขยายความหมายให้ลึกกว่านั้นคือโรงเรียนผมกับโรงเรียนนั้นไม่ค่อยถูกกัน หรือถ้าจะพูดให้ตรงประเด็นกว่านั้น เด็กโรงเรียนผมกับโรงเรียนนั้นมักจะมีเรื่องกันเป็นประจำ ผมเองก็เคยจะโดนชิ่งจาคอปเหมือนกันตอนที่ไปซ่าแถวนั้น ดีว่าหนีกันทันกับพวกไอ้อู๋ ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าพวกแมร่งจะอยากได้ไปทำไมกะอี้แค่กระเป๋าใบหนึ่ง

    “เออๆ ขอบใจมึงมาก”

    ไอ้ตี๋เดินกลับไปที่เดิมของมัน ก่อนจะปล่อยผมให้จมกับห้วงอารมณ์ความคิดของตัวเอง

    หรือจะซื้อของอย่างอื่นให้มันดี... ?

    ไม่อ๊ะ ผมว่าริสแบนด์นี้แหละ โอเคที่สุดแล้วในความรู้สึกของผม มันเป็นของที่เด็กผู้ชายใส่กันเยอะแยะ อีกทั้งไม่ผิดกฏโรงเรียน 
    ร่วมทั้งยัง...

    ...เป็นของแทนใจได้อีกต่างหาก

    ถ้าไปคนเดี่ยวแบบไม่ค่อยเด่น รีบไปรีบกลับ คงไม่เป็นอะไรหรอกมั่ง...

    ผมสรุปความคิดในหัวลวกๆ ก่อนจะหยุดทุกสิ่งลงเมื่อไอ้ป้องเดินเข้ามาในห้อง มันเดินมารับกุญแจตู้ล็อกเกอร์จากผมเหมือนเคย แล้วเดินไปไขล็อกเกอร์หยิบจาคอปไปนั่งที่ของตัวเอง มันหันมาชูมือเป็นรูปตัววีให้ผม ก่อนจะหันไปสนใจมิสอริสราที่เดินเข้ามาในห้องแทน

     ถึงแม้คาบนี้จะเป็นวิชาภาษาไทย แต่ใจผมกับกำลังนึกถึงตัวอักษรคาตากานะที่ได้เรียนมา ก่อนสมองจะเขียนคำบางคำลงไปในโพล-อิทเล็กๆสองคำ

    ‘ポックポン’  (ปกป้อง)

    ’コンキャット’ (ก้องเกียรติ์)

    ผมเขียนแบบไม่มีคำว่ารักมาคั่นชื่อของกันและกัน

     มีแค่ชื่ออีกฝ่าย….

    ..... แค่นั้นผมว่ามันก็มีความหมายมากพอแล้วในหัวใจ



    :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:




    ตกเย็นวันนั้น ไอ้ป้องต้องเข้าประชุมกับพวกคณะกรรมการนักเรียนในฐานะเลขาสภา ผมคิดว่าเป็นเรื่องดีเหมือนกัน เพราะไอ้ป้องจะได้ไม่รู้ว่าผมกำลังจะไปไหน เชื่อเถอะครับถ้ามันรู้ มันต้องห้ามผมแน่ๆผมกล้าพนันได้เลย ผมโบกแท็กซี่ไปย่านห้างทีพาร์คทันที่ ตอนแรกกะจะกลับบ้านไปก่อนเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วค่อยไป แต่ผมคิดว่าแค่ทำธุระแล้วรีบกลับคงไม่น่าจะมีเรื่องอะไรหรอกมั่งครับ

    ห้างทีพาร์คเป็นห้างที่เป็นศูนย์รวมวัยรุ่นที่หนึ่งเลยแหละครับ เสียอย่างเดี่ยวที่ยังรองรับความต้องการของผู้คนได้น้อยเกินไปเลยไม่ค่อยดังเท่าไหร่ แต่ก็ถือว่ามาแรงในฐานะห้างน้องใหม่

    ผมเดินขึ้นบันไดเลื่อนยาวไปถึงชั้นสามตามคำบอกของไอ้ตี๋ ก่อนจะวนซ้ายวนขวามองหาไอ้ร้านค้าที่ว่า แต่ในที่สุดผมก็หาเจอ ด้านนอกขังตัวร้านตกแต่งเรียบๆสไตล์วินเทจ ภายในมีตู้กระจกสีขาวที่บรรจุพวกริสแบนด์ที่ยังไม่ได้สลักตัวอักษรลงไป ส่วนพี่เจ้าของร้านเป็นผู้หญิงคะแนจากสายตาแล้วอายุคงประมาณสามสิบต้นๆครับ ในร้านมีลูกค้าเป็นเด็กผู้หญิงโรงเรียนชื่อดังสองสามคนยืนจับกลุ่มเลือกแบบอยู่

    “สวัสดีค่ะน้อง ต้องการริสแบนด์แบบไหนค่ะ ? สอบถามได้น่า”

    พี่คนขายรีบเข้ามารับผมทันที่ทีขาข้างหนึ่งก้าวเข้ามาในร้าน

    “อ่า ... สวัสดีครับ พี่ช่วยแนะนำริสแบนด์ให้หน่อยได้ไหมครับ ผมอยากซื้อไปเป็นของขวัญวันเกิดแฟน”

    หล่อนทำหน้าเสียดายนิดๆ พอๆกับพวกเด็กผู้หญิงพวกนั้น แต่ก็ยิ้มแล้วพูดต่อ

    “แล้วมีแบบอะไรในใจเป็นพิเศษรึเปล่าค่ะ ? แบบแฟนน้องชอบสีอะไร หรือว่าชอบลายอะไรเป็นพิเศษ ร้านพี่มีหลายแบบ ลองดูแบบก่อนได้นะ”

    ผมพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินไปที่ตู้กระจก พี่คนขายยื่นหนังสือแบบลายริสแบนด์ต่างๆให้เลือกอีกทาง

    “แฟนน้องเป็นคนแบบไหนค่ะ ลองบอกพี่ได้นะ เพื่อพี่ช่วยเลือกได้”

    หล่อนเสนอตัว 

    ผมย่นคิ้วนิดๆก่อนจะพูดถึงแฟนที่ว่า

    “เป็นคนนิ่งๆครับ ขี้อาย ชอบกินปลาทุกชนิด เวลาว่างชอบอ่านหนังสือ ชอบสีฟ้าอ่อนๆ ใจดี แล้วก็...น่ารัก”

    ผมเห็นพี่คนขายหัวเราะชอบใจ ก่อนแกจะพลิกๆหน้าสมุดไปที่หน้าหนึ่ง

    “ลายนี้เป็นไง”

    ลายที่เจ๊แกเลือกมาคือลายปลาตัวเล็กๆครับ สีสันน่ารักสดใสอยู่พอสมควร ผมมองไปแล้วคิดตาม

    “มีลายสเกตบอร์ดไหมครับ ?”

    “คะ ?”

    “คือ ลายสเกตบอร์ด ที่มันมีสี่ล้อนะครับ”

    “อ้อ ฮ่าๆ ขอโทษที่ พอดีเห็นเราบอกหาของขวัญวันเกิดให้แฟน พีไม่คิดว่าเด็กผู้หญิงจะชอบลายนี้เท่าไหร่นะจ้า พเราะส่วนใหญ่แล้วเขาจะชอ...”

    “ตกลงมีไหมครับ ?”

    ผมตัดบทฉับ เจ๊แกหน้าเจื่อนไปนิดๆก่อนจะพลิกให้ดู

    “มีแบบนี้นะ”

    ลายที่พี่เขาให้ดูรอบนี้ เป็นลายสเกตบอร์ดอันเล็กๆหลายๆอัน เรียงวางแบบไม่เป็นระเบียนปนๆกันไปอยู่บนริสแบนด์  

    สวยดีแหะ...

    “อ่า ... ผมเอาสองลายนี้แหละครับ”

    ผมบอก ก่อนจะชี้ไปที่ลายฝูงปลากับสเกตบอร์ด

    “แล้วจะให้พี่เขียนสลักลงไปว่าอะไรรึเปล่า ?”

    “ที่นี้สลักเป็นภาษาญี่ปุ่นได้ไหมครับ ?”

    ผมบอกความต้องการของตัวเอง ก่อนจะยื่นกระดาษเล็กๆที่เขียนชื่อผมกับมันไว้ให้พี่เขาไป เจ๊แกก้มมองก่อนจะพยักหน้าเข้าใจ

    “ได้นะ สลักได้หมดจ้า ตัวคาตากานะแบบนี้พี่ก็สลักได้แต่ชื่อมัน...”

    “ทำไม่เหรอครับ ?”

    หล่อนทำหน้าเจื่อนๆก่อนจะพูด

    “คือ เราเขียนมาให้พี่ผิดรึเปล่า มันอ่านว่าปกป้องนิ ชื่อเราอันนี้ใช่ไหมที่อ่านว่าก้องเกียรติ์นะ”

    พี่คนขายพูด ก่อนจะชี้ไปที่บรรทัดที่สองที่เขียนชื่อผมไว้ ก่อนผมจะพยักหน้าตอบ

    “แล้วนี้ชื่อ...”

    รอบนี้หล่อนเลื่อนมือขึ้นไปบรรทัดบน



    “ครับ แฟนผมชื่อปกป้องครับ”



    มันเป็นอีกก้าวที่ผมรู้ว่าตัวเองต้องเจอ…

    สายตาที่มองมาจากพวกผู้หญิงในตอนแรกที่ยิ้มให้กลายเป็นทำหน้าแสลง ส่วนพี่คนขายมีสีหน้าปั้นยาก แต่เพราะผมยังเป็นลูกค้าทำให้หล่อนพยายามปั้นหน้ายิ้มหวานต้อนรับผม  ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติกับแววตาดูแคลนที่ส่งผ่านออกมาจากสายตาหลายคู่ ย้ำกับตัวเองในใจว่าเพื่อไอ้ป้อง พอได้ของแล้วก็แค่ไป เขาจะคิดอะไรก็เรื่องของเขา

    ถ้าแคร์คนทั้งโลก โลกของคุณมันก็คงจะไม่มีความสุข...

    “แล้วเอาสีอะไรค่ะ ?”

    หล่อนถามเสียงมะนาวไม่มีน้ำ ผมเลือกไม่สนใจก่อนจะตอบกลับไป

    “ลายสเกตบอร์ดเอาสีเขียวอ่อน เขียนชื่อของผมกำกับไว้ ลายฝูงปลาเอาสีฟ้าอ่อน เขียนชื่อ’แฟนผม’ไว้ด้วยครับ”

    “เอาแบบเรืองแสงหรือไม่เรืองแสงค่ะ ?”

    ผมทำหน้าสงสัย ก่อนหล่อนจะยกริสแบนด์เส้นหนึ่งมาอังไว้ให้เห็นว่าถ้าอยู่ในความมืดมันจะเรืองแสงได้

    “เอาแบบเรืองแสงครับ ทั้งสองเส้นเลย”

    หล่อนพยักหน้ารับ ก่อนจะบอกผมว่าต้องรอประมาณสักครึ่งชั่วโมงถึงจะได้ ผมเลยเลือกที่จะไปนั่งรอตรงโซฟาที่มุมร้าน ปล่อยให้พวกผู้หญิงดูไปนินทาผมทางสายตาไปด้วย พอผ่านไปสักพักหนุ่งริสแบนด์ที่สั่งทำก็เสร็จพอดี

    “ลองสวมดูก่อนได้นะ”

    ผมทำตามที่หล่อนว่า ก่อนจะสวมใส่ริสแบนด์สีฟ้าอ่อนรูปฝูงปลาที่สลักชื่อไอ้ป้องเอาไว้ 

    “โอเคครับ ทั้งหมดเท่าไหร่ ?”

    “300ค่ะ เส้นล่ะ150”

    ผมควักแบงค์สีแดงส่งให้หล่อนไปสามใบ ก่อนจะหนีบจาคอปแล้วเดินออกนอกร้านไป กระนั้นก็ยังไม่พ้นเสียงคำติฉินนินทาที่ดังออกมากระแทกหู

    “หล่อๆแบบนั้นไม่น่าเป็นเกย์เลยแหะ...”

    ผม...เลือกที่จะหันหลังให้กับคำพูดพวกนั้น

    ผมเป็นอะไร ผมว่าผมรู้ใจของผมดี

    ตัวของผม กายของผม ใจของผม ยังเป็นผู้ขายเหมือนเดิม ผมยังเหล่ผู้หญิงสวยๆ น่ารักๆ ยังเข้าเวปอย่างว่า ยังมีแผ่นหนังซุกใต้เตียง(แน่นอนว่าไอ้ป้องไม่รู้ และผมแอบเปิดดูตอนมันหลับ - - ) บุหรี่แม้จะเว้นช่วงแต่ก็ยังสูบบ้างบางเวลาที่เครียดๆ ผมยังเข้าสังคมและทำอะไรแบบผู้ชายทั่วไป ผมไม่เห็นว่าผมจะ ‘ไม่ใช่’ ผู้ชายตรงไหน หรือเพียงแค่คนที่ผมรักเป็น’ผู้ชาย’ผมเลยต้องกลายเป็นอย่างอื่นที่ไม่ใช่เพศเดิมของตัวเองงั้นเหรอครับ ?

    ยอมรับว่ารู้สึกแย่ครับ แต่ก็ไม่เกินที่คาดไว้สักเท่าไหร่หรอก เพราะไอ้ผมมันเป็นคนตรงๆ ผมไม่คิดจะบิดบังใครด้วยซ้ำว่าผมเป็นแฟนกับมัน เพราะงั้นเลยเตรียมใจแล้วล่ะว่าไอ้คำพูดถากถางพวกนี้มันต้องมีมาแน่ๆ

    ผมสูดลมหายใจลึกๆเข้าปอด มือข้างขวาที่เคยกุมไอ้บ้าคนหนึ่งเอาไว้เลื่อนไปลูบริสแบนด์ที่มือข้างซ้ายเบาๆ รอยบุ๋มที่ลึกลงไปจากการสลักชื่อของไอ้ป้อง พอลูบผ่านแล้วทำให้ผมอุ่นใจแปลกๆ...

    ไม่ว่าจะอยู่ใกล้หรือไกล มันยังคงอบอุ่นเสมอในใจผม

    เพียงแต่...ผมเองก็ต้องไม่ลืมเหมือนกันว่าตัวเองกำลังยืนอยู่ที่ไหน และกำลังจะเผชิญกับอะไร

    ผมหนีบจาคอปคู่ใจ ก่อนจะรีบใส่เกียร์หมาโกยแน่บทันทีที่เห็นกลุ่มเด็กผู้ชายวัยเดี่ยวกันจำนวนสิบคนหรือมากกว่านั้นทำท่าจะกรูกันเข้ามาเยี่ยม ซึ่งผมว่าอีกฝ่ายคงไม่ได้เจตนาดีขนาดแค่เข้ามาทักทายแน่ๆ

    “เห้ย หยุดนะเว้ย”

    หนึ่งในพวกมันพูด ก่อนทั้งหมดจะวิ่งไล่ตามผมจากบรรไดเลื่อน

    ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าพวกมึงจะพูดเหมือนพระเอกในละครทำไม คือพูดไปแล้วกูจะหยุดให้มึงเหรอ ?  ไอ้ควายยย สมองมีก็ใช้หน่อย 

    ผมด่าตัวเองในใจที่ไปคิดเรื่องไร้สาระตอนที่กำลังขับขัน สองขาเองก็กำลังจะรีบก้าวหนีไปให้ไวที่สุด ขอแค่โบกแท็กซี่ไปได้ทุกอย่างก็จบแล้ว ผมวิ่งออกไปหน้าห้าง ก่อนจะรีบวิ่งไปแถวแท็กซี่

    แต่ผมคิดอะไรตื้นๆเกินไป...

    ผมเองก็ลืมไปว่าผมมันไม่ใช่พระเอก ที่จะได้โชคดีตลอดทั้งเรื่อง หนีคนร้ายแล้วไม่โดนจับ หรือเจอแต่พวกตัวร้ายโง่ๆ ...

    เพราะไอ้เวรพวกนี้แมร่งฉลาดเป็นกรด

    “กูเห็นตั้งแต่ตอนมึงเข้าไปแล้ว คิดอยู่แล้วว่ามึงจะต้องหนีออกมาทางนี้”

    หนึ่งในพวกมันที่ยืนดักด้านหน้าพูดขึ้น ตอนนี้ไอ้พวกข้างหลังเองก็เริ่มเดินเข้ามาล้อมผมแล้ว...แมร่งเอ๊ย กูยังไม่อยากลงข่าวหน้าหนึ่งว่าโดนกระทืบตายนะเว้ย

    “พวกมึงต้องการอะไร ?”

    ผมถามออกไป พยายามควบคุมน้ำเสียงเพื่อไม่ให้พวกมันรู้ว่ากำลังกลัว ไอ้เชรี้ย พวกมันล้อมไปสิบกว่าคนนะเว้ย ไม่กลัวไหวเหรอ

    “จาคอปกับเข็มโรงเรียน”

    ผมเม้มปากแน่น เตรียมตัวจะต่อรอง แต่จู่ๆทันเองก็มีวัตถุบางอย่างกลิ้งเข้ามาใกล้ๆกลุ่มพวกผมกับมัน ลักษณะเหมือนขวดโค๊กที่เห็นเมื่อเช้าในตู้เย็น รวมทั้งยังมีกระป๋องโค๊กอีกสองสามใบกลิ้งตามมา พวกมันยืนงงกันหน้าสะล่อน

    อย่าว่าแต่พวกมันเลย ผมก็งงว่ามันมายังไง ?

    เหมือนๆไอ้วัตถุพวกนี้จะรับรู้ความสงสัยของผมกับพวกมัน เมื่อสายตาผมสังเกตุเห็นว่าไอ้กระป๋องพวกนี้มันแปลกก็ตรงใส่ดอกไม้ไฟ วินาทีที่ไฟลามเลียไปถึงปากกระป๋อง ปฏิกิริยาเคมีที่ผมเคยได้เรียนมาก็แสดงผล

    ‘บึ้ม!!!’

    เสียงระเบิดดังขึ้น พร้อมๆกับควันที่พวยพุ่งออกมา แรงระเบิดไม่ได้ทำให้พวกมันบาดเจ็ด แต่ก็มากพอที่จะทำให้ขวัญหนีดีฟ่อและซื้อเวลาให้คนที่สร้างมันขึ้นมา

    มือคู่เดิมที่เคยสัมผัสกันและกันเอื้อมมาจับมือผมไว้แน่นตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่ทราบ รู้เพียงแต่ว่าตอนนี้สติของผมแทบจะไม่อยู่กับตัวแล้ว

    ผมมองมันตาค้างก่อนจะอ้าปากตะโกนออกไปอย่างลืมตัว


     “ไอ้ป้อง!!!”



    TBC.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×