ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ____เก็บ....'รัก' ____[Yaoi] [The End] [เปิดจอง!!!!!]

    ลำดับตอนที่ #21 : #19 คอสเพลย์ของป้อง สำคัญ และ ต้องคุย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 518
      3
      23 ก.ค. 57



     #19 คอสเพลย์ของป้อง สำคัญ และ ต้องคุย





    "เห้ย ปีนขึ้นไปอีกหน่อย ขอสูงกว่านี้"


    เสียงไอ้ปั๊ก หัวหน้าห้องของผมสั่งการ ก่อนไอ้โปรเพื่อนอีกคนในห้องจะตวัดวงแขนของมันไต่ขึ้นไปบนต้นไม้อย่างน่าหวาดเสียว



    สวัสดีครับ ตอนนี้ผมอยู่ที่โรงเรียน วันนี้เป็นวันทานาบาตะหรือวันอธิฐานขอพรจากท้องฟ้าตามความเชื่อของชาวญี่ปุ่น โดยการเขียนคำขอพรลงบนกระดาษ เทศกาลทานาบาตะนี้ ชาวญี่ปุ่นจะเขียนคำอธิษฐานลงบนกระดาษสี่เหลี่ยมผืนผ้า 5 สี ที่เรียกว่า "ทังซะขุ" (Tanzaku) แล้วนำไปห้อยบนกิ่งไผ่ พร้อมด้วยของประดับอื่นๆ เช่น กระดาษตัดเป็นรูปคล้ายๆ โซ่แทนสัญลักษณ์ของทางช้างเผือก วันรุ่งขึ้นก็จะนำกระดาษอธิษฐานเหล่านี้ไปลอยน้ำ


    ความหมายของกระดาษอธิษฐาน ทังซะขุ (Tanzaku) 5 สีมีดังนี้ครับ

    สีฟ้า - ความสุข ความโชคดี

    สีชมพู - ความรัก

    สีแดง - ความสำเร็จ

    สีเหลือง - ความมั่งคั่ง เงินทอง

    สีเขียว - ความสมปรารถนาในการเรียนและการทำงาน

    ถ้าไม่นำไปลอยน้ำก็จะไปติดลงบนยอดไผ่ แน่นอนว่าพี่ไทยของเราก็นำมาประยุกต์กับของไทยได้เป็นอย่างดี

    แต่ปัญหาคือ...แล้วจะหาต้นไผ่จากไหน ?

    ก็ถ้าไม่มี เราก็'ติต่าง'เอาโลดครับ กิ่งต้นมะม่วง มองให้เป็นต้นไผ่แล้วติดซะ กิ่งต้นไม้ต้นอะรูมีไร(อะไรก็ม่ายยยรู้)ก็ติดไปเถอะครับ ขอแค่ใจเราเชื่อว่ามันเป็นไผ่ มันก็จะกลายเป็นไผ่ เหมือนๆกับที่ใครบางคนเคยบอกไว้

    อยากมองให้เห็นเป็นอะไรก็เป็นได้ อยู่ที่ใจคนมอง

    "พี่เกียร์ครับ อย่าเหม่อดิ"

    ไอ้ต้องตากระตุกปลายชุดยูกาตะเรียกสติผมเบาๆ

    วันนี้ผมกับมันอยู่ในชุดคล้ายๆกันเพียงแต่ของมันเป็นกิโมโนสีดำลายขาว ไอ้ต้องตาเองก็ขาวพอๆกับผมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอใส่ชุดสีดำตัดกับผิวสีขาวของมัน ความน่ารักเลยเพิ่มดาเมจแบบทวีคูณให้แก่ผู้พบเห็น

    ยกเว้นผมล่ะนะ...

    วันนี้หน้าที่ของผมกับไอ้ต้องตา คือคนคอยขายกระดาษไว้สำหรับการขอพรใบละ10บาท ซึ่งกับไอ้พวกทโมนในโรงเรียนผมที่มีปัญญาจ่ายค่าเทมอห้าหลักได้ แค่นี้จิ๊บๆครับสำหรับพวกมัน (ของฟรีไม่มีโนโลก -  - แต่ถ้าเขียนใส่กระดาษอื่นมา พวกผมก็ปีนขึ้นไปติดให้นะครับ เพียงแต่เราจะไม่นำมาจับรางวัลตอนสิ้นสุดกิจกรรมก็เท่านั้นครับ)

    พวกผมแต่ละคนอยู่ในชุดคอสเพลย์กันเต็มยศครับ ตั้งแต่พวกที่แต่งมาแบบอลังการ ยังพวกคอสฯผีจูออนด้วยการทาแป้งแล้วใส่เกงตัวเดี่ยว(มึงจะโชว์พุงว่างั้น ?)

    "น่ารักจังเลย มีแฟนรึยังครับน้อง? "

    เป็นคำถามรอบที่เท่าไหร่ก็มิทราบดังถามไอ้ต้องตา คนถูกถามยิ้มจางๆ ยังไม่ทันจะตอบ รอบเอวก็ถูกกอดเอาด้วยวงแขนแกร่ง

    "มีแล้วครับ"

    ไอ้อู๋ที่อยู่ในชุดพ่อบ้านเซบาสเตียนพูด ก่อนจะยิ้มหวานให้คนถามคำถาม ซึ่งก็ได้แต่ทำหน้าปู เลี่ยน ก่อนจะถอยทัพกลับไปเมื่อโดนหมาบ้าห่วงของมอง

    "สมภารกินไก่วัด"

    ผมพูดจิกมันลอยๆ ไอ้เฟรมที่กำลังยืนขายน้ำปั้นอยู่ตบมือชอบใจให้กับคำพูดของผม

    "พวกมึงสองคนบอกตัวเองดีกว่าไหม? คนหนึ่งคิดจะแดร๊กพี่ตัวเอง อีกคนคิดจะแดร๊กน้องของเพื่อนในชมรม"

    ไอ้อู๋สวนกลับ ผมกับไอ้เฟรมกระแอ้มไอกลบเกลื่อน คิดผิดจริงๆที่แดกดันมัน

    ก็ไม่ทราบว่าแข่งกันอีท่าไหนหรอกนะครับมันกับไอ้ต้องถึงได้กลายเป็นรักกันแน่นอนว่าผมซักไซร้เต็มที่แล้วแต่พวกแมร่งปาก
    แข็งยิ่งกว่าแข็งสุดท้ายผมกับไอ้เฟรมเลยยอมแพ้ไม่อยากรู้เรื่องของมันก็ได้(ว่ะ)

    "สวัสดีจ้า การ์ดขอพรขายดีไหมเอ๋ย"

    น้ำเสียงทุ้มดังขึ้น ก่อนหน้าร้านของผมจะปรากฏแขกคนสำคัญ

    "สวัสดีครับ พี่กาเซียร์"

    ผมกับพวกเหล่าทโมนในห้องพากันยกมือไหว้ พี่กาเซียร์ยิ้มรับก่อนจะพูดต่อ

    "พี่ขอซื้อการ์ดอวยพรหน่อย พอดีมีเด็กอยากขอพร"

    "ม.4นี้ก็ไม่เด็กแล้วนะ"

    น้องเพลงที่ยืนข้างๆแย้ง พี่ท่านแค่หัวเราะรับก่อนจะล็อกแขนขยี้หัวน้องเพลงเล่น แน่นอนว่าน้องมันทำท่าโกรธเคื้อง(ที่ดูยังไงก็ดู
    น่ารักมากกว่าน่ากลัว)

    "แล้วปลื้...ป้องล่ะ ไปไหน?"

    พี่กาเซียร์ทักระหว่างรอน้องเพลงเลือกการ์ด

    ผมหันไปมองรอบๆตามคำทัก ก่อนจะหันไปถามหาไอ้ป้องกับคนอื่นๆ

    เมื้อเช้านี้มีกิจกรรมหน้าเสาธงเกี่ยวกับการพูดสุนทรพจน์ของประเทศญี่ปุ่นครับ ไอ้ป้องกับน้องเพนท์เด็กม.สี่อีกคนเป็นตัวแทนเด็ก eng-japan ออกไปพูด หลังจากนั้นก็มาช่วยงานที่ซุ้มญี่ปุ่นกันเนี้ยแหละครับ ผมเองก็ต้องขายของอยู่หน้าร้านจนลืมมองหามันไปด้วยเลย พอถามหาจากเพื่อนคนอื่นๆ ทุกคนก็ได้แต่บอกว่าไม่เห็นมันเลยหลังจากช่วยกันซุ้มแล้ว แต่ก็คิดว่ามันคงไปเปลี่ยนเป็นชุดคอสฯเพราะเมื้อเช้านี้มันยังอยู่ในสภาพชุดนร.

    "เดี่ยวไอ้เกียร์น้องต้องไปพักก่อนได้นะ 30นาที่ รอบต่อไปเข้าประจำจุดด้วย"

    ไอ้ปั๊กที่ตอนนี้เป็นhttp://my.dek-d.com/dek-d/writer/img/cross.gif านเต็มตัวบอกกับผมแบบนั้น

    "โอเค งั้นกูพักแปบ"

    ผมเดินออกจากหน้างานที่เป็นโต๊ะขายการ์ดขอคำอวยพร ให้ตายเหอะ ต้องพยายามยกเท้าสูงๆเวลาเดินครับเพราะวันนี้ผมใส่รองเท้าเกี๋ยเข้าคู่กับชุดยูกาตะ

    ผมเดินไปนั่งตรงใต้ร่มไม้ที่อยู่ไม่ห่างจากตรงนี้สักเท่าไหร่ แต่ไม่ค่อยมีคนเดินผ่าน ตอนนี้วุ่นวายมากครับโดยเฉพาะพวกขายของหน้างาน ทั้งการ์ดขอพร น้ำอัดลม น้ำผลไม้ปั้น เสื้อรุ่นแผนการเรียน eng-japan หนังสือญี่ปุ่น(ว่างายๆขายของหาเงินเข้าห้องสารพัดครับ) ตาสองข้างของผมก็มองหาไอ้ตัวดีไปด้วย แต่ก็ไม่เห็นมันแต่งชุดคอสเพลย์เลย

    อย่าบอกนะหนีกลับไปแล้ว...

    ไม่หรอกครับ มันไม่ใช่คนแบบนั้น เพราะห้องวุ่นวายขนาดนี้ ไอ้ป้องไม่มีทางอยู่เฉยๆได้หรอกครับ

    ผมนั่งพักขาประมาณสิบนาที่เห็นจะได้ ผมได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆเหมือนๆตัวอะไรสักอย่างใหญ่ๆกำลังเดินตรงมาทางนี้ตรงที่ผมนั่งอยู่ พอหันไปมองต้นตอของเสียงผมก็ได้แต่อ้าปากค้าง

    ผิวหนังสีดำถ่าน ตัวสูงใหญ่สองถึงสามเมตร ลำตัวเป็นตะบุ้มตะบำแบบพวกสัตว์เลื้อยคลาน สองขาใหญ่ๆก้าวเดินจนพื้นสั่นไหว ปลายหางยาวสะพัดไปมาตามการส่ายตัว กรงเล็บด้านหน้าสองข้างเป็นนิ้วมือเล็กๆไว้คอยฉีกเนื้อของเหยื่อ






    ไอ้ป้องคอสเพลย์เป็นก๊อตซิล่า!!






    "แฮ่..."

    ก๊อซซิป้องที่ยื่นหน้าออกมาจากปากชุดก๊อตซิล่าที่มันสวมอยู่พูดขึ้น ก่อนจะยกขาหน้าเล็กๆขึ้นมาประกอบเสียงแฮ่ขู่ ในขณะที่ผมนั่งใบ้อยู่

    "ไม่น่ากลัวเหรอ?"

    มันเอียงคอถาม ใบหน้าจืดๆของก๊อตซิป้องแสดงออกชัดเจนว่าเฟลนิดๆที่ผมไม่กลัวมัน

    คือ.... ชุดมันก็พอจะน่ากลัวอยู่นะครับ แต่พอคนใส่เป็นมันเลยรู้สึกว่าน่ารักมากกว่าน่ากลัว ก็พอมองแบบนี้แล้ว เหมือนมันโดนกินเข้าไปแล้วก๊อตซิล่ากระเดือกไม่ลง หน้ามันเลยติดอยู่ตรงปากของก๊อตซิล่าพอเป็นแบบนี้มันเลยดูขำๆมากกว่าจะกลัว

    "มีงานตรงไหนให้ช่วยมั่ง"

    ก๊อตซิป้องถามขึ้น

    "นั่งก่อนก็ได้ เวรขายของมึงอยู่รอบต่อไปกับกู"

    ผมพูดหลังยกตารางเวรขายของขึ้นมาดู ก๊อตชิป้องเลยทิ้งตัวนั่งลงข้างๆผม

    "คิดไงแต่งเป็นไอ้ตัวนี้?"

    ผมถาม ไอ้ป้องทำปากยื่นๆก่อนจะตอบ

    "ก็เมื้อปีที่แล้วมีโฆษณาปลาเส้นมาถ่ายที่โรงเรียนแล้วเขาทิ้งเอาไว้ กูเลยขอพี่เซียร์เอามาใส่จะได้ไม่ต้องซื้อชุดใหม่ด้วย อีกอย่างก็ชอบ"

    เหตุผลว่าชอบ ดูจะเป็นแค่ส่วนประกอบ หลักๆคือมันไม่อยากซื้อชุดใหม่ ผมจับใจความถูกไหม?

    "ก็ทำไมไม่ซื้อชุดใหม่ไปเลยถ้าอยากคอสเพลย์เป็นก๊อตซิล่าจริงๆ ดูดิ นี้ก็มีบางจุดขาด"

    ผมพูดไป มือก็ลูบไปบางจุดที่ขาด แม้จะซ่อมแซมแล้วก็เถอะ

    "มันเปลืองเงิน..."

    ไอ้ป้องครางตอบเสียงอ่อน

    "แล้วพวกชุดนร. รองเท้า จาคอปมึงก็เหมือนกัน พวกนั้นมันจะไม่ไหวแล้วนะเว้ย"

    แม้พวกอุปกรณ์พวกนั้นไอ้ป้องพยายามดูแลรักษาอย่างดีแล้วก็จริงครับ แต่ทุกอย่างก็มีอายุของมัน เสื่อนักเรียนมันซีดดดแล้วก็จางมากเกินไปแล้วครับ จาคอปเองแม้จะขัดจนเงาวับแต่ก็ขาดไปแล้วหลายจุด รองเท้าเองก็เหมือนกัน เย็บแล้วเย็บอีก
    ไอ้ป้องทำหน้าอึกอักแล้วก็เงียบไป

    "ถ้าไม่อยากขอแม่ ยืมกูก่อนไหม? ไม่คิดดอกหรอก"

    ผมแซวมันนิดๆ ไอ้ป้องส่ายหน้าน้อยๆแทนคำตอบ

    "เดี่ยวอีกประมาณอาทิตย์สองอาทิตย์กูก็ได้เงินแล้ว รอตอนนั้นก็ได้มั่ง"

    "แล้วระหว่างนั้น?"

    "ก็ใส่ของเดิมไปก่อนไง"

    ผมจงใจถอนหายใจหนักๆให้มันเห็นต่อหน้า

    "เกียร์ อย่าทำแบบนี้ดิ"

    ไอ้ป้องพูดเสียงอ่อน ผมไม่สนใจนั่งหันหน้าหนีมันแทน แล้วทำไมมันเงียบว่ะ? ตามบทแล้วมันต้องง้อผมดิ ไม่ใช่นั่งเงียบซื้อบื้อแบบนี้

    "มึงรู้ไหมป้อง บางที่กูก็เสียใจนะ กูอยู่ใกล้กับมึงแค่นี้ แต่กูเหมือนอยู่ไกลกับมึงมากเลย"

    "...."

    "กูพยายามเปิดใจ พยายามเข้าใจมึง แต่มึงกลับเฉยชาไปหมด ไอ้ความเงียบของมึงมันไม่น่าอึดอัดหรอก แต่บางครั้ง กูก็คาใจ ไม่สบายใจ แต่กูก็ไม่อยากเซ้าชี้มึง ทั้งเรื่องถุงยา เรื่องที่มึงชื่อปลื้มไม่ใช่ไอ้ป้องแบบที่กูหรือใครหลายคนเรียก ร่วมทั้งเรื่องเสื้อผ้าพวกนี้ด้วย กูบอกเลยว่ากูไม่สบายใจ..."

    "..."

    "เหมือนกับมึงไม่เชื่อใจกู..."

    รอบนี้ผมโกรธมันจนโพล่งออกไปหมด

    ถึงผมจะเป็นคนบอกเองก็เถอะว่าพร้อมแล้วให้บอก แต่เข้าใจความรู้สึกของคนที่รอไหมครับ มันหนักมันหน่วง ยิ่งอีกฝ่ายเงียบ มันยิ่งเครียด ผมพยายามหาเหตุผลต่างๆนานามาแก้ต่างให้มันในใจไปแล้วนับล้านๆแต่สุดท้ายไอ้ป้องมันก็ยังเลือกที่จะเงียบ...
    ผมสะบัดหน้าหนีมันเตรียมจะลุกขึ้นเดิน แต่มือของมันรั้งแขนของผมไว้ก่อน

    "อะไร"

    ผมประชดถามมันเสียงห้วน ไอ้ป้องไม่ตอบแต่ดึงผมนั่งลงแทน

    "ขอโทษ..."

    คำสั้นๆง่ายๆหลุดรอดมาจากปากมัน

    เชอะกะอีแค่กุมมือแล้วพูดเสียงอ้อนๆว่าขอโทษ

    ... คิดเหรอว่าแค่นี้กูจะยอมใจอ่อน

    "ขอโทษทำไม มึงก็ไม่ได้ผิดอะไรนิ กูผิดเองแหละที่เป็นห่วงมึงมากไป"

    ผมพูดไปแก้มป้องไป เชอะ คิดเหรอแค่นี้กูจะหายงอน

    ผมเห็นไอ้ป้องมองซ้ายมองขวาก่อนมันจะพุ่งมือปลาไหลมาทางเอวผม

    "ไอ้ป้อง ปล่อย!!!!"

    ผมคำรามเสียงดุใส่มันเมื้อวงแขนมันกระชับรอบเอวผมแต่มีหรือก๊อตซิป้องมันจะกลัว

    "หายงอน'ปลื้ม'รึยังครับ? ถ้าหายจะยอมปล่อย"

    "ปลื้นไหนเหรอ? ไม่เห็นรู้จัก"

    ผมตอบกลับหน้าตาย เอาดิ กอดก็กอด ตรงนี้ไม่มีคนเห็นเว้ย

    ผมลืมไปว่ามันไม่ได้โง่...

    ก๊อตซิป้องที่ตอนนี้ครอบครองเอวของผมไว้เขยิญเข้ามาใกล้ ก่อนน้ำเสียงทุ้มเจ้าเล่ห์จะดังขึ้น

    "ก็ปลื้มคนที่กำลังโดน'คนสำคัญ'งอนอยู่ไงครับ"

    หัวใจผมเต้นแรงขึ้นมาดื้อๆหลังจับใจความสำคัญของประโยคนั้นได้

    "ก็ถ้า'สำคัญ'จริง ทำไมไม่บอกอะไรเขาเลยล่ะ"

    ผมโต้กลับไป ขี้เกรียจจะดิ้นตัวหนีมันแล้วครับ

    "ปลื้มผิดเองครับ ยอมรับเลยจริงๆ แต่สัญญาเลยว่ากลับบ้านไปจะอธิบายให้ฟัง แบบนี้จะหายงอนปลื้มได้ยังครับ?"

    ผมไม่ได้คิดไปเองแน่ๆ วงแขนของมันที่อยู่ในชุดก๊อตซิล่ากระชับกอดขึ้นมามากขึ้นจนผมรู้สึกได้ถึงไออุ่นที่อยู่ข้างใน

    เชอะ...คิดเรอะว่าแค่นี้จะหายงอน

    "เออ เล่าให้หมดด้วยและกัน"

    ผมตอบมันเสียงขุ่นหน่อยๆ หายงอนก็ได้ว่ะ...

    "ครับ สัญญาเลย"

    "แล้วก็ปล่อยได้ยัง ร้อน อึดอัด"

    แกล้งพูดไปงั้นแหละ ไม่ใช่อะไรหรอกนะ...กูเขิน

    ไอ้ป้องคลี่ยิ้มที่เดียวนี้ชักจะยิ้มบ่อยมากยิ่งขึ้น

    "ทำไม เขินเหรอ? ซบหน้าอกกูทั้งคืนยังทำมาแล้วเลย"

    พอเห็นผมหายโกรธเท่านั้นแหละ ไอ้ป้องโหมดกวนตรีนก็กลับมา

    "ไอ้.... ไอ้บ้า"

    อยากจะด่าแรงๆกว่านั้นแต่คิดไม่ออก ติดไว้ก่อนก็ได้ว่ะ

    "ไอ้เกียร์ ถึงรอบมึงแล้วนะ!!"

    เสียงไอ้ปั๊กตะโกนดังบอก ผมตะโกนตอบกลับ

    "เออ"

    พอได้ยินแบบนั้น ก๊อตซิป้องเลยยอมคลายวงแขนจากเอวผมก่อนจะยิ้มหน้าระรื่น

    "ไปขายของกัน"

    "เออ"

    ผมกับมันเดินออกไปบริเวณหน้าโต๊ะขายของ แน่นอนว่าไอ้คุณก๊อตซิป้องกลายเป็นจุดสนใจจากทั้งเพื่อนร่วมห้องและรุ่นพี่รุ่นน้อง
    ในโรงเรียน เลยทำให้หน้าร้านคึกคันขึ้นกว่าเดิม ทั้งมันยังโดนลากไปถ่ายรูปกับคนนู้นที่คนนี้ที่ แน่นอนว่าไอ้ตัวดีไม่บอกปัดหรอกนะครับ ใครขอถ่ายก็ถ่ายหมด จะว่าไปอาจเพราะมันยิ้มบ่อยขึ้นมากเหมือนเป็นคนละคนล่ะมั่งครับ คนทั่วไปเลยรู้สึกเข้าถึงมันมากขึ้น ถ้าเป็นเมื่อก่อนมันคงทำหน้านิ่งๆไม่ยิ้มร่าขนาดนี้หรอกครับ

    ผมดีใจนะที่เห็นมันยิ้ม

    เพราะผมจะได้ยิ้มตามไง...

    "ปากจะฉีกแล้วโว้ยทั้งผัวทั้งเมีย"

    เสียงเห่าดังออกมาจากปากไอ้อู๋ ผมหันไปชูนิ้วกลางเป็นรางวัลก่อนจะตะโกนขายการ์ดต่อ แล้วมองไอ้ป้องเป็นพักๆ

    เป็นอีกหนึ่งวัน ที่ผมมีความสุขจังเลย...

    "เหนื่อยไหม?"

    ไอ้ป้องถาม

    ตอนนี้เป็นเวลาพักเที่ยงครับ หลังจากพวกผมขายของกันเสมือนอยู่ในดงปืน รู้สึกเลยว่าปีนี้เทศกาลทานาบาตะคึกคักสุดๆ ไอ้ดีใจมันก็ดีใจอยู่หรอกครับ ลูกค้าเยอะขึ้น เงินห้องกับส่วนแบ่งก็เยอะตาม แต่ความเหนื่อยจากการใส่ชุดยูกาตะก็ยังคงถาโถมเล่นงานอยู่ดี

    คิดว่าไอ้ป้องเองก็คงเหนื่อยหนักๆไม่แพ้ผม เพราะชุดก๊อตซิล่าที่มันใส่ก็เป็นชุดผ้าหนัง เก็บความร้อนได้ดีเลยแหละ เหอะๆ

    "แล้วมึงเหนื่อยไหม?"

    ผมไม่ตอบแต่ย้อนถามมันแทน

    "เหนื่อยสัสๆ ร้อนด้วย"

    ก๊อตซิป้องตอบ ใบหน้าของมันอิดโรย มีเหงื่อไหลออกมา ผมมองซ้ายมองขวาหาพวกทิชชู่หรือกระดาษซับมันแต่ก็ไม่มี

    "ยื่นหน้ามาดิ"

    ผมสั่ง มันทำหน้างงๆแต่ก็เขยิบเข้ามาใกล้ๆตามที่บอก

    "เห้ย คือไม่ต้อ..."

    ผมขี้เกรียจฟังมันขัด เลยดันหน้ามันเช็ดๆกับแขนชุดยูกาตะ แน่ล่ะวันมันบ่นอู้อี้อยู่อย่างนั้น

    "เดี่ยวชุดเลอะหมด"

    มันบ่นหลังผมปล่อยใบหน้ามันขึ้นมาถ้าไม่บ่นแล้วกินข้าวไม่อร่อยเหรอว่ะ?

    "ก็หน้ามึงมันเลอะเหงื่อ"

    "ก็ให้มันเลอะไปดิ"

    "ไม่เอา..."

    "...."

    "ก็หน้ามึงตอนไม่มีเหงื่อน่ารักกว่าอ๊ะ..."

    จบคำของผม ใบหน้าสีน้ำผึ่งของไอ้ก๊อตซิป้องก็มีสีเข้มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด 

    ไอ้ป้องทำหน้าอ่อนใจและกังวลขึ้นมาดื้อๆ

    "กลับบ้านนี้เราต้องคุยกันจริงๆจังๆแล้วเกียร์..."

    ผมอยากรู้จริงๆ...


    ...ไอ้ป้องมันกังวลอะไรกันแน่



    TBC.


    ตอนหน้าก็จะได้รู้กันแล้วนะครับ ว่าป้องคิดอะไรกันแน่และกำลังกังวลกับอะไรอยู่

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×