ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ____เก็บ....'รัก' ____[Yaoi] [The End] [เปิดจอง!!!!!]

    ลำดับตอนที่ #15 : #15 โลกของเธอ โลกของฉัน โลกของเรา [1]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 584
      3
      14 ก.ค. 57

    #15 โลกของเธอ โลกของฉัน โลกของเรา [1]


    "พาพี่เขาไปดีๆ อย่าขับไวนะเกียร์"

    เสียงพ่อผมพูดบอก ในขณะที่ตอนนี้ไอ้ป้องขึ้นซ้อนท้ายผมแล้ว

    ตอนนี้ผมกับไอ้ป้องอยู่ในชุดพร้อมเที่ยวครับ ผมเลือกยีนส์สีดำสนิทกับเสื่อสีเขียวอ่อนตัวโปร่ง ไอ้ป้องแต่งสีฟ้ากางเกงขาสั้น รองเท้าผ้าใบทั้งคู่

    "ไม่เกินสองทุ่มกลับครับ พ่อ แม่ สวัสดีครับ"

    ผมกับไอ้ป้องไหว้พ่อกับแม่ ก่อนCbrของผมจะแล่นออกไป

    "ตกลงจะพากูไปไหนว่ะเกียร์"

    ไอ้ป้องที่นั่งซ้อยท้ายผมอยู่ถามขึ้น ไอ้มือมันถือสเก็ตบอร์ดสีเขียวครามกับสีฟ้าอ่อนที่ผมเพิ่งถอยมาจากร้านค้าเมื่อวาน

    "โลกของกูไง"

    ผมพูดตอบ แต่เอาจริงๆรอบนี้ผมไม่ได้กวนตรีนมันนะครับ

    ผมอยากพาไอ้ป้องมาลองอยู่ใน'โลกของผม'บ้างก็เท่านั้น 

    จุดมุ่งหมายของผมกับไอ้ป้องอยู่ที่สวนเบญจสิริ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นการไถของปีนี้เพื่อไปยังสวนสมเด็จสราญราษฎร์มณีรมย์ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่  

    "ป้อง"

    "หื้ม?"

    "พรุ่งนี้วันอาทิตย์ พากูไปที่ๆมึงไปทุกอาทิตย์หน่อยได้ไหม?"


    ผมพูดฝ่ากระแสสายลมที่ตีโต้หมวกกันน็อคเป็นระยะๆ

    วันนี้ ผมจะพามันไปโลกของผม

    พรุ่งนี้ ผมอยากไปโลกของมันบ้าง อยากรู้ว่าทุกอาทิตย์มันออกไปไหน

    "มึงแน่ใจเหรอ? มันไม่สนุกหรอกนะ ที่ๆกูไปอ๊ะ"

    มันพูดตอบ ใบหน้าที่สะท้อนผ่านกระจกแฮนด์รถบอกผมว่ามันไม่ได้ล้อเล่น

    "แน่ใจดิ ถ้าเป็นที่ๆมึงชอบไป...กูก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร"

    คนซ้อนผมกระตุกมุมปากขึ้นนิดๆเป็นเชิงยิ้ม

    นี้เป็นภาพที่ผมไม่ได้เห็นมาครึ่งค่อนเดือน...

    มันไม่ได้ซักถามอะไรอีก ปล่อยให้ผมบิดคันเร่งความเร็วขึ้น ปกติถ้าขับคนเดี่ยวผมชอบบิดเจ็ดสิบอัพอยู่แล้วครับตอนถนนโล่งๆ แต่เพราะวันนี้ผมไม่ได้อยู่'คนเดี่ยว'เหมือนเมื่อก่อน ผมเลยเลือกที่จะบิดเพียงหกสิบ ไม่ช้าไป ไม่เร็วไป พอที่จะดูวิวไปได้เรื่อยๆ
    ขับไปได้สักพักผมก็ถึงจุดหมายแรกที่ต้องการ ผมชะลอรถลงก่อนจะหันหน้าไปหามัน

    "ป้อง อยากเข้างานเลย หรืออยากไปไถกับกู"

    "ไถ?"

    ในหน้าจืดๆแสดงความสงสัยออกมา ลืมไปเลยครับว่ามันไม่เคยมา

    "คืองี้ หลักๆงานมันจะมีสองส่วน ส่วนแรกคือเข้าตัวงานเลย ในงานก็มีพวกบอร์ด พวกอไหล่ขาย แล้วก็มีลานกิจกรรม"

    "แล้วอีกส่วน?"

    ผมยิ้ม ก่อนจะเล่าต่อ

    "อีกส่วนคือกลุ่มคนที่ไถสเก็ตบอร์ดจากระยะห่างประมาณ3-4กิโลไปถึงหน้างาน"

    มันพยักหน้าขึ้นลงช้าๆเป็นอันเข้าใจ

    "ไกลเหมือนกันแหะ"

    "มันเป็นประเพณีนะ คล้ายๆการประกาศให้คนไทยได้รู้ว่า เห้ย ประเทศเราคนเล่นบอร์ดก็เยอะนะ เป็นการแสดงตัวตนแล้วก็เป็นการชักชวนไปในตัว"

    "รู้ดีแหะ"

    มันพูดชม(ผมคิดงั้นนะ)

    "อะไรที่กูชอบ กูก็อยากรู้ดีทุกเรื่องนั้นแหละ"

    เป็นอีกครั้งที่ไอ้ป้องหันหน้าหนีผม

    เอาเถอะครับ

    ไม่ต้องรีบร้อน ไม่ต้องใจร้อน ให้โอกาสมัน

    และให้โอกาสใจตัวเอง...

    "มึงอยากไปไหนล่ะ?"

    มันย้อนถามดื้อๆ

    "วันนี้มึงพากูเที่ยว ตามใจมึงเลย"

    พอได้ยินแบบนั้นผมก็ยิ้มออกมา

    "กูอยากไปไถ"

    มันตอบตกลงด้วยการพยักหน้า

    ไม่ต้อง'เปลี่ยน'ตัวเองจนไม่ใช่'ตัวเอง'

    แค่'ปรับ'ก็พอ...

    ผมเอารถไปเก็บตรงบริเวณที่จอดรถ ก่อนจะล็อกล้อ

    สเก็ตบอร์ดในมือถูกวางลงกับพื่นฟุธบาท เพราะกันมาแต่เช้าพอสมควรเลยยังไม่เริ่มขบวนไถครับ ถือว่าดีไปอีกแบบเพราะผมเองก็ลืมไปเลยว่า...

    ไอ้ป้องมันไม่เคยเล่นบอร์ด....

    'ตุ๊บ'

    "โอ๊ย!!"

    มันร้องครางหลังก้มจ้ำพื้น ผมเลยไถสเก็ตไปช่วยดึงมันลุก

    "ใจเย็นๆ คิดว่ามึงยืนอยู่บนพื้นธรรมดาๆแค่มึงกำลังวิ่งก็พอ"

    ผมแนะทริคเริ่มต้นการเล่นบอร์ด

    จริงๆแล้วมันเล่นไม่ยากนะครับ แค่ต้องกล้าๆหน่อยๆก็เท่านั้นเอง มีสมาธิอยู่บนบอร์ด ให้'ใจ'ไป'สถิต'อยู่กับล้อบอร์ดทั้งสี่ข้าง เชื่อมันแล้วก็เคลื่อนตัวออกไป แน่นอนว่าคนเพิ่งหัดเล่นย่อมไม่สามารถเล่นได้คล่องแคล่วเท่าผม เห็นแบบนั้นผมเลยยกบอร์ดขึ้นมาหนีบก่อนจะช่วยประครองมันขึ้นบอร์ด

    "จำตอนที่มึงสอนลีลาศกูได้ไหม"

    "อื้ม"

    ผมจับมือมันทั้งสองข้างก่อนจะออกแรงดึงเบาๆ ไอ้ป้องหลับตาปี๋กลัวล้ม

    "ป้อง อย่าหลับตา"

    "...."

    "มองแค่กูก็พอ"

    มันพยักหน้ายอมฟังที่ผมบอก ก่อนจะลืมตาขึ้น

    ผมดึงไอ้ป้องจนเห็นว่ามันคล่องพอสมควรแล้วก็ให้มันลองไถไปข้างหน้าดู ผมลัพธ์ที่ได้นับว่าใช้ได้เลยครับ ไอ้ป้องเริ่มเรียนรู้ที่จะ
    ทรงตัวอยู่บนบอร์ด หรือต่อให้ล้ม ก็ยังล้มในลักษณะที่เรียกได้ว่าเจ็บตัวน้อยที่สุด สิ่งเหล่านี้ผมเรียกมันว่าการเรียนรู้จากประสบการณ์

    มันไม่มีหรอกครับ ไอ้ความสำเร็จที่ไม่ต้องใส่ความพยายามลงไปนะ

    "หนุกไหม?"

    พอเห็นว่ามันเริ่มคล่องตัวจนไถไปไกลๆได้แล้วผมก็ถามขึ้น

    "สนุกดีว่ะ เสียวๆเหมือนกันว่าจะตกไปจับกบกับพื้นไหม แต่พอชินแล้วก็สนุกดี"

    "เห็นไหมล่ะ"

    "เห็นอะไร?"

    ผมอมยิ้มก่อนจะพูด

    "บางเรื่องที่'ไม่เคยลอง'ก็ไม่ได้แปลว่ามัน'ไม่ดี'นะ..."

    "ก็จริง"

    มันพยักหน้า

    "จะสิบเอ็ดโมงแล้ว ไปกันเหอะ"

    ผมพูดหลังดูนาฬิกาข้อมือ

    "ยังไม่คล่องเท่าไหร่เลยแหะ..."

    ไอ้ป้องพูดเสียงอ่อยๆ ถึงจะพอได้บ้างแต่มันคงยังกลัวๆอยู่ดีล่ะมั่งครับ

    "เอางี้..."

    ผมพูด มันยืนเอาเท้าวางไว้บนบอร์ดข้างหนึ่งรอฟังผมพูดต่อ

    "จับมือกูไว้แล้วไปพร้อมๆกัน"

    ผมวางบอร์ดลง ก้าวขึ้นไปก่อนจะไถไปอยู่ด้านหน้ามัน

    มือข้างซ้ายของผมยื่นออกไปด้านหน้ามัน

    ไอ้ป้องยื่นนิ่งไปสักพัก...

    ......ก่อนจะยื่นมือขวามากุมมือผมไว้

    ถ้าเป็นคนอื่น คงเดินจับมือกันธรรมดาแล้วก็คงจะจับกับแบบไม่ปล่อย นี้พวกผมจับมือกันแล้วไถสเก็ตบอร์ด ล้มทั้งคู่บ้าง มันฉุดผมล้มบ้าง ผมฉุดมันล้มบ้าง ระยะทางที่ผ่านมาขรุขระบ้าง ทางลาดชันบ้าง ผมกับมันเลยปล่อยมือกันเป็นช่วงๆเพื่อให้ต่างคนต่างหลบอุปสรรคที่เจอตรงหน้า

    สุดท้ายพอผ่านพ้นไปได้ก็กลับมาจับมือกันเหมือนเดิม...

    จากสิบเอ็ดโมงกว่าๆ ผมกับไอ้ป้องไถตามขบวนสเก็ตบอร์ดจากบริเวณสวนเบญจสิริ ผ่านถนนสุขุมวิท และซอยทองหล่อ เข้าไป
    ยังสวนสมเด็จสราญราษฎร์มณีรมย์ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ รวมระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร โดยจะมีเจ้าที่ตำรวจและเทศกิจคอยปิดการจราจรให้ขบวนเป็นระยะเป็นระยะๆครับ ในแต่ละช่วงประมาณ 5 -10นาที

    จนเกือบๆเที่ยงวันก็ถึงหน้างาน ผมหันไปมองไอ้ป้องที่ไถตัวอยู่ข้างๆกัน ใบหน้าจืดๆนั้นดูอ่อนล้าแต่สวนทางกับแววตาที่ยังคงสนุกกับของเล่นชิ้นใหม่ ผมกับมันไถกันจนไปถึงที่หน้าโต๊ะรับ ลงทะเบียนเขางาน พอถึงที่หมายอย่างปลอดภัยผมก็ปล่อยมือมันออก

    "เอาน้ำไร เดี่ยวกูไปซื้อให้"

    ผมเห็นมีจุดขายน้ำอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้สักเท่าไหร่ คิดว่าไถไปไม่นานคงถึง

    "น้ำเปล่าก็ได้"

    "โอเค งั้นถ้าถึงคิวแล้วฝากลงทะเบียนด้วย"

    ผมล้วงบัตรประชาชนจากกระเป๋าสตางค์ส่งให้ไอ้ป้อง ก่อนจะไถตัวไปจุดขายน้ำ

    เพราะมีคนมารอซื้อเยอะพอสมควร กว่าผมจะได้ซื้อน้ำก็พอดีกับที่ไอ้ป้องลงทะเบียนเสร็จเรียบร้อย ผมเห็นมันยื่นเกาหัวแกรกๆทำสีหน้าลำบากใจส่งมาทางผม

    "รับอะไรดีค่ะ?"

    "เอาน้ำเปล่าสองขวดครับ"

    "16บาทค่ะ"

    ผมยืนแบงค์สี่ยิบให้ ก่อนจะบอกพี่เขาว่า

    "พี่ครับ ขอผ้าเย็นด้วยผืนหนึ่งครับ"

    จำได้ว่าหน้ามันเลอะเหงื่อสิ้นดี ผมเลยซื่อไปฝากซะหน่อย

    ผมรับผ้าเย็นและขวดน้ำที่ใส่ถุงผ้าก่อนจะไถไปหาคนคอย ไอ้ป้องยืนสีหน้าบอกบุญไม่รับจนผมงงๆ

    "เป็นไรว่ะมึง"

    ผมถามงงๆ

    ไอ้ป้องคลี่ยิ้มเหมือนๆจะขอโทษผมก่อนจะส่งเสื่อเข้างานมาให้

    จริงๆแล้วมันไม่ได้มีกฏเป็นลายลักษณ์อักษรหรอกนะครับว่าต้องใส่เสื่องานเข้างาน แต่เหมือนเป็นธรรมเนียมที่ทำกันมาตลอดครับ เพราะถือเป็นการขอบคุณเจ้าภาพซึ่งเป็นผู้ใหญ่ใจดีที่จัดงานดีๆแบบนี้ให้กับคนรักสเก็ตบอร์ดแบบพวกผม

    "มึงเข้างานเถอะ เดี่ยวกูรอข้างนอกให้"

    "อ้าว ทำไมมึงไม่เข้าไปล่ะ เบื่อเหรอ?"

    ผมตกใจ ไม่คิดว่ามันจะเบื่อเร็วขนาดนี้

    "เปล่า คือ...เสื่อมัน..."

    "มันทำไม?"

    ผมถามเสียงเครียด ไม่เข้าใจว่าเรื่องเสื่อเป็นปัญหาตรงไหน?

    ไอ้ป้องเลียริมฝีปากแห้งๆก่อนจะพูด



    "มันเป็นเสื่อคู่..."


    ผมสะอึก ก่อนจะหยิบเสื่อมาออกมากางออกดู

    เสื่อสองตัวนี้เป็นลายสเก็ตบอร์ดสีเขียวขอบน้ำเงิน ว่าง่ายๆคือสเก็ตบอร์ดครึ่งหนึ่งอยู่บนเสื่อของผม อีกครึ่งอยู่กับเสื่อของไอ้ป้องแถมทั้งสองตัวเขียนไว้ว่า 'เติม'กับ'เต็ม' มีเครื่องหมายการค้าของเจ้าภาพอยู่ที่ด้านหลังเสื่อ 

    "แล้วมึงทำไมถึงได้เสื่อคู่มาได้ล่ะ?"

    ปกติแล้วทุกปีที่ผมมา(คนเดี่ยว...)ผมก็ได้เสื่องานมาตลอด และก็ไม่เคยเห็นเลยว่าจะมีเสื่อคู่แจกด้วย

    "โฆษณาสเก็ตบอร์ดสำหรับคู่รัก ผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัทแม่งาน"

    "แล้วมันเกี่ยวกับเรายังไงว่ะ?"

    ไอ้ป้องหน้าแดงขึ้นก่อนจะยอมพูดสาเหตุ

    "ก็ตอนกูลงทะเบียน พี่เขาแค่ถามกูว่ามันกันสองคนใช่ไหมแล้วเขาก็ชี้ไปที่มึง กูก็เออออห่อหมกไป ที่นี้พี่เขาก็บอกว่าเป็นคู่ที่แปลกดี ไม่ค่อยเจอมางานแบบนี้เท่าไหร่ ขอให้รักกันนานๆนะ กูยังไม่ทันได้เข้าใจอะไร ไอ้พวกต่อคิวด้านหลังก็โวยกันแล้ว"

    เพราะแดดตอนเที่ยงๆนั้นแหละครับทำพิษเข้าใจอยู่หรอก เป็นผมก็ไม่อยากต่อคิวยาวๆหรอกครับมันร้อนสิ้นดี ผมเองก็ไม่คิดว่าการฝากลงทะเบียนจะสร้างปัญหามาให้ แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะไม่ใส่ใจกับมัน แล้วหันไปใส่เสื่อเข้างานแทนเพียงแต่ไอ้คนข้างๆผมยังคงนิ่งสงบอยู่

    "ป้อง มึงอายมากเลยเหรอที่มากับกู?"

    อายมากเลยใช่ไหม ที่คนข้างๆมึงเป็นผู้ชาย ไม่ใช่ผู้หญิงอ่อนหวานหรือน่ารัก...

    ความคิดด้านลบถาโถมดุจพายุใส่ใจผม ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเสียดแทงเข้ามามากมาย

    ทั้งๆที่ใจอุตส่าห์กล้ามากพอที่จะพาอีกฝ่ายเข้ามาในโลกของผม โลกที่สะท้อนความเป็นตัวเองแท้ๆแต่กับอีกฝ่ายแค่เรื่องเสื่อมันยังคิดมาก...

    ผมมันคงไม่มีค่ามากพอจริงๆ...

    "ไม่ใช่แบบนั้น"

    ไอ้ป้องพูดขึ้นก่อนจะกุมมือผมแน่น

    ถ้าความรู้สึกเมื่อกี้เหมือนตกอยู่ในความมืดมิด

    ตอนนี้ ...มันก็คงเหมือนแสงสว่าง....

    "กูดีใจมากเลยต่างหาก ที่มึงพากูมาทำอะไรสนุกๆแบบนี้ ตอนที่อยู่ข้างๆมึง...กูมีความสุขนะ"

    รอยยิ้มที่ไม่ได้ปั้นแต่ง ถูกส่งให้ผม

    เคยรู้สึกเหมือนแผ่นดินที่แห้งแล้ง แล้วจู่ๆก็ได้รับหยาดฝนไหมครับ?

    ความรู้สึกของผม...มันก็คงประมาณ

    "ที่กูกังวล กูกลัวใครเขามองมึงไม่ดีมากกว่า กูรู้ว่ามึงเป็นผู้ชายเต็มตัว คงไม่อยากให้ใครมองว่า...เออ เป็นเกย์นะ"

    ทุกครั้งเวลาไอ้ป้องคิดมาก...

    มันไม่เคยคิดมากเรื่องของตัวเองไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนไหนๆ สุดท้ายที่มันเป็นกังวลก็คือเรืองที่ว่าคนเขาจะ'มองผม'ยังไง ไม่ได้คิดว่าตัวเองนั้นแหละจะฤูกมองแบบไหน...

    ชอบที่จะปกป้องคนอื่น ก่อนที่จะปกป้องตัวเอง

    ผมกุมมือมันให้แน่นขึ้น ก่อนจะตบหัวมันเบาๆ

    "งั้นถ้ามึงไม่อายที่มากับกู ก็ไปด้วยกัน"

    "แต่..."

    "กูไม่อายหรอกนะที่มากับมึง กูจะอายทำไมในเมื่อกูมีความสุขเพราะมีมึง"

    ผมพูดออกไปตามสิ่งที่ใจคิด

    ก็ผมมีความสุขเพราะมีมันจริงๆนิครับ

    มีความสุข ก็คือมีความสุข ไม่เห็นต้องคิดอะไรมากไปกว่านี้ น้อยไปกว่านี้

    ผมพามันมา'โลกของผม'เพราะอยากให้มันสัมผัสด้วยตัวเอง สัมผัสกับโลกที่หล่อหลอมตัวผมขึ้นมา รวมทั้งทดสอบ'แรงกดดัน' 
    จาก 'สังคม'

    ขอแค่อยู่ข้างๆกันแล้วมีความสุขกับสิ่งที่เป็นอยู่

    ผมว่ามันคุ้มดี..... ที่คิดจะแบกรับมัน

    ไอ้ป้องค้างไปนิดๆก่อนมันจะถอนหายใจออกมาแล้วแกะห่อพลาสติกออกหยิบเสื่อคู่ตัวนั้นมาสวมทับ

    "โอเคยัง?"

    มันถาม ผมพยักหน้ายิ้มๆ

    "แล้วมือนี้ต้องจับด้วยเหรอว่ะ?"

    ไอ้ป้องยกมือที่ถูกผมกุมไว้ขึ้นมาอยู่ในระดับสายตา

    "ไม่ต้องก็ได้ แค่เดิน'ข้างๆ'กูก็พอ"

    ผมยอมปล่อยมือแต่โดยดี แค่มันยอมไม่คิดมากใส่เสื่อคู่เดินข้างๆผม

    ผมว่ามันคงดีที่สุดแล้วล่ะ สำหรับ ณ ตอนนี้...

    ผมกับไอ้ป้องเดินเข้าไปภายในงานแบ่งออกเป็นหลายโซน หลักๆก็จะมีบูธของสปอนเซอร์หลักที่นำสินค้ามาขาย ซึ่งก็คือรองเท้า
    สำหรับใส่เล่นกีฬาหรือบอร์ดโดยเฉพาะ ต่อมาก็พวกอะไหล่ล้อ หรือขาบอร์ด 

    ภายในงานมีผู้คนที่เรียกได้ว่าคละอายุจริงๆครับ ตั้งแต่เด็กเล็กๆ6-7ขวบจนถึงเลยวัยทำงาน สิ่งเดี่ยวที่ทำให้ทุกคนมาร่วมตัวกันได้คือความหลงใหลในเจ้าบอร์ดไม้สี่ล้อนี้เอง

    ผมพาไอ้ป้องดูลัดเลาะไปเรื่อยๆ รู้สึกเหมือนพาเด็กหัดเที่ยวเดินเล่น ไอ้ป้องตื่นๆกับจำนวน ผู้คนที่คับคั่งและเดินกันแออัด ชนินที่ว่าแทบจะไหล่ชนไหล่ คนเยอะมากจริงๆครับ ปกติก็เยอะทุกปีอยู่แล้วนะครับ ปีนี้เรียกได้ว่าแน่นสุดๆ

    แต่ในที่สุดผมก็พาไอ้ป้องเดินมาถึงโซนที่ต้องการและเป็นโซนที่อมชอบมากที่สุด

    พื้นที่บริเวณนี้จะประกอบด้วยพวกท่อเหล็ก หรือแผ่นคลื่นไรงี้นะครับ ไว้ให้พวกเด็กบอร์ดมาเล่นกัน หรือที่เรียกติดปากว่า'แจม'
    การแจมในที่นี้คือการเข้าไปเล่นกับคนอื่นครับ เล่นฮาๆกันไป ซึ่งก็ไม่ได้เล่นเปล่าๆปลี้ๆหรอกนะครับ สมมุติเล่นท่าโดดไกลได้ๆสวยๆแล้วเข้าตากรรมการพอดี ก็อาจได้ทริปเล็กๆน้อยร้อยสองร้อยก็ว่ากันไป ผมเองก็เคยเล่นได้เหมือนกันสามหรือสี่ร้อยเนี้ยแหละแต่ส่วนใหญ่แล้วคือเล่นเพื่อความสนุกครับ 

    ตั้งแต่เดินเข้างานมาจนถึงตอนนี้ไอ้ป้องยังไม่มีท่าที่อึดอัดแม้จะใส่เสื่อคู่เดินกับผม ถามว่ามีคนมองไหม? มันก็มีครับ แต่ส่วนตัวผมคิดว่าเขาอยากมองก็ให้มองไป มองก็คือมอง ไม่ต้องคิดลึก คิดเพิ่ม ว่าเขามองเพื่ออะไร ผมเป็นพวกประเภทคิดแบบนี้นะครับ

    เลือกจะใส่ใจสิ่งที่ทำให้เราสุข อะไรที่ทำให้ทุกข์ โยนทิ้งได้ก็โยนทิ้งไป

    "กูไปแจมแปบนะ ดูกูด้วยอ๊ะ"

    ผมบอก ไอ้ป้องพยักหน้ารับหลังทำความเข้าใจคำว่าแจมไปเรียบร้อยแล้ว

    โอเค เกียร์ สมาธิ...

    ตอนนี้มีสายตาคู่หนึ่งกำลังมองมึงอยู่ ไม่ต้องเกร็งแค่เล่นไปตามปกติก็พอ

    ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เนินที่ผมเลือกเล่น เป็นเนินที่ไม่สูงมากเท่าไหร่ ระดับความยากง่ายกำลังดี

    ผมเคยอ่านเจอในหนังสือว่า คนเราพอตั้งใจอะไรสักอย่างเพื่อใครบางคนที่สำคัญย่อมจะสร้างผลลัพธ์ในทางบวกอยู่แล้ว

    ผมค่อยๆไถตัวลงเนิน ชั่วพริบตานั้นเองที่อยากได้กำลังใจจนเผลอมองอีกฝ่าย

    ในหนังสือที่อ่าน พอทำแบบนั้นแล้วพระเอกจะมีความเท่ห์เหรี้ยๆอยู่กับตัว และโชว์สกิลเหนือมนุษย์ออกมาให้นางเอกได้เห็น
    ครับ...

    ผมลืมว่านั้นมัน'นิยาย'

    และผมมันไม่ใช่ ‘พระเอก’

    ในโลกของความเป็นจริง เมื่อคุณกล้าท้าทายแรงโน้มถ่วง มันมักจะสนองผมด้วยการจัดหนักเสมอ

    'ตุ๊บ'

    'กร๊อบ'

    "ไอ้เกียร์"

    เสียงผมตกพื้น เสียงไอ้ป้องตกใจ และเสียงบางส่วนในร่างกายผมเนี้ยแหละหักออกมา

    ผมสัญญากับตัวเองเลยว่ากลับถึงบ้านเมื่อไหร่ผมจะเผามันทิ้งให้หมด!!!!!!

    ทำไมกูไม่เท่ห์แบบในหนังสือว่ะ???


      
                                           
      Confidence never comes from having all the answers;
    It comes from being open to all the questions. #ก้องเกียรติ์


    TBC.

    ในโลกใบนี้ไม่มีใครง๊าวเท่าเอ็งแล้วไอ้เกียร์ !!!!

    ปล. พาร์ท โลกของเธอ โลกของฉัน โลกของเรา ยังไม่จบนะครับ มีอีกตอน (มันยาวมากจริงๆ :กอด1: )

    ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและแวะมาให้กำลังใจกันน่า ตอนนี้คือขยันลงสุดๆ  :bye2:
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×