ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ____เก็บ....'รัก' ____[Yaoi] [The End] [เปิดจอง!!!!!]

    ลำดับตอนที่ #10 : #10 ง้อ ปลาทับทิมกรอบ และ แตกต่าง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 693
      3
      4 ก.ค. 57

    #10ง้อ ปลาทับทิมกรอบ และ แตกต่าง



    ผมขับCbrสีเขียวคู่ใจออกจากบ้านในสภาพชุดนร.เต็มคราบ รีบไม่รีบก็คิดดูแล้วกันครับ ปาจาคอปไว้หน้าบ้านแล้วก็ดิ่งออกมาเลย

    รู้สึกใจหายวาบ คิดถึงความเป็นไปได้ต่างๆนานาที่จะเกิดขึ้น คนแบบไอ้ป้องนะ ต่อให้ผมเพิ่งเริ่มสนิทก็ยังคาดเดานิสัยมันได้เลยครับ

    ผมบิดขึ้น60ภาวนาให้พอไปถึงที่หน้าเพลินจิตแล้วไม่เจอมัน ภาวนาให้ผมคิดไปเอง ภาวนาให้มันไม่รออยู่ตรงนั้น เป็นครั้งแรก ที่มีความรู้สึกอยากให้ใครสักคนหนึ่งลืมคำพูดของผมไป ไม่เชื่อคำพูดของผม ไม่ต้องรอผม ถ้าเป็นคนอื่น คงรู้อยู่แล้วว่าผมไม่มา และคงจะกลับบ้านไปแล้ว

    แต่ไม่ใช่กับปกป้อง...

    ร่างของเด็กผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงนั้น ตรงม้าหินอ่อนป้ายรถเมล์ของเพลินจิตวิทยา ใบหน้าจืดๆไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ สายตาเหม่อออกไปด้านหน้า ผมจอดรถก่อนจะเดินลงไปหามัน เจ้าของเสื้อนร.สีซีดเห็นผมแล้วไม่แม้แต่จะมองหน้าผมด้วยซ้ำ

    ปกป้องวางกระเป๋าลงตรงตัก มือทั้งสองข้างอยู่บนนั้น ตามแขนทั้งสองข้างมีรอยยุงกัดเต็มไปหมด

    ผมไม่รู้จะพูดอะไรออกมาดี ทั้งหมดนี้มันแสดงให้เห็นว่าไอ้ป้องมันนั่งรอผมตั้งแต่เลิกเรียนจนถึงตอนนี้จริงๆ

    รอ...แม้จะรู้ว่าผม'ลืม'ไปแล้ว

    "กลับบ้าน...กัน"

    ผมไม่รู้จะพูดอะไรดีนอกจากชวนมันกลับบ้าน

    มันยืนขึ้นไม่พูดตอบ ปัดๆฝุ่นตามร่างกายก่อนจะยืนนิ่งผมเห็นแบบนั้นเลยสตาร์ทCbrรอ มันก้าวขึ้นซ้อนท้ายแต่เอาจาคอปของมันกั่นเอาไว้ระหว่างผมกับมัน น่าแปลกที่ตัวล็อกตรงจาคอปที่ชนหลังผมทำให้รู้สึกเย็นอย่างบอกไม่ถูก

    "วันนี้กูอาจรอมึงได้..."

    "..."

    "แต่ไม่ได้หมายความว่า กูจะรอมึงตลอดไปนะเกียร์"

    น้ำเสียงตัดพ้อดังบอกผมแบบนั้น ผมรู้ มันก็สมควรโดนโกรธอยู่หรอก ก็ปล่อยให้อีกฝ่ายรอขนาดนี้

    ถ้าผมลืมจริงๆ มันจะรอผมทั้งคืนเลยไหม?

    ......คำตอบที่ได้จากใจ ทำผมเย็นวูบไปทั้งตัว

    "มึง ...หิวไหม?"

    "..."

    "เดี่ยวแวะตลาดกันเนาะ"

    ผมพยายามพูดทำลายบรรยากาศกระอักกระอ่วนแต่ไม่มีคำตอบจากปากมัน ใจหายขึ้นอีกกับท่าที่เฉยชาแบบนี้...

    ผมขับCbrที่รักไปจอดตรงริมฟุตบาธที่ติดกับตลาดนัดตอนกลางคืนตอนแรกจะชวนมันเดินเล่นแล้วครับ แต่มันบอกว่า'เหนื่อย'ผมเลยไม่กล้าเซ้าซี้อะไรอีก ได้แต่เดินลงไปซื่อของกินนิดหน่อยกับน้ำแตงโมปั่นอีกถุงหนึ่ง

    "กินไหม?น้ำแตงโมเจ้านี้อร่อยนะ"

    ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอร่อยจริงไหม เพราะเพิ่งซื่อครั้งแรก แต่บอกไปแบบนั้น หวังเพียงแค่มันยืนมือรับไปดูด

    "ไม่เป็นไร กูไม่หิว"

    มันบอกปัด แต่ไม่ได้มองหน้าผม

    โกรธจริงจังว่ะ...

    ผมเกาหัวไม่รู้จะทำไงต่อไปดี ตั้งแต่เกิดมาจำความได้ยังไม่เคย'ง้อ'ผู้ชายเลยนะครับ และการที่ไอ้คนตัวโตส่วนสูงไล่เรี่ยกับผม
    แล้วมางอนเนี้ย บอกเลยว่าไม่เคยเจอ โอเค รู้ ผมผิดเองที่ลืมคำพูดตัวเอง แต่ถ้ามันไม่อยากนั่งรอก็แค่กลับบ้านเองไม่ใช่เหรอครับ? ก็ถ้าเป็นผม ผมก็กลับนะ จะนั่งตากยุงรอทำไม

    ผมขับรถไปเงียบๆเพราะในอารมณ์รู้สึกฉุนเล็กๆที่อีกฝ่ายโกรธเพราะเรื่องแค่นี้เป็นผู้ชายแท้ๆดันทำตัวงอแงแบบพวกผู้หญิง แมร่งโครตไม่สบอารมณ์เลย มันก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอครับว่าผมรู้สึกผิด แล้วทำไมเรื่องแค่นี้ต้องถือเป็นเรื่องโกรธเคืองด้วย

    ไม่เข้าใจเลยจริงๆ...

    ผมขับรถมาถึงบ้านราวๆเกือบสองทุ่มเศษ ไอ้ป้องเดินเข้าบ้านไปแบบเงียบๆ ผมเข็นCbrไปจอดก่อนจะรีบวิ่งตามมันไป

    "หยุดก่อนดิป้อง คุยกันให้รู้เรื่อง"

    ผมคว้าแขนไอ้ตัวดีก่อนมันจะก้าวขึ้นบันได ก็ไม่เข้าใจว่าโกรธแล้วทำไมไม่พูดตรงๆ

    "..."

    "กูขอโทษที่ลืม พอใจยังไอ้สัส!!!"

    "....."

    ผมชักอารมณ์เสียขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเห็นมันไม่ตอบผมยิ่งหงุดหงิด
     
    " เอ๊ย งอนกับเรื่องแค่นี้มึงเป็นตุ๊ดเหรอ ไอ้สัส ก็รู้ว่ากูลืมทำไมมึงไม่กลับบ้านเลย จะรอทำเหรี้ยไร ไร้สาระ!!! "

    สุดท้ายทนไม่ไหวตะคอกออกไปเต็มหน้ามัน

    'แหมะ'

    หยดน้ำใสๆหยดลงบนฝามือของผมที่จับมันไว้ มันไม่พูด ไม่ด่า ไม่โต้แย้ง แค่ดึงมือออกไปแล้วเดินขึ้นชั้นบนไป

    "แมร่งโว้ย!!!!!"

    ผมคำรามหงุดหงิดระบายอารมณ์ มือทั้งสองข้างก็ยกขึ้นมาขยี้หัว หงุดหงิดตัวเองที่ปากหมาแบบนั้น

    หงุดหงิดมันที่ไม่ได้ไม่ว่าผมแต่เงียบจนโคตรอึดอัด สุดท้ายความอดทนก็แตกดังโพละเผลอระเบิดอารมณ์ใส่อีกฝ่ายไปแบบนั้น

    ยิ่งเห็นน้ำตามันไหลออกมา ผมยิ่งรู้สึกเจ็บ...

    ทำไมผมถึงได้ทำร้ายมันไปแบบนั้น ทำไมผมถึงไม่ยอมวางทิฐิลงแล้วยอมรับว่าตัวเองผิดจริงๆ ยิ่งถ้อยคำด่าท่อที่เห็นแก่ตัวนั้นก็อีก ทำไมผมถึงไม่นึกถึงใจมันเลยสักนิด

    ผมเครียดจนไม่รู้จะทำยังไงดี สุดท้ายเลยเขวี้ยงจาคอปลงไปกับพื่นห้องนั่งเล่นก่อนจะทรุดตัวลงไปนั่งกับโซฟานั่งนิ่งๆทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ก่อนสายตาของผมจะมองสูงขึ้นไปเห็นรูปครอบครัวของผม พี่ขวัญ แล้วก็พ่อแขวนเอาไว้

    จริงสิ...

    พ่อ...

    มือผมไวเท่าความคิด ผมกดหมายเลขที่คุ้นเคยก็จะรออีกฝ่ายรับสาย หวังเพียงแต่ให้พ่อยังไม่นอน

    'ฮัลโล ว่าไงลูก'

    "พ่อครับ ตอนนี้อยู่กับแม่ไหมครับ? เกียร์ขอคุยกับแม่หน่อยครับ"

    ผมรีบพูดสวนหลังพ่อรับสาย 

    'อยู่ข้างๆพ่อเนี้ยแหละ เอา คุณครับลูกขอคุยด้วย'

    ผมได้ยินเสียงโทรศัพท์ถูกส่งผ่านมือ ก่อนเสียงอบอุ่นของน้าลีลาวดีจะตามมา

    'หวัดดีจ้าเกียร์'

    "หวัดดีครับแม่ คือเกียร์มีเรื่องจะถามหน่อยครับ"

    ผมตอบกลับก่อนปลายสายจะพูดต่อ

    'เรื่องอะไรล่ะลูก? ไหนลองถามมาสิจ๊ะ'

    "คือ...."


    ..



    ..


    .



    .


    .

    "ฝันดีครับแม่"

    'จ้า ฝันดีเช่นกันนะเกียร์'

    ผมกดวางสายหลังคุยกับแม่เกือบค่อนชั่วโมง นัยน์ตาก็มองกระดาษที่จดสิ่งที่ต้องการ ก่อนเท้าจะก้าวขึ้นบันไดไป

    ไฟในห้องไม่ได้เปิด ผมเปิดไฟที่ริมประตู แสงสว่างสีขาวนวลช่วยให้เห็นมันนอนอยู่ ไอ้ป้องนอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงชั้นล่าง มันนอนไปทั้งๆชุดนร. ถุงเท้ายังไม่ถอดด้วยซ้ำ ขวดน้ำสิงห์วางอยู่ตรงหัวมันผมแตะๆตัวหวังจะให้มันพลิกตัวนอนหงายดีๆ แต่ก็ยังนิ่ง


    หลับโครตลึก...

    "ป้อง..."

    "..."

    เสียงลมหายใจฟืดฟาดครูดกับหมอนของมันบอกผมว่าเจ้าตัวไม่ได้แกล้งหลับ

    ผมถอนหายใจ ก่อนจะช่วยพลิกตัวมันดีๆ แล้วถอดถุงเท้า ปลดเข็มขัดนร.ให้มันนอนสบายๆตัว พอทำแบบนั้นซองยาสีชาเลยตกลงกับพื่น

    ยาอะไร?

    ผมพลิกดูทั้งด้านหน้าด้านหลังไม่มีชื่อเขียนบอกไว้คิดว่ามันคงกินแล้วหลับไปเพราะขวดน้ำก็วางอยู่บนหัวนอน ผมวางยาไว้ตรงหัวนอนมันเหมือนเดิม คิดว่าเป็นพวกวิตามินหรืออะไรเทือกๆนั้น สิ่งที่ผมสนใจคือใบหน้าอีกด้านของมันต่างหาก

    ดวงตาคู่เรียวหลับสนิท ดูก็รู้ว่ามันร้องไห้กับหมอนจนตาปวมแบบนี้

    ผมปาดน้ำตามันออกเบาๆก่อนจะเอื้อมมือไปลูบหัวมัน ตอนหลับก็โอเคอยู่หรอก แต่พอตื่นแล้วโครตงอแงเลย

    "รู้แล้วว่ากูผิด แต่ถ้า'ง้อ'แล้วไม่ หายโกรธ...กูหมดมุกแล้วนะเว้ย"

    ผมพูดลอยๆกับตัวเอง ก่อนจะเอานิ้วจิ้มแก้มย้วยๆของมัน คนถูกจิ้มยังคงหลับสนิท

    หวังว่าไอ้เรื่องที่ลงทุนโทร.ไปถาม มันจะง้อมึงได้นะ

    ไอ้ป้อง...



    :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2
    :
     
    "โอ๊ย ร้อน !!!"

    ผมสถบออกมาดังๆหลังน้ำมันลวกมือ ตอนนี้หกโมงกว่าๆแล้ว ผมอยู่ในชุดพร้อมรบมีผ้าเอี๊ยมหนึ่งตัวและอาวุธหลักคือตะหลิวในมือ คู่ต่อสู้ในวันนี้คือปลาทับทิมตัวโตที่ผมลงทุนขับCbrไปตลาดสดหาซื่อมาจากตอนเช้ามืด

    ส่วนไอ้สาเหตุที่ทำให้ผมต้องมาสู้รบปรบมือกับไอ้ตัวไม่มีขาแต่มีครีบพวกนี้นะเหรอ


    ..


    ..



    .

    .

    'ป้องมันชอบกินอะไรเป็นพิเศษรึเปล่าครับ?'

    'ตาป้องนะเหรอ รายนั้นชอบกินพวกปลานะจ๊ะ พวกปลานิล ปลาทับทิมกรอบอะไรแบบนี้'

    'เหรอครับ'

    'ป้องชอบทานคู่กับพริกน้ำปลาน่ะนะ เขาชอบกินรสเปรี้ยว หนักรสเปรี๋ยวหน่อยนี้ชอบเลย แม่ทำที่ไรเบิ้ลสองทุกที่'

    แม่ลีลาวดีหัวเราะผ่านมาตามสาย ก่อนจะบอกวีธีหมักปลาและสูตรทำพริกน้ำปลาให้ผม

    กลับมายังสนามรบปัจจุบัน

    ผมทำดาเมจใส่ปลาทับ ทิมกรอบไปแล้วครึ่งตัว แม้ตัวจะไรวิญญาณแต่ปลาทับทิมพวกนี้กลับแฝงจิตอาฆาตผมไว้ด้วยการพลีชีพ(ได้ข่าวมันตายนานแล้ว:ปกป้อง)ระเบิดตัวเองใส่ผมเป็นระยะๆ(บรรยายเท่ๆไปงั้น จริงๆคือล้างไม่สะอาดพอใส่ลงกะทะน้ำมันก็ตีกับน้ำ กระเด็นใส่แขน- -)

    ผมตวัดลำตัวมันขึ้นมา น้ำมันกระเด็นมากระฉอกใหญ่จนแทบที้งตะหลิวขึ้น แต่ถ้าทำแบบนั้นปลาได้ไหม้แน่ๆ

    "โอ๊ย!!!!"

    ปลาสุกแล้วแต่ยังไม่หวายแผลงฤทธิ์เป็นครั้งสุดท้ายก่อนตาย(ก็บอกว่ามันตายนานแล้วโว้ยยย:ปกป้อง)ด้วยการระเบิดใส่มือผม
    จั้งๆ

    "น้ำมันลวกเหรอ?"

    ไอ้ป้องที่ผมไม่รู้ว่าลงมาตั้งแต่เมื่อไหร่ถามขึ้น ผมพยักหน้าน้ำตาเล็ดนิดหน่อยเพราะเริ่มรู้สึกแสบๆ มันวิ่งออกไปจากห้องครัว ก่อนจะวิ่งกลับมาในมือถือหลอดยาสีฟันคอลเกตุ

    มันดึงผมไปที่อ่างล้างจานก็จะเปิดน้ำเบาๆล้างน้ำมันออก จากนั้นก็ค่อยๆบีบยาสีฟันลูบๆทั่วบริเวณที่ผมโดนน้ำมันลวกๆ ทั้งๆที่เมื่อวานนี้ผมพูดจาเห็นแก่ตัวแท้ๆแต่พอเห็นผมเจ็บมันก็ไม่เคยรีรอที่จะช่วยเหลือ

    ไม่ว่าจะกี่ครั้ง ไม่ว่าจะทะเลาะกันแบบไหน คนที่มันสนใจคนแรก คนที่มันยอมแพ้ง่ายๆ....

    ก็คือผม....

    "ป้อง..."

    "..."

    "กูขอโทษที่เมื่อวานพูดไม่ดีกับมึง ทั้งๆที่ตัวกูเองที่ผิด"

    มันลูบๆยาสีฟันก่อนจะตอบ

    "จะไม่พูดว่าไม่โกรธ เพราะเมื่อวานโกรธมากจริงๆ มันไม่เกี่ยวหรอกนะเกียร์ ว่าคนที่ยืนอยู่ข้างๆมึงตอนนี้เพศอะไร แต่การที่มึงนัดคนอื่นแล้วปล่อยให้รอนี้มันใช้ไม่ได้ พอกูโกรธแทนที่จะง้อ จะขอโทษดีๆ  มาวีนใส่อ้างเหตุผลควายๆ มันใช้ไม่ได้ ไอ้สัส"

    ตบท้ายด้วยอัจวนะภาษาใส่หัวผมเต็มที่ แมร่งตบหัวผมอีกแล้ว TT(ถ้าคืนนี้กูฉี่แตกขอให้ไหลใส่ปากมึง)

    "ก็..."

    "ก็อะไรอีก?"


    ..



    ..


    .


    .

    "ก็กูไม่เคยถูกผู้ชาย'งอน' แล้วกูจะ'ง้อ'เป็นเหรอ? "



    จบคำของผม หน้ามันก็แดงแปร๊ดเดินออกจากห้องครัวไปพร้อมกับจานปลาทับทิมทอดกรอบ หึหึหิวก็บอกเหอะทำเป็นฟอร์มฮึดฮัดใส่ผม โถ่ววว

    ผมเดินตามมันออกไปจนถึงห้องนั่งเล่นเห็นมันนั่งกินเคี้ยวตุ้ยๆเข้าปากจนแก้มย้วย ก็สมควรอยู่หรอก เมื่อคืนทะเลาะจนไม่ได้กินข้าวกันทั้งคู่เลยนิครับ

    ผมนั่งลงข้างๆมันก่อนจะตักข้าวกินเองบ้าง ไม่คิดเหมือนกันว่าไอ้คนที่ผมคิดว่าโลกส่วนตัวสูงมาก จะมีมุมหลุดมาดเหมือนกัน
    ปกป้องตักข้าวพูนช้อนก่อนจะอ้าปากกว้างๆแล้วยัดลงไปพร้อมเนื้อปลาทับทิมทอดกรอบ(เชื่อล่ะครับว่าชอบเปรี๊ยวจริงๆ ผมเห็นมันบีบมะนาวใส่เพิ่มทั้งๆที่ของเดิมก็เปรี๊ยวมากอยู่แล้ว)

    "ป้อง"

    "อะไอ"

    "เออ กินข้าวก่อนเถอะ กูค่อยถามก็ได้"

    "อูดอาอิ อูออบไอ้"

    มึงตอบได้แต่กูฟังไม่รู้เรื่องโว้ยยย

    ผมเร่งมือทานของตัวเองบ้างก่อนจะเห็นมันตักข้าวกินเพิ่ม

    เห็นแบบนี้ค่อยหายเหนื่อยหน่อย รู้สึกคุ้มค่ากับที่ยอมตื่นเช้า...

    "ป้อง"

    "ไม่ต้องเรียกชื่อกูแล้ว พูดมาเลย"

    มันคงตัดรำคาญเลยพูดบอกแบบนั้น

    "ทำไมถึงรอกูล่ะ...?"

    มันชะงักช้อนที่กำลังจะเข้าปากก่อนจะมองผม

    "ก็มันเป็นครั้งแรกนิ"

    "ครั้งแรก?"

    "ครั้งแรกที่มึงเป็นคนชวน จำได้ไหมว่าตอนกูอยู่ที่นี้ใหม่ๆ มึงอคติขนาดไหน พอมึงชวนกูกูเลยดีใจ....และรอมึงไง"

    ผมพยักหน้าเข้าใจสิ่งที่มันอธิบาย

    เรื่องของความรู้สึก เราคิดแทนกันไม่ได้...

    บางเรื่องที่มันโครตไร้สาระสำหรับเรา มันอาจเป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับใครอีกคนก็ได้

    เพราะคนเราล้วนแตกต่างกัน โตกันมาคนละแบบ มันก็เหมือนเราโยนก้อนหินลงน้ำ เราไม่รู้หรอกว่ามันลงไป'ลึก'ขนาดไหน ก็ไม่
    ต่างอะไรจากการที่เราว่าคนๆหนึ่งทำอะไรไร้สาระ เพียงเพราะเราคิดต่างจากเขา...

    ผมรู้สึกว่าตัวเองโตขึ้นอีกนิดหนึ่งอย่างน้อยๆการแคร์มันก็เป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้ตัวผมเองได้เห็น ถ้าเป็นเมื่อก่อน ผมคงเลือกจะปล่อย
    มันต่อไป โดยไม่คิดจะทำอะไรแบบนี้หรอก

    ผมเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ
     

    หรือไม่...

    ก็เพราะเป็นมัน ผมถึงได้แคร์...



                  There are many things I used to forget but just one thing never fade away in my heart is you. #ปกป้อง 


    TBC.


    ตอนนี้ถ้าใครอ่านแล้วไม่อิน ไม่เข้าใจน้องเกียร์ แปลว่าต่างยังแต่งไม่ดีเลยไม่เข้าใจในอารมณ์น้องเกียร์ ฮ่าๆ คืองี้นะ แตกต่างอยากให้ลองมองในมุมของ'ผู้ชาย' คือนิสัยของน้องเนี้ย แปลนั้นเป๊ะๆ คือไม่คิดมาก และไม่ค่อยละเอียดอ่อน(ว่าง่ายๆคือมันโง่ด้านอารมณ์ พวกผู้ชายนี้มันจะไม่ค่อยเข้าใจอารมณ์แบบนี้นักหรอกจ้า -  -")ตรงกันข้ามกับป้อง ที่โคตรจะละเอียดอ่อน และให้ความสำคัญกับทุกสิ่งรอบตัว ร่วมทั้งป้องยังมีเรื่องที่ทำให้'ต้องโต' 
    ถ้าใครอ่านมันตั้งแต่เริ่มต้นจริงๆจะเห็นเลยว่า นิสัยของไอ้สองคนนี้แมร่งโคตร'แตกต่าง' แต่เพราะแบบนั้นแหละ เราถึงได้เลือกเขียนน้องๆขึ้นมาในลักษณะนี้

    ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน เข้ามาคอมเม้นท์นา คอมเม้นท์ได้เรื่อยๆจ้า จุดไหนชอบไม่ชอบ เราชอบนะ มันทำให้เราได้เห็นอีกด้านหนึ่งของสิ่งที่เราเขียน
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×