ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SNSD] THE TWINS

    ลำดับตอนที่ #2 : 2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 139
      1
      16 มิ.ย. 57

    ชายหนุ่มสองคนเดินออกมาจากเกทในสนามบิน ทั้งสองมองไปรอบๆก่อนจะเดินไปตามทาง เป้าหมายของเขาทั้งสองคือ การกำจัดควอนยูริ ว่าที่ผู้นำของแก๊งควอนดิโน่ แก๊งยากูซ่าเก่าแก่ของญี่ปุ่น งานนี้ง่ายดาย เพราะยูริมากับตาแก่จงแค่สองคน การจัดการเป็นเรื่องง่ายดายมาก เพียงแค่รอสั่งจากท่านเท่านั้น

    “ดีนกับเทมใช่ไหม?”

    “ใช่ นายคือคนที่ท่านซังฮยอกสั่งให้มารับพวกฉันใช่ไหม?”

    “ใช่ งั้นไปกันเลย” ทั้งสามคนขึ้นรถตู้หน้าสนามบินแล้วออกไปยังจุดหมายต่อไป

    .

    .

    .

    “กลับมาแล้วค่า” แทยอนเดินเข้ามาในบ้าน ก็ต้องพบกับความเงียบงัน นี่พ่อของเธอยังไม่กลับมาจากที่ทำงานใช่ไหมเนี่ย

    “คุณหนูคะ คุณท่านยังไม่กลับมาค่ะ” ไวเท่าความคิดแม่บ้านก็เดินออกมาตอบ แทยอนทำหน้าเซ็งออกมาทันที คุณพ่อนะคุณพ่อ จะกลับบ้านไวๆเหมือนพ่อบ้านอื่นไม่ได้หรือไงกันนะ

    “นินทากันอยู่หรือเปล่าเนี่ย” ทันใดนั้น คิม อินซอง ก็เดินเข้ามายีหัวลูกสาวคนเดียวอย่างหมั่นเขี้ยว เพราะดูจากท่าทางคงกำลังแอบว่าอะไรเขาอยู่ในใจแน่ๆ

    “คุณพ่ออ่ะ ผมแทยุ่งหมดแล้วนะคะ”

    “ยังจะห่วงสวยอีกหรือไง นี่ในบ้านนะลูก”

    “ไม่ได้ค่ะ ต้องสวยทั้งในและนอกบ้าน” แทยอนยังคงทำหน้าบูดๆใส่ผู้เป็นพ่อ คิมอินซองจึงทำได้แต่หัวเราะเท่านั้น

    “เดี๋ยวนี้ คุณพ่องานยุ่งหรอคะ? แทเห็นกลับบ้านดึกทุกวัน”

    “ปล่าวหรอกลูก แต่วันนี้สายพ่อรายงานมาว่า มีคนเห็นนักฆ่าที่ทางการต้องการตัวที่สนามบิน พ่อเลยต้องตรวจดู งานมันเลยเสร็จช้านิดหน่อย” แทยอนพยักหน้าเข้าใจก่อนที่สองพ่อลูกจะเดินไปทานข้าวด้วยกัน

    “งั้นคุณพ่อก็ต้องระวังตัวไว้นะคะ อย่าเสี่ยงเด็ดขาด แทห้ามเลยนะ”

    “จ้า ลูกสาว ว่าแต่เราเถอะ มีใครมาขายขนมจีบหรือเปล่าเนี่ย ช่วงที่พ่อยุ่งๆนี่ไม่ใช่ว่าแอบมีแฟนไปแล้วนะ?” อินซองพูดจาติดตลอก แทยอนก็หน้าบูดไปตามระเบียบ มีที่ไหนล่ะ ใครเขาจะกล้า พอรู้ว่าพ่อเป็นใคร เขาก็เลิกจีบกันหมดแล้ว

    “ไม่มีหรอกค่ะ พอรู้ว่าแทเป็นลูกใครเขาก็เผ่นหนีหมดแล้ว” อินซองมองหน้าลูกสาวเพียงคนเดียวของเขาก่อนจะขำออกมา

    “ก็ดีแล้วนี่ ใครมาจีบลูกพ่อนะ จะยิงทิ้งให้หมดเลย”

    “คุณพ่ออ๊ะ!!” แล้วสองพ่อลูกก็คุยกันต่อไป แทยอนถึงแม้จะเกิดมาในครอบครัวที่ได้ชื่อว่าเพียบพร้อม แต่พ่อของเธอก็ไม่เคยเลี้ยงให้เธอเหมือนไข่ในหินมากนัก ตรงกันข้าม แทยอนยังรู้สึกติดดินซะด้วยซ้ำ เพราะพ่อของเธอไม่เคยสอนให้เธอใช้ของแพง ไม่คอยสอนให้ดูถูกคนที่ด้อยกว่า พอพูดเรื่องนี้ก็ทำให้คิดถึงหน้าใครบางคน ที่ชอบเข้าใจเธอผิดๆ แทยอนกำช้อนแน่นก่อนจะทำหน้าขัดใจที่หน้าของไอ้เด็กกวนประสาทลอยเข้ามาในความคิดได้

    “เป็นอะไรลูก คิดถึงใครอยู่?” อินซองที่ทานข้าวก็เงยหน้าขึ้นมามองลูกสาวตัวเอง

    “ปล่าวค่ะพ่อ ก็แค่คนกวนประสาท”

    .

    .

    .

    ยูริยืนมองบรรยากาศยามค่ำคืนของเกาหลี ตอนนี้เขายืนอยู่ในตัวบ้านที่ทางพ่อบ้านจงจัดหามาให้ มันเป็นบ้านที่อยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ หมู่บ้านที่พ่อกับแม่ของเขา มาจบชีวิตที่นี่

    “ผมว่าคุณหนูไม่น่าพักที่นี่เลยนะครับ”

    “ทำไมล่ะพ่อบ้านจง ที่นี่เงียบดีออก และยูลก็อยากจะอยู่ด้วย” ยูริหันมาตอบชายแก่ที่ยืนอยู่ด้านหลัง พ่อบ้านจงพยักหน้ารับแล้วเดินออกมา เพื่อปล่อยให้คุณหนูคิดอะไรคนเดียวเหมือนที่ตัวเองชอบทำ ยูริมองไปยังความมือมิดนั่นอีกครั้ง พยายามปะติดปะต่อเรื่องราวที่พบเจอมา ตั้งแต่การถูกตามโดยคนของอา การหนีออกมาจากโรงแรม และการได้เจอกับคนๆนั้น คนที่ยูริไม่แม้แต่จะรู้จัก แต่กลับรู้สึกว่ามันแปลกและแตกต่างจากคนอื่น

    “เธอเป็นใครกันนะ?” พูดกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะจมกับความคิดของตัวเอง และปล่อยให้มันผ่านไปพร้อมกับค่ำคืนที่มืดมิดนี้

     

    ครอบครัวฮวังกำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนานพร้อมกับการทานเย็น ทิฟฟานี่นำเสื้อคลุมที่ตนเองซื้อมาในวันนี้เพื่ออวดผู้เป็นพ่อและแม่ ยุนอาที่เห็นก็ทำได้แต่แกล้งดึงมาแล้ววิ่งไปรอบๆโต๊ะให้ทิฟฟานี่วิ่งตามเท่านั้น การกระทำของครอบครัวนี้มักเป็นแบบนี้เสมอ ทั้งสี่คนอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข อยู่ด้วยความเข้าใจ จนกระทั่ง........

    ตึงงงง โครม

    “ยุน!! เป็นอะไร?” ยุนอาที่วิ่งไล่จับกับทิฟฟานี่อยู่นั้น อยู่ดีๆก็ล้มลงกับพื้น ดวงตาเบิกกว้าง หายใจติดขัด ภาพในความคิดปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน ชายสองคนกำลังคุยกันในเรื่องที่ยุนอาไม่รู้ ทั้งคู่ยังคงหัวเราะร่วนกับแผนการที่กำลังจะดำเนิน เพียงแค่นายท่านสั่งมา เขาทั้งสองก็จะจัดการทันที มันจะต้องตายในไม่ช้า ภาพในหัวค่อยๆหายไป ยุนอาพยายามเพ่งอีกครั้ง แล้วทั้งหมดก็ดับวูบลงไป ราวกับความฝัน

    ....

    “คุณหนูครับ?” ยูริลุกขึ้นเก้ๆกังๆด้วยความช่วยเหลือของพ่อบ้านจง เขาจำไม่ได้ว่าตัวเองลงไปกองกับพื้นหน้าบ้านตั้งแต่เมื่อไร แต่ความคิดครั้งสุดท้าย ยูริเห็นชายชุดดำสองคน กำลังมีความสุขกับเรื่องราวที่จะทำ ยูริมองไม่เห็นหน้าของคนทั้งสอง ในความคิดยูริรับรู้ได้แต่ความรู้สึกสนุก และอยากจะฆ่าของทั้งสองเท่านั้น นี่มันเกิดอะไรขึ้น หรือเขาจะมีความสามารถอะไรเพิ่มมาอีก

    “คุณหนูเป็นอะไรหรือเปล่าครับ”

    “ไม่ค่ะ พ่อบ้านจง ยูลขอน้ำเปล่าสักแก้วและอีกอย่าง ช่วยจัดการเรื่องโรงเรียนให้ยูลด้วยนะคะ”

    “ครับ” พ่อบ้านจงเดินหายเข้าไปในตัวบ้านอีกครั้ง ตอนนี้ยูริมึนไปหมด ความคิดและภาพนนั้น เข้ามาในหัวของเขาได้อย่างไร และอีกอย่างสองคนนั้น เป็นใคร?

    .

    .

    “ยุน เป็นไงมั่ง?” ยุนอาตื่นขึ้นมาก็เห็นพี่สาวตัวเองนั่งอยู่ข้างๆเตียง เขาขึ้นมานอนบนห้องได้ยังไงกันนะ และพี่ฟานี่แต่งชุดนักเรียน นี่เช้าแล้วเหรอ

    “เช้าแล้วเหรอพี่ฟานี่ ยุนต้องรีบหน่อยล่ะ เดี๋ยวจะสาย”

    “ไม่ต้องฝืนหรอก เมื่อวานอยู่ดีๆยุนก็ล้มลงไปเลย พี่นึกว่าจะแย่ซะแล้ว”

    “ยุนเป็นอะไรเหรอ?” ยุนอาถามด้วยความสงสัย ภาพความจำเมื่อวานมันก็เลือนราง จำไม่ค่อยได้แฮะ

    “ก็เมื่อคืนยุนล้มตึงลงไป แล้วก็ทำหน้าเหมือนเห็นผีงั้นแหล่ะ พี่กับแม่ก็ตกใจ แต่พ่อบอกว่าให้ยุนนอนสักพักก็หาย แล้วพ่อก็อุ้มยุนขึ้นมานอนบนห้องนี่แหล่ะ” ทิฟฟานี่เล่าเรื่องคร่าวๆให้ยุนอาฟัง ยุนอาเองถึงแม้จะจำเรื่องที่ทิฟฟานี่เล่าไม่ได้ แต่เรื่องที่จดจำได้ในหัวไม่ลืมคือ ชายสองคนนั้น เขาเป็นใครกัน

    “เอาเป็นว่ายุนนอนพักอยู่บ้านนี่แหล่ะ พี่ไปโรงเรียนก่อนนะ”

    “ไม่เอาอ่ะ ยุนไปด้วย หายแล้วๆ”

    “จะบ้าหรือไง!! นอนพักไปเลยไป” สองพี่น้องเถียงกันอยู่ประมานสิบนาที ต่อมายุนอาที่เดินยิ้มแป้นออกมาจากบ้านในชุดนักเรียน ก็ยื่นนิ้วก้อยง้อพี่สาวอย่างทิฟฟานี่ที่หน้าบูดไปแล้วเรียบร้อย เพราะหลังจากทะเลาะกันเสร็จ ผู้เป็นแม่ที่ได้ยินเสียงสองพี่น้องที่ดังลงไปข้างล่างก็ขึ้นมาดู แล้วก็ตัดสินว่ายุนอาไปโรงเรียนได้ เพราะอาการดีขึ้นมากแล้ว เป็นเหตุให้พี่สาวอย่างทิฟฟานี่งอนนั่นเอง

    “โอ๋ๆ ดีกันนะ ยุนแค่ไม่อยากขาดเรียนแค่นั้นเอง”

    “ตามใจเถอะ ถ้าเป็นลมอีกพี่ไม่ช่วยแล้ว” ทิฟฟานี่พูดเคืองๆก่อนจะเดินแยกไปทางฝั่งห้องเรียนของปีสาม ยุนอาเห็นแบบนั้นก็อมยิ้ม ทิฟฟานี่พูดไปแบบนั้นเอง เพราะในใจยังไงก็ยังห่วงน้องอยู่ดี

    “นี่ยุน อาจารย์คังบอกมีนักเรียนเข้าใหม่ล่ะ” ยุนอาหันไปตามเสียงก็พบเข้ากับซูยองที่เดินมาจากทางไปชั้นเรียนปีสาม ยุนอายิ้มจับผิด ทำเอาซูยองของเราทำตัวแทบไม่ถูก

    “แกได้ยินที่ฉันบอกไหม?”

    “ได้ยิน รู้ทั้งหมดนั่นแหล่ะ” ยุนอาบอก เพราะเขารู้จริงๆนี่นา เรื่องที่ซูยองแอบปกปิด คงจะแอบเอาของไปวางบนโต๊ะพี่ซันนี่มาอีกแน่ๆ

    “เออดีแล้ว ไปเรียนดีกว่า” รีบเดินหนียุนอา แต่มีหรือที่คนอย่างยุนอาจะไม่ตามไปล้อ

    ..............

    “ยูลขอตัวนะคะ สวัสดีค่ะคุณอา” ยูริวางสายเสร็จก็มองออกไปนอกหน้าต่างรถเช่นเดิม ทันทีที่ ควอนซังฮยอก รู้ว่าตัวเองจะเรียนที่เกาหลี ก็ต่อว่าใหญ่ว่าไม่บอก แต่ยูริกลับไม่คิดแบบนั้น อาตัวเองคงกำลังฉลองแน่ๆที่งานนี้ยูริเข้าแผนการทุกๆอย่างของตัวเอง

    “ยิ่งคุณหนูอยู่เกาหลีนานเท่าไร ก็ยิ่งอันตรายเท่านั้นนะครับ” เป้นรอบที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ที่พ่อบ้านจงเตือนเขา แต่ยูริกลับไม่คิดแบบนั้น

    “ยูลไม่คิดงั้นค่ะ เพราะยูลรู้สึกว่า เราคงพอจะทำอะไรได้บ้าง ถ้าอยู่ห่างๆเขา” พ่อบ้านจงมองไปยังกระจกมองหลังที่เห็นใบหน้าของผู้เป็นเจ้านาย ยูริไม่มีอาการวิตกในการตัดสินใจ แสดงว่าคงจะเป็นแบบนั้นจริงๆ

    “ครับ คุณหนู” พ่อบ้านจงขับรถต่อไป สถานที่ที่จะไปก็คือ โรงเรียน

    .

    .

    “เอาล่ะ พวกลิงค่างทั้งหลาย ช่วยเงียบๆกันหน่อยนะ” อาจารย์คัง กล่าวเพื่อหยุดความทโมนของลูกศิษฐ์ทั้งหลายที่ยังคงนั่งที่ไม่เรียบร้อย ยุนอาและซูยองที่นั่งคุยกันอยู่ก็หันมาตามเสียงพูดของอาจารย์ นักเรียนทั้งหมดต่างแยกย้ายกันกลับที่นั่งตัวเองเพื่อเริ่มการเรียน

    “ต่อไปจะเป็นการแนะนำนักเรียนเข้าใหม่นะ ฟังเฉยๆอย่าแซวล่ะพวกข้างหลัง” อาจารย์คังว่าก่อนจะชี้ไปทางกลุ่มนักเรียนชายด้านหลังทำให้ทั้งห้องหัวเราะออกมา

    “เอาล่ะ เชิญเข้ามา” นักเรียนใหม่ที่อาจารย์คังเรียกค่อยๆเดินเข้ามาในห้อง ร่างสูงๆของเขาค่อยๆโค้งให้กับเพื่อนๆเพื่อเริ่มต้นการแนะนำตัว

    “ฉันชื่อ ควอนยูริ ย้ายมาจากญี่ปุ่น ฝากตัวด้วยนะคะทุกคน” สิ้นเสียงของยุริ ยุนอาและซูยองก็มองหน้ากันทันที เพราะนักเรียนใหม่คือคนๆเดียวกับที่ยุนอาจะมีเรื่องด้วยเมื่อวานนี้

    “เอาล่ะ คุณควอน เชิญหาที่นั่งตามสบาย เราจะเริ่มบทเรียนกันแล้ว”

    “ค่ะ อาจารย์” ยูริเดินมาด้านหลังก็พบเข้ากับหน้าที่คุ้นๆว่าเคยเห็น คนที่เจอเมื่อวานนี่เอง เรียนที่นี่หรอกเหรอ ยูริพยายามเพ่งมองยุนอาอีกครั้ง ยุนอาก็เช่นเดียวกัน แต่ผลก็ออกมาเหมือนเดิม ทั้งสองไม่สามารถรู้ความคิดของกันและกันได้

    “ฉันนั่งตรงนี้ได้ไหม?” ยูริถามเพื่อนนักเรียนคนหนึ่ง ก่อนที่ร่างสูงจะนั่งลง ซึ่งที่นั่งของยูริอยู่ตรงโต๊ะติดหน้าต่าง ด้านหน้าตำแหน่งที่นั่งของยุนอานั่นเอง

    “เธอคนเมื่อวานนี้ใช่ไหม ชื่ออะไรล่ะ?” ยูริหันไปมองด้านหลังก็เห็นซูยองที่กับยุนอาที่มองตนเองอยู่ ซูยองยิ้มให้ยูริอย่างเป็นมิตร แต่ยุนอายังคงจ้องร่างสูงไม่วางตา

    “ฉันชื่อ ยูริ ต้องขอโทษทีที่เมื่อวานเสียมารยาทกับพวกเธอ”

    “โอ๊ย ไม่เป็นไรหรอก ฉันชื่อซูยองนะ ยินดีที่ได้รู้จัก”

    “เช่นกันนะ แล้วเธอล่ะ ชื่ออะไร?” ยูริมองหน้าร่างสูงอีกคนที่ยังคงจ้องตัวเองไม่วางตา

    “ฉันชื่อ ฮวัง ยุนอา”

    “ยินดีที่ได้รู้จักนะ ฮวังยุนอา”

    “เช่นกัน”

    ........

    ช่วงพักกลางวันซูยองชวนยูริมาทานข้าวด้วยกัน เพราะตนทานกับยุนอาสองคนมานานแล้ว ถ้ามีเพื่อนร่วมก๊วนอีกสักคน คงจะดีไม่น้อย การเดินมาโรงอาหารวันนี้ดูจะคึกคักเป็นพิเศษ เพราะนักเรียนใหม่อย่างยูริที่ยังไม่มีใครเคยเห็นและ.........

    “เฮ้ย นักเรียนใหม่นี่ญาติแกหรือเปล่ายุน?” เพื่อนนักเรียนคนหนึ่งถามยุนอาในขณะที่ทั้งสองต่อแถวเพื่อซื้ออาหาร ยุนอาส่ายหน้าไปมา เพราะตั้งแต่เข้ามาในโรงอาหารก็เจอกับคำถามนี้ตลอด

    “ไม่ใช่ได้ไงว่ะ หน้าเหมือนกันอย่างกะฝาแฝด” ยุนอาเห็นเพื่อนพูดแบบนี้มาหลายคน เหมือนกันราวกับฝาแฝด จริงๆขนาดตัวเองยังแอบคิดเล่นๆเลยว่า เราสองคนเหมือนกันมาก

    หลังจากทานข้าวเสร็จ ทั้งสามคนก็เดินกลับมาที่ห้องเรียน ระหว่างทางก็เจอกับกลุ่มของทิฟฟานี่ ยูริจำได้ว่าทิฟฟานี่คือพี่สาวของยุนอา จากการเจอกันเมื่อวาน

    “ยินดีที่ได้รู้จักนะ ยูริ” ทิฟฟานี่ยิ้มอย่างเป็นมิตรให้กับร่างสูง ยูริทำได้เพียงยิ้มตอบเท่านั้น เพราะพี่สาวของยุนอาดูใจดีมาก ทำให้ตัวเองกลับมานึกว่าถ้าเรามีพี่สาวหรือน้องสาวบ้าง ก็น่าจะดีไม่น้อย

    ยูริเป็นคนญี่ปุ่นหรอเนี่ย แต่ทำไมนามสกุลเหมือนคนเกาหลีเลยล่ะ? ทิฟฟานี่ได้แต่สงสัยอยู่ในใจเท่านั้นเพราะถ้าถามออกไปมันดูเป็นการเสียมารยาท เพราะเพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่นาน

    “ฉันเป็นคนเกาหลีค่ะ แต่ธุรกิจของครอบครัวอยู่ที่ญี่ปุ่น เลยอยู่ญี่ปุ่นมาตั้งแต่จำความได้” ยูริตอบทิฟฟานี่ก่อนจะยิ้มบางๆให้ ซึ่งทำเอาทิฟฟานี่อึ้ง เพราะตัวเองแค่คิดเฉยๆ แต่อยู่ดีๆยูริก็ตอบออกมา ที่พอจะคิดได้ก็มีแค่ ยูริรู้เรื่องที่ตัวเองคิด!!

    “พี่ฟานี่ยังไม่ได้ถามเลยนะยูล” ซูยองถามเพื่อนใหม่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ยูริยิ้มออกมาก่อนจะตอบคำถามทุกคน

    “ฉันย้ายประเทศบ่อยๆ มีคนถามฉันเรื่องนี้เยอะ เลยมั่นใจว่าทุกคนอยากรู้”

    “ดีจังเลยนะ ได้ไปหลายประเทศเลย” แทยอนบอกกับยูริ

    “มันก็ไม่ดีขนาดนั้นหรอกค่ะ” ยูริยิ้มตอบแทยอน ซึ่งจากที่แทยอนสังเกตสีหน้ายูริดูไม่ค่อยดีเท่าไร จึงไม่ถามเรื่องของครอบครัวต่อ ยุนอาที่ยืนอยู่ข้างๆก็มองมาที่เพื่อนใหม่เหมือนกัน ดูยูริไม่ค่อยมีความสุขเท่าไรเมื่อพูดถึงครอบครัว

    “นี่ ไหนๆก็รู้จักกันหมดแล้ว ยุนขอตัวพาเพื่อนใหม่กลับห้องก่อนนะ จะเข้าเรียนแล้ว”

    “อื้ม ไปเข้าห้องเรียนได้แล้วทั้งสามคน พวกพี่ก็จะไปแล้วเหมือนกัน” ทิฟฟานี่ยิ้มให้ยูริอีกครั้งก่อนจะเดินไป ยูริก็ยิ้มกับตัวเองเหมือนกัน รอยยิ้มของพี่สาวยุนอา ทิฟฟานี่คนนั้น เห็นแล้วรู้สึกอยากยิ้มตามอย่างไรไม่รู้

    “ยิ้มหมายความว่ายังไง ชอบพี่ฟานี่เหรอ” ยุนอาถามเพื่อน ยูริก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมา ปล่าวซะหน่อย แค่คิดว่ารอยยิ้มนั้นหน้ายิ้มตามเฉยๆ

    “เอาน่า แกก็หวงพี่เป็นเด็กๆไปได้ ไปเข้าห้องเรียนกัน” ซูยองบอกก่อนจะดึงเพื่อนทั้งสองเดินไป ยุนอารู้สึกขัดใจนิดๆ ยิ้มแบบนั้นหมายความว่าไง ยูริ ถ้าเขาสามารถอ่านใจยูริได้เหมือนที่ทำกับคนอื่นก็ดีสิ 
    ________________________________________________________________________________________________________________

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×